ผู้เขียน หัวข้อ: อายะห์อัลกุรอาน : อย่าได้คลอนแคลนในการนับถือศาสนา...  (อ่าน 3556 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด

ยะฮูดีคนหนึ่งชื่ออับดุลเลาะห์บุตรสลามกับเพื่อนสนิทของเขา  บุคคลดังกล่าวนี้แม้จะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามก็ยังให้เคารพยกย่องวันเสาร์  และรังเกียจการบริโภคเนื้ออูฐกันอยู่ อัลเลาะห์จึงประทานโองการมาว่า

 يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ ادْخُلُواْ فِي السِّلْمِ كَآفَّةً وَلاَ تَتَّبِعُواْ خُطُوَاتِ الشَّيْطَانِ إِنَّهُ لَكُمْ عَدُوٌّ مُّبِينٌ

" โอ้บรรดาผู้เป็นมุอ์มิน  พวกเจ้าจงเข้าสู่ศาสนาอิสลาม  และปฏิบัติตามใช้ตามห้ามของศาสนาอิสลามกันโดยครบถ้วน  คือให้พวกเจ้าเลิกนับถือศาสนาของมูซา  เช่น เลิกเคารพยกย่องความสำคัญของวันเสาร์  ตลอดจนเลิกรังเกียจที่จะบริโภคเนื้ออูฐ  และจงอย่าเจริญตามร่องรอยแห่งการลวงล่อของไซตอนด้วยการถือศาสนาคละปน  กล่าวคือ  มันลวงล่อให้ปฏิบัติส่วนหนึ่งที่ตรงกับศาสนามูซา  เช่นเรื่องการเคารพวันเสาร์ และรังเกียจการบริโภคเนื้ออูฐ และมิให้ปฏิบัติอีกส่วนหนึ่งที่ขัดแย้งกับศาสนาของมูซา  เพราะแท้จริงไซตอนนั้นมันก็คือศัตรูโดยเฉพาะกับพวกเจ้าอย่างจะแจ้ง   ใครที่อัลเลาะห์ทรงปรารถนาให้มีดวงใจสว่างใส  พระองค์จะทรงให้เขาเห็นความดีเป็นความดี  และเห็นชั่วเป็นชั่ว  ส่วนใครที่มีใจมืดมนไซตอนก็สมัครเป็นมิตรของเขาด้วย "  (อัลบะกอเราะห์ :  ๒๐๘)

فَإِن زَلَلْتُمْ مِّن بَعْدِ مَا جَاءتْكُمُ الْبَيِّنَاتُ فَاعْلَمُواْ أَنَّ اللّهَ عَزِيزٌ حَكِيمٌ

" ถ้าพวกเจ้ายังคลอนแคลน ไปนับถือศาสนามูซาบ้าง  และศาสนามูฮำมัดบ้าง  หลังจากบรรดาหลักฐานอันกระจ่างแจ้งที่ชี้ว่า  ศาสนาอิสลามนั้นเที่ยงแท้มีมายังพวกเจ้าแล้ว  ก็ให้พวกเจ้ารู้ไว้เถิดว่าแน่แท้อัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง  ไม่มีอันใดขัดขวางการลงโทษของพระองค์แก่พวกเจ้าได้เลย  และทรงประณีตยิ่งในการทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์ " (อัลบะกอเราะห์ : ๒๐๙)


هَلْ يَنظُرُونَ إِلاَّ أَن يَأْتِيَهُمُ اللّهُ فِي ظُلَلٍ مِّنَ الْغَمَامِ وَالْمَلآئِكَةُ وَقُضِيَ الأَمْرُ وَإِلَى اللّهِ تُرْجَعُ الأمُورُ

"พวกนั้น   ที่นับถือศาสนาอิสลามผสมกับศาสนายะฮูดี  หาได้อยู่รอคอยอันใดไม่  นอกจากจะคอยการลงโทษของอัลเลาะห์มาในเงาเมฆและคอยมลาอิกะห์ ซึ่งทั้งสองนี้จะมายังพวกนั้นเท่านั้น  และคำบัญชาให้ทำลายพวกนั้นก็สำเร็จลงแล้ว   ส่วนงานต่างๆ จะถูกนำคืนไปยังการสอบสวนของอัลเลาะห์ พระองค์จะทรงสนองกรรมดีด้วยบุญกุศลและกรรมชั่วด้วยการลงโทษ "(อัลบะกอเราะห์ : ๒๑๐)[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 16, 2009, 12:06 AM โดย zaifuddeen »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: มูลเหตุแห่งการประทานโองการอัลกุรอาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ม.ค. 14, 2009, 06:38 PM »
0
 salam

ตัฟซีรแปลไทยของท่านครูต่วน (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) น่าอ่านมาก ๆ เลยครับ อัลฮัมดุลิลลาฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
Re: มูลเหตุแห่งการประทานโองการอัลกุรอาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ม.ค. 14, 2009, 07:33 PM »
0
ถ้ามีเนื้อหาอะไรที่น่าสนใจ หรือมีเรื่องราวเกี่ยวกับประชาชาติก่อนๆ แฟนต้าอยากให้คุณ zaifuddeen  เอามาให้อ่านกันอีกนะค้าบบบ
น่าฉนใจดี เหอะๆ ............ห้าวววววววววว.. ง่วงจังเยยอ่า  อ่านเสร็จแระ ขอไปนอนก่อนน๊า ..... loveit: loveit:

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มูลเหตุแห่งการประทานโองการอัลกุรอาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ม.ค. 14, 2009, 07:58 PM »
0
แล้วตัฟซีร ที่เป็นภาษาปะกิดนี่ ควรอ่านโดยท่านอาจารย์ไรเอ่ย เห็นมีมากมายให้เลือก

ใครทราบช่วยบอกหน่อย ประมาณว่าอ่านแล้ว เหมือนของท่านครูต่วน
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: มูลเหตุแห่งการประทานโองการอัลกุรอาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ม.ค. 14, 2009, 08:45 PM »
0
เอาของอาหรับที่ดังๆแล้วแปลเป็นภาษาอื่นสิ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Molto

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 109
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มูลเหตุแห่งการประทานโองการอัลกุรอาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ม.ค. 15, 2009, 07:03 AM »
0
 salam

ช่วยนำอายะฮ์ต่างๆ ที่พูดประวัติคนยุคก่อนจากอัลกุรอานแปลไทยของครูต่วน  มาลงให้พี่น้องได้อ่านกันหน่อยครับ  เอาลงมาเป็นเรื่องๆ เลยน่ะ จะดีมากเลยทีเดียว

ออฟไลน์ pineapple

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 101
  • It's a LIFE of TEST
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
เข้ามาอ่าน ไปแระ
 
-:-   -:-  -:-    อย่าให้หัวใจตกหลุ่มพลาง -:- -:- -:-

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 salam

ฉันเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียน"

"I am both Muslim and Christian"


แปลโดย วาริษาฮ์ อัมรีล


เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง (Ann Holmes Redding) เข้าพิธีในโบสถ์เช้าวันอาทิตย์ที่โบสถ์เซนต์คลีเมนต์ เธอเป็นนักเทศน์ของคริสต์มา 20 ปี และเป็นมุสลิมมาได้ 15 เดือน


เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง, ขวามือ, กำลังละหมาดที่เยสเลอร์คอมมูนิตีเซ็นเตอร์ร่วมกับมุสลิมคนอื่นๆ จากอัล-อิสลามเซ็นเตอร์


แอนน์, ขวามือ, ถูกโอบกอดจากไอชา แอนเดอร์สันเมื่อสิ้นสุดการละหมาด แอนน์เป็นมุสลิมและละหมาดร่วมกับสมาชิกมุสลิมคนอื่นๆ



เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง กำลังพูดคุยกับหนูน้อย ซีเลีย คอนเนอร์ วัย 4 ขวบ ก่อนเริ่มต้นพิธีในโบสถ์เซนต์คลีเมนต์ในซีแอตเติล ในวันอาทิตย์แอนน์สวดมนต์ที่โบสถ์เซนต์คลีเมนต์
ส่วนวันศุกร์เธอละหมาดที่อัล-อิสลามเซ็นเตอร์




เธออยู่ในชุดนักเทศน์ของศาสนาคริสต์แองกลิเคิน เธอเทศน์ยกย่องพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอด, เรฟเวอเรินด์ชาวอเมริกัน แอนน์ โฮมส์ เรดดิง (Ann Holmes Redding) เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด เธอเทศน์สั่งสอนผู้คนมากว่า 20 ปีแล้ว

แต่ป้ายเล็กๆ ทำจากหนังแท้รูปหัวใจแกะสลักคำว่า 'อัลลอฮ' - คำภาษาอารบิกที่แปลว่า พระเจ้า - ที่แขวนไว้หน้ารถยนต์ของเธอ ฮิญาบที่เธอคลุมไปละหมาดทุกวันศุกร์ และการละหมาดวันละ 5 เวลาของเธอทำความพิศวงให้ทุกคนอย่างยิ่ง

"ฉันเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียนในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับที่ฉันเป็นทั้งอเมริกันผิวดำและเป็นผู้หญิง ฉันเป็นมุสลิมร้อยเปอร์เซ็นต์ และก็เป็นคริสเตียนร้อยเปอร์เซ็นต์" แอนน์ให้สัมภาษณ์ เดอะซีแอตเติลไทมส์ (The Seattle Times) ฉบับวันอาทิตย์ที่ 17 มิ.ย.2007 แอนน์เคยเป็นผู้อำนวยการของศูนย์ข่าวศรัทธาที่โบสถ์เซ็นต์มาร์กในซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา

แอนน์จะเริ่มไปสอนวิชาไบเบิล พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธะสัญญาใหม่ (New Testament) ในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยซีแอตเติลในภาคการศึกษาใหม่นี้ เธอเชื่อว่าอิสลามและศาสนาคริสต์เข้ากันได้ดี ไม่เห็นจะต้องมาประนีประนอมอะไรกันเลย

"แม้ผู้ที่ศรัทธาในศาสนาเดียวกันแท้ๆ ก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นปลีกย่อย แล้วทำไมฉันต้องไปใช้เวลามากมายในการรอมชอมความเชื่อแบบคริสเตียนและความเชื่อแบบอิสลามล่ะ?"

"ในระดับที่เป็นพื้นฐานที่สุด ฉันเข้าใจว่าทั้งสองศาสนาเข้ากันได้ดี และนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ" เธอกล่าว

แอนน์เริ่มเป็นนักเทศน์ในปี 1984 เธอบอกว่าการสวดมนต์ของเธอมิได้เป็นทั้งแบบอิสลามและคริสต์ แต่เธอกำลังพูดคุยกับพระเจ้าต่างหาก

"ก็พระเจ้าองค์เดียวกันนั่นแหละ สวดมนต์ต่อพระเจ้าองค์เดียวกั๊น...น..."

แอนน์เชื่อว่าจุดที่แตกต่างกันที่สุดในความเชื่อแบบคริสต์และอิสลามก็คือ - สภาวะของพระเยซู (หรือในอิสลามคือ นบีอีซา) - ซึ่งเธอบอกว่าเป็นสิ่งที่สามารถรอมชอมกันได้

เธอไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าต้องเป็นมากกว่าพระเยซู ส่วน "ตรีเอกานุภาพ" นั้นเป็นเพียงความคิด อย่าไปยึดติดกับคำๆ นี้ตามตัวหนังสือมากนัก

แอนน์เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่ก็คือในความหมายเดียวกับที่มนุษย์ทุกคนคือลูกๆ ของพระเจ้าเช่นเดียวกัน และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูหรือความสามารถพิเศษของพระเยซูแบบพระเจ้านั้นก็เป็นเหมือนกับที่มนุษย์ทุกๆ คนต่างก็มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะพระเจ้าสถิตอยู่ในมนุษย์ทุกคน

มุสลิมเชื่อว่า พระเยซู (หรือ นบีอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) เป็นเพียงศาสนฑูตคนหนึ่งของพระเจ้า และท่านเป็นผู้ถูกให้กำเนิด (จากครรภ์พระนางมัรยัม) อย่างบริสุทธิ์และอย่างอัศจรรย์

มุสลิมเชื่อว่าพระเจ้าเท่านั้นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นใดเทียบเคียงเดชานุภาพของพระองค์ แม้แต่ศาสนฑูตทุกคนเช่นพระเยซูหรือมุฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ก็ตาม

การเดินทางสู่อิสลาม

แอนน์กล่าว ชาฮาดาฮ์ ปฏิญาณตนเป็นมุสลิมเมื่อเดือนมีนาคม 2006 หรือ 15 เดือนก่อน เธออายุ 55 ปีแล้ว และยังโสด

"การก้าวเข้าสู่อิสลามก็เหมือนกับได้เข้าสู่ครอบครัวที่เคยแตกต่าง เราน่ะมิได้มีเพียงพระเจ้าองค์เดียวกันนะ แต่เรามีบรรพบุรุษคนเดียวกันคือ อับราฮัม (นบีอิบรอฮีม ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน)" เธอกล่าว

"มันไม่เกี่ยวกับว่าต้องมีสติปัญญาสูงๆ อะไรหรอก" เธอกล่าว "เท่าที่ฉันรู้ก็คือ หัวใจฉันเรียกร้องอิสลามมาจากตัวตนของฉันเองและเป็นสิ่งที่ฉันต้องเป็น ฉันไม่สามารถที่จะไม่เป็นมุสลิมได้เลย เพราะเมื่อพระเจ้าเชื้อเชิญคุณ คุณจะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์แน่ๆ"

ก่อนปฏิญาณตนเป็นมุสลิม แอนน์อ่านหนังสือและฟังการบรรยายเรื่องอิสลามจากผู้นำศาสนาที่อัล-อิสลามเซ็นเตอร์ที่เขตเฟิร์สต์ฮิลล์

แต่สิ่งที่นำเธอเข้าสู่อิสลามก็คือโบสถ์เซนต์มาร์ก!

ปี 2005 แอนน์มีโอกาสได้เห็นการยอมจำนนของมุสลิมต่อพระเจ้าเป็นครั้งแรก คือเมื่อผู้นำศาสนาอิสลามละหมาดหลังจากที่ได้บรรยายเรื่องอิสลามให้ที่โบสถ์เซนต์มาร์กฟังจบแล้ว

การอาซานก็เป็นเรื่องที่ทำให้แอนน์ประทับใจ

และก็ความเท่าเทียมกันในอิสลามที่ดึงดูดแอนน์ได้อย่างมากๆ

"การเดินเข้าสู่อัล-อิสลามและถูกทำให้ตระหนักว่าในโลกนี้คนผิวดำมีจำนวนมากกว่าคนผิวขาวมากมายนัก มันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย" เธอกล่าว

แอนน์ชอบวินัยในการต้องละหมาดวันละ 5 เวลา ซึ่งเธอบอกว่าทำให้มุสลิมได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า

"การมีชีวิตอยู่แบบที่คุณต้องระลึกถึงพระเจ้าอย่างตั้งใจ อย่างมีสติ ได้ทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ"

ไม่ปกติแน่ๆ

ทั้งชาวคริสเตียนและมุสลิมต่างก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไปเรื่องความคิดและศรัทธาของแอนน์

ยูจีน เวบบ์ อาจารย์สอนวิชาศาสนาเปรียบเทียบที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันกล่าวว่า ก็เป็นไปได้นะที่คนๆ หนึ่งจะเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียนในขณะเดียวกัน

"คือมันอยู่ที่การตีความน่ะ แต่ทั้งมุสลิมและคริสเตียนต่างก็ไม่เชื่อในการตีความดังกล่าว" เขากล่าวกับเดอะซีแอตเติลไทมส์

เรฟเวอร์เรินด์ วินเซนต์ วอร์เนอร์ ผู้เป็นบิชอบของแอนน์ กล่าวว่า แอนน์เป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างศาสนาทั้งสอง

"เราต้องการคนที่มาช่วยเป็นสะพานเชื่อมแบบนี้อย่างที่สุด" ดัก ทอร์เพ กล่าวสนับสนุน เขาเป็นคณะกรรมการของศูนย์ข่าวสารศรัทธาเซนต์มาร์กเช่นเดียวกับแอนน์

ไอชา แอนเดอร์สัน, ผู้อำนวยการอัล-อิสลามเซ็นเตอร์แห่งซีแอตเติล, มองเห็นว่าอิสลามเป็นศาสนาที่ยืดหยุ่น

"อิสลามมิได้บอกว่าหากคุณเป็นคริสเตียนแล้วคุณจะไม่ใช่มุสลิมนี่! อิสลามไม่ได้บอกแบบนั้นแน่ๆ" เธออ้าง

แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่

"ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้...คุณจะเป็นทั้งริพับลิกันและเดโมแครตในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก" เคิร์ท เฟรเดอริกสัน กล่าว เขาสอนอยู่ที่สถาบันเทววิทยาฟุลเลอร์ในคาลิฟอร์เนีย

เขาเชื่อว่าความแตกต่างในความเชื่อของทั้งสองศาสนาจะมาประนีประนอมไม่ได้

"มีหลักความเชื่อที่ต่างกันเอามากๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ: แล้วเรื่องสถานภาพของพระเยซูล่ะ? ทั้งสองศาสนาเชื่อแตกต่างกันลิบลับ"

มาห์มูด ไอยูบ อาจารย์คณะอิสลามศึกษาและศาสนาเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยเทมเปิลในฟิลาเดลเฟีย ให้ความเห็นว่า

"อิสลามมีหลักว่า พระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว, มีลักษณะเฉพาะ ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร, ไม่สามารถแบ่งแยกได้" เขากล่าว "และหากมุสลิมคนใดมาบอกว่าพระเยซูคือพระเจ้าละก็, เป็นการหมิ่นศาสนาเลยนะนั่น!"

มุสลิมเชื่อว่าหลัก ตรีเอกานุภาพ ของศาสนาคริสต์ (พระเจ้าประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ พระบิดา พระบุตร พระจิต) เข้ากันไม่ได้กับหลักการพระเจ้าองค์เดียว ความคิดเรื่องสามรวมกันเป็นหนึ่งไม่สามารถทำให้มุสลิมเชื่อได้แน่ๆ

แต่แอนน์บอกว่าเธอไม่แยแส

"วันที่ฉันสิ้นลม ฉันก็จะเป็นทั้งคริสเตียนร้อยเปอร์เซ็นต์และมุสลิมร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนี้แหละ!"


ที่มา: Being a Christian-Muslim. IslamOnline.net. 17 June 2007.

http://www.islamonline.net/servlet/Satellite?c=Article_C&cid=1181062863450&pagename=Zone-English-News/NWELayout





فَإِن زَلَلْتُمْ مِّن بَعْدِ مَا جَاءتْكُمُ الْبَيِّنَاتُ فَاعْلَمُواْ أَنَّ اللّهَ عَزِيزٌ حَكِيمٌ

" ถ้าพวกเจ้ายังคลอนแคลน  ไปนับถือศาสนามูซาบ้าง  และศาสนามูฮำมัดบ้าง  หลังจากบรรดาหลักฐานอันกระจ่างแจ้งที่ชี้ว่า  ศาสนาอิสลามนั้นเที่ยงแท้มีมายังพวกเจ้าแล้ว  ก็ให้พวกเจ้ารู้ไว้เถิดว่าแน่แท้อัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง  ไม่มีอันใดขัดขวางการลงโทษของพระองค์แก่พวกเจ้าได้เลย  และทรงประณีตยิ่งในการทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์ " (อัลบะกอเราะห์ : ๒๐๙)








ออฟไลน์ fu-noon

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


คำพูดสองคำที่เบาลิ้น แต่หนักในตราชั่งความดี และเป็นสองคำที่พระผู้ทรงกรุณาทรงรักยิ่ง

"ซุบฮานั้ลลอฮฺ วะบิฮัมดิฮี ...ซุบฮานั้ลลอฮฺ ฮิลอะซีม"

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เข้ารับอิสลาม แล้วตกศาสนาอีก

แล้วเข้าใหม่อีก

หรือจะเข้ามาทำลายศาสนาอิสลามกัน
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ กะลาแห่งศักดิ์ศรี

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เข้ารับอิสลาม แล้วตกศาสนาอีก

แล้วเข้าใหม่อีก

หรือจะเข้ามาทำลายศาสนาอิสลามกัน
บางทีเค้ากำลังค้นหาตัวเองอยู่ก็ด้ายนะครับ  อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าเค้าตั่งใจจะทำลายศาสนา  ก็คอยดูกันต่อไป ขอดุอาให้เค้าได้รับอิสลามด้วยความบริสุทใจกันเถอนะ และเข้าใจศสนาอย่างถ่องแท้ในเร็ววัน

ออฟไลน์ Imtinan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?PHPSESSID=ub66rbta3s10gthui5d9rtjsl6&action=profile;u=1222;sa=forumProfile
  salam             
 แล้วคนอิสลามเข้าศาสนาพุธท (เพราะแต่งงานกับหญิงพุทธ)
เข้าวัดเข้าวา บวชเป็นพระมาแล้วด้วย อยู่ได้ไม่นานก็เลิกกัน(5-10 ปี )  แล้วผู้ชายคนนั้นเข้ามารับอิสลามต่อ
อยากทราบว่าผู้ชายคนั้น จะสะอาดเหมือนผ้าขาวที่เค้าว่า(ผู้ที่เข้าอิสลามแรกๆจะเป็นดังผ้าขาว) หรือป่าวค่ะ
หรือว่ามีฮุกุ่มว่าอย่างไร ขอรบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะค่ะ  wink:
wassalam
คนเรานั้นมักมองเห็นปฏิกูลในตาคนอื่นเสมอ แต่มักหลงลืมอินทผาลัมในตาของตัวเอง
(คนเราชอบมองความผิดของคนอื่น แต่ไม่เคยสำรวจข้อพกพร่องของตัวเอง)

ออฟไลน์ itoursab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 199
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เข้ารับอิสลาม แล้วตกศาสนาอีก
แล้วเข้าใหม่อีก
หรือจะเข้ามาทำลายศาสนาอิสลามกัน

คนล้มได้ก็ลุกได้
ที่สำคัญคือโอกาสจะลุก
ลุกแล้วก็ต้องแก้ไขให้ถูก
ขนาดท่านยังให้
แล้วเราเป็นใคร?

sara

  • บุคคลทั่วไป
  น่าจัวจัง   วะนะอูซุบิลลาฮ   ขอให้เราห่างไกลด้วยเถิด

 myGreat:                       loveit:                 party:

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
น่าจัวเลยอะนะ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

 

GoogleTagged