salam
ฉันเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียน""I am both Muslim and Christian"
แปลโดย วาริษาฮ์ อัมรีล
เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง (Ann Holmes Redding) เข้าพิธีในโบสถ์เช้าวันอาทิตย์ที่โบสถ์เซนต์คลีเมนต์ เธอเป็นนักเทศน์ของคริสต์มา 20 ปี และเป็นมุสลิมมาได้ 15 เดือน
เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง, ขวามือ, กำลังละหมาดที่เยสเลอร์คอมมูนิตีเซ็นเตอร์ร่วมกับมุสลิมคนอื่นๆ จากอัล-อิสลามเซ็นเตอร์
แอนน์, ขวามือ, ถูกโอบกอดจากไอชา แอนเดอร์สันเมื่อสิ้นสุดการละหมาด แอนน์เป็นมุสลิมและละหมาดร่วมกับสมาชิกมุสลิมคนอื่นๆ
เรฟเวอเรินด์ แอนน์ โฮมส์ เรดดิง กำลังพูดคุยกับหนูน้อย ซีเลีย คอนเนอร์ วัย 4 ขวบ ก่อนเริ่มต้นพิธีในโบสถ์เซนต์คลีเมนต์ในซีแอตเติล ในวันอาทิตย์แอนน์สวดมนต์ที่โบสถ์เซนต์คลีเมนต์
ส่วนวันศุกร์เธอละหมาดที่อัล-อิสลามเซ็นเตอร์เธออยู่ในชุดนักเทศน์ของศาสนาคริสต์แองกลิเคิน เธอเทศน์ยกย่องพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอด, เรฟเวอเรินด์ชาวอเมริกัน แอนน์ โฮมส์ เรดดิง (Ann Holmes Redding) เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด เธอเทศน์สั่งสอนผู้คนมากว่า 20 ปีแล้ว
แต่ป้ายเล็กๆ ทำจากหนังแท้รูปหัวใจแกะสลักคำว่า 'อัลลอฮ' - คำภาษาอารบิกที่แปลว่า พระเจ้า - ที่แขวนไว้หน้ารถยนต์ของเธอ ฮิญาบที่เธอคลุมไปละหมาดทุกวันศุกร์ และการละหมาดวันละ 5 เวลาของเธอทำความพิศวงให้ทุกคนอย่างยิ่ง
"ฉันเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียนในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับที่ฉันเป็นทั้งอเมริกันผิวดำและเป็นผู้หญิง ฉันเป็นมุสลิมร้อยเปอร์เซ็นต์ และก็เป็นคริสเตียนร้อยเปอร์เซ็นต์" แอนน์ให้สัมภาษณ์ เดอะซีแอตเติลไทมส์ (The Seattle Times) ฉบับวันอาทิตย์ที่ 17 มิ.ย.2007 แอนน์เคยเป็นผู้อำนวยการของศูนย์ข่าวศรัทธาที่โบสถ์เซ็นต์มาร์กในซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา
แอนน์จะเริ่มไปสอนวิชาไบเบิล พระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธะสัญญาใหม่ (New Testament) ในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยซีแอตเติลในภาคการศึกษาใหม่นี้ เธอเชื่อว่าอิสลามและศาสนาคริสต์เข้ากันได้ดี ไม่เห็นจะต้องมาประนีประนอมอะไรกันเลย
"แม้ผู้ที่ศรัทธาในศาสนาเดียวกันแท้ๆ ก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นปลีกย่อย แล้วทำไมฉันต้องไปใช้เวลามากมายในการรอมชอมความเชื่อแบบคริสเตียนและความเชื่อแบบอิสลามล่ะ?"
"ในระดับที่เป็นพื้นฐานที่สุด ฉันเข้าใจว่าทั้งสองศาสนาเข้ากันได้ดี และนั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ" เธอกล่าว
แอนน์เริ่มเป็นนักเทศน์ในปี 1984 เธอบอกว่าการสวดมนต์ของเธอมิได้เป็นทั้งแบบอิสลามและคริสต์ แต่เธอกำลังพูดคุยกับพระเจ้าต่างหาก
"ก็พระเจ้าองค์เดียวกันนั่นแหละ สวดมนต์ต่อพระเจ้าองค์เดียวกั๊น...น..."
แอนน์เชื่อว่าจุดที่แตกต่างกันที่สุดในความเชื่อแบบคริสต์และอิสลามก็คือ - สภาวะของพระเยซู (หรือในอิสลามคือ นบีอีซา) - ซึ่งเธอบอกว่าเป็นสิ่งที่สามารถรอมชอมกันได้
เธอไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า แต่พระเจ้าต้องเป็นมากกว่าพระเยซู ส่วน "ตรีเอกานุภาพ" นั้นเป็นเพียงความคิด อย่าไปยึดติดกับคำๆ นี้ตามตัวหนังสือมากนัก
แอนน์เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่ก็คือในความหมายเดียวกับที่มนุษย์ทุกคนคือลูกๆ ของพระเจ้าเช่นเดียวกัน และความศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูหรือความสามารถพิเศษของพระเยซูแบบพระเจ้านั้นก็เป็นเหมือนกับที่มนุษย์ทุกๆ คนต่างก็มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะพระเจ้าสถิตอยู่ในมนุษย์ทุกคน
มุสลิมเชื่อว่า พระเยซู (หรือ นบีอีซา ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) เป็นเพียงศาสนฑูตคนหนึ่งของพระเจ้า และท่านเป็นผู้ถูกให้กำเนิด (จากครรภ์พระนางมัรยัม) อย่างบริสุทธิ์และอย่างอัศจรรย์
มุสลิมเชื่อว่าพระเจ้าเท่านั้นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งอื่นใดเทียบเคียงเดชานุภาพของพระองค์ แม้แต่ศาสนฑูตทุกคนเช่นพระเยซูหรือมุฮัมหมัด (ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ก็ตาม
การเดินทางสู่อิสลาม
แอนน์กล่าว ชาฮาดาฮ์ ปฏิญาณตนเป็นมุสลิมเมื่อเดือนมีนาคม 2006 หรือ 15 เดือนก่อน เธออายุ 55 ปีแล้ว และยังโสด
"การก้าวเข้าสู่อิสลามก็เหมือนกับได้เข้าสู่ครอบครัวที่เคยแตกต่าง เราน่ะมิได้มีเพียงพระเจ้าองค์เดียวกันนะ แต่เรามีบรรพบุรุษคนเดียวกันคือ อับราฮัม (นบีอิบรอฮีม ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน)" เธอกล่าว
"มันไม่เกี่ยวกับว่าต้องมีสติปัญญาสูงๆ อะไรหรอก" เธอกล่าว "เท่าที่ฉันรู้ก็คือ หัวใจฉันเรียกร้องอิสลามมาจากตัวตนของฉันเองและเป็นสิ่งที่ฉันต้องเป็น ฉันไม่สามารถที่จะไม่เป็นมุสลิมได้เลย เพราะเมื่อพระเจ้าเชื้อเชิญคุณ คุณจะไม่มีวันปฏิเสธพระองค์แน่ๆ"
ก่อนปฏิญาณตนเป็นมุสลิม แอนน์อ่านหนังสือและฟังการบรรยายเรื่องอิสลามจากผู้นำศาสนาที่อัล-อิสลามเซ็นเตอร์ที่เขตเฟิร์สต์ฮิลล์
แต่สิ่งที่นำเธอเข้าสู่อิสลามก็คือโบสถ์เซนต์มาร์ก!
ปี 2005 แอนน์มีโอกาสได้เห็นการยอมจำนนของมุสลิมต่อพระเจ้าเป็นครั้งแรก คือเมื่อผู้นำศาสนาอิสลามละหมาดหลังจากที่ได้บรรยายเรื่องอิสลามให้ที่โบสถ์เซนต์มาร์กฟังจบแล้ว
การอาซานก็เป็นเรื่องที่ทำให้แอนน์ประทับใจ
และก็ความเท่าเทียมกันในอิสลามที่ดึงดูดแอนน์ได้อย่างมากๆ
"การเดินเข้าสู่อัล-อิสลามและถูกทำให้ตระหนักว่าในโลกนี้คนผิวดำมีจำนวนมากกว่าคนผิวขาวมากมายนัก มันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย" เธอกล่าว
แอนน์ชอบวินัยในการต้องละหมาดวันละ 5 เวลา ซึ่งเธอบอกว่าทำให้มุสลิมได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า
"การมีชีวิตอยู่แบบที่คุณต้องระลึกถึงพระเจ้าอย่างตั้งใจ อย่างมีสติ ได้ทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ"
ไม่ปกติแน่ๆ
ทั้งชาวคริสเตียนและมุสลิมต่างก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไปเรื่องความคิดและศรัทธาของแอนน์
ยูจีน เวบบ์ อาจารย์สอนวิชาศาสนาเปรียบเทียบที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันกล่าวว่า ก็เป็นไปได้นะที่คนๆ หนึ่งจะเป็นทั้งมุสลิมและคริสเตียนในขณะเดียวกัน
"คือมันอยู่ที่การตีความน่ะ แต่ทั้งมุสลิมและคริสเตียนต่างก็ไม่เชื่อในการตีความดังกล่าว" เขากล่าวกับเดอะซีแอตเติลไทมส์
เรฟเวอร์เรินด์ วินเซนต์ วอร์เนอร์ ผู้เป็นบิชอบของแอนน์ กล่าวว่า แอนน์เป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมระหว่างศาสนาทั้งสอง
"เราต้องการคนที่มาช่วยเป็นสะพานเชื่อมแบบนี้อย่างที่สุด" ดัก ทอร์เพ กล่าวสนับสนุน เขาเป็นคณะกรรมการของศูนย์ข่าวสารศรัทธาเซนต์มาร์กเช่นเดียวกับแอนน์
ไอชา แอนเดอร์สัน, ผู้อำนวยการอัล-อิสลามเซ็นเตอร์แห่งซีแอตเติล, มองเห็นว่าอิสลามเป็นศาสนาที่ยืดหยุ่น
"อิสลามมิได้บอกว่าหากคุณเป็นคริสเตียนแล้วคุณจะไม่ใช่มุสลิมนี่! อิสลามไม่ได้บอกแบบนั้นแน่ๆ" เธออ้าง
แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่
"ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้...คุณจะเป็นทั้งริพับลิกันและเดโมแครตในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอก" เคิร์ท เฟรเดอริกสัน กล่าว เขาสอนอยู่ที่สถาบันเทววิทยาฟุลเลอร์ในคาลิฟอร์เนีย
เขาเชื่อว่าความแตกต่างในความเชื่อของทั้งสองศาสนาจะมาประนีประนอมไม่ได้
"มีหลักความเชื่อที่ต่างกันเอามากๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ: แล้วเรื่องสถานภาพของพระเยซูล่ะ? ทั้งสองศาสนาเชื่อแตกต่างกันลิบลับ"
มาห์มูด ไอยูบ อาจารย์คณะอิสลามศึกษาและศาสนาเปรียบเทียบจากมหาวิทยาลัยเทมเปิลในฟิลาเดลเฟีย ให้ความเห็นว่า
"อิสลามมีหลักว่า พระเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว, มีลักษณะเฉพาะ ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร, ไม่สามารถแบ่งแยกได้" เขากล่าว "และหากมุสลิมคนใดมาบอกว่าพระเยซูคือพระเจ้าละก็, เป็นการหมิ่นศาสนาเลยนะนั่น!"
มุสลิมเชื่อว่าหลัก ตรีเอกานุภาพ ของศาสนาคริสต์ (พระเจ้าประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ พระบิดา พระบุตร พระจิต) เข้ากันไม่ได้กับหลักการพระเจ้าองค์เดียว ความคิดเรื่องสามรวมกันเป็นหนึ่งไม่สามารถทำให้มุสลิมเชื่อได้แน่ๆ
แต่แอนน์บอกว่าเธอไม่แยแส
"วันที่ฉันสิ้นลม ฉันก็จะเป็นทั้งคริสเตียนร้อยเปอร์เซ็นต์และมุสลิมร้อยเปอร์เซ็นต์แบบนี้แหละ!"ที่มา: Being a Christian-Muslim. IslamOnline.net. 17 June 2007.
http://www.islamonline.net/servlet/Satellite?c=Article_C&cid=1181062863450&pagename=Zone-English-News/NWELayoutفَإِن زَلَلْتُمْ مِّن بَعْدِ مَا جَاءتْكُمُ الْبَيِّنَاتُ فَاعْلَمُواْ أَنَّ اللّهَ عَزِيزٌ حَكِيمٌ
" ถ้าพวกเจ้ายังคลอนแคลน ไปนับถือศาสนามูซาบ้าง และศาสนามูฮำมัดบ้าง หลังจากบรรดาหลักฐานอันกระจ่างแจ้งที่ชี้ว่า ศาสนาอิสลามนั้นเที่ยงแท้มีมายังพวกเจ้าแล้ว ก็ให้พวกเจ้ารู้ไว้เถิดว่าแน่แท้อัลเลาะห์นั้นทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ไม่มีอันใดขัดขวางการลงโทษของพระองค์แก่พวกเจ้าได้เลย และทรงประณีตยิ่งในการทุกสิ่งทุกอย่างของพระองค์ " (อัลบะกอเราะห์ : ๒๐๙)