สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 19 – 25





คำอ่าน 19. อะฟะเราะอัยตุมุลลาตะ วัลอุซซา
20. วะมะนาตัษษาลิษะตัลอุครอ
21. อะละกุมุซซะกะรุ วะละฮุลอุน..ษา
22. ติลกะ อิซัน..กิสมะตุน..ฎีซา
23. อินฮิยะอิลลา..อัสมา..อุน..สัม..มัยตุมูฮา..อัน..ตุม วะอาบา..อุกุม..มา..อัน..ซะลัลลอฮุบอฮา มิน..สุลฏอน, อี..ยัตตะบิอูนะ อิลลัซซ็อน..นะ วะมาตะฮฺวัลอัน..ฟุส, วะละก็อดญา...อะฮุม..มิรฺร็อบบิฮิมุลฮุดา
24. อัมลิลอิน..สานิมาตะมัน..นา
25. ฟะลิลลาฮิลอาคิเราะติวัลอูลา
คำแปล R1.19. Have you then considered Al-Lat, and Al-'Uzza (two idols of the pagan Arabs)
20. And Manat (another idol of the pagan Arabs), the other third?
21. Is it for you the males and for him the females?
22. That indeed is a division most unfair!
23. They are but names which you have named, you and your fathers, for which Allah has sent down no authority. They follow but a guess and that which they themselves desire, whereas there has surely come to them the guidance from their Lord!
24. Or shall man have what he wishes?
25. But to Allah belong the last (Hereafter) and the first (the world).คำแปล R2.19. แล้วพวกเจ้าได้สังเกตเทวรูป “อัลลาต” และ “อัลอุซซา” บ้างไหม?
20. รวมทั้ง “มะนาฮฺ” ซึ่งเป็นเทวรูปที่สามอีก (โอ้ชาวมุชริกีนทั้งหลาย)
21. (เป็นการสมควร) หรือที่พวกเจ้า (ชอบ) มีบุตรชาย แต่ (พวกเจ้ากลับกล่าวว่า) พระองค์อัลเลาะฮฺทรงมีบุตรหญิง
22. การแบ่งปันเช่นนั้น เป็นการแบ่งปันที่ลำเอียงอย่างยิ่ง
23. สิ่งเหล่านั้นหาใช่อื่นใดไม่ นอกจากเป็นนามที่พวกเจ้า และบรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ตั้งขึ้นโดยอัลเลาะฮฺมิได้ประทานหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พวกเขามิได้ถือตามสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากจินตนาการของพวกเขาเอง และสิ่งที่อารมณ์ปรารถนาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงสิ่งชี้นำแนวทางจากองค์อภิบาลของพวกเขาก็ได้มาสู่พวกเขาแล้ว (แต่พวกเขาก็หาได้สนใจไม่)
24. มนุษย์ทั้งหลายจักได้ในสิ่งที่ตนใฝ่ฝัน (ทุกประการ) กระนั้นหรือ?
25. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจบริหารทั้งกิจการของโลกหน้าและโลกปัจจุบันคำแปล R3.19. (ตอนนี้จงบอกมาซิว่า) สูเจ้าเคยคิดถึงความจริงของเทวรูปอัลลาตและอัลอุซซา
20. และมะนาตตัวที่สามบ้างหรือเปล่า?
21. ลูกชายเป็นของสูเจ้าและลูกสาวเป็นของพระองค์กระนั้นหรือ?
22. นี่ช่างเป็นการแบ่งที่ไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ !
23. เหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากชื่อที่สูเจ้าและบรรพบุรุษของสูเจ้าตั้งขึ้นมา อัลลอฮฺมิได้ส่งอำนาจอะไรมาให้แก่พวกเขา ความจริงแล้วผู้คนกำลังปฏิบัติตามความนึกคิดและความปรารถนาแห่งจิตใจของพวกเขาเองเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางนำจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะมายังพวกเขาแล้วก็ตาม
24. หรือว่าสิ่งใดที่มนุษย์ต้องการจะต้องเป็นไปตามนั้นสำหรับเขา?
25. และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าของโลกหน้าและโลกนี้คำแปล R4.19. แล้วพวกเจ้ามิได้เห็นอัลลาต และอัลอุซซา
20. และตัวอื่นคือตัวที่สาม, มะนาต ดอกหรือ?
21. สำหรับพวกเจ้ามีเพศชาย และสำหรับพระองค์ให้เพศหญิงกระนั้นหรือ?
22. ดูซิ นั่น เป็นการแบ่งส่วนที่ไม่ยุติธรรม
23. เหล่านี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นชื่อที่พวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้าตั้งมัน ขึ้นมาเอง อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานหลักฐานอันใดลงมาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย พวกเขามิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคาดคะเนและสิ่งที่อารมณ์ปรารถนา และโดยแน่นอน แนวที่ถูกต้อง (ฮิดายะฮฺ) จากพระเจ้าของพวกเขาได้มีมายังพวกเขาแล้ว
24. หรือว่าสำหรับมนุษย์นั้นจะได้ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา
25. (อำนาจนั้น) เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ.ทั้งในปรโลก และโลกนี้คำแปล R5.๑๙. แล้วพวกเจ้าเห็นไหม เทวรูปอัลลาตและเทวรูปอัลอุซซา
๒๐. และเทวรูปมะนาฮ ซึ่งเป็นเทวรูปอันดับสามอื่นอีก เทวรูปเหล่านี้มีอำนาจที่จะทำอะไรได้หรือ จนเป็นเหตุจูงใจให้พวกเจ้าทำการกราบไหว้กัน และไม่ยอมทำการกราบนมัสการต่ออัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจโดยแท้จริง บรรดาเทวรูปทั้งสามนี้ถูกทำมาจากหินโดยเทวรูปอันดับแรกประดิษฐานอยู่ที่เมืองตออิฟ เทวรูปอันดับสองเป็นของอาหรับเผ่าฆอฏฟาน และเทวรูปอันดับสามเป็นของอาหรับเผ่า ฮุซัยล์และคุซาอะฮ์
๒๑. และเมื่อพวกอาหรับกาฟิรกล่าวว่าอัลเลาะห์ทรงมีมลาอิกะห์เป็นบุตรหญิง จึงมีโองการดังต่อไปนี้ถูกประทานลงมา หรือว่าพวกเจ้านั้นมีบุตรชายและพระองค์ทรงมีบุตรหญิง
๒๒. การแบ่งเช่นนั้นในขณะนั้นนับเป็นการแบ่งที่อยุติธรรม เพราะบุตรชายที่พวกเขาพิสมัยเขาต้องการจะให้เป็นของเขา แต่บุตรหญิงที่เขารังเกียจกลับแบ่งให้อัลลอฮฺเป็นบิดา
๒๓. มิใช่ว่าบรรดาเทวรูปเหล่านั้นจะมีความสำคัญและฐานะพระเจ้าอย่างที่พวกเขาเข้าใจ นอกจากเป็นชื่อที่ได้สมมติเรียกกันขึ้นโดยพวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้า อัลเลาะห์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ ให้ลงมายืนยันในการกราบไหว้มันเลย มีกุรอานที่ถูกประทานลงมา ก็ห้ามการกราบไหว้มัน แต่ให้กราบนมัสการต่ออัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว พวกเขามิได้ตามสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากตามความคาดการ และสิ่งที่อารมณ์ชอบเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงนั้นทางชี้นำจากพระผู้ทรงอภิบาลของพวกเขาก็มาสู่พวกเขาแล้ว โดยการนำมาของนบีมุฮำมัด ซึ่งประกาศอย่างชัดแจ้งว่าอันเทวรูปเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทำขึ้นมาจากหินและมันไม่ให้คุณและโทษแก่ตัวมันเองและผู้อื่นเลย จึงห้ามกราบไหว้โดยสิ้นเชิง แต่จะต้องกราบนมัสการเฉพาะอัลเลาะห์เท่านั้น
๒๔. หรือว่ามวลมนุษย์จะได้รับในสิ่งที่เขาใฝ่ใจไว้ จากบารมีที่จะทำการสังเคราะห์ให้โดยเทวรูปเหล่านั้น แน่นอนพวกเขาไม่ได้รับสิ่งดังกล่าวจากพวกมันเลย
๒๕. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอำนาจสิทธิทั้งโลกหน้าและโลกนี้ เหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นในสองโลกนั้นล้วนดำเนินไปตามความประสงค์ของพระองค์เท่านั้น