ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 53 สูเราะฮฺ อันนัจญมุ  (อ่าน 3265 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ
สูเราะฮฺ อันนัจญมุ (النجم) – ดวงดาว เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 62 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ อันนัจมฺ (R4.)
   ซูเราะฮฺ อันนัจมฺ เป็นซุเราะฮฺ มักกียะฮฺ ที่พิจารณาถึงเรื่องเกี่ยวกับสาส์นภายในวงกรอบทั่ว ๆ ไป และเรื่องเกี่ยวกับการศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพและวันกิยามะฮฺเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ
   ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการกล่าวถึงเรื่องของ “อัลเมียะอฺรอจ” ซึ่งนับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ของท่านรอซูลแห่งมนุษยชาติ มุฮัมมัด อิบนฺ อับดุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในการอัลเมียะอฺรอจครั้งนี้ ท่านรอซูลอัลกะรีมได้เห็นภาพลักษณ์ที่ประหลาดอย่างมากมาย เป็นการบ่งชี้ถึงอานุภาพอันกว้างใหญ่ไพศาลของอัลลอฮฺ ตะอาลา ภาพลักษณ์เหล่านี้เป็นการเตือนมนุษย์ให้ตระหนักอยู่เสมอว่า เป็นสิ่งจำเป็นต้องศรัทธาและเชื่อมั่น ไม่บังควรที่จะเถียงกันในเรื่องที่เป็นสิ่งเร้นลับ และในเรื่องเกี่ยวกับวะฮยฺ
   หลังจากนั้นซูเราะฮฺได้พูดถึงบรรดาเจว็ดและรูปปั้นที่พวกมุชริกีนเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ และได้ชี้แจงถึงข้อเสียและความไม่ถูกต้องของบรรดาพระเจ้าจอมปลอมเหล่านั้น และความไม่ถูกต้องของการเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเคารพบูชาบรรดาเจว็ดหรือการเคารพบูชาบรรดามะลาอิกะฮฺผู้ทรงเกียรติ
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงการตอบแทนอย่างยุติธรรมในวันแห่งการตอบแทน โดยที่ทุก ๆ ชีวิตจะได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้ขวนขวายไว้ คนดีจะได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้กระทำความดีไว้ คนชั่วก็จะได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้กระทำความชั่วไว้ มนุษย์จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มคนดีกับกลุ่มคนชั่ว
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักฐานในการตอบแทนอย่างยุติธรรมว่า มนุษย์ทุกคนนั้นจะไม่ได้รับการตอบแทนอื่นใดนอกจากผลงานและการขวนขวายของเขาเท่านั้น และว่าชีวิตหนึ่งจะไม่รับความผิดของผู้อื่นเพราะว่าการลงโทษจะไม่ล่วงเกินไปยังผู้ที่มิได้กระทำความผิด ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เที่ยงธรรมของอัลลอฮฺ และเป็นการตัดสินที่ยุติธรรม ซึ่งพระองค์ได้ชี้แจงไว้ในอัลกุรฺอานนุลกะรีม และในบรรดาคัมภีร์ก่อน ๆ ที่มาจากฟากฟ้า
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงร่องรอยแห่งอานุภาพของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในการให้มีชีวิตและการให้ตาย การฟื้นคืนชีพหลังจากการดับสูญของชีวิต การให้มั่งมีและการให้ยากจน และการสร้างคู่ครองที่เป็นเพศชาย และเพศหญิงจากน้ำหยดหนึ่งเมื่อเป็นอสุจิ
   ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการที่ประชาชาติต่าง ๆ ในอดีตประสบกับความหายนะ เช่น กลุ่มชนของ อ๊าด ซะมูด นูหฺ และลูฏ ด้วยการลงโทษและการพินาศที่ต่างกรรมต่างวาระ ทั้งนี้เพื่อเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์แก่พวกกุฟฟารมักกะฮฺ ซึ่งการลงโทษกำลังรอคอยพวกเขา เนื่องเพราะการปฏิเสธต่อการเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และเพื่อเป็นการลงโทษแก่บรรดาผู้ฝ่าฝืนทรยศ และหยิ่งยโส ไม่ยอมรับสัจธรรมที่ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมาเผยแผ่


เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

ฟังเสียงอิหม่ามอัลหุซัยฟี (มัสญิดมะดีนะฮฺ) อ่านสูเราะฮฺ อันนัจญมิ ได้ที่ลิงก์นี้

http://server9.mp3quran.net/hthfi/053.mp3

 :salam:

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 1-5



คำอ่าน
1.   วัน..นัจญมิ อิซาฮะวา
2.   มาฎ็อลละศอหิบุกุมวะมาเฆาะวา
3.   วะมายัน..ฏิกุอะนิลฮะวา
4.   อินฮุวะอิลลาวะหฺยุย..ยูหา
5.   อัลละมะฮู ชะดีดุลกุวา
 
คำแปล R1.
1. By the star when it goes down, (or vanishes).
2. Your companion (Muhammad) has neither gone astray nor has erred.
3. Nor does he speak of (his own) desire.
4. It is only an inspiration that is inspired.
5. He has been taught (this Qur'an) by one mighty in power [Jibrael (Gabriel)].


คำแปล R2.
1. ขอยืนยันกับดวงดาวในยามที่มันตก (ลับไปจากสายตา)
2. (มุฮำมัดผู้เป็น) มิตรของพวกเจ้ามิได้หลง (ออกจากทางที่เที่ยงตรง) และมิได้ละเมิด
3. และเขาไม่พูดออกมาจากอารมณ์ (ปรารถนาของเขาเอง)
4. สิ่ง (ที่เขาพูด) นั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นโองการที่เขาได้รับ (มาจากอัลเลาะฮฺ)
5. (มลาอิกะฮฺยิบรีล) ผู้มีพลังอันแข็งแกร่งสอนเขา


คำแปล R3.
1.   ขอสาบานด้วยดวงดาวเมื่อยามที่มันคล้อยลับไป
2.   สหายของเจ้ามิได้หลงผิดและมิได้ถูกหลอกลวง
3.   และเขามิได้พูดตามอารมณ์
4.   แต่มันเป็นวะฮีย์ที่ได้ถูกประทานมายังเขา
5.   ผู้ทรงพลังอำนาจได้สอนเขา


คำแปล R4.
1. ขอสาบานด้วยดวงดาวเมื่อมันคล้อยตกลงมา
2. สหาย(มุฮัมมัด) ของพวกเจ้ามิได้หลงผิดและเชื่อมั่นในทางที่ผิด
3. และเขามิได้พูดตามอารมณ์
4. อัลกุรอานมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นวะฮีย.ที่ถูกประทานลงมา
5. ผู้ทรงพลังอำนาจอันมากมาย (ญิบรีล) ได้สอนเขา


คำแปล R5.
๑. ขอสาบานกับดวงดาวเมื่อมันได้ตกลับหายไปจากสายตา
๒. สหายของพวกเจ้า คือนบีมุฮำมัด ย่อมไม่หลงผิดและไม่งมงาย
๓. และเขาไม่พูดออกมาจากอารมณ์
๔. มันมิใช่อื่นใดนอกจากเป็นโองการที่ถูกดลแก่เขา
๕. ได้ทำการสอนแก่เขาโดยยิบรออีลผู้มีพลังเข้มแข็ง ซึ่งมีความสามารถที่จะยกเมืองของนบีลูฏถล่มจนพังทลาย และเกิดเสียงกำปนาทได้ยินไปทั่วทุกสารทิศ และเพียงแต่เขาได้แผดเสียงกับพวกสะมู๊ดพวกนั้นก็ตายจนหมดสิ้น และเขาไปมาหาสู่ศาสดาต่าง ๆ นั้นรวดเร็วยิ่งกว่ากะพริบตาเสียอีก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 23, 2012, 12:41 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 6 – 12

คำอ่าน
6.    ซูมิรฺเราะติน..ฟัสตะวา
7.   วะฮุวะบิลอุฟุกิลอะอฺลา
8.   ษุม..มะดะนา ฟะตะดัลลา
9.   ฟะกานะกอบะ ก็อวสัยนิ เอาอัดนา
10.   ฟะเอาหา..อิลาอับดิฮี มา..เอาหา
11.   มากะซะบัลฟุอาดุ มาเราะอา
12.   อะฟะตุมารูนะฮู อะลามายะรอ

คำแปล R1.
6. Dhu Mirrah (Free from any defect in body and mind), Fastawa [Then he (Jibrael - Gabriel) rose and became stable]. [Tafsir At-Tabari].
7. While he [Jibrael (Gabriel)] was in the highest part of the horizon,
8. Then he [Jibrael (Gabriel)] approached and came closer,
9. And was at a distance of two bows' length or (Even) nearer,
10. So did (Allah) convey the inspiration to his slave [Muhammad through Jibrael (Gabriel)].
11. The (Prophet's) heart lied not (in seeing) what he (Muhammad) saw.
12. Will you then dispute with him (Muhammad) about what he saw [during the Mi'raj: (Ascent of the Prophet over the seven heavens)].


คำแปล R2.
6. (ยิบรีล) ซึ่งเป็นผู้มีความปรีชา แล้วเขาก็ได้แสดงกำเนิดที่แท้ (ให้นบีมุฮำมัดเห็น)
7. โดยตัวเขาสถิตอยู่ ณ ขอบฟ้าอันสูงลิบ
8. หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาใกล้ แล้วเขาก็เคลื่อนเข้ามาอีก
9. จนเขาได้เข้ามาอยู่ (ใกล้ชิดนบีมุฮำมัด) ในระยะเพียงเท่ากับสองคันศรหรือใกล้กว่านั้น
10. และอัลเลาะฮฺก็ทรงประทานโองการแก่บ่าวของพระองค์ (นบีมุฮำมัดโดยผ่านยิบรออีล) ในสิ่งที่พระองค์ทรง (ประสงค์ที่จะ) ประทาน
11. อันจิต (ของนบีมุฮำมัด) ย่อมไม่มุสาในสิ่งที่ได้มองเห็น
12. ดังนั้น (สมควร) หรือที่พวกเจ้าจะโต้แย้ง แก่สิ่งที่เขาได้มองเห็น?


คำแปล R3.
6.   ผู้ได้รับวิทยปัญญาอันสูงส่ง ดังนั้น เขาจึงได้ออกมายืนหยัดอยู่ข้างหน้า
7.   เมื่อเขาอยู่บนฟากฟ้าข้างบนสุด
8.   หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาใกล้และอยู่เหนือบริเวณนั้น
9.   ในระยะห่างแค่สองคันธนูหรือใกล้ยิ่งกว่านั้นอีก
10.   หลังจากนั้น เขาก็นำวะฮีย์ที่เขาจะต้องเปิดเผย มาเปิดเผยแก่บ่าวของอัลลอฮฺ
11.   หัวใจมิได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาเห็น
12.   แล้วสูเจ้ายังจะมาโต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น (ด้วยตา) กระนั้นหรือ

คำแปล R4.
6. ผู้ทรงพลังอันแข็งแรง ดังนั้นเขาจึงปรากฏในสภาพที่แท้จริง
7. ขณะที่เขาอยู่บนขอบฟ้าอันสูงส่ง
8. แล้วเขาได้เข้ามาใกล้ และเข้ามาใกล้จนชิด
9. เขาเข้ามาใกล้ (จนอยู่) ในระยะของปลายคันธนูทั้งสอง หรือใกล้กว่านั้นอีก
10. ดังนั้นเขา (ญิบรีล) จึงนำวะฮียฺมาให้แก่บ่าวของพระองค์ (มุฮัมมัด) สิ่งที่เขาจะนำวะฮียฺมา
11. จิตใจ (ของมุฮัมมัด) มิได้ปฏิเสธสิ่งที่เขาได้เห็น
12. แล้วพวกเจ้าจะโต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เห็นอีกหรือ


คำแปล R5.
๖. เขาเป็นผู้ทรงปัญญาเฉียบแหลม แท้จริงเขาได้สถิตอยู่ในที่ของเขา ณ ฟากฟ้า
๗. ภายหลังเขาได้ทำการสอนนบีมุฮำมัดโดยที่เขาอยู่ที่ขอบหฟ้าอันสูงยิ่ง และปรากฏร่างของเขาให้นบีได้มองเห็น ขณะที่นบีกำลังอยู่ในถ้ำหิรออ์ ภูเขานูร ห่างจากมักกะห์ประมาณ ๑ ไมล์

๘. หลังจากนั้นเขาได้เข้ามาใกล้กับนบีมุฮำมัดแล้วเขาก็ยิ่งเข้ามาใกล้
๙. จนกระทั่งเขามาอยู่ในระยะสองศอกหรือใกล้กว่า ระหว่างเขากับนบีมุฮำมัด
๑๐. แล้วพระองค์ได้ดลโองการแก่บ่าวของพระองค์คือยิบรีล แก่สิ่งที่ดลโองการแก่นบีมุฮำมัด
๑๑. จิตใจของนบีมุฮำมัดย่อมไม่มุสาในสิ่งที่เขาได้มองเห็นยิบรีลด้วยสายตา
๑๒. แล้วพวกเจ้ายังจะโต้แย้งเขาถึงสิ่งที่เขาเห็นอีกกระนั้นหรือ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 13 - 18


คำอ่าน
13.   วะละก็อดเราะอาฮุ นัซละตันอุครอ
14.   อิน..ดะสิตเราะติลมุน..ตะฮา
15.   อิน..ดะฮา ญัน..นะตุลมะอ์วา
16.   อิซยัฆชัส สิดเราะตะมายัฆชา
17.   มาซาฆ็อลบะเศาะรุ วะมาเฏาะฆอ
18.   ละก็อดเราะอา มินอายาติร็อบบิฮิลกุบรอ

คำแปล R1.
13. And indeed he (Muhammad) saw him [Jibrael (Gabriel)] at a second descent (i.e. another time).
14. Near Sidrat-ul-Muntaha [lote-tree of the utmost boundary (beyond which none can pass)],
15. Near it is the Paradise of abode.
16. When that covered the lote-tree which did cover it!
17. The sight (of Prophet Muhammad) turned not aside (right or left), nor it transgressed beyond (the) limit (ordained for it).
18. Indeed he (Muhammad) did see, of the greatest signs, of his Lord (Allah).


คำแปล R2.
13. ขอยืนยัน! แท้จริงนบีมุฮำมัดได่มองเห็นยิบรีล (ในกำเนิดเดิม) อีกครั้งหนึ่ง
14. ณ “สิตรอติลมุนตะฮา” (อันเป็นตำแหน่งพันญาณวิสัย ในฟ้าชั้นที่เจ็ด)
15. ณ ที่แห่งนั้น เป็นที่ตั้งของสวรรค์ “อัลมะวา”
16. เมื่อสรรพสิ่งต่าง ๆ กำลังห้อมล้อม “สิตรอติลมุนตะฮา” (นั้นเต็มไปหมดจากมวลสรรพสิ่งในโลกแห่งความลี้ลับอันหาจำนวนจำกัดมิได้)
17. สายตา (ของนบีมุฮำมัด) ไม่บ่ายเบน (ไปจากจุดที่ได้รับอนุญาตให้มอง) และไม่ละเมิด (ด้วยการมองเกินไปจากที่ได้รับอนุญาต)
18. แท้จริงเขาได้มองเห็นบางสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ แห่งองค์อภิบาลของเขา


คำแปล R3.
13.   และเขาก็ได้เห็นเขาอีกครั้งหนึ่ง
14.   ที่ต้นพุทรากันใกลลิบ
15.   ซึ่งใกล้ ๆ นั้นคือสวรรค์แห่งการพักพิง
16.   ในตอนนั้นต้นพุทราได้ถูกปกคลุมด้วยสิ่งที่ปกคลุมมัน
17.   สายตาของเขามิได้พร่ามัวและก็มิได้เลยขอบเขตไป
18.   และเขาก็ได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาลของเขา


คำแปล R4.
13. และโดยแน่นอน เขาได้เห็นญิบรีลในการลงมาอีกครั้งหนึ่ง
14. ณ ที่ต้นพุทราอันไกลโพ้น
15. ณ ที่นั้น คือสวนสวรรค์อันเป็นที่พำนัก
16. (ขณะนั้น) สิ่งที่ปกคลุม (แสงประกาย) ได้ปกคลุมต้นพุทรา
17. สายตา (ของมุฮัมมัด) มิได้เหลือบแลไปทางอื่น และมิได้ล่วงเกินไป
18. โดยแน่นอนเขาได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเขา


คำแปล R5.
๑๓. และขอยืนยันว่า แท้จริงเขาได้เห็นยิบรีลอีกครั้งหนึ่ง
๑๔. ณ สิดเราะติลมุนตะฮา ในคืนมิอ์รอจ ภายหลังจากได้บัญญัติละหมาดห้าเวลา สิดเราะติลมุนตะฮาเป็นต้นพุดทราซึ่งถูกปลูกอยู่เบื้องขวาของอะรัช ไม่มีใครเคยผ่านเข้าไปเลยแม้แต่มลาอิกะห์ ยกเว้นนบีมุฮำมัดในคืนมิอ์รอจนั้น คืนที่ศาสดามุฮำมัดเหินฟ้าเข้าเฝ้าอัลเลาะห์และรับพระราชทานละหมาดห้าเวลา
๑๕. ณ ที่นั้นมีสวรรค์อัลมะอ์วา ซึ่งเตรียมไว้สำหรับพวกมลาอิกะห์และวิญญาณของผู้เสียสละชีวิตในทางของอัลเลาะห์
๑๖. เมื่อสิ่งที่ปกคลุมทำการปกคลุมต้นพุดทรา สิ่งเหล่านั้นได้แก่นก ตั๊กแตน ทองและมลาอิกะห์ ซึ่งจะมาแวดล้อมอยู่เต็มต้นพุดทร่ดังกล่าว
๑๗. สายตาของนบีมุฮำมัดไม่ได้เบนออกและไม่มองพ้นสิ่งที่ปกคลุมเหล่านั้นเลย
๑๘. ขอยืนยัน แท้จริงเขา นบีมุฮำมัดได้มองเห็นบางสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่แห่งพระผู้ทรงอภิบาลของเขา ณ วาระนั้น ซึ่งแสดงถึงพระเดชานุภาพและเอกานุภาพแห่งพระองค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 19 – 25



คำอ่าน
19.   อะฟะเราะอัยตุมุลลาตะ วัลอุซซา
20.   วะมะนาตัษษาลิษะตัลอุครอ
21.   อะละกุมุซซะกะรุ วะละฮุลอุน..ษา
22.   ติลกะ อิซัน..กิสมะตุน..ฎีซา
23.   อินฮิยะอิลลา..อัสมา..อุน..สัม..มัยตุมูฮา..อัน..ตุม วะอาบา..อุกุม..มา..อัน..ซะลัลลอฮุบอฮา มิน..สุลฏอน, อี..ยัตตะบิอูนะ อิลลัซซ็อน..นะ วะมาตะฮฺวัลอัน..ฟุส, วะละก็อดญา...อะฮุม..มิรฺร็อบบิฮิมุลฮุดา
24.   อัมลิลอิน..สานิมาตะมัน..นา
25.   ฟะลิลลาฮิลอาคิเราะติวัลอูลา

คำแปล R1.
19. Have you then considered Al-Lat, and Al-'Uzza (two idols of the pagan Arabs)
20. And Manat (another idol of the pagan Arabs), the other third?
21. Is it for you the males and for him the females?
22. That indeed is a division most unfair!
23. They are but names which you have named, you and your fathers, for which Allah has sent down no authority. They follow but a guess and that which they themselves desire, whereas there has surely come to them the guidance from their Lord!
24. Or shall man have what he wishes?
25. But to Allah belong the last (Hereafter) and the first (the world).


คำแปล R2.
19. แล้วพวกเจ้าได้สังเกตเทวรูป “อัลลาต” และ “อัลอุซซา” บ้างไหม?
20. รวมทั้ง “มะนาฮฺ” ซึ่งเป็นเทวรูปที่สามอีก (โอ้ชาวมุชริกีนทั้งหลาย)
21. (เป็นการสมควร) หรือที่พวกเจ้า (ชอบ) มีบุตรชาย แต่ (พวกเจ้ากลับกล่าวว่า) พระองค์อัลเลาะฮฺทรงมีบุตรหญิง
22. การแบ่งปันเช่นนั้น เป็นการแบ่งปันที่ลำเอียงอย่างยิ่ง
23. สิ่งเหล่านั้นหาใช่อื่นใดไม่ นอกจากเป็นนามที่พวกเจ้า และบรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ตั้งขึ้นโดยอัลเลาะฮฺมิได้ประทานหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย พวกเขามิได้ถือตามสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากจินตนาการของพวกเขาเอง และสิ่งที่อารมณ์ปรารถนาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงสิ่งชี้นำแนวทางจากองค์อภิบาลของพวกเขาก็ได้มาสู่พวกเขาแล้ว (แต่พวกเขาก็หาได้สนใจไม่)
24. มนุษย์ทั้งหลายจักได้ในสิ่งที่ตนใฝ่ฝัน (ทุกประการ) กระนั้นหรือ?
25.  แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจบริหารทั้งกิจการของโลกหน้าและโลกปัจจุบัน


คำแปล R3.
19.   (ตอนนี้จงบอกมาซิว่า) สูเจ้าเคยคิดถึงความจริงของเทวรูปอัลลาตและอัลอุซซา
20.   และมะนาตตัวที่สามบ้างหรือเปล่า?
21.   ลูกชายเป็นของสูเจ้าและลูกสาวเป็นของพระองค์กระนั้นหรือ?
22.   นี่ช่างเป็นการแบ่งที่ไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ !
23.   เหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากชื่อที่สูเจ้าและบรรพบุรุษของสูเจ้าตั้งขึ้นมา อัลลอฮฺมิได้ส่งอำนาจอะไรมาให้แก่พวกเขา ความจริงแล้วผู้คนกำลังปฏิบัติตามความนึกคิดและความปรารถนาแห่งจิตใจของพวกเขาเองเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางนำจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะมายังพวกเขาแล้วก็ตาม
24.   หรือว่าสิ่งใดที่มนุษย์ต้องการจะต้องเป็นไปตามนั้นสำหรับเขา?
25.   และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าของโลกหน้าและโลกนี้


คำแปล R4.
19. แล้วพวกเจ้ามิได้เห็นอัลลาต และอัลอุซซา
20. และตัวอื่นคือตัวที่สาม, มะนาต ดอกหรือ?
21. สำหรับพวกเจ้ามีเพศชาย และสำหรับพระองค์ให้เพศหญิงกระนั้นหรือ?
22. ดูซิ นั่น เป็นการแบ่งส่วนที่ไม่ยุติธรรม
23. เหล่านี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นชื่อที่พวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้าตั้งมัน ขึ้นมาเอง อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานหลักฐานอันใดลงมาเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย พวกเขามิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคาดคะเนและสิ่งที่อารมณ์ปรารถนา และโดยแน่นอน แนวที่ถูกต้อง (ฮิดายะฮฺ) จากพระเจ้าของพวกเขาได้มีมายังพวกเขาแล้ว
24. หรือว่าสำหรับมนุษย์นั้นจะได้ทุกสิ่งที่เขาปรารถนา
25. (อำนาจนั้น) เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ.ทั้งในปรโลก และโลกนี้


คำแปล R5.
๑๙. แล้วพวกเจ้าเห็นไหม เทวรูปอัลลาตและเทวรูปอัลอุซซา
๒๐. และเทวรูปมะนาฮ ซึ่งเป็นเทวรูปอันดับสามอื่นอีก เทวรูปเหล่านี้มีอำนาจที่จะทำอะไรได้หรือ จนเป็นเหตุจูงใจให้พวกเจ้าทำการกราบไหว้กัน และไม่ยอมทำการกราบนมัสการต่ออัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจโดยแท้จริง บรรดาเทวรูปทั้งสามนี้ถูกทำมาจากหินโดยเทวรูปอันดับแรกประดิษฐานอยู่ที่เมืองตออิฟ เทวรูปอันดับสองเป็นของอาหรับเผ่าฆอฏฟาน และเทวรูปอันดับสามเป็นของอาหรับเผ่า ฮุซัยล์และคุซาอะฮ์
๒๑. และเมื่อพวกอาหรับกาฟิรกล่าวว่าอัลเลาะห์ทรงมีมลาอิกะห์เป็นบุตรหญิง จึงมีโองการดังต่อไปนี้ถูกประทานลงมา หรือว่าพวกเจ้านั้นมีบุตรชายและพระองค์ทรงมีบุตรหญิง
๒๒. การแบ่งเช่นนั้นในขณะนั้นนับเป็นการแบ่งที่อยุติธรรม เพราะบุตรชายที่พวกเขาพิสมัยเขาต้องการจะให้เป็นของเขา แต่บุตรหญิงที่เขารังเกียจกลับแบ่งให้อัลลอฮฺเป็นบิดา
๒๓. มิใช่ว่าบรรดาเทวรูปเหล่านั้นจะมีความสำคัญและฐานะพระเจ้าอย่างที่พวกเขาเข้าใจ นอกจากเป็นชื่อที่ได้สมมติเรียกกันขึ้นโดยพวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้า อัลเลาะห์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ ให้ลงมายืนยันในการกราบไหว้มันเลย มีกุรอานที่ถูกประทานลงมา ก็ห้ามการกราบไหว้มัน แต่ให้กราบนมัสการต่ออัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว พวกเขามิได้ตามสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากตามความคาดการ และสิ่งที่อารมณ์ชอบเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงนั้นทางชี้นำจากพระผู้ทรงอภิบาลของพวกเขาก็มาสู่พวกเขาแล้ว โดยการนำมาของนบีมุฮำมัด ซึ่งประกาศอย่างชัดแจ้งว่าอันเทวรูปเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่ทำขึ้นมาจากหินและมันไม่ให้คุณและโทษแก่ตัวมันเองและผู้อื่นเลย จึงห้ามกราบไหว้โดยสิ้นเชิง แต่จะต้องกราบนมัสการเฉพาะอัลเลาะห์เท่านั้น
๒๔. หรือว่ามวลมนุษย์จะได้รับในสิ่งที่เขาใฝ่ใจไว้ จากบารมีที่จะทำการสังเคราะห์ให้โดยเทวรูปเหล่านั้น แน่นอนพวกเขาไม่ได้รับสิ่งดังกล่าวจากพวกมันเลย
๒๕. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอำนาจสิทธิทั้งโลกหน้าและโลกนี้ เหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นในสองโลกนั้นล้วนดำเนินไปตามความประสงค์ของพระองค์เท่านั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 26 – 28


คำอ่าน
26.   วะกัม..มิม..มะลิกิน..ฟิสสะมาวาติ ลาตุฆนีชะฟาอะตุฮุม ชัยอัน อิลลามิม..บะอฺดิ อัย..ยะอ์ซะนัลลอฮุ ลิมัย..ยะชา...อุ วะยัรฎอ
27.   อิน..นัลละซีนะ ลายุอ์มินูนะ บิลอาคิเราะติ ละยุสัม..มูนัลมะลา...อิกะตะ ตัสมิยะตัลอุน..ษา
28.   วะมาละฮุม..บิฮีมินอิลมิน อี..ยัตตะบิอูนะ อิลลัซซ็อน..นะ วะอิน..นัซซ็อน..นะ ลายุฆนีมินัลหักกิชัยอา

คำแปล R1.
26. And there are many angels in the heavens, whose intercession will avail nothing except after Allah has given leave for whom He wills and pleases.
27. Verily, those who believe not in the Hereafter, name the angels with female names.
28. While they have no knowledge thereof. They follow but a guess, and verily, guess is no substitute for the truth.


คำแปล R2.
26. และมีมลาอิกะฮฺตั้งจำนวนมากมายเท่าใดแล้วในฟากฟ้า  ซึ่งพวกเขาไม่อาจใช้บารมีของพวกเขาเอง อำนวยคุณแก่สิ่งใด ๆ ได้นอกจากภายหลังที่อัลเลาะฮฺได้ทรงอนุญาตแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ อละทรงพึงพระทัยเท่านั้น
27. แท้จริงบรรดาจำพวกที่ไม่ได้ศรัทธาในโลกหน้า ต่างก็ตั้งชื่อแก่บรรดามวลมลาอิกะฮฺด้วยชื่อของอิสตรี
28. โดยที่พวกเขาเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย พวกเขามิได้ถือตามสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากตามจินตนาการของพวกเขาเอง และแท้จริงจินตนาการย่อมไม่ยังความพอเพียงที่จะบรรลุความจริงได้ แม้สักกรณีเดียวก็ตาม


คำแปล R3.
26.   และมลาอิกะฮฺกี่องค์แล้วในชั้นฟ้าที่การขอไถ่โทษของพวกเขาไม่บังเกิดผลใด ๆ จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงอนุญาตแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงพอพระทัย
27.   แต่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้าได้ตั้งชื่อบรรดามลาอิกะฮฺด้วยชื่อผู้หญิง
28.   พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย พวกเขาปฏิบัติตามการคาดเดาเท่านั้น และการคาดเดาไม่อาจทำอะไรต่อความจริงได้เลย


คำแปล R4.
26. และมะลักกี่มากน้อยในชั้นฟ้าทั้งหลายนั้น การชะฟาอะฮ.ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์อันใด (แก่พวกเขา) เว้นแต่หลังจากอัลลอฮ.จะทรงอนุมัติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงพอ พระทัย
27. แท้จริง บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น แน่นอนพวกเขาจะตั้งชื่อมะลาอิกะฮฺเป็นเพศหญิง
28. และพวกเขาไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย พวกเขามิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคาดคะเนและแท้จริงการคาดคะเนนั้น จะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่ความจริงได้


คำแปล R5.
๒๖. และมีตั้งมากมายเท่าใดแล้ว มลาอิกะห์ที่มีอยู่ในฟากฟ้า ซึ่งบารมีของพวกนั้นไม่อาจสงเคราะห์แก่สิ่งใดได้ ยกเว้นภายหลังจากอัลเลาะห์ได้ทรงอนุญาตแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์แลพทรงพึงพระทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเทวรูปต่าง ๆ นั้นไม่มีโอกาสสงเคราะห์ผู้ใดได้เลย และอัลเลาะห์ก็จะไม่อนุญาตแก่พวกมันอีกด้วย เพราะพวกมันเป็นศัตรูของพระองค์
๒๗. แท้จริง บรรดามวลผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า พวกเขาย่อมตั้งชื่อมลาอิกะห์เป็นผู้หญิง โดยพวกเขาเรียกมลาอิกะห์ว่าบุตรหญิงของอัลเลาะห์
๒๘. และพวกเขาไม่มีความรู้ใด ๆ เลย พวกเขาไม่ถือตามสิ่งอื่นใดนอกจากตามการคาดคะเนและแท้จริงการคาดคะเนนั้นไม่อาจทำให้พอเพียงแก่สัจธรรมได้สักกรณีเดียว เพราะสัจธรรมไม่ได้มาจากการคาดว่าจะเป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ แต่สัจธรรมจะต้องมาจากอัลกุรอานและหะดิษเท่านั้น ซึ่งผู้จะตามการคาดคะเนก็มีแต่พวกกาฟิรเท่านั้น ส่วนมุสลิมจะตามอัลกุรอานและหะดิษโดยเคร่งครัด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 29 – 32

คำอ่าน
29.   ฟะอะอฺริฎอัม..มัน..ตะวัลลา อัน..ซิกรินา วะลัมยุริด อิลลัลหะยาตัดดุนยา
30.   ซาลิกะมับละฆุฮุม..มินัลอิลมฺ อิน..นะร็อบบะกะ ฮุวะอะอฺละมุ บิมัน..ฎ็อลละอัน..สะบีลิฮี วะฮุวะอะอฺละมุบิมะนิฮฺตะดา
31.   วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ ลิยัจญซิยัลละซีนะอะสา...อูบิมาอะมิลู วะยัจญซิยัลละซีนะอะหฺสะนู บิลหุสนา
32.   อัลละซีนะยัจญตะนิบูนะ กะบา..อิร็อลอิษมิ วัลฟะวาหิชะ อิลลัลละมัม อิน..นะร็อบบะกะวาสิอุลมัฆฟิเราะฮฺ ฮุวะอะอฺละมุบิกุม อิซอัน..ชะอะกุม..มินัลอัรฎิ วะอิซอัน..ตุม อะญิน..นะตุน..ฟีบุฏูนิอุม..มะฮาติกุม ฟะลาตุซักกู..อัน..ฟุสะกุม ฮุวะอะอฺละมุบิมะนิตตะกอ

คำแปล R1.
29. Therefore withdraw (O Muhammad) from him who turns away from our Reminder (this Qur'an) and desires nothing but the life of this world.
30. That is what they could reach of knowledge. Verily, your Lord it is He who knows best him who goes astray from his path, and He knows best him who receives guidance.
31. And to Allah belongs all that is in the heavens and all that is in the earth, that he may requite those who do evil with that which they have done (i.e. Punish them in Hell), and reward those who do good, with what is best (i.e. Paradise).
32. Those who avoid great sins (See the Qur'an, Verses: 6:152,153) and Al-Fawahish (illegal sexual intercourse, etc.) except the small faults, verily, your Lord is of Vast Forgiveness. He knows you well when He created you from the earth (Adam), and when you were fetuses in your mothers' wombs. So ascribe not purity to yourselves. He knows best him who fears Allah and keeps his duty to Him [i.e. those who are Al-Muttaqun (pious - see V.2:2)].


คำแปล R2.
29. ดังนั้นเจ้าจงหันออกจากบุคคลที่หันเหจากคำเตือนของเราเถิด และเขามิได้มุ่งหมายสิ่งใดทั้งสิ้น นอกจากชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น
30. (จุดหมายทางโลกดังกล่าว) นั้นแหละ เป็นความรู้ที่บรรลุสู่ที่สุดแล้วของพวกเขา แท้จริงองค์อภิบาลของพวกเจ้าย่อมทรงรอบรู้อย่างยิ่งต่อบุคคลที่หลงออกไปจากแนวทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักต่อบุคคลที่ได้รับการชี้นำทาง
31. และอัลเลาะฮฺทรงอำนาจปกครองสรรพสิ่งในฟากฟ้า และสรรพสิ่งในแผ่นดิน เพื่อพระองค์ทรงตอบสนองแก่บรรดาผู้ประพฤติชั่ว ไปตามที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ และทรงตอบสนองแก่บรรดาผู้ประพฤติดี ด้วยสิ่งที่ดีกว่า
32. บรรดาผู้ห่างไกลบาปใหญ่ ๆ และบรรดาสิ่งอนาจารทั้งมวล ยกเว้นเพียงความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แท้จริงองค์อภิบาลของเจ้า ทรงไว้ซึ่งการอภัยอันไพศาล พระองค์ทรงรอบรู้เกี่ยวกับพวกเจ้า มาตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ทรงบังเกิดพวกเจ้ามาจากแผ่นดิน และเมื่อครั้งที่พวกเจ้ายังเป็นทารกในครรภ์มารดาของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ายกยอตัวของพวกเจ้าเอง พระองค์ทรงรอบรู้แก่ผู้ที่มีจิตยำเกรงยิ่งนัก


คำแปล R3.
29.   ดังนั้น (โอ้ นบี) จงปลีกตัวออกไปจากผู้ที่หันห่างออกไปจากการระลึกถึงเรา และมิได้แสวงหาสิ่งใดนอกไปจากชีวิตแห่งโลกนี้
30.   นั่น คือสุดยอดแห่งความรู้ของพวกเขาแล้ว พระผู้อภิบาลของเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงออกไปจากแนวทางของพระองค์ และทรงรู้ถึงผู้ที่อยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง
31.   และทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและทุกสิ่งในแผ่นดิน เป็นของอัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงตอบแทนบรรดาผู้กระทำความชั่วตามที่พวกเขาได้กระทำไว้ และจะทรงตอบแทนความดีแก่บรรดาผู้ทำความดี
32.   ผู้หลีกเลี่ยงจากบาปใหญ่และสิ่งลามกอนาจาร เว้นแต่ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่นอนพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเป็นผู้กว้างขวางในการให้อภัย พระองค์ทรงรู้จักสูเจ้ามาตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากดิน และเมื่อสูเจ้ายังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ของแม่ของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงอย่าอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ดีว่าใครที่เป็นผู้ยำเกรง


คำแปล R4.
29. ดังนั้น เจ้าจงหลบหลีกให้ห่างจากผู้ที่ผินหลังจากการรำลึกนึกถึงเรา (อัลลอฮ.) และเขามิได้ปรารถนาอื่นใดนอกจากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น
30. นั่นคือสุดยอดแห่งความรู้ของพวกเขาแล้ว แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น พระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงออกจากทางของพระองค์และพระองค์ทรงรู้ดียิ่ง ถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง (ฮิดายะฮ.)
31. และสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺเพื่อพระองค์จะทรงตอบ แทนบรรดาผู้กระทำความชั่วตามที่พวกเขาประพฤติ และจะทรงตอบแทนบรรดาผู้กระทำความดีด้วยความดี
32. แก่บรรดาผู้หลีกเลี่ยงห่างจากการทำบาปใหญ่ และทำสิ่งลามกทั้งหลาย เว้นแต่ความผิดพลาดเล็กน้อยแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น ทรงเป็นผู้กว้างขวางในการอภัย พระองค์ทรงรู้จักพวกเจ้าดียิ่ง เมื่อครั้งบังเกิดพวกเจ้าจากแผ่นดิน และเมื่อครั้งพวกเจ้าเป็นทารกอยู่ในครรภ์ของมารดาของพวกเจ้าดังพวกเจ้าอย่า แสดงความบริสุทธิ์แก่ตัวของพวกเจ้าเอง เพราะพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่มีความยำเกรง


คำแปล R5.
๒๙. ดังนั้นเจ้าจงหันออกจากผู้ที่หันออกจากคำสอนแห่งอัลกุรอานของเราเถิด และเขานั้นไม่มุ่งประสงค์สิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น นั่นคือ ต้องการความสุข อำนาจ บารมี บริวารและตำแหน่งทางสังคม ไม่มุ่งหวังผลตอบแทนในโลกหน้าแต่ประการใด ๆ
๓๐. ความมุ่งประสงค์ทางโลกนี้นั้นเป็นจุดหมายของพวกเขาในการแสวงหาความรู้การศึกษา และการมีบุตรบริวารของเหล่าผู้เนรคุณมักมีจุดหมายมุ่งสู่ความสุขทางโลกเป็นประการสำคัญ แท้จริงพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้าพระองค์ทรงรอบรู้เป็นยิ่งนักกับผู้ที่หลงไปจากแนวทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักกับผู้ที่ได้รับการชี้นำ
๓๑. และอัลเลาะห์ทรงอำนาจสิทธิสรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในพื้นดิน พระองค์ทรงสร้างและบรหารโดยพระองค์เองเมื่อพระองค์ทรงตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ประพฤติการอันชั่วช้า และทรงตอบแทนความดีงามแก่บรรดาผู้ที่ประพฤติความดีงาม
๓๒. พวกเขาเป็นพวกที่ห่างเหินบาปใหญ่ ๆ ทั้งมวลและบรรดาสิ่งอนาจารต่าง ๆ อันบาปใหญ่หมายถึงบรรดาบาปที่มีบทระวางโทษในทางกฎหมายของโลกปัจจุบันอย่างแน่ชัด เช่นให้เฆี่ยนหนึ่งร้อยครั้งแก่คนทำซีนา ให้เฆี่ยนสี่สิบครั้งแก่คนดื่มสุรา ให้ฆ่าแทนแก่ฆาตกร ให้ตัดมือขโมย เป็นต้น ยกเว้นบรรดาสิ่งพึงตำหนิอันได้แก่บาปเล็ก ๆ ซึ่งไม่ต้องรับการลงโทษแต่ประการใด ๆ ทั้งนี้เมื่อรักษาตัว ไม่ทำบาปใหญ่ดังกล่าวแล้ว บาปเล็ก ๆ ก็จะถูกอภัยให้ เช่น การมองเข้าไปในบ้านผู้อื่น การเดินแบบอวดตัว การปล่อยให้คนบ้าเข้ามัสยิด การรำพันถึงคนตาย เป็นต้น แท้จริงพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้านั้นทรงไพศาลในการอภัย พระองค์ทรงรอบรู้เกี่ยวกับพวกเจ้า ตั้งแต่พระองค์ได้บังเกิดพวกเจ้ามาจากดิน และตั้งแต่ครั้งที่พวกเจ้ายังเป็นทารกในครรภ์มารดาของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าอย่ายกยอตัวเองในการประกอบความดีต่าง ๆ ว่าทำมากกว่าผู้อื่น ความรู้สูงกว่าผู้อื่น ฐานะเหนือกว่าผู้อื่น ชาติกำเนิดเหนือกว่าผู้อื่น พระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักสำหรับผู้ที่มีความยำเกรงพระองค์ ในการประกอบคุณธรรมของพวกเขามิใช่พวกเขากระทำด้วยความรู้สึกอวดอ้างหรือยกตัวแต่ประการใด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 33 – 40

คำอ่าน
33.   อะฟะเราะอัยตัลละซีตะวัลลา
34.   วะอะอฺฏอ เกาะลีเลา..วะอักดา
35.   อะอิน..ดะฮู อิลมุลฆ็อยบิ ฟะฮุวะยะรอ
36.   อัมลัมยุนับบะอ์ บิมาฟิศุหุฟิมูสา
37.   อิบรอฮีมัลละซีวัฟฟา
38.   อัลลาตะซิรุวาซิเราะตู..วิซเราะอุครอ
39.   อัลลัยสะลิลอิน..สานิ อิลลามาสะอา
40.   วะอัน..นะ สะอฺยะฮู เสาฟะยุรอ

คำแปล R1.
33. Did you (O Muhammad) observe him who turned away (from Islam).
34. And gave a little, then stopped (giving)?
35. Is with Him the knowledge of the unseen so that he sees?
36. Or is he not informed with what is in the Pages (Scripture) of Musa (Moses),
37. And of Ibrahim (Abraham) who fulfilled (or conveyed) all that (What Allah ordered him to do or convey).
38. That no burdened person (with sins) shall bear the burden (sins) of another.
39. And that man can have nothing but what he does (good or bad).
40. And that his deeds will be seen.


คำแปล R2.
33. แล้วเจ้าสังเกตเห็นไหม (ความเลวของ) ผู้ที่หันออก (จากสัจธรรม) ?
34. เขาได้ให้แต่เพียงน้อย และเขาก็ระงับไว้เสีย (เพราะความตระหนี่)
35. เขานั้นมีความรู้ในสิ่งเร้นลับหรือ เขาจึงได้มองเห็น (เหตุการณ์ในอนาคตได้) ?
36. หรือเขาไม่ได้รับข่าวที่มีปรากฏ ในคัมภีร์ของมูซา ?
37. และของอิบรอฮีม ซึ่งมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ (ในการประพฤติตามพระบัญชาของอัลเลาะฮฺ)
38. (ในคัมภีร์ดังกล่าวมีระบุว่า) ผู้ที่ทำบาปหนึ่งย่อมไม่รับผิดชอบบาปของคนอื่น
39. และแท้จริงมนุษย์จะไม่ได้รับ (สิ่งใดมาเป็นของตน) นอกจากเพียงสิ่งที่เขาได้พากเพียรไว้เท่านั้น
40. และแท้จริงความพากเพียรของเขานั้น ต่อไปจะถูกมองเห็น


คำแปล R3.
33.   (โอ้ นบี) แล้วเจ้าเคยเห็นผู้หันห่างจากแนวทางของพระเจ้าบ้างไหม?
34.   ผู้ให้เพียงน้อยนิดและหยุดไว้?
35.   เขามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับกระนั้นหรือที่เขาเห็นความจริง?
36.   เขาไม่เคยได้ยินถึงสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ของมูซา
37.   และในคัมภีร์ของอิบรอฮีมผู้ทำตามสัญญาของเขากระนั้นหรือ?
38.   “ไม่มีผู้ใดแบกภาระคนใดจะแบกภาระของคนอื่น
39.   และไม่มีสิ่งใดสำหรับมนุษย์นอกไปจากสิ่งที่เขาขวนขวายไว้
40.   และสิ่งที่เขาได้ขวนขวายทำไว้นั้นจะได้เห็นในไม่ช้า


คำแปล R4.
33. เจ้าได้เห็นผู้ที่ผินหลังให้บ้างไหม?
34. และเขาให้เพียงเล็กน้อย และเขาได้ตระหนี่ (ส่วนที่เหลือ)
35. เขามีความรู้ในสิ่งเร้นลับกระนั้นหรือเขาจึงได้เห็น?
36. หรือว่าเขามิได้รับข่าวคราวที่มีอยู่ในคัมภีร์ของมูซา
37. และ (ในคัมภีร์ของ) อิบรอฮีม ผู้ซึ่งปฏิบัติตามสัญญาอย่างครบครัน
38. ว่าไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้
39. และมนุษย์จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากสิ่งที่เขาได้ขวนขวายเอาไว้
40. และแท้จริงการขวนขวายของเขาก็จะได้เห็นในไม่ช้า


คำแปล R5.
๓๓. เจ้าเห็นผู้ที่หันออกไปจากหลักธรรมบ้างไหม
๓๔. และเขาให้แต่เพียงน้อยและหวงแหนส่วนที่เหลืออยู่ เช่น การทำทาน การสมทบทุนต่าง ๆ เป็นต้น เขามักจะให้เพียงนิดหน่อยด้วยความเสียดายและหวงส่วนใหญ่เก็บไว้ เขาไม่ชอบให้จนหมดตามอัตราส่วนหรือตามที่ตกลงไว้
๓๕. เขามีความรู้ในสิ่งเร้นลับจนเขาสามารถมองเห็นในเรื่องราวที่เกี่ยวกับผู้อื่นกระนั้นหรือ เช่น พฤติการณ์ของอัลวะลีด บิน มุฆีเราะห์ หรืออะบูยะฮัล หรือ อัลอาศี บินวาอิล ซึ่งตำหนิคน ๆ หนึ่งที่เข้ารับนับถืออิสลาม เขาจึงใช้ให้ผู้นั้นเลิกละและกลับเข้าสู่ศาสนาเดิม พร้อมทั้งยอมรับบาปและโทษที่จะเกิดแก่เขา และเขายินดีมอบทรัพย์สินเป็นค่าตอบแทนแก่ผู้นั้น
๓๖. หรือว่าเขาไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของมูซา
๓๗. และในคัมภีร์ของอิบรอฮีม ซึ่งเป็นผู้ประพฤติตามบัญชาอย่างครบถ้วน
๓๘. ในคัมภีร์นั้นระบุไว้ว่า ผู้ทำบาปหนึ่งย่อมไม่รับผิดชอบบาปของผู้อื่น
๓๙. และแท้จริงไม่มีสำหรับมนุษย์นอกจากที่เขาได้พากเพียรไว้ด้วยตนเองเท่านั้น
๔๐. และแท้จริงความพากเพียรของเขานั้นจะถูกนำมาให้เห็น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 41 – 46



คำอ่าน
41.   ษุม..มะ ยุจญซาฮุล ญะซา...อัลเอาฟา
42.   วะอัน..นะอิลาร็อบบิกัลมุน..ตะฮา
43.   วะอัน..นะฮู ฮุวะอัฎหะกะ วะอับกา
44.   วะอัน..นะฮู ฮุวะอะมาตะ วะอะหฺยา
45.   วะอัน..นะฮู เคาะละก็อซเซาญัยนิซซะกะเราะ วัลอุน..ษา
46.   มิน..นุฏฟะติน อิซาตุมนา

คำแปล R1.
41. Then he will be recompensed with a full and the best recompense
42. And that to your Lord (Allah) is the end (Return of everything).
43. And that it is He (Allah) who makes (whom He wills) laugh, and makes (whom He wills) weep;
44. And that it is He (Allah) who causes death and gives life;
45. And that He (Allโh) creates the pairs, male and female,
46. From Nutfah (drops of semen male and female discharges) when it is emitted;


คำแปล R2.
41. หลังจากนั้น สิ่งนั้นก็จะถูกตอบสนองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์เป็นที่สุด
42. และแท้จริงเป้าหมายสุดท้าย (ของทุกสิ่ง) ย่อมกลับคืนสู่องค์อภิบาลของเจ้า
43. และแท้จริงพระองค์ย่อมทำให้ (คน) หัวเราะ และร้องไห้ได้
44. และแท้จริงพระองค์ทรงทำให้ตายและทำให้เป็น
45. และแท้จริงพระองค์ทรงบันดาลให้เป็นคู่สองคือ ชายและหญิง
46. มาจากน้ำอสุจิ เมื่อมันถูกหลั่ง (ลงสู่มดลูก)


คำแปล R3.

41.   หลังจากนั้นเขาก็จะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วน
42.   และที่ว่ายังพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นคือเป้าหมายสุดท้าย
43.   และที่ว่าพระองค์คือผู้ทำให้ (มนุษย์) หัวเราะและร้องไห้
44.   และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงให้ความตายและผู้ให้ชีวิต
45.   และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงสร้างคู่เพศชายและเพศหญิง
46.   จากหยดอสุจิเมื่อมันหลั่งออกมา


คำแปล R4.
41. แล้วเจาก็จะได้รับการตอบแทนด้วยการตอบแทนที่ครบถ้วนสมบูรณ์
42. และแท้จริงจุดหมายปลายทาง (ของเขา) ย่อมไปสู่พระเจ้าของเจ้า
43. และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้หัวเราะ และทรงทำให้ร้องไห้
44. และแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงทำให้ตาย และทรงทำให้เป็น
45. และแท้จริงพระองค์ทรงสร้างสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นเพศชาย และเพศหญิง
46. จากเชื้ออสุจิเมื่อมันหลั่งออกมา


คำแปล R5.
๔๑. หลังจากนั้นเขาจะถูกตอบแทนอย่างครบสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีขาดตกบกพร่องเลย
๔๒. และแท้จริงสู่พระผู้อภิบาลของเจ้าเท่านั้นที่เป็นที่ยุติสุดท้าย ซึ่งพระองค์จะทรงตอบแทนแก่ทุก ๆ คนไปตามผลงานโดยครบถ้วน
๔๓. และแท้จริงพระองค์เท่านั้นที่ทำให้หัวเราะและร้องไห้
๔๔. และแท้จริงพระองค์เท่านั้นที่ทำให้ตายและมีชีวิต
๔๕. และแท้จริงพระองค์ได้ทรงบันดาลคู่สองคือชายกับหญิง
๔๖. จากอสุจิ เมื่อถูกหลั่งลงสู่มดลูกของหญิง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 47 – 52



คำอ่าน
47.   วะอัน..นะ อะลัยฮิน..นัชอะตัลอุครอ
48.   วะอัน..นะฮู ฮุวะอัฆนา วะอักนา
49.   วะอัน..นะฮู ฮุวะร็อบบุชชิอฺรอ
50.   วะอัน..นะฮู..อะฮฺละกะ อาดะนิลอูลา
51.   วะษะมูดะ ฟะมา..อับกอ
52.   วะก็อว มะนูหิม..มิน..ก็อบลุ อิน..นะฮุม กานูฮุม อัซละมะวะอัฏฆอ

คำแปล R1.
47. And that upon Him (Allah) is another bringing forth (Resurrection);
48. And that it is He (Allah) who gives much or a little (or gives wealth and contentment),
49. And that He (Allah) is the Lord of Sirius (the star which the pagan Arabs used to worship);
50. And that it is He (Allah) who destroyed the former 'Ad (people),
51. And Thamud (people). He spared none of them.
52. And the people of Nuh (Noah) aforetime, verily, they were more unjust and more rebellious and transgressing [in disobeying Allah and his Messenger Nuh (Noah)].


คำแปล R2.
47. และแท้จริงพระองค์ทรงรับผิดชอบในการบังเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
48. และแท้จริงพระองค์ทรงทำให้ฐานะมั่งคั่งและทรงทำให้ฐานะจำกัด (แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์)
49. และแท้จริงพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งดวงดาว “อัชชิฮ์รอ” (ซึ่งพวกอาหรับยุคโง่เขลาเคยกราบไหว้บูชา
50. และแท้จริงพระองค์ทรงทำลายล้างพวกอ๊าด ดังเดิม (ในยุคนบีฮู๊ด)
51. และพวกสะมู๊ด (ในยุคนบีซอลิห์) แล้วไม่มีผู้ใดเหลือ (รอดชีวิตมาได้เลยสักคนเดียวก็ตาม)
52. และ (ทำลายล้าง) กลุ่มชนของนูห์มาก่อน เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นพวกที่ฉ้อฉลที่สุด และละเมิดที่สุด


คำแปล R3.
47.   และเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะให้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
48.   และพระองค์อีกเช่นกันที่ทรงทำให้เขามั่งคั่งและประทานทรัพย์สิน
49.   และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งดาวสิริอุส
50.   และพระองค์ทรงเป็นผู้ทำลายชาวอ๊าดก่อนหน้านี้
51.   และพวกษะมูดจนไม่หลงเหลือใครไว้เลย
52.   และก่อนหน้าคนเหล่านี้ พระองค์ก็ทรงทำลายผู้คนของนูฮฺเพราะพวกเขาเป็นคนชั่วและฝ่าฝืนที่สุด


คำแปล R4.

47. และแท้จริง เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะให้บังเกิดอีกครั้งหนึ่ง
48. และแท้จริงพระองค์ทรงทำให้เขาร่ำรวย และทรงทำให้เขายากจน
49. และแท้จริงพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งดาวสิริอุส (อัชเชียะอฺรอ)
50. และแท้จริงพระองค์ทรงทำลายพวกอ๊าดรุ่นก่อน
51. และพวกษะมูดก็ไม่ได้ให้มีเหลืออยู่อีกเลย
52. และหมู่ชนของนูหก่อนหน้านี้ แท้จริงพวกเขาเป็นผู้อธรรมยิ่ง และเป็นผู้ละเมิดยิ่ง


คำแปล R5.
๔๗. และแท้จริงเป็นอำนาจของพระองค์ที่จะทรงบันดาลการบังเกิดอีกครั้งหนึ่งในวันชาติหน้าโดยฟื้นขึ้นจากสุสาน
๔๘. และพระองค์เท่านั้นที่ทรงทำให้รวยและทำให้จำกัดในทรัพย์สินที่มีอยู่
๔๙. และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ทรงอภิบาลแห่งดวงดาววซิอ์รอ ซึ่งอาหรับตระกูลคุซาอะห์ในยุคยาฮิลียะห์ทำการกราบไหว้บูชา
๕๐. และพระองค์ทรงทำลายล้างพวกอ๊าดในบรรพกาล ในสมัยนบีฮูดและอีกครั้งหนึ่งในสมัยนบีซอลิห์
๕๑. และพวกสะมูดก็ถูกทำลายล้างเหมือนกันจนไม่เหลือแม้สักคนเดียว
๕๒. และประชาชนของนูห์ในยุคก่อนจากพวกเขาเหล่านั้นได้ถูกทำลายล้าง เพราะว่าแท้จริงพวกเขานั้นเป็นพวกที่ฉ้อฉลเป็นที่สุดและละเมิดเป็นที่สุด ยิ่งกว่าพวกอ๊าดและพวกสะมูดเสียอีก นบีนูห์ใช้เวลาประกาศศาสนาถึงเกือบหนึ่งพันปีแต่พวกนั้นไม่ได้เชื่อถือและมีแต่จะรุกรานท่านอย่างรุนแรง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 53 – 56



คำอ่าน
53.   วัลมุอ์ตะฟิกะตะอะฮฺวา
54.   ฟะฆ็อชาฮา มาฆ็อชชา
55.   ฟะบิอัยยิอาลา...อิ ร็อบบิกะ ตะตะมารอ
56.   ฮาซานะซีรุม..มินัน..นุซุริลอูลา

คำแปล R1.

53. And He destroyed the overthrown cities [of Sodom to which Prophet Lout (Lot) was sent].
54. So there covered them that which did cover (i.e. torment with stones).
55. Then which of the graces of your Lord (O man!) will you doubt.
56. This (Muhammad) is a warner (Messenger) of the (series of) warmers (Messengers) of old.


คำแปล R2.
53. และเมืองมุตะฟิกะฮฺ (ในยุคของนบีลูฎ) พระองค์ก็ทรงทำลายราบ (บนพื้นดินเพราะความชั่วของพวกนั้น)
54. แล้วการลงโทษที่ครอบคลุม (อย่างกว้างขวาง) ก็ได้ครอบคลุม (ชาว) เมืองนั้น (จนไม่เหลือรอดนอกจากผู้มีศรัทธา)
55. แล้วยังจะมีความโปรดปราน ขององค์อภิบาลของเข้าอันใดอีกหรือที่เจ้าพึงขัดแย้งได้ ?
56. (นบีมุฮำมัดผู้) นี้เป็นผู้ตักเตือน จากบรรดาผู้ตักเตือนั้งหลายในบรรพกาล


คำแปล R3.
53.   และพระองค์ได้ทรงพลิกคว่ำถิ่นฐานที่จมหายไป
54.   หลังจากนั้น สิ่งปกคลุมพวกเขา (ซึ่งเจ้ารู้ดี) ก็ได้มาปกคลุมพวกเขา
55.   ดังนั้น (มนุษย์เอ๋ย) ความโปรดปรานอันใดเล่าของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่เจ้ายังสงสัย?”
56.   นี่คือการเตือนครั้งหนึ่งในการเตือนหลายครั้งที่ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว

คำแปล R4.
53. และเมืองที่พลิกคว่ำลง (อัลมุอฺตะฟิกะฮ.) พระองค์ทรงให้มันถล่มลง
54. ฉะนั้น สิ่งที่ครอบคลุมมันก็ (คือการลงโทษ) ได้ครอบคลุมมัน
55. ดังนั้น ความโปรดปรานของพวกเจ้าของเจ้าอันใดเล่าที่เจ้ายังสงสัยอยู่
56. นี่คือผู้ตักเตือนที่มาจากปวงผู้ตักเตือนรุ่นก่อน ๆ

คำแปล R5.
๕๓. และเมืองมุอ์ตะกิฟะฮ์ในยุคของนบีลูฏซึ่งยิบรีลได้ถล่มจนพินาศสิ้น
๕๔. แล้วสิ่งที่ปกคลุมก็ได้ปกคลุมเมืองนั้น สิ่งปกคลุมที่ว่านี้ได้แก่หินที่มาจากนรกถูกถล่มใส่พวกชาวเมืองเป็นห่าฝน ดูปกคลุมทั่วถึงไปหมด
๕๕. แล้วยังจะมีความโปรดปรานใดแห่งพระผู้ทรงอภิบาลของเจ้าอีกหรือ ที่เจ้ายังสงสัยว่ามิได้มาจากพระองค์ ไม่ต้องสงสัยด้วยประการทั้งปวง เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เจ้าโดยแน่แท้
๕๖. มุฮำมัด นี้เป็นศาสดาผู้ตักเตือนคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตักเตือนในยุคเดิมที่มีมาก่อนหน้าเขา ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาในตัวเขาเถิด


สูเราะฮฺ อันนัจญมุ อายะฮฺที่ 57 – 62




คำอ่าน
57.   อะซิฟะติลอาซิฟะฮฺ
58.   ลัยสะละฮา มิน..ดูนิลลาฮิ กาชิฟะฮฺ
59.   อะฟะมินฮาซัลหะดีษิ ตะอฺญะบูน
60.   วะตัฎหะกูนะ วะลาตับกูน
61.   วะอัน..ตุมสามิดูน
62.   ฟัสญุดูลิลลาฮิ วะอฺบุดู


คำแปล R1.
57. The Day of Resurrection draws near,
58. None besides Allah can avert it, (or advance it, or delay it).
59. Do you then wonder at this recital (the Qur'an)?
60. And you laugh at it and weep not,
61. Wasting your (precious) lifetime in pastime and amusements (singing, etc.).
62. So fall you down in prostration to Allah, and worship Him (Alone).


คำแปล R2.
57. อันกาล (ชาติหน้า) ที่อยู่ใกล้เคียง ได้เข้ามาใกล้ (เต็มที) แล้ว
58. ไม่มีผู้ใดนอกจากอัลเลาะฮฺที่จะยับยั้งวันนั้นได้
59. แล้วพวกเจ้าจะยังฉงนในพจนาถ (แห่งอัลกุรอาน) นี้อีกหรือ
60. และพวกเจ้าก็หัวเราะ (เยาะ) ไม่ยอมร้องไห้ (เสียใจในความผิดที่พวกเจ้ากระทำ) ?
61. และพวกเจ้า ล้วนเป็นผู้หยิ่งผยอง
62. ดังนั้นพวกเจ้าจงกราบกรานต่ออัลเลาะฮฺและจงนมัสการพระองค์เถิด


คำแปล R3.
57.   สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว
58.   ไม่มีผู้ใดนอกไปจากอัลลอฮฺที่จะขัดขวางมันได้
59.   ถ้อยคำเหล่านี้หรือที่สูเจ้ายังแปลกใจอยู่?
60.   และสูเจ้ายังหัวเราะและไม่ร้องไห้
61.   และสูเจ้ายังคงเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน
62.   จงก้มกราบต่ออัลลอฮฺเถิดและจงเคารพภักดีพระองค์


คำแปล R4.
57. เวลาที่ใกล้เข้ามา (วันกิยามะฮ) ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
58. ไม่มีผู้ใดที่จะปัดเป่าให้พ้นไปได้นอกจากอัลลอฮฺ
59. พวกเจ้ายังคงแปลกใจต่อคำกล่าวนี้อีกหรือ?
60. และพวกเจ้ายังคงหัวเราะ และยังไม่ร้องไห้!
61. และพวกเจ้ายังคงหลงระเริงลืมตัว!
62. ดังนั้นพวกเจ้าจงสุญูดต่ออัลลอฮ.เถิดและจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด


คำแปล R5.
๕๗. อันกาลอวสานของโลกใกล้เข้ามาแล้ว
๕๘. นอกเหนือจากอัลเลาะห์แล้วย่อมไม่มีผู้ใดสามารถเปิดเผยถึงกำหนดของมันได้
๕๙. แล้วพวกเจ้ายังจะฉงนต่อโองการแห่งอัลกุรอานอีกหรือ
๖๐. และยังหัวเราะเยาะและไม่ร้องไห้เสียใจอีกหรือ
๖๑. และพวกเจ้ายังหลงลืมต่อการภักดีที่ถูกบัญญัติแก่เจ้าอีก
๖๒. ดังนั้นพวกเจ้าจงกราบกรานต่ออัลเลาะห์และจงนมัสการพระองค์เถิด



ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 53 อันนัจญมุ

 

GoogleTagged