- อ.ฟ กล่าวว่า ตำราเล่มนี้ถ้าเปรียบก็เหมือน กาพสุนทรภู่ หรืออาขยาน พอๆกัน แค่มีบางส่วนเป็นประวัตินาบี แถมยังมีบางส่วนเป็นนิทาน เลอะเทอะ ที่มันฉุดอากีดะห์ของเราให้หลุดออกจากอิสลาม เช่น เรือง บรรดานาบีมาหา ในฝัน และเรื่องท่านหญิงอาซียะ มาหา (ไม่ใช่ในฝัน) ตายไปในยุคตั้งเท่าไหร่แล้ว ถามว่าคนตายไปแล้วมาจริงๆได้มั้ย อากีดะห์ของมุสลิม คนตายไปแล้วมาจริงๆได้มั้ย นี่คือนิยายที่สวนทางกับอัลกุรอ่าน
อะไรกันครับ เห็นตำราที่เป็นบทกวี ก็เปรียบกับกาพย์สุนทรภู่หรืออาขยาย ทั้งที่ตำราที่แต่งเป็นบทกวีมาเยอะแยะ ทั้งในด้านวิชาไวยากรณ์ วิชาฟิกห์ วิชาเตาฮีด ท่านอิบนุก็อยยิมยังแต่งวิชาเตาฮีดในเชิงอะกีดะฮ์ชื่อ อันนูนียะฮ์ ซึ่งก็เป็นบทกวีเช่นเดียวกัน ทำไมไม่พูดว่าเป็นกาพย์สุนทรภู่บ้าง ซึ่งกวีบัรซันญีย์ ได้กล่าวถึงประวัตินบีโดยตรง มิใช่บางส่วนอย่างที่อาจารย์วะฮาบีย์ได้อ้าง ที่อาจารย์วะฮาบีย์คนนี้ได้บอกว่าเป็นประวัตินบีบางส่วน แสดงว่าเขาไม่เคยได้อ่านกวีบันซันญีย์อย่างแท้จริง ก็เลยพูดแบบคาดเดาเอาให้คนเอาวามทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องภาษาอาหรับเข้าแบบผิด ๆ ตามคำพูดตน
อย่างที่ผมเคยบอกมาแล้วครับว่า การนำเสนอเชิงประวัติศาสตร์นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์ก่อนตั้งแต่ตั้งท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ผ่านการเล่ากันมา โดยบางคนที่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมารดาของท่านนบี คือ ท่านหญิงอามินะฮ์ พวกเขาก็จะสืบต่อกันมา ซึ่งสายงานนั้น ยากที่จะมีการเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน แต่ทว่าบรรดานักประวัติศาตร์เอง ก็ยังนำมาลงบันทึกไว้ในหนังสือประวัติท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยิ่งกว่านั้นนักประวัติศาสตร์ดังกล่าว ยังเป็นนักฮะดิษอีกด้วย เหตุที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่าพวกเขาผ่อนปรนในการบันทึกนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องเอกลักษณ์ คุณงามความดี และหลักพิเศษเฉพาะสำหรับท่านนบี ศ็อลลัลลออุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งการนำเสนอของพวกเขานั้น เป็นเรื่องของการ การนำเสนอคุณงามความดี ความสำคัญ และลักษณะพิเศษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น ไม่ใช่รายงานบันทึกมาเพื่อการยืนยันเรื่องฮุกุ่มศาสนา หรือบันทึกเพื่อนำมาอ้างอิงในด้านความเชื่อ (อะกีดะฮ์) จนกระทั่งสามารถอาจารย์วะฮาบีย์คนนี้ นำมาโยงเกี่ยวกับเรื่องอะกีดะฮ์ และกล่าวแบบไร้ความรู้เข้าใจว่า ถ้าเชื่ออย่างนั้น "อะกีดะฮ์จะหลุดจากอิสลาม" พูดมาได้ไง ทั้งที่จุดยืนหรือท่าทีของอุลามาอ์ฮะดิษในการนำเสนอบันทึกประวัติศาสตร์ มิใช่เพื่อการดังกล่าวเลย เพราะหนังสือเป็นหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่หนังสือเชิงอะกีดะฮ์
กรณีสายรายงานที่บอกว่า ท่านหญิงอาซียะฮ์มาหานั้น หากมีรายงานที่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับท่านหญิงอามีนะฮ์ มารดาท่านนบีนั้น มิใช่หมายถึง ท่านหญิงอาซียะฮ์มาปรากฏในรูปแบบที่มีตัวตนในเชิงที่มีเลือดมีเนื้อเหมือนบุคคลทั่วไป เนื่องจากคนที่ล่วงลับไปแล้วนั้น หากอัลเลาะฮ์ทรงให้เขากลับมาในโลกดุนยาอีก (คือหากจะให้กลับมาปรากฏในโลกดุนยา) เขาก็จะกลับมาในรูปร่างเชิง "รูปจำลอง" ซึ่งต้องผ่านโลกแห่งการจำลองร่างมาเสียก่อน ซึ่งเขาเรียกว่า "อาลัมมิซาล" عالم المثال ซึ่งโลกมิซาลนี้ มีสำหรับบรรดาวิญญาณที่อัลเลาะฮ์จะอนุญาตให้เขาจำแลงรูปได้ เช่น หากท่านญิบรีลจะจำแลงตนมาเป็นมนุษย์ ท่านก็ต้องเข้าไปในโลกวิญญาณแห่งการจำลองหรือจำแลงร่างเหมือนเสียก่อน แล้วค่อยมาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้น หากแม้ว่าอัลกุรอานระบุว่าท่านหญิงอาซียะฮ์ได้เสียชีวิตแล้ว แต่ก็สามารถปรากฏตัวในโลกดุนยาได้โดยต้องผ่านโลกมิซาล (โลกแห่งการจำลองหรือจำแลงร่าง) มิใช่ปรากฏตัวโดยมีเลือดมีเนื้อและมีวิญญาณเหมือนผู้คนทั่วไปก็หาไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ปฏิเสธความสามารถและความเดชานุภาพของอัลเลาะฮ์ตะอาลา ดังฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ผู้ใดที่เห็นฉันในฝัน แน่นอนว่า เขาจะได้เห็นฉันในยามตื่น โดยที่ชัยฏอนไม่สามารถจำแลงเป็นฉันได้" รายงานโดยบุคอรีย์ (2067) ดังนั้น หากผู้ใดที่ได้เห็นนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมในยามตื่น เขาย่อมได้เห็นจริง ๆ แต่มิใช่เห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แบบมีเลือดมีเนื้อตามธรรมดาเหมือนกับตอนมีชีวิตอยู่ แต่เขาจะเห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในรูปจำลองเหมือนของท่านที่มาจากโลกมิซาล
แต่อย่างไรก็ตาม การที่นักประวัติศาสตร์ได้นำเสนอเรื่องราวการปรากฏของท่านหญิงอาซียะฮ์นั้น เป็นการรายงานเรื่อง ฟะฏออิล (คุณความดี) ค่อซออิส (คุณลักษณะพิเศษ) ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เท่านั้น มิได้บันทึกมาเพื่อนำมาเป็นหลักอะกีดะฮ์หรือหลักการตัดสินในด้านฟิกห์ ก็หาไม่ ดังนั้น เราจึงไม่สมควรนำมาโยงเรื่องอะกีดะฮ์แบบผิดที่ผิดทาง
แต่ผมยังแปลกใจอาจารย์วะฮาบีย์เหล่านี้ ที่ชอบทำการตำหนิหาข้อผิดพลาดจากตำราฝ่ายอื่นที่ไม่ตรงอารมณ์ของตนเอง โดยทำการละเว้นตำราอะกีดะฮ์ที่ฝ่ายตนให้การยอมรับ ทั้งที่มีหลักอะกีดะฮ์ที่น่าขนลุกและต้องสะท้าน
จากหนังสือ "อัซซุนนะฮ์" ซึ่งวะฮาบีย์ปัจจุบันบอกว่าเป็นหนังสือของท่าน อับดุลลอฮ์ บุตร อะห์มัด และพวกเขาก็ทำการตีพิมพ์เผยแพร่
ซึ่งหนังสือเล่มดังกล่าวได้บันทึกว่า "ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นอัลกุรอานอยู่บนเก้ากี้(กุรซีย์) ที่ทำมาจากทอง มีมะลาอิกะฮ์สี่ท่านกำลังแบกอยู่ มะลาอิกะฮ์คนหนึ่งอยู่ในรูปของผู้ชาย มะลาอิกะฮ์อีกคนหนึ่งอยู่ในรูปของสิงห์โต มะลาอิกะฮ์ของท่านหนึ่งอยู่ในรูปของวัว และมะลาอิกะฮ์อีกท่านหนึ่งอยู่ในรูปของนกอินทรีย์ ซึ่งอยู่ในสวนสีเขียว ซึ่งมีพื้นปูที่มาจากทองคำ" รายงานลำดับที่ (271) 1/175 - 176 ตีพิมพ์ ดารุลอาลัมอัลกุตุบ ริยาฏ
มีรายงานกล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงสร้างบรรดามะลาอิกะฮ์จากรัศมีสองข้อศอกและอก(ของพระองค์)" รายงานลำดับที่ (1084) 2/475 ตีพิมพ์ ดารุลอาลัมอัลกุตุบ ริยาฏ แสดงว่าอัลเลาะฮ์มีข้อศอกและมีหน้าอก!?
มีรายงานกล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงตรัสกับมูซาอย่างไร? เขากล่าวว่า ตรัสด้วยปากต่อปาก" รายงานลำดับที่ (547) แสดงว่าอัลเลาะฮ์มีปาก!?
รายงานกล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงเขียนคัมภีร์เตาร็อตให้แก่มูซา อะลัยฮิสลาม ด้วยมือของพระองค์ โดยที่พระองค์นั่งพิงหลังอยู่ในโขดหิน (ซึ่งพระองค์ทรงเขียน)ในกระดานที่ทำมาจากไข่มุก ดังนั้น มูซาจึงได้ยินเสียงขีดเขียนของปากกา โดยที่ระหว่างเขากับพระองค์นั้น ไม่มีสิ่งใดนอกจากมีฮิญาบมาขวางกั้น" รายงานลำดับที่ (568) ดูเหมือนว่าอัลเลาะฮ์จะเป็นรูปร่างน่ะครับ วัลอิยาซุบิลลาฮ์ !
ท่านอิบนุก็อยยิมได้รายงานเรื่องราวการเสียชีวิตของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จากฮะดิษท่านญาบิร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่อะลี ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุว่า "เมื่อฉันได้เสียชีวิต ท่านจงอาบน้ำแก่ฉัน อิบนุอับบาสคอยรดน้ำ ญิบรีลคือบุคคลที่สาม(จัดการศพร่วม)กับท่านทั้งสอง และจงทำการห่อฉันด้วยผ้าสีขาวสามผืนที่ใหม่ และวางฉันในมัสยิด ดังนั้นดับแรกจากผู้ทำละหมาดให้ฉันคือผู้อภิบาลที่อยู่บนอะรัช" ดู หนังสืออิจญ์มา อัลญุยูช อัลอิสลามียะฮ์ หน้า 58 ของท่านอิบนุก็อยยิม แต่ฮะดิษนี้ฏออีฟถึงขั้นเมาฏั๊วะ ซึ่งท่านนูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวว่า "ฮะดิษนี้รายงานโดยฏ็อบรอนีย์ ซึ่งในฮะดิษนี้มี อับดุลมุนอิม บิน อิดรีส ซึ่งเขาเป็นจอมโกหกและกุฮะดิษ) ดู มัจญ์มะอฺอัซซะวาอิด 9/30
หนังสืออิจญ์มาอ์อัลยุยูช นี้ เป็นหนังสือของท่านอิบนุก็อยยิม ที่เกี่ยวกับเรื่องอะกีดะฮ์ ซึ่งผู้รู้วะฮาบีย์เมืองไทยเราจะนำมาอ้างในเรื่องอะกีดะฮ์ของตน
ท่านอิบนุก็อยยิม ได้กล่าวอีกว่า ชัยคุลลอิสลาม อัลฮะรอวีย์ ได้กล่าวด้วยสายสืบของท่าน จากอับดุลลอฮ์บินวะฮ์บินว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "พวกท่านจงให้เกียรติวัว เพราะวัวนั้นจะไม่เงยศีรษะของมันไปยังฟากฟ้าตั้งแต่ที่ลูกวัวได้ถูกกราบไว้ เนื่องจากมีความละอายต่ออัลเลาะฮ์" ดู หนังสืออิจญ์มา อัลญุยูช อัลอิสลามียะฮ์ หน้า 207 ของท่านอิบนุก็อยยิม
ให้เกียตริวัวระวังชิริกครับ
ผมจึงไม่ทราบว่า บรรดาอาจารย์วะฮาบีย์ มีความเห็นอย่างไรกับหนังสืออะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์เหล่านี้ครับ หรือว่าเนื้อความจากอะกีดะฮ์เหล่านี้ทำให้อยู่ในซุนนะฮ์ ส่วนหนังสือประวัติบัรซันญีทำให้อะกีดะฮ์หลุดจากอิสลาม!!