ผู้เขียน หัวข้อ: หนังสือ ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับประเด็นการทิ้ง(ไม่ได้กระทำ)ของท่านนบี(ซ.ล.)  (อ่าน 2080 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

 salam

حسن التفهّم والدرك لمسألة الترك
 
http://www.frzdqi.net/bhooth/altark.htm

السيد عبدالله بن الصديق الغماري

ของท่าน มุฮัดดิษ อัซซัยยิด อับดุลลอฮ์ บิน ศิดดีก อัลฆุมารีย์

หนังสือเล่มนี้พูดเกี่ยวกับ  หลักการต่าง ๆ ที่ท่านนบี (ซ.ล.) ไม่ได้กระทำ  ซึ่งสิ่งที่นบี (ซ.ล.) ไม่ได้กระทำนั้น  ฮุกุ่มเป็นเช่นไร  ก็หาคำตอบได้จากหนังสือเล่มนี้ครับ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
บิสมินลาฮิรรอมานีรรอฮีม

الحمدلله ولي النّعم,والصّلاة والسّلام على سيّد العرب والعجم,سيّدنا محمّد المخصوص بكامل العز والشّرف وعلى آله وأصحابه أولي الفضل والكرم.

وبعـــــــد

فهذه رسالة وجيزة في صفحاتها,مهمّة في موضوعها,دبجتها يراعة ...العلاّمة المحدّث المحقّق الشّريف سيّدي عبدالله بن الصّديق الغماري الحسني رحمه الله تعالى ونوّر مرقده,والذي أسعده  بجواره في 20 شعبان سنة 1413هـ,وقد استوفى المصنّف بحثاً لم يسبق إليه,ولم يغلب بفضل الله عليه,وهو بحث الترك الذي لا يقترن بأمر ولا نهي.

فإنّنا نجد جمهرة من المتشدّدين يستدلون  بالترك على تحريم المتروك,وهي شهادة على نفي ؛فما أسرع انهيار صرحها وتهاويه أمام الأدلّة المذكورة في هذه الرّسالة.

وإنّنا نلفت نظر القارىء الكريم إلى عدم التسرّع بالحكم بالتحريم لمجرّد الترك فإنّ في ذلك استحداثاً في الدين,وشهادة على النفي,وافتئاتاً على الشّرع.

وقد أشار المصنّف رحمه الله تعالى إلى مسألة الترك في كتابيه((إتقان الصّنعة في تحقيق البدعة)) وفي ((الرد المحكم المتين على كتاب القول المبين)) وكلاهما سارت بهما الرّكبان.

والله نسأل أن ينفع بها وبسائر مصنّفاته وأن يتغمّده برحمته والحمدلله رب العالمين والصّلاة والسّلام على سيّد الأوّلين والآخرين.

                                 

                                                       عيسى بن عبدالله بن مانع الحميري

 
โฮ....บัง  ผมอ่านก็ไม่ถูกและก็แปลไม่ได้ครับช่วยที   พอดีผมไม่ได้พาแว่นตาแบบภาษาอาหรับมานะครับ  เลยอ่านไม่ออกและไม่เข้าใจ  อิๆๆ     boulay:

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ผมขออนุญาตออกนอกประเด็นสักนิดครับ

   ท่านนบีซล)นั้นถูกส่งมาเพื่อโปรยความเมตตาแก่สากลโลกทั้งมวล  แบบฉบับในทุกๆอย่างนั้นล้วนมาจากพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ที่เป็นตัวอย่างแก่อุมมะของท่าน


ดังนั้นใครที่รับสารแห่งรสพระธรรมคำสอนจากท่านนบีแล้วนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดก็ถือว่า เขาคนนนั้นได้ชื่อว่า  คือผู้ที่เดินตามอัชซุนนะของท่านนบี


แต่ การเดินตามแบบฉบับท่านนบีอย่างสมบูรณ์นั้น มันมีเฉพาะสมัยที่เขาเหล่านั้นร่วมชีวิตกับท่านร้อซุล นั้นคือบรรดาซอฮาบะ เมื่อ เขาพบปัญหาใดเขาก็จะถามท่านนบี และท่าน

นบีก็จะตอบหรือแก้ปัญหานั้นให้ ตามพระประสงค์ของอัลเลาะเจ้า


มาถึงยุคซอฮาบะ ปัญหามากมายที่เขาเหล่านั้นขัดแย้งหรือการได้รับข้อมูลไม่ตรงกัน และสำหรับทางออกที่เป็นเสียงเดียวกัน

 คือวายิบหรือจำเป็นต้องมีผู้นำอย่างเร่งด่วน

ในที่สุดก็เกิดความเห็นที่ขัดแย้งกันครั้งแรกของการตั้งผู้นำหลังจากท่านนบีจากไปแล้ว ได้เกิดขึ้น ระหว่างอาหรับมักกะ เชื้อสายกุเรช

เป็นผู้อพยพและอาหรับชาวมาดีนะในการจัดตั้งผู้นำเพราะว่าท่านนบีไม่ได้กำหนดไว้ว่า ให้ใครเป็นผู้สืบต่อผู้นำแทนท่าน

ซึ่งเราได้รับทราบจาก บางรายงานว่า ท่านนบีนั้นเสียชีวิตในวันจันทร์ แต่ได้ฝังในวันพุธก็เพราะเหตุผลตรงนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อเป็นเช่นนี้บรรดาผู้รู้ทั้งสองฝ่ายก็เข้าร่วมปรึกษาหารือในการคัดเลือกผู้นำแทนท่านนบี   การแต่งตั้งผู้นำนั้นไม่ใช่ว่าจะแต่งตั้งกันง่ายๆหรือวันเดียวจบ

ว่ากันว่า การแต่งตั้งผู้สืบเจตนารมณ์ท่านนบีนั้น พวกเขาไม่เคยละเลย ในคำกล่าวบอกของท่านนบีก่อนท่านมีชีวิต

บรรดาผู้รู้ที่เป็นนักจดจำทั้งอัลกรุอ่านและผู้ที่เข้าใจอัลกรุอ่านรวมทั้งผู้ที่จดจำฮาดิสหลายๆท่านมาร่วมกันให้ความคิดเห็นในเวลานั้น

ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงซอฮาบะกลุ่มเดียว

อย่างที่ฝ่ายชีอะกล่าวอ้าง

ประการแรก ผู้รู้หลายๆท่านจะต้องจดจำมาจากอัลกรุอ่านเกี่ยวกับหลักฐานคำดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า  เมื่อไม่พบพวกเขาก็จะหวลไปหาคำพูดตรงๆของท่านนบี

แม้ว่าคำพูดนั้นจะไม่เจาะจงตัวบุคคล ก็ตาม เขาเหล่านั้นก็พยายามหาสิ่งที่ท่านนบีเคยได้พูดไว้ในหลายๆสถานทีถึงความพึงพอใจในการอามนาะหรือไว้วางใจในตัวบุคคลที่ท่านนบีใกล้ชิด


จะเห็นว่า การกิยาสของระบบชูรอของซอฮาบะนั้นได้เริ่มขึ้น ณ.ตรงนี้


พวกเขาเห็นว่า อัลลออ์นั้น ทรงแต่งตั้งนบีจากอาหรับเผ่ากุเรช  ที่ครบถ้วนด้วยคุณสมบัติที่พระองค์ทรงพอพระทัย

พวกเขาเห็นว่า   ท่านอบูบักร์นั้นก็เป็นอาหรับชาวกุเรชเช่นกันที่เป็นบุคลที่ท่านนบีพอใจและไว้วางใจที่สุด 

พวกเขาเห็นว่า   ท่านอบูบักร์คือผู้ที่ยืนหยัดในซุนนะท่านนบีอย่างเคร่งครัด  ที่สุดในเวลาที่ผ่านมา

พวกเขาเห็นว่า ท่านอบูบักร์เหมาะสมหลายๆอย่างในขณะนั้น


ในที่สุดพวกเขาก็เห็นว่า แม้ไม่มีการกำหนดตรงๆจากอัลกรุอ่าและคำพูดท่านนบี ว่าให้แต่งตั้งใครในการเป็นผู้นำ

จึงไม่ผิดแต่อย่างใดในการแต่งตั้งจากการเสนอชื่อท่านอบูบักร์เป็นผู้นำในครั้งนั้นผู้รู้เหล่านั้นถือว่า มันเป็นสิ่งวายิบด่วนในการตัดสินอย่างนี้


ที่กล่าวมานี้พอจะสรุปว่า

การแต่งตั้งผู้นำนั้นแม้ไม่มีหลักฐานใช้จากกีตาบุลลออ์และซุนนะนบีตรงๆ
ก็ยังมีหลักฐานในการเลือกผู้นำให้เราได้รับรู้    และบรรดาซอฮาบะนั้นเขาเป็นแบบตัวอย่างที่ดีในสิ่งที่เขาเหล่านั้นสร้างสิ่งที่ดีไว้ให้เรารับรู้

แม้ว่าแรกๆการแต่งตั้งผู้นำนั้นอาจจะเกิดความคิดเห็นไม่ลงรอยก็ตาม  ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา  แต่เมื่อผู้รู้ได้ทำการตัดสินในสิ่งที่ไม่มีที่มาจากสองสิ่งนั้นแล้ว


 พวกเขาก็ยอมรับในสิ่งนั้นโดยปริยาย 

ความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องการเลือกผู้นำในการปกครองนั้นมันก็คล้ายๆกับ การแตกต่างในการยึดถือหลักฐานในการนำมาปฏิบัตินั้นเอง

ฝ่ายที่เห็นด้วยในการเป็นผูนำของท่านอบูบักร์นั้นเป็นชนส่วนมาก และนั้นหมายถึงว่า เขาก็ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านอบูบักร์แนะนำไว้ 

ไม่ว่า ด้านการยึดมั่น และชารีอัต การปกครองฯลฯ

ท่านอบูบักร์ก็จะต้องปฏิบัตามสิ่งที่ท่านได้รับทราบมา จากอัลกรุอ่านและคำพูดของท่านนบี  แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ว่า

ท่านจะรู้หมดในอัลกรอ่านและก็มิใช่ว่า ท่านสามารถจดจำและให้ความหมายโองการทั้งหมด   ท่านก็ต้องอาศัยผู้ที่เป็นนักจำเช่นกัน

เช่นเดียวกันคำพูดของท่านนบีก็ไม่ใช่ว่าท่านอบูบักร์จะจดจำได้หมด

เพราะบางอย่างท่านเองยังไม่เคยรับรู้บางอย่างที่ซอฮาบะท่านอื่นรู้

หลักฐานบางอย่างที่ไม่มีในสมัยนนบีนั้นก็ยังมีการเพิ่งนำมาใช้ในสมัยท่านอบูบักร์

นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า  และแนวทางหรือมัสหับนั้นก็เริ่มเกิดขึ้นตรงนี้เป็นอันดับแรก

และคอลีฟะท่านอื่นก็มีมัสหับต่างๆกันมา เพราะสิ่งไหนที่ไม่มีในอัลกรุอ่านและคำพูดของท่านนบี แนน่อนว่าผู้นำหรือคอลีฟะนั้นก็ต้องกำหนดมันนขึ้นมา

 ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกฏหมายบ้านเมืองเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงหลักฐานในงานศาสานาเพราะศาสนานั้นไม่สามารถแยกออกจากการเมืองได้

เราจะพบว่า ในอดีตมีหลายอย่างที่เพิ่งมีในสมัยเดียวกับผู้ปกครอง



ที่นี้มาคุยกันในประเด็นที่ท่านนบีละทิ้งว่า นักวิชาการศาสนาเขาว่ากันอย่างไร

ผู้คัดค้านหรือนักวิชาการสมัยใหม่มักจะอ้างว่า "ท่านนบีไม่เคยทำบรรดาซอฮาบะฮ์ไม่เคยทำและสะลัฟไม่เคยทำ" พวกเขาก็เลยเอาหลักการนี้มาหุกุ่มหะรอมบิดอะฮ์ในเรื่องของศาสนา

โดยไม่คำนึงว่าอะไรเป็นหลักการที่สอดคล้องกับศาสนาและอะไรที่ขัดแย้งกับศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาสะลัฟ  ไม่ว่าจะเป็นซอฮาบะฮ์  ตาบิอีน  และตาบิอิตตาบิอีนนั้น

 ไม่มีผู้ใดกล่าวอ้างเลยว่า  หากสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กระทำนั้น  ย่อมเป็นสิ่งที่หะรอม!!

ดังนั้นการที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)หรือสะละฟุศศอลิหฺไม่ได้ทำนั้นไม่ใช่เป็น"หลักฐาน" ( دليل )แต่มันชี้ถึง"การไม่มีหลักฐาน" ( عدم دليل )หรือ

พูดอีกสำนวนหนึ่งก็คือการที่ท่านนบี(ซ.ล.)และสะละฟุศศอลิหฺไม่ได้ทำนั้นไม่ใช่เป็น"หลักฐาน" (دليل )ว่าห้ามทำแต่มันบ่งถึง "การไม่มีหลักฐาน" ( عدم دليل )

หรือ "หลักฐานในเชิงไม่มีและไม่รู้ว่ามีหุกุ่มมาระบุ" ( الدليل العدمى )ในการห้ามเมาลิดรำลึกท่านนบี(ซ.ล.)ดังนั้นหลักฐานที่ชี้ถึงการห้าม ( دليل التحريم )

นั้นคือการมีตัวบทหลักฐานที่บ่งถึงการต้องห้าม(النهى)กับการกระทำสิ่งหนึ่งหรือมีการตำหนิจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ในการกระทำสิ่งหนึ่ง

และหากว่ามีตัวบทมาระบุห้ามก็ย่อมไม่มีข้อกังขาแต่ประการใดอย่างแน่นอน

ดังนั้นหลักการที่ท่านนบี(ซ.ล.)ละทิ้งการกระทำหรือท่านนบี(ซ.ล.)และสะละฟุศศอลิหฺไม่ได้กระทำนั้น  จะนำมาเป็นหลักฐาน(دليل)ในศาสนา

เพื่อทำการตำหนิทำการหุกุ่มหะรอมทำการกล่าวหาบิดอะฮ์ตกนรกและนำมากล่าวหาเป็นการกระทำที่ชั่วนั้นย่อมไม่ใช่หลักการหุกุ่มของศาสนา

และหลักพื้นฐานของฟิกห์ที่บรรดานักปราชญ์มุจญฺฮิดแห่งโลกอิสลามได้วางหลักการวินิจฉัยหุกุ่มเอาไว้เพราะฉะนั้นการที่สะละฟุศศอลิหฺไม่ได้กระทำ

 ย่อมไม่ใช่หลักฐานแต่มันบ่งถึงไม่มีหลักฐานและหลักฐานหนึ่งจะสามารถบ่งถึงการห้ามและตำหนิได้นั้นก็ด้วยสิ่งที่อัลเลาะฮ์(ซ.บ.)ทรงบัญญัติห้าม

และสิ่งที่ท่านร่อซูลุเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้ห้ามไว้ในซุนนะฮ์ที่ซอฮิหฺของท่าน

ดังนั้นประเด็นเมาลิดนี้มันอยู่ในเรื่องของการ "ละทิ้งการกระทำ" ( الترك )ซึ่งความหมายก็คือท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทิ้งกับสิ่งหนึ่ง -คือไม่เคยกระทำมัน

-หรือสะละฟุศศอลิหฺไม่เคยกระทำมันโดยที่ "ไม่มี"หะดิษหรือร่องรอยมารายงานระบุห้ามจากการกระทำดังกล่าวที่ให้ความเข้าใจถึงหะรอมหรือมักโระฮ์

บรรดาผู้รู้ยุคหลังๆ  บางท่านเลยเถิดในการอ้างหลักฐานที่คุมเคลือเช่นนี้โดยทำการหุกุ่มหะรอมหรือกล่าวหาบิดอะฮ์ลุ่มหลงในเรื่องของศาสนาด้วยคำกล่าวที่ว่า

ท่านนบีไม่เคยทำอย่างนี้หรือไม่ได้รับการยืนยันว่านบี(ซ.ล.)กระทำอย่างนั้นเป็นต้น

อุลามาอ์บางท่านกล่าวไว้ว่า

الترك ليس بحجة فى شرعنا
لا يقتضى منعا ولا إيجابا
فمن ابتغى حظرا لترك نبينا
ورأه حكما صادقا وصوابا
قد ضل عن نهج لأدلة كلها
بل أخطأ الحكم الصحيح وخابا

"การละทิ้ง(นบีไม่ได้กระทำ)ไม่ใช่เป็นหลักฐานในชาริอัตของเรา"

"มันไม่ได้ให้นัยยะถึงการห้ามหรือจำเป็น"

"ดังนั้นผู้ใดปรารถนา (หุกุ่ม)ห้ามเพราะนบีของเราไม่ได้ทำ"

"โดยเขาเห็นว่ามันเป็นหุกุ่มที่สัจจริงและถูกต้อง"

"แน่แท้แล้วเขาย่อมหลงจากวิถีทางของ(การอ้าง)บรรดาหลักฐานทั้งหมด"

"ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ผิดพลาดกับหุกุ่มที่ถูกต้องและเขาก็สิ้นหวัง"

ดูหนังสืออัตตะหฺซีรมินัลอิฆติยารของชัยค์อับดุลหัยฺอัลอัมรอวีย์และชัยค์อับดุลกะรีมมุร๊อดหน้า 75







ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
อักษรเล็กเกิน อ่านไม่ได้ (ข้ออ้าง)

จะว่าไป นบีก้ไม่กินตัวด๊อบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากินไม่ได้ ซอฮาบัฮกินนบีไม่ได้ว่าอะไร
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักการเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำ

ท่านชัยค์ อัลฆุมารีย์กล่าวว่า "การที่ท่านนบี(ซ.ล.)ละทิ้งการกระทำสิ่งหนึ่ง หรือบรรดาสะละฟุสซอและหฺละทิ้งไม่ได้กระทำมัน โดยไม่มีหะดิษ หรือคำกล่าวรายงานของซอฮาบะฮ์ มาระบุห้ามสิ่งที่ถูกทิ้งนั้น มันไม่ได้หมายถึงฮะรอมหรือมักโระฮ์ทำสิ่งนั้น " (ดู หุสนุด ตะฟะฮฺฮุม วัดดัรกฺ หน้า 12 ของท่าน ชัยค์ อัลฆุมารีย์ )

ดังนั้น การทิ้งการกระทำนี้ มีหลายประเภท อาธิ เช่น

1. ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ละทิ้งมันนั้น เพราะมีสิ่งที่มาหักห้ามตามอุปนิสัยตามธรรมชาติ หรือมีอุปนิสัยที่ไม่ชอบ เช่น ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ละทิ้งการกินเนื้อ ฏ๊อบ เมื่อมันได้ถูกนำมาให้แก่ท่าน ซึ่งในหะดิษนี้นั้น ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ถูกถามว่า "มันเป็นสิ่งที่ต้องห้ามหรือ ? ท่านนบี(ซ.ล.)ตอบว่า "ไม่หรอก" เพราะฉะนั้นเรื่องที่กล่าวมานี้ ชี้ให้เห็นว่า การละทิ้งการกระทำของท่านนบี(ซ.ล.)นั้น ไม่ถือว่า เป็นการหะรอมห้ามกระทำมัน

2. การที่ท่านนบี(ซ.ล.)ทิ้งหรือไม่ได้ทำนั้น เพราะเกิดจากการลืม เช่นการที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ลืมในละหมาด โดยท่านได้ละทิ้งสิ่งหนึ่ง ท่านจึงถูกถามว่า "มีสิ่งใดเกิดขึ้นในละหมาดหรือ?" ท่านนบี(ซ.ล.) จึงตอบว่า "ที่จริงแล้ว ฉันนั้นก็เป็นมนุษย์ ฉันลืมเหมือนกับที่พวกท่านลืม ดังนั้น เมื่อฉันลืม พวกท่านก็จงเตือนฉัน"

ดังนั้น เมื่อท่านนบี(ซ.ล.) ได้ละทิ้งสิ่งหนึ่งจากละหมาด พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่ามันเป็นหุกุ่มใดหุกุ่มหนึ่ง แต่พวกเขากลับไปทบทวนถามกับท่านนบี(ซ.ล.) แล้วท่านนบี(ซ.ล.) ก็ตอบพวกเขา ด้วยคำตอบที่ชี้ให้เห็นว่า การทิ้งการกระทำของท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นหุกุ่มใด ๆ ขึ้นมา

3. การที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทิ้งการกระทำนั้น เพราะเกรงว่า จะเป็นฟัรดูภาระกิจจำเป็นแก่ประชาชาติของท่าน เช่นท่านได้ทิ้งละหมาดญะมาอะฮ์ ตะรอวิหฺ ในขณะที่บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการรวมตัวกันละหมาด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นฟัรดูเหนือพวกเขา

4. การที่ท่านนบี(ซ.ล.)ทิ้งการกระทำ ก็เพราะเกรงถึงฟิตนะฮ์(ความวุ่นวายหรือทำให้ซอฮาบะฮ์บางคนที่พึ่งเข้าอิสลามใหม่ ๆ เกิดความรวนเรหรืออาจจะละทิ้งศาสนา)ที่อาจเกิดขึ้นได้ อาธิเช่น ท่านนบี(ซ.ล.)ละทิ้งการรื้นถอนบัยตุลลอฮ เพื่อนำมาสร้างไว้ที่ฐานเดิมของท่านนบีอิบรอฮีม(ซ.ล.) ตามที่ได้ระบุไว้ในซอฮิหฺบุคอรีย์และมุสลิม เพราะฉะนั้น การละทิ้งหรือไม่ได้กระทำสิ่งดังกล่าวนั้น เพื่อถนอมน้ำใจของบรรดาซอฮาบะฮ์บางคนที่เพิ่งเข้ารับอิสลามใหม่ ๆ

5. บางครั้ง ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทิ้ง เนื่องจากสาเหตุเฉพาะตัวของท่าน เช่นท่านนบี(ซ.ล.) ทิ้งการรับประทานหัวหอม และสิ่งที่มีกลิ่นไม่ดี เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนแก่มะลาอิกะฮ์ ในขณะที่รับวะหฺยุ โดยที่ไม่มีผู้ใดกล่าวว่า การรับประทานหัวหอมนั้น เป็นสิ่งที่หะรอม เพราะว่านบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งการรับประทานมัน

จากตัวอย่างที่เราได้กล่าวมานั้น เราจะเห็นว่า การที่ท่านนบีได้ละทิ้ง หรือ ไม่ได้กระทำสิ่งหนึ่งนั้น ไม่ได้ชี้ถึงว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่หะรอม โดยจะนำมาแอบอ้างว่าสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ได้กระทำนั้น คือสิ่งที่บิดอะฮ์ลุ่มหลงไปเสียทั้งหมด

ท่าน อบู อัลฟัฏลฺ อัลฆุมารีย์ กล่าวว่า " การละทิ้งการกระทำเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีหลักฐานมาระบุว่าสิ่งที่ถูกทิ้งนั้นหะรอม ย่อมไม่เป็นหลักฐานชี้ว่าสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่หะรอม แต่จุดมุ่งหมายนั้นก็คือ การที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งการกระทำดังกล่าว ย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาติให้ละทิ้งการกระทำได้ และส่วนการที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งการกระทำ ที่เป็นสิ่งที่หะรอมนั้น ไม่ได้หมายถึงว่า เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งมัน แต่เป็นเพราะว่า มีหลักฐานมาระบุถึงการห้ามต่างหาก " ดู หุสนุด ตะฟะฮฺฮุม วัดดัรกฺ หน้า 15
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
1. ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ละทิ้งมันนั้น เพราะมีสิ่งที่มาหักห้ามตามอุปนิสัยตามธรรมชาติ หรือมีอุปนิสัยที่ไม่ชอบ เช่น ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ละทิ้งการกินเนื้อ ฏ๊อบ เมื่อมันได้ถูกนำมาให้แก่ท่าน ซึ่งในหะดิษนี้นั้น ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ถูกถามว่า "มันเป็นสิ่งที่ต้องห้ามหรือ ? ท่านนบี(ซ.ล.)ตอบว่า "ไม่หรอก" เพราะฉะนั้นเรื่องที่กล่าวมานี้ ชี้ให้เห็นว่า การละทิ้งการกระทำของท่านนบี(ซ.ล.)นั้น ไม่ถือว่า เป็นการหะรอมห้ามกระทำมัน
อุสตาสผมบอกว่าอร่อยมาก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเนื้อมัน เพราะเคยถูกหลอกให้กิน แล้วก็แรงมากด้วย เพิ่มสมรรถภาพ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam

น้องอุลามะ ครับ

ว่างๆชวนอุสตาสเข้าชมเวปนี้บ้างนะครับ

เผื่อว่า เราจะได้คำติชมจากท่านบ้างครับ 

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
^
^
ผมยังไม่เห็นคุณอูลามะฝึกวิชามาเหยียบกระทู้นี้เลย
อุสตาสผมเขาเล่นเว็บบอร์ดของอาหรับครับ แต่ส่วนใหญ่จะเล่นคอมไม่ค่อยเป็นกัน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Muftee

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
หนังสือ  حسن التفهّم والدرك لمسألة الترك   เล่มนี้  ผมเองก็มีอยู่เล่มนึงครับ.....  เป็นหนังสือที่ตอบโต้ท่าน
อิบนุ ตัยมียะฮฺเต็มๆ คับ...
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //