السلام عليكم ورحمة الله تعالى وبركاته
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين ، والصلاة والسلام على رسول الله صلى الله عليه وسلم وعلى آله وصحبه أجمعين
การดื่มนมร่วมกันที่มีผลต่อการห้ามแต่งงาน (เวลาที่ดื่ม และปริมาณที่ดื่ม) และท่านอีหม่ามมุสลิมได้รายงานว่า
عن أم الفضل رضي الله عنها قالت: دخل أعرابى على نبي الله صلى الله عليه وسلم وهو في بيتى فقال:
يا نبي الله ! إنّى كانت لي امرأة فتزوجت عليها أخرى ، فزعمت امرأتى الأولى أنها أرضعت امرأتى الحدثى
رضعة أو رضعتين ، فقال نبي الله صلى الله عليه وسلم: (لا تحرم الإملاجة والإملاجتان) رواه الإمام مسلم.
ความว่า :รายงานจากอุมมุลฟัดลฺ (รอฏิฯ) ซึ่งนางได้กล่าวว่า ได้มีชายชาวชนบทคนหนึ่งเข้ามาหาท่านนบี (ศ็อลฯ) โดยที่ท่านนบีอยู่ในบ้านของฉัน ชายคนนั้นได้กล่าวว่า โอ้ท่านนบี! ฉันมีภรรยาแล้วหนึ่งคน แล้วฉันก็แต่งงานงานกับหญิงอีกคนหนึ่ง ภรรยาคนแรกของฉันอ้างว่า นางได้เคยให้นมกับภรรยาคนใหม่ของฉันหนึ่งหรือสองครั้ง แล้วท่านนบี (ศ็อลฯ) ก็ได้กล่าวว่า การให้นมเพียงหนึ่งครั้งและสองครั้งจะไม่ถูกห้าม
พระนางอาอีซะฮฺ (รอฏิฯ) ได้กล่าวว่า ปรากฏว่าอัลกรุอานได้ถูกประทานลงมาโดยระบุครั้งของการให้นมไว้ 10 ครั้ง หลังจากนั้นอัลลอฮฺทรงยกเลิก โดยให้เหลือเพียง 5 ครั้งเท่านั้น
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การให้นมแก่เด็กที่อายุยังไม่ครบ 2 ขวบ จำนวน 5 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งนมที่ให้ลงสู่กระเพาะของเด็ก และทำให้เด็กอิ่ม มีผลต่อการห้ามแต่งงาน
ท่านดารุกุตนีย์ได้รายงานว่า
عن ابن عباس رضي الله عنهما قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: ( لا رضاع إلاّ ما كان في الحولين ) رواه الدارقطني وصححه ابن القيم في زاد المعاد ج/۵ ص /۵۵٤
ความว่า :รายงานจากท่านอิบนุอับบาส (รอฏิฯ) ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า ไม่ถือเป็นการรอฏออะฮฺแต่อย่างใด นอกจากสิ่งที่อยู่ในช่วงอายุสองขวบ (นอกจากให้นมกับเด็กที่อยู่ในช่วงอายุสองขวบ)
และท่านตีรมีซีย์ได้รายงานว่า
عن أم سلمة قالت: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم: ( لا يحرم من الرضاع إلاّ ما فتق الأمعاء وكان قبل الفطام ) رواه الترمذى وصححه.
ความว่า :รายงานจากพระนางอุมมุซาลามะฮฺซึ่งนางได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า จะไม่ถูกห้ามจากการเป็นรอฏออะฮฺ นอกจากสิ่งที่ (นม) ทำให้กระเพาะขยาย (อิ่ม) และก่อนการหย่านม
ส่วนการให้นมด้วยวิธีไหนนั้น นักวิชาการยังมีการขัดแย้งกันอยู่ ดังมีทัศนะดังต่อไปนี้
1-ท่านอีหม่ามอบูฮานีฟะฮฺ อีหม่ามมาลิก และท่านอีหม่ามซาฟีอีได้ให้ทัศนะว่า เมื่อน้ำนมตกลงสู่ท้องของเด็ก ไม่ว่าจะวิธีการใด ๆ และมีผลต่อการสร้างกระดูก และเนื้อ มีผลต่อการเป็นแม่ลูกทางสายนม เพราะท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺได้กล่าวโดยมีความหมายว่า ไม่ถือว่าเป็นแม่ลูกทางด้านการดื่มนมแต่อย่างใด นอกจาก (น้ำนมนั้น) จะไปสร้างกระดูก และทำให้เนื้อเจริญเติบโต
2-ด็อกเตอร์ยูซุฟก็อรดอวีย์ ได้ให้ทัศนะว่า การให้นมไม่เพียงแค่ในน้ำนมถึงท้องเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องให้นมโดยผ่านเต้าของผู้ให้ด้วย
3-ท่านอีหม่ามอิบนุฮัซมฺได้ให้ทัศนะว่า การให้นมที่มีผลต่อการห้ามจากการมีเชื้อสายเดียวกัน ก็คือการที่เด็กจะต้องดูดด้วยปากจากเต้านมของผู้ให้ ส่วนการรีดใส่ภาชนะนั้น ไม่มีผล
4-ท่านอีหม่ามเลซอิบนุซะอฺดฺได้กล่าวว่า การนำเอาน้ำนมของผู้หญิงมาเป็นยาหยอดตา หรือนำมาดื่มเพื่อเป็นยา ไม่ถือเป็นการห้ามจากการมีเชื้อสายเดียวกัน เพราะไม่ได้ดูดจากเต้า
5-ทัศนะของนักวิชาการส่วนมากได้ลงมติว่า การให้นมของผู้หญิงแก่เด็กที่อายุยังไม่ครบ 2 ขวบ จำนวน 5 ครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งนมที่ให้ลงสู่กระเพาะของเด็ก และทำให้เด็กอิ่ม มีผลต่อการห้ามแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้โดยผ่านเต้านมโดยตรง หรือรีดใส่ภาชนะก็ตาม ถือว่าการให้นมดังกล่าวเป็นแม่ลูกทางด้านการดื่มนม ซึ่งมีผลห้ามเช่นเดียวกับข้อห้ามของผู้เป็นสายเลือดเดียวกัน เช่นการแต่งงานระหว่างแม่ลูก พี่น้อง เป็นต้น
และอัลลอฮฺ (ซุบฮาฯ) ทรงตรัสเรื่องของการห้ามแต่งงานไว้ในซูเราะฮฺอัลนิสาอฺอายะฮฺ 23 ว่า
حُرِّمَتْ عَلَيْكُمْ أُمَّهَاتُكُمْ وَبَنَاتُكُمْ وَأَخَوَاتُكُمْ وَعَمَّاتُكُمْ وَخَالاَتُكُمْ وَبَنَاتُ الأَخِ وَبَنَاتُ الأُخْتِ وَأُمَّهَاتُكُمُ اللاتِى
أَرْضَعْنَكُمْ وَأَخَوَاتُكُمْ مِّنَ الرَّضَاعَةِ وَأُمَّهَاتُ نِسَائِكُمْ وَرَبَائِبُكُمُ اللاتِى فِيْ حُجُوْرِكُمْ مِّنَ نِسَائِكُمْ اللاتِى دَخَلْتُمْ بِهِنَّ
فَإِنْ لَمْ تَكُوْنُوْا دَخَلْتُمْ بِهِنّ َفَلاَ جُنَاحَ عَلَيْكُمْ وَحَلاَئِلُ أَبْنَائِكُمْ الَّذِيْنَ مِنْ أَصْلاَبِكُمْ وَأَنْ تَجْمَعُوْا بَيْنَ الأُخْتَيْنِ إِلاَّ
مَا قَدْ سَلَفَ إِنَّ اللهَ كَانَ غَفُوْرًا رَحِيْمًا
ความว่า: พวกเจ้าทั้งหลายถูกห้ามไว้ (มิให้แต่งงานกับ) มารดาของพวกเจ้า, กับบุตรหญิงของพวกเจ้า, กับพี่น้องหญิงของพวกเจ้า, กับพี่น้องหญิงของบิดาพวกเจ้า, กับพี่น้องหญิงของมารดาพวกเจ้า, กับบุตรหญิงของพี่น้องชาย, กับบุตรหญิงของพี่น้องหญิง, และมารดา (แม่นม) ของพวกเจ้าที่ให้นมแก่พวกเจ้า, และพี่น้องหญิงของพวกเจ้าที่ร่วมน้ำนมเดียวกัน, และมารดาของภรรยาพวกเจ้า, และลูกเลี้ยงของพวกเจ้าที่อยู่ในตัก (อุปการะ) ของพวกเจ้า (ซึ่งเกิด)จากบรรดาภรรยาของพวกเจ้าที่ได้สมสู่กับพวกนางแล้ว แต่หากพวกเจ้ายังมิได้สมสู่กับพวกนาง ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า, และบรรดาภรรยาของบุตรพวกเจ้าที่มาจากเชื้อสายของพวกเจ้า, และ (ห้าม) การที่พวกเจ้ารวมระหว่างหญิงสองพี่น้องไว้ด้วยกัน ยกเว้นกรณีที่พ้นล่วงไปแล้ว (ในยุคก่อนประกาศอิสลาม) แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัยยิ่ง อีกทั้งเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง
และจากการนำเอาโองการข้างต้นนี้มาวิเคราะห์และวินิจฉัยด้วยกับวิชาการแพทย์ที่ทันสมัยในเรื่องของพันธุกรรม โดยเฉพาะการห้ามแต่งงานด้วยสาเหตุการดื่มนมร่วมกันจากมารดาหรือแม่นมคนเดียวกันนั้นพบว่าเป็นการถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมและภูมิคุ้มกันจากนมของแม่หรือแม่นมไปสู่เด็กที่ดื่มนมในช่วงที่นมเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเด็ก และในช่วงที่นมจะถูกหลอมเป็นหนึ่งกับยีน เนื่องจากหน่วยภูมิคุ้มกันของเด็กทารกจะได้รับยีนแปลกหน้าจากนมที่เขาได้ดื่มเข้าไป เพราะว่าหน่วยภูมิคุ้มกันของเด็กแรกเกิดยังไม่เจริญเติบโตเติมที่ในขณะนั้น เช่นเดียวกันกับระบบย่อยอาหารและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นนมจะเป็นตัวสร้างระบบต่าง ๆ ในร่างกายทารกแรกเกิดให้สมบรูณ์
และวิทยปัญญาจากการห้ามแต่งงานระหว่างพี่น้องร่วมดื่มนมจากแม่หรือแม่นมเดียวกันนั้นก็คือ ลักษณะของการสร้างหรือการเปลี่ยนแปลงของยีนที่อยู่ในหน่วยภูมิคุ้มกัน เพราะการสร้างหรือการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะนำไปสู่ผลเสียต่อลูกหลาน เมื่อพี่น้องร่วมน้ำนมแต่งงานกัน เช่นเดียวกับญาติใกล้ชิด เช่นแม่ พี่น้องร่วมสายเลือด หรือน้าอาเป็นต้น และเช่นเดียวกัน สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ถูกห้ามในเรื่องการสืบเชื้อสายหรือแต่งงานก็ได้ถูกห้ามแก่ผู้ที่ได้ดื่มนมร่วมกันจากมารดาหรือแม่นมเดียวกันด้วย
ในลักษณะเดียวกัน มนุษย์เราได้ค้นพบในโลกของผึ้งว่าอาหารของผึ้งมีผลอย่างมากต่อการสร้างร่างกายของผึ้ง ดังนั้นเมื่อตัวอ่อนของผึ้งได้กินอาหารของราชินีผึ้ง ผึ้งตัวนั้นก็จะเติบโตมาเป็นราชินีผึ้ง ส่วนตัวอ่อนที่กินนมผึ้ง ก็จะกลายเป็นผึ้งงาน หรือผึ้งเพศผู้ ดังนั้นความแตกต่างของอาหารของตัวอ่อนผึ้ง จะนำไปสู่ความแตกต่างทางด้านลักษณะพันธุกรรมในตัวผึ้ง
เช่นกัน การดื่มนมจากเต้าของมารดาเดียวกัน จะส่งผลต่อการสร้างเซลล์ ๆ อวัยวะต่าง ๆ และลักษณะนิสัยที่เหมือนมารดาผู้ให้นม และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางจิตใจอย่างลึกซึงระหว่างแม่นมและเด็ก ๆ ที่ได้รับการดื่มนม ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อย่างแม่ลูก