ความจริงที่ไม่น่าเป็นจริง แต่ก็เป็นจริง
UNBELIVEABLE IT'S FEASIBLE
- เตือนตนให้คนอื่นฟัง -
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะห์ อัศศอฟ อายะห์ที่ 2 และ 3 มีความว่า
- โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
- เป็นที่น่าเกลียดยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
จากทางนำของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ท่านอะนัส อิบนุมาลิก ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ผู้ใดยึดเอาโลกอาคิเราะฮฺเป็นเป้าหมายของเขาแล้ว อัลลอฮฺก็จะทรงบันดาลให้ความร่ำรวยบังเกิดขึ้นในหัวใจของเขา และจะรวมกิจการงานของเขาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและจะให้โลกดุนยามาหาเขาโดยการบังคับ และผู้ใดยึดเอาโลกดุนยามาเป็นเป้าหมายของเขาแล้ว อัลลอฮฺก็จะทรงบันดาลให้ความยากจนบังเกิดขึ้นต่อหน้าของเขา และจะแยกกิจการงานของเขาให้กระจัดกระจาย และจะไม่ให้กิจการของโลกดุนยามาหาเขา นอกจากสิ่งที่ได้ถูกกำหนดให้แก่เขาเท่านั้น ฮะดีสนี้บันทึกโดยอิหม่ามอัรติรมีซีย์
สิ่งที่เป็นภัยที่สุดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมุสลิมในปัจจุบันนี้ก็คือ การยึดเอาโลกดุนยามาเป็นเป้าหมาย ซึ่งหมายถึงการลุ่มหลงเพลิดเพลินความสวยงามและตัณหา ประกวดประชันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครองและเป็นกรรมสิทธิ์ในบุตรหลาน ทรัพย์สิน เงินทองและอสังหาริมทรัพย์
ความรักความลุ่มหลงที่เกินขอบเขต และการแข่งขันกันเพื่อครอบครองสิ่งที่เรียกกันว่าวัตถุในโลกดุนยานี้ เป็นความผิดอย่างมหันต์ เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ เพราะความรัก การลืมตัว และความลุ่มหลงในโลกดุนยานี้ จึงทำให้มีการตัดพี่ตัดน้อง ตัดญาติขาดมิตร ทำให้มนุษย์คดในข้องอในกระดูก ไม่มีคำนึงเรื่องอะมานะฮฺ และไม่รักษาคำมั่นสัญญา ทำให้มนุษย์ไม่รักษาสิทธิ์ของกันและกัน ลืมหน้าที่ของแต่ละคนและก้าวก่ายหน้าที่ของผู้อื่น ทำให้ทุกคนอยากเป็นใหญ่เป็นโตทั้งๆ ที่ตนเองก็ขาดคุณสมบัตินานาประการ เพราะความรักและความลุ่มหลงในโลกดุนยานี้มนุษย์จึงหันหน้าเข้าห้ำหั่นกันเหมือนกับสัตว์ป่าที่แข็งแรงกว่าต้องการทำลายสัตว์ที่อ่อนแอกว่าให้หมดสิ้นไป ทำให้พ่อค้าพูดจาโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรมากๆ ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าคนนายคนอวดใหญ่อวดโต เย่อหยิ่ง จองหอง ทำให้เกิดคดีฟ้องร้องกันเอาชนะกันด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนรวยเอาเปรียบคนจน ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย คนที่จิตใจอ่อนแอก็พูดจากลับกลอกไม่เคารพความจริง
เพราะความรักลุ่มหลงเพื่อเทิดทูนแต่ในเรื่องของโลกดุนยาและบุคคลใกล้ชิด เหนือกว่าความรักและความหวังของโลกอาคิเราะฮฺ และเหนือกว่าการเทิดทูนอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ อัลกุรอานกล่าวเตือนบุคคลประเภทนี้ไว้ในซูเราะห์อัตเตาบะฮฺ
ความว่า "จงกล่าวเถิดว่า หากว่าบิดามารดาของสูเจ้า บุตรหลานของสูเจ้า พี่ๆน้องๆ ของสูเจ้า สามีภรรยาของสูเจ้า วงศ์ตระกูลของสูเจ้า ทรัพย์สมบัติที่สูเจ้าแสวงหามาได้ การค้าขายที่สูเจ้ากลัวจะขาดทุน และเคหะสถานที่สูเจ้ามีความพอใจอยู่เป็นที่รักยิ่งของสูเจ้ามากกว่าอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ และการเสียสละไปในทางของพระองค์แล้ว สูเจ้าก็จงคอยเถิด จนกว่าอัลลอฮฺจะนำการลงโทษของพระองค์มา อัลลอฮฺจะไม่ทรงฮิดายะฮฺแก่บุคคลจำพวกที่ดื้อดึง และออกนอกขอบเขต" ( 9 : 24 )
เพราะความลืมตัวและสำคัญผิดนี้เอง ผู้ที่มีความรู้ก็ปิดบังวิชาไม่กล้าพูดความจริง ทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรคือความจริง และกล้าตัดสินในเรื่องต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งเท็จ นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ก็บิดเบือนความจริงกันได้เพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง เพราะความมัวเมาและความลุ่มหลงดุนยา สิ่งต้องห้ามก็กระทำกันอย่างเปิดเผยถือเป็นเรื่องธรรมดา
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดุนยา เพราะความล่อลวงและตัณหาของมัน เพื่อผู้หญิง เพื่อแก้วเหล้า เพื่อตึกรามบ้านช่อง เพื่อที่ดินสักแปลงหนึ่ง เพื่อตำแหน่งจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม เพื่อเงินทองจะมากน้อยสักปานใดก็ตาม จะได้มาโดยทางหะล้าลหรือหะรอมก็ไม่คำนึงถึง เพื่อใกล้ชิดกับหัวหน้า หรือชื่อเสียงในหมู่ชน หรืออื่นจากนี้คือเรื่องปากท้องหรือตัณหาทางเพศ หรือเพื่อทุกๆ อย่างที่ปราศจากศีลธรรมหรือความเป็นมนุษย์ มนุษย์ในสมัยปัจจุบันที่วันสิ้นโลกกำลังคืบคลานมาถึงสามารถกระทำได้ ปฏิบัติได้ เพราะความเคยชินและถือเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งส่วนใหญ่เขากระทำกัน
แน่นอนที่สุดไม่ต้องสงสัยว่า ความรักและความหวังในชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในสัญชาติญาณมนุษย์ มิเช่นนั้นแล้วโลกเราก็จะไม่ก้าวหน้าและมีชีวิตชีวา และก็จะไม่สอดคล้องกับเคล็ดลับที่ว่าเป็นการล่อลวงให้มนุษย์รักและลุ่มหลงในความใคร่ต่างๆ แต่สิ่งที่เป็นภัยและอันตรายที่สุดก็คือ มนุษย์เรามัวเมาอย่างลืมตัวในความรักและลุ่มหลงต่อดุนยา และตั้งเป้าหมายในระยะยาวไว้โดยมิได้คำนึงเลยว่า การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ ถึงแม้จะยาวนานสักปานใดก็ตาม แต่ก็สั้นในทัศนะของการมีชีวิตของแต่ละคน เพราะบุคคลประเภทนี้เปรียบเสมือนผู้ไม่หวังที่จะกลับไปหาพระองค์ อัลลอฮฺ ตะอาลา และไม่มีความศรัทธาต่อวันที่จะมีการชำระสะสางผลงานของแต่ละคน หรือว่ามีความศรัทธาต่อวันปรโลกแต่มีความยุ่งมากมายก่ายกองจนกระทั่งลืม ลืมว่าตนเองนั้นเป็นใครมาจากไหน ? ด้วยเหตุนี้ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงได้สอนให้เราวิงวอนขอดุอาอฺ ต่อองค์พระผู้อภิบาลอยู่เสมอ
มีความว่า "โอ้ อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงอย่าทำให้ดุนยาเป็นที่กังวลอันสำคัญยิ่งแก่เรา และอย่าให้ความรู้ของเรามีเพียงแต่ดุนยาเท่านั้น"
ดังนั้นจะมีอะไรอีกเล่า ที่จะมีความสำคัญยิ่งกว่า และจีรังกว่าการรักและลุ่มหลงแห่งการดำรงชีวตอยู่ในโลกดุนยานี้โยมีเป้าหมายเพื่อวันปรโลก ด้วยการรำลึกถึงการตอบแทนที่เที่ยงธรรมที่สุด ความหวังจะพบกับองค์พระผู้อภิบาล โดยอยู่ร่วมและพร้อมกับบรรดานบีและผู้กระทำความดีทั้งหลาย มีความโลภและอยากได้รับการตอบแทนที่ดี หวังในความยินยอมและโปรดปรานของพระองค์ มีความกลัวในการคิดบัญชีและการลงโทษของพระองค์ ความหมายดังกล่าวมาทั้งหมดนี้ คือความรัก ความหวัง ความโลภ และความกลัว สิ่งเหล่านี้แหละที่จะเป็นเครื่องป้องกันความหลงผิดต่างๆ และจะเป็นโล่ห์ป้องกันภัยของเราในการดำเนินชีวิต
( เอกสาร อัล-อิศลาหฺ อันดับที่ 218-221 เมษายน พ.ศ. 2525 )