ผู้เขียน หัวข้อ: หนังสือ ความจริงที่ไม่น่าเป็นความจริงแต่ก็เป็นจริง(พี่น้องสมควรเข้ามาอ่าน)  (อ่าน 6962 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด

                                                                 ความจริงที่ไม่น่าเป็นจริง  แต่ก็เป็นจริง
                                                           UNBELIVEABLE  IT'S  FEASIBLE


                                                                               - เตือนตนให้คนอื่นฟัง -

อัลลอฮฺ  ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ตรัสไว้ในซูเราะห์  อัศศอฟ  อายะห์ที่  2  และ  3  มีความว่า

- โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย  ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
- เป็นที่น่าเกลียดยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ  การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ

จากทางนำของท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ท่านอะนัส  อิบนุมาลิก  ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ  รายงานว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  ผู้ใดยึดเอาโลกอาคิเราะฮฺเป็นเป้าหมายของเขาแล้ว  อัลลอฮฺก็จะทรงบันดาลให้ความร่ำรวยบังเกิดขึ้นในหัวใจของเขา  และจะรวมกิจการงานของเขาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและจะให้โลกดุนยามาหาเขาโดยการบังคับ  และผู้ใดยึดเอาโลกดุนยามาเป็นเป้าหมายของเขาแล้ว  อัลลอฮฺก็จะทรงบันดาลให้ความยากจนบังเกิดขึ้นต่อหน้าของเขา  และจะแยกกิจการงานของเขาให้กระจัดกระจาย  และจะไม่ให้กิจการของโลกดุนยามาหาเขา  นอกจากสิ่งที่ได้ถูกกำหนดให้แก่เขาเท่านั้น  ฮะดีสนี้บันทึกโดยอิหม่ามอัรติรมีซีย์

สิ่งที่เป็นภัยที่สุดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมุสลิมในปัจจุบันนี้ก็คือ  การยึดเอาโลกดุนยามาเป็นเป้าหมาย  ซึ่งหมายถึงการลุ่มหลงเพลิดเพลินความสวยงามและตัณหา  ประกวดประชันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครองและเป็นกรรมสิทธิ์ในบุตรหลาน  ทรัพย์สิน  เงินทองและอสังหาริมทรัพย์

ความรักความลุ่มหลงที่เกินขอบเขต  และการแข่งขันกันเพื่อครอบครองสิ่งที่เรียกกันว่าวัตถุในโลกดุนยานี้  เป็นความผิดอย่างมหันต์  เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ  เพราะความรัก  การลืมตัว  และความลุ่มหลงในโลกดุนยานี้  จึงทำให้มีการตัดพี่ตัดน้อง  ตัดญาติขาดมิตร  ทำให้มนุษย์คดในข้องอในกระดูก  ไม่มีคำนึงเรื่องอะมานะฮฺ  และไม่รักษาคำมั่นสัญญา  ทำให้มนุษย์ไม่รักษาสิทธิ์ของกันและกัน  ลืมหน้าที่ของแต่ละคนและก้าวก่ายหน้าที่ของผู้อื่น  ทำให้ทุกคนอยากเป็นใหญ่เป็นโตทั้งๆ ที่ตนเองก็ขาดคุณสมบัตินานาประการ  เพราะความรักและความลุ่มหลงในโลกดุนยานี้มนุษย์จึงหันหน้าเข้าห้ำหั่นกันเหมือนกับสัตว์ป่าที่แข็งแรงกว่าต้องการทำลายสัตว์ที่อ่อนแอกว่าให้หมดสิ้นไป  ทำให้พ่อค้าพูดจาโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรมากๆ  ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าคนนายคนอวดใหญ่อวดโต  เย่อหยิ่ง  จองหอง  ทำให้เกิดคดีฟ้องร้องกันเอาชนะกันด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้อง  คนรวยเอาเปรียบคนจน  ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ  และใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย  คนที่จิตใจอ่อนแอก็พูดจากลับกลอกไม่เคารพความจริง

เพราะความรักลุ่มหลงเพื่อเทิดทูนแต่ในเรื่องของโลกดุนยาและบุคคลใกล้ชิด  เหนือกว่าความรักและความหวังของโลกอาคิเราะฮฺ  และเหนือกว่าการเทิดทูนอัลลอฮฺ  และร่อซูลของพระองค์  อัลกุรอานกล่าวเตือนบุคคลประเภทนี้ไว้ในซูเราะห์อัตเตาบะฮฺ

ความว่า  "จงกล่าวเถิดว่า  หากว่าบิดามารดาของสูเจ้า  บุตรหลานของสูเจ้า  พี่ๆน้องๆ ของสูเจ้า  สามีภรรยาของสูเจ้า  วงศ์ตระกูลของสูเจ้า  ทรัพย์สมบัติที่สูเจ้าแสวงหามาได้  การค้าขายที่สูเจ้ากลัวจะขาดทุน  และเคหะสถานที่สูเจ้ามีความพอใจอยู่เป็นที่รักยิ่งของสูเจ้ามากกว่าอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์  และการเสียสละไปในทางของพระองค์แล้ว  สูเจ้าก็จงคอยเถิด  จนกว่าอัลลอฮฺจะนำการลงโทษของพระองค์มา  อัลลอฮฺจะไม่ทรงฮิดายะฮฺแก่บุคคลจำพวกที่ดื้อดึง  และออกนอกขอบเขต"  ( 9 : 24 )

เพราะความลืมตัวและสำคัญผิดนี้เอง  ผู้ที่มีความรู้ก็ปิดบังวิชาไม่กล้าพูดความจริง  ทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรคือความจริง  และกล้าตัดสินในเรื่องต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นสิ่งเท็จ  นักเขียน  นักหนังสือพิมพ์ก็บิดเบือนความจริงกันได้เพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง  เพราะความมัวเมาและความลุ่มหลงดุนยา  สิ่งต้องห้ามก็กระทำกันอย่างเปิดเผยถือเป็นเรื่องธรรมดา

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดุนยา  เพราะความล่อลวงและตัณหาของมัน  เพื่อผู้หญิง  เพื่อแก้วเหล้า  เพื่อตึกรามบ้านช่อง  เพื่อที่ดินสักแปลงหนึ่ง  เพื่อตำแหน่งจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม  เพื่อเงินทองจะมากน้อยสักปานใดก็ตาม  จะได้มาโดยทางหะล้าลหรือหะรอมก็ไม่คำนึงถึง  เพื่อใกล้ชิดกับหัวหน้า  หรือชื่อเสียงในหมู่ชน  หรืออื่นจากนี้คือเรื่องปากท้องหรือตัณหาทางเพศ  หรือเพื่อทุกๆ อย่างที่ปราศจากศีลธรรมหรือความเป็นมนุษย์  มนุษย์ในสมัยปัจจุบันที่วันสิ้นโลกกำลังคืบคลานมาถึงสามารถกระทำได้  ปฏิบัติได้  เพราะความเคยชินและถือเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งส่วนใหญ่เขากระทำกัน

แน่นอนที่สุดไม่ต้องสงสัยว่า  ความรักและความหวังในชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในสัญชาติญาณมนุษย์  มิเช่นนั้นแล้วโลกเราก็จะไม่ก้าวหน้าและมีชีวิตชีวา  และก็จะไม่สอดคล้องกับเคล็ดลับที่ว่าเป็นการล่อลวงให้มนุษย์รักและลุ่มหลงในความใคร่ต่างๆ  แต่สิ่งที่เป็นภัยและอันตรายที่สุดก็คือ  มนุษย์เรามัวเมาอย่างลืมตัวในความรักและลุ่มหลงต่อดุนยา  และตั้งเป้าหมายในระยะยาวไว้โดยมิได้คำนึงเลยว่า  การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้  ถึงแม้จะยาวนานสักปานใดก็ตาม  แต่ก็สั้นในทัศนะของการมีชีวิตของแต่ละคน  เพราะบุคคลประเภทนี้เปรียบเสมือนผู้ไม่หวังที่จะกลับไปหาพระองค์  อัลลอฮฺ  ตะอาลา  และไม่มีความศรัทธาต่อวันที่จะมีการชำระสะสางผลงานของแต่ละคน  หรือว่ามีความศรัทธาต่อวันปรโลกแต่มีความยุ่งมากมายก่ายกองจนกระทั่งลืม  ลืมว่าตนเองนั้นเป็นใครมาจากไหน ?  ด้วยเหตุนี้  ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงได้สอนให้เราวิงวอนขอดุอาอฺ  ต่อองค์พระผู้อภิบาลอยู่เสมอ

มีความว่า  "โอ้  อัลลอฮฺ  ขอพระองค์ทรงอย่าทำให้ดุนยาเป็นที่กังวลอันสำคัญยิ่งแก่เรา  และอย่าให้ความรู้ของเรามีเพียงแต่ดุนยาเท่านั้น"

ดังนั้นจะมีอะไรอีกเล่า  ที่จะมีความสำคัญยิ่งกว่า  และจีรังกว่าการรักและลุ่มหลงแห่งการดำรงชีวตอยู่ในโลกดุนยานี้โยมีเป้าหมายเพื่อวันปรโลก  ด้วยการรำลึกถึงการตอบแทนที่เที่ยงธรรมที่สุด  ความหวังจะพบกับองค์พระผู้อภิบาล  โดยอยู่ร่วมและพร้อมกับบรรดานบีและผู้กระทำความดีทั้งหลาย  มีความโลภและอยากได้รับการตอบแทนที่ดี  หวังในความยินยอมและโปรดปรานของพระองค์  มีความกลัวในการคิดบัญชีและการลงโทษของพระองค์  ความหมายดังกล่าวมาทั้งหมดนี้  คือความรัก  ความหวัง  ความโลภ  และความกลัว  สิ่งเหล่านี้แหละที่จะเป็นเครื่องป้องกันความหลงผิดต่างๆ  และจะเป็นโล่ห์ป้องกันภัยของเราในการดำเนินชีวิต

( เอกสาร  อัล-อิศลาหฺ  อันดับที่  218-221  เมษายน  พ.ศ. 2525 )

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
อยากให้แปลที่เด็ดๆ เลยอะคับ.....ส่วนเรื่องรายละเอียดอื่นๆ ให้ไปหาอ่านกันเองดีกว่าคับ  สงสารคนพิมพ์เค้า .....

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ต่อครับ...

จะพูดจาอ่อนหวานสักปานใด                   ย่อมพูดได้ถ้ารู้จักหลักภาษา
แต่หากขาดความจริงใจในวาจา               จะมีค่าแด่ผู้ฟังอย่าหวังเลย

ประเด็นแรก "แล้วใครจะให้ความเป็นธรรมต่อ  อัล-กุรอาน"
จากข้อเขียนของนายริฎอ  สมะดี  ในหนังสือ  "เมื่อความจริงแรกฏ"  หน้า  24  กล่าวว่า

ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ถูกอธรรม ( อาจารย์อิบรอฮีม  กุเรชี ) และต้องการอธิบายข้อเท็จจริงมากเพียงใด  แต่ข้าพเจ้าไม่เคยยกยอปอปั้นหรือชมเชยอาจารย์อิบรอฮีม  กุเรชี  แม้แต่น้อย  ข้าพเจ้ากลับบอกข้อผิดพลาดของเขาและเตือนมิให้เผยแพร่ข้อผิดพลาดดังกล่าว  ซึ่งการตักเตือนของข้าพเจ้าโดยเฉพาะต่อครอบครัวของเขาและทุกคนที่พิมพ์หนังสือของเขา  เป็นเรื่องระหว่างข้าพเจ้ากับพวกเขาและอัลลอฮฺเท่านั้น  ไม่มีผู้ใดรับรู้  เพราะเรามิได้เป็นคนกล่าวร้ายคนอื่นหรือเปิดเผยเรื่องราวไม่ดีต่างๆ ต่อหน้าผู้อื่น

บทวิเคราะห์

นายริฎอ  สมะดี  ได้ยอมรับว่า  กุรอานมะญีด  พิมพ์ปี  พ.ศ. 2544  มีข้อผิดพลาดจริง  และจะต้องแก้ไขก่อนที่จะนำไปเผยแพร่  แต่ในทางปฏิบัติที่สวนทางกัน  ได้มีการนำเอากุรอานมะญีดที่ยังคงมีข้อผิดพลาดเหล่านั้นนำไปจ่ายแจก ในเชิงให้เปล่า  ก่อนการแก้ไขมาโดยตลอด  จนทุกวันนี้  ก็ยังไม่ได้แก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้น
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่  2  "แก้หรือไม่แก้  แท้จริงใครโกหก"
จากข้อเขียนของ  ชมรมหนังสือ "วิทยปัญญา" ธันวาคม  2549  ผู้สนับสนุนต่อการจัดพิมพ์  ได้เขียนไว้ในหนังสือ  หน้า  118  ว่า

ถึงแม้ว่าขณะนี้ ( 2549 ) อ.ดิเรก  กุลศิริสวัสดิ์  ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺ  สุบหฯ แล้ว  คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่ลดละเลิกที่กล่าวใส่ร้ายต่อท่านในเรื่องก๊อดยานีย์อยู่อย่างต่อเนื่องทั้งทางเอกสาร  รายการวิทยุ  หรือแม้แต่ในการบรรยายศาสนาตามสถานที่ต่างๆ  โดยเนื้อหาที่นำมากล่าวหาใส่ร้ายนั้นไม่ได้มีข้อมูลใหม่ๆ ใดๆ เลยแม้แต่น้อย  พวกเขายังคงใช้ข้อมูลเก่าๆ ที่ผิดพลาดของ อ.ดิเรก  เมื่อกว่าสี่สิบปีที่แล้วมาตอกย้ำเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องมุสลิมว่า อ.ดิเรก  เป็นก๊อดยานีย์จริง  ทั้งๆ ที่ความผิดพลาดเหล่านั้นได้มีการยอมรับและแก้ไขแล้ว  ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต

บทวิเคราะห์

นายริฎอ  สมะดี  ได้แสดงให้เห็นว่า  ข้อผิดพลาดดังกล่าวนั้นมีจริงตามคำยืนยันในหนังสือ "เมื่อความจริงปรากฏ" หน้า  24  แต่ในหนังสือเล่มเดียวกันนั้นเอง  กลับยืนยันตรงข้ามกันว่า  ข้อผิดพลาดดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้ว  ( หน้า 118 )  ลักษณะหนึ่งของมุนาฟิก "เมื่อพูด  ก็จะโกหก"

ขอถามนายริฎอ  ว่า  ข้อผิดพลาดก่อนการแก้ไขมันอยู่ส่วนไหน  และหากได้แก้ไขแล้วก่อนเสียชีวิตนั้น  ความถูกต้องหลังการแก้ไขมันอยู่ที่ไหน  แล้วทำไมนักวิชาการศาสนาปัจจุบันยังคงสามารถชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาด  บิดเบือนเหล่านั้นได้อีก  ซึ่งหาใช่เป็นข้อมูลเก่าที่ผิดพลาดและได้แก้ไขแล้ว  เมื่อกว่า  40  ปีที่แล้ว  แต่มันเป็นข้อผิดพลาดขั้นร้ายแรง  ซึ่งปรากฏในกุรอานมะญีด  พิมพ์ปี  พ.ศ. 2544  นี้เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 21, 2008, 05:34 PM โดย Chocalatah »
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่  3  "นายริฎอ  รักสามัคคี  จริงหรือ?"
จากข้อเขียนของนายริฎอ  สมะดี  ในหนังสือ  "เมื่อความจริงปรากฏ"  หน้า  6-7  กล่าวว่า

ข้าพเจ้าได้พยายามเรียกร้องความสามัคคีในกลุ่มซุนนะฮฺ  มานานพอสมควร  และได้เสียสละแม้กระทั่งศักดิ์ศรี  เพื่อให้ความเป็นปึกแผ่นเดียวปรากฏในสังคม  ซึ่งทุกคนที่คยร่วมงานกับข้าพเจ้าไม่สามารถปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ได้  ข้าพเจ้ายังยืนยันในแนวทางเผยแผ่ที่ระบุข้างต้น  และเรียกร้องให้พี่น้องทุกท่านมีบทบาทในทางการสร้างความสามัคคีให้สังคมของเราเข้มแข็ง  เป็นญามาอะฮฺที่มีพลังแห่งความศรัทธาและการปฏิบัติหน้าที่

บทวิเคราะห์

นายริฎอ  สมะดี  คงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเป็นอย่างดีถึงความหมายของคำว่า "ศักดิ์ศรี"  มิเช่นนั้นคงไม่กล้าพอที่จะกล่าวว่าตนเป็นผู้เสียสละแม้กระทั่งศักดิ์ศรี  คงหมายถึงคำว่าเกียรติยศที่มีอยู่ในตัวของนายริฎอ  มันคืออะไรกันแน่ ?  มันคือวิชาความรู้ระดับปริญญาโท  หรือมันคือคำสอนที่ไพเราะกับบทวิเคราะห์ที่น่าอ่าน  หรือมันคือพฤติกรรมที่ค้านกับคำสอน  หรือมันคือการโฆษณาชวนเชื่อ  หรือมันคือการระรานไม่ให้เกียรติผู้อาวุโส  หรือมันคือการเป็นชาวบางกอกน้อย

การเรียกร้องพี่น้องมุสลิมให้มีความสามัคคี  เป็นญะมาอะห์  ที่มีพลังแห่งการศรัทธาและปฏิบัติ  ถือเป็นการเสียสละศักดิ์ศรี  เกียรติยศ  เยี่ยงจิตสำนึกของนายริฎอ  กระนั้นหรือ  แต่หาใช่เป็นอะมานะห์ของทุกคนที่มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ  ตะอาลา  เพียงผู้เดียวหรือ ?

อีกทั้งขบวนการชนกลุ่มน้อยที่ร่วมมือให้การสนับสนุนต่อนายริฎอ  โดยการจัดตั้งชมรมอัซซุนนะห์ขึ้น  บนที่ของมัสยิดที่แบ่งให้เช่า  และชมรมมุสลิมสายน้ำริมคลองบางกอกน้อยเพื่อเป็นฐานปฏิบัติการแทรกแซงบริหารงานมัสยิดและสมาคม  มีการแยกกลุ่ม  แบ่งพวกพ้อง  ออกไปละหมาดญะมาอะห์ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของมัสยิดและสมาคมในชุมชนบางกอกน้อย  และชุมชนอื่นๆ อีกหลายแห่งที่มีนายริฎอเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

หากพฤติกรรมของนายริฎอ  เยี่ยงนี้  ถูกเรียกว่าเป็นการเรียกร้องพี่น้องทุกท่านให้มีบทบาทในการสร้างความสามัคคีในกลุ่มซุนนะห์  ก็คงจะหาความแตกแยก  แตกความสามัคคีในสังคมมุสลิมไม่ได้อีกแล้วเป็นแน่
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่  4  "ทำไมนายริฎอ  ไม่ละหมาดตามอิหม่าม"
จากข้อเขียนของนายริฎอ  สมะดี  ในหนังสือ  "เมื่อความจริงปรากฏ"  หน้า  111  กล่าว่า

และการละหมาดตามอิมามเป็นหน้าที่ของผู้ตาม  ในเมื่ออิมามยังถือว่าเป็นมุสลิม  แม้ว่าจะเป็นมุบตะดิอฺ ( ผู้กระทำบิดอะฮฺ ) ก็ตาม

บทวิเคราะห์

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท่านอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  กรีมี  ผู้ซึ่งมีคุณวุฒิด้านอิสลามศึกษาในระดับสูง  ท่านมีผลงานด้านการเผยแผ่อิสลามมาช้านาน  ท่านเป็นอิหม่ามประจำมัสยิดและเป็นอุปนายกฝ่ายวิชาการของอัล-อิศลาหฺ  จากการที่ผมได้มีปฏิสัมพันธ์ส่วนตัวกับท่าน  ปฏิบัติศาสนกิจตามท่าน  สอบถามปัญหาศาสนาจากท่าน  ปรากฏว่าท่านยังคงมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์  มิได้ฟั่นเฟือนเสียสติ  และท่านก็ยังคงมีสภาพแห่งการเป็นมุสลิมด้วยหลักการทั้งปวง  จะด้วยเหตุผลอันใดเล่าที่นายริฎอ  ไม่ยอมละหมาดตามท่าน

แสดงว่านายริฎอ  สมะดี  ได้เลิกเชื่อถืออิหม่ามอับดุลลอฮฺ  ว่าเป็นมุสลิม  "เป็นหน้าที่ของผู้ตามในเมื่ออิหม่ามยังถือว่าเป็นมุสลิม"  ถ้าอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  กรีมี  ไม่ได้เป็นมุสลิมตามคำตัดสินของนายริฎอ  แล้ว  ภาคผลบุญของผู้ปฏิบัติศาสนกิจตามอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  ซึ่งปัจจุบันยังคงให้เห็นอยู่  ก็จะไร้ผล  กลายเป็นโมฆียกรรมทันที

หากได้มีการพิสูจน์ตามกระบวนการแห่งหลักการอิสลามแล้ว  ปรากฏว่า  ท่านอิหม่ามยังคงเป็นมุสลิม  เช่นนั้น  นายริฎอจะมีสถานภาพตามหลักการอิสลามเช่นไร

ความหมายจากหะดีษ  รายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะห์  ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ  ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

"ผู้หนึ่งผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องของเขาว่า  "โอ้กาเฟรฺ"  ไม่คนหนึ่งคนใด  ต้องเป็นกาเฟรฺ  แน่นอน"  ( อิหม่ามบุคอรี )

รายงานจากท่านอิบนุอุมัร  ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ  ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

"ผู้หนึ่งผู้ใด  กล่าวแก่พี่น้องของเขาว่า  "โอ้การเฟรฺ"  หากว่าเขาเป็นดังกล่าว   หากว่าเขาไม่เป็น  คำกล่าวนั้นจะกลับคืนสู่ผู้พูด"  ( อิหม่ามมุสลิม )

การกล่าวหาคนหนึ่งคนใดว่าเป็นการเฟรฺ  เป็นบาปใหญ่  และเป็นการละเมิดสิทธิของมุสลิม  ( ฮักกุลมุสลิม ) อย่างมหันต์   ( เมื่อความจริงปรากฏ  หน้า  26 )
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ประเด็นที่ 5 "ใคร ? พิพากษาอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  ไม่ใช่มุสลิม"

จากข้อเขียนของนายริฎอ  สมะดี  ในหนังสือ "เมื่อความจริงปรากฏ"  หน้า 7 กล่าวว่า

( แต่มิได้หมายความว่าทุกคนมีสิทธิในการพิพากษาความศรัทธาของบุคคลอื่น  โดยไม่ปฏิบัติตามกระบวนการกล่าวหาผู้อื่นซึ่งมีมาตรการ  กติกา  มารยาท  อย่างชัดเจนในวิชา  อะดะบุลอิคติลาฟฟิล อิสลาม - มารยาทแห่งการขัดแย้งในอัลอิสลาม  การกล่าวหาผู้อื่นต้องปฏิบัติสุดความสามารถในการวิจัยและแสวงหาทุกสาเหตุที่ทำให้คนหนึ่งคนใดตกอยู่ในความบกพร่องแห่งหลักอะกีดะฮฺ  และถือสาเหตุนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้บุคคลที่ผิดพลาดนั้นรอดพ้นจากการตกศาสนาหรือเป็นฟาสิก  ดังที่บรรดาอัสสะละฟุศศอลิหฺสั่งเสียไว้  ให้ทุกคนพยายามเห็นใจผู้ผิดพลาดแม้ว่าจะมีเจ็ดสิบข้ออ้างอิงเป็นสาเหตุในการผิดพลาดนั้นควรที่จะห้ามมิให้มีการกล่าวหาเขา  แต่ให้ตักเตือนเขาในฐานะเป็นพี่น้องกัน )

บทวิเคราะห์

- การที่นายริฎอ  สมะดี  ไม่เชื่อถือว่าอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  กรีมี  ยังคงเป็นมุสลิมอยู่นั้น   ไม่ทราบว่า  นายริฎอ  ได้ใช้บทบัญญัติ  กฎกติกามารยาทอย่างชัดเจน  ตามหลักการของศาสนาอะไร ?  แต่ไม่ใช่ในอิสลามอย่างแน่นอน

- ท่านอิหม่ามอับดุลลอฮฺ  กรีมี  มีข้อผิดพลาดถึง  70  ข้ออ้างอิงหรือยัง ?  และนายริฎอ  ได้ทำหน้าที่ในฐานะพี่น้องกันด้วยการตักเตือนท่านอิหม่าม  ตามกระบวนการแห่งหลักการอิสลามหรือไม่อย่างไร
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
มันรู้กันเกือบหมดทุกประเด็นแล้วล่ะครับ คนที่มีข้อมูลน่ะ

แต่ช่างเป็นที่น่าเสียดาย ที่เขา และเหล่าบรรดาลูกศิษย์ ลูกหายังคงไม่เข้าใจความหวังดี ของพี่น้องมุสลิมทางนี้อยู่

ซุบฮานัลลอฮฺ.
อัฟตักฟิรุลลอฮฺ..
วัสลาม..

ออฟไลน์ จำมัยในไซเบอร์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 32
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่เคยมีข้อมูลครับ  ไม่เคยรู้มาก่อนเลย  ไม่เคยอ่านทั้งสองเล่มที่โต้ตอบกัน....


แต่...... mycry  ....... ไม่อยากรู้อะไรแล้ว....ได้ไหม...... mycry

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
ใครที่คิดว่าตัวเองรู้แล้วก็อย่ามาอ่านสิคับ.......ผมนี่ยังไม่รู้  และไม่มีหนังสือเล่มนั้น  และอยากรู้ต่อด้วย....
แล้วตกลงเรื่องมันเป็นไงต่ออะคับ....ว่าต่อมาสิ คับ....บัง บัง...

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ผมก็ไม่รู้ เพิ่งรู้นี่แหละ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ hamzah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 45
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คนเขียนคนนี้ มีประวัติอะไรกับเชคริฎอ รึป่าวอ่ะครับ?....

เท่าที่ทราบนะ....

ปล.เฮ้อ....เว็บนี้ ไม่น่าพลาดเอาข้อมูลการรายงาน ในหนังสือของบุคคล ฎออีฟ มาเผยแผ่ ได้นะ... sad:

ออฟไลน์ hamzah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 45
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِن جَاءكُمْ فَاسِقٌ بِنَبَأٍ فَتَبَيَّنُوا
أَن تُصِيبُوا قَوْماً بِجَهَالَةٍ فَتُصْبِحُوا عَلَى مَا فَعَلْتُمْ نَادِمِينَ
[49.6] โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! หากคนฟาสิกนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด  หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
แล้วมันมีอะไรในก่อไผ่ละคับ......คุณ hamzah  ลองบอกมาสิ เค้าจะได้รู้....
คนเค้าไม่รู้  อยู่ดีๆ เข้ามาตำหนิ...อะไรกันอะ...งง  จริงๆ...งั้นเค้ามีไรกันว่ามาสิ๊....

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
คนเขียนคนนี้ มีประวัติอะไรกับเชคริฎอ รึป่าวอ่ะครับ?....

เท่าที่ทราบนะ....

ปล.เฮ้อ....เว็บนี้ ไม่น่าพลาดเอาข้อมูลการรายงาน ในหนังสือของบุคคล ฎออีฟ มาเผยแผ่ ได้นะ... sad:

คนเขียนก็พูดกันด้วยหลักฐาน มีการอ้างอิงมาจากข้อเขียนของ อ.ริฏอ เอง ซึ่งมีน้ำหนัก   ส่วนการตัดสินว่าคนนั้นชั่ว  คนนี้ฏออีฟนั้น  เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐาน   การที่ผู้หนึ่งได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจก็ต้องดูคนรอบข้างด้วยว่าพวกเขาให้การยอมรับมากแค่ใหน  คุณบอกโดยนัยว่าผู้ที่เขียนชั่ว  เพราะเขาไปวิจารณ์อาจารย์ของคุณ  แล้วมหาชนของฝ่ายผู้เขียนล่ะ  เขาบอกว่าอาจารย์ของคุณมีลักษณะแบบที่คุณกล่าวถึงเขาใหม.... :-X
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

 

GoogleTagged