بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ آلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ ،،، وَبعْدُ ؛
การขอดุอาอ์ที่ดีเลิศนั้น ต้องวอนขอทั้งทางวาจาและจิตใจ หมายถึงเมื่อวาจาเรากล่าววอนขอ หัวใจของเราก็ขอตามไปด้วย ซึ่งถูกเรียกว่า มีความตั้งใจขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา หากเราจะเข้าห้องน้ำแต่ลืมขอดุอาอ์ ก็ให้ขอดุอาอ์ในใจในขณะอยู่ในห้องน้ำในช่วงที่เรานึกขึ้นได้ และหากเห็นสิ่งที่ตำหนิแต่ไม่สามารถยับยั้งด้วยแรงกายและวาจาได้ ก็ให้เรายับยั้งด้วยจิตใจพร้อมทั้งขอดุอาอ์ภายในจิตให้เขาผู้ทำสิ่งน่าตำหนิกลับตัวกลับใจ และหากเราทำการสุยูด โดยต้องการขอดุอาอ์ที่เราต้องการจะขอเป็นพิเศษ ก็อนุญาตให้เราทำการขอดุอาในใจขณะที่สุยูดได้ครับ
อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า
ادْعُوا رَبَّكُمْ تَضَرُّعًا وَخُفْيَةً
“พวกเจ้าจงวอนขอต่อผู้อภิบาลของพวกเจ้าโดยน้อบน้อมและซ่อนเร้นเถิด” [อัลอันอาม 63]
ท่านอิบนุอะฏียะฮ์กล่าวว่า “คำว่า [تَضَرُّعاً] หมายถึง ความนอบน้อมและสงบนิ่งมั่นคง(ซึ่งเป็นการกระทำของหัวใจ) และคำว่า [خُفْيَةً] หมายถึง (ขอดุอาอ์) ภายในจิตใจของพวกท่าน” อิบนุอะลาล อัศศิดดีกีย์, หนังสืออัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์อธิบายหนังสืออัลอัซการของอิมามอันนะวาวีย์, เล่ม 7 หน้า 247.
ท่านชัยคุลอิสลามอัลบุลกินีย์ได้กล่าวว่า
أَجَابَ الْبُلْقِنِيُّ عَنْ هَذَا الإِشْكَالِ بِأَنَّهُ لَيْسَ مِنْ شُرُوْطِ الدُّعَاءِ التَّلَفُّظُ بَلْ اِسْتِحْضَارُ ذَلِكَ بِقَلْبِهِ كَافٍ فِي ذَلِكَ، وَقَالَ الْحَلِيْمِيُّ: إِنَّ الدُّعَاءُ يَكُوْنُ إِذَا جَلَسَ الإِمَامُ قَبْلَ أَنْ يَفْتَتِحَ الخُطْبَةَ أَوْ بَيْنَ الخُطْبَتَيْنِ أَوْ بَيْنَ الْخُطْبَةِ الثَّانِيَّةِ وَالصَّلاَةِ أَوْ فِي الصَّلاَةِ بَعْدَ التَشَهُّدِ وَمَا قَالَ الْحَلِيْمِيُّ أَظْهَرُ كَذَا نَقَلَهُ الْبُجَيْرِمِيُّ عَنِ الأُجْهُوْرِيِّ
“ท่านชัยคุลอิสลาม อัลบุลกินีย์ได้ตอบข้อสงสัย(การผู้ฟังคุฏบะฮ์ขอดุอาในขณะอิมามกำลังคุฏบะฮ์วันศุกร์)ว่า แท้จริงการเปล่งถ้อยคำออกมามิใช่เป็นเงื่อนไขของการขอดุอา แต่การนึกดุอาในใจก็ถือว่าเพียงพอในการขอดุอาแล้ว, ท่านอัลหะลีมีย์กล่าวว่า แท้จริงการขอดุอานั้นให้มีขึ้นเมื่ออิมามนั่งก่อนที่จะเริ่มอ่านคุฏบะฮ์หรือขอดุอาระหว่างสองคุฏบะฮ์หรือระหว่าง(เสร็จ)คุฏบะฮ์ที่สองและจะทำการละหมาด(คือขณะที่ทำการอิกอมะฮ์อยู่)หรือขอดุอาในละหมาดหลังตะชะฮุด, ดังนั้นคำพูดของท่านหะลีมีย์ ถือว่าชัดเจนยิ่ง และท่านอัลบุญัยรีมีย์ได้ถ่ายทอดคำพูดจากท่านอัลอุจญฺฮูรีย์เช่นเดียวกัน” อัลลามะฮ์ อัชชัยค์ มุฮัมมัด นะวาวีย์ อัลญาวีย์, หนังสือมุรอกี อัลอุบูดียะฮ์ ชัรห์ มะตั่น บิดายะติลฮิดายะฮ์ ของอิมามอัลฆ่อซาลีย์, หน้า 212.
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ