بسم الله الرحمن الرحيم
จากอะนัส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขาได้กล่าวว่า "พวกเขาได้นำญะนาซะฮ์หนึ่งผ่านมา แล้วพวกเขาก็ทำการกล่าวสรรเสริญความดีงามต่อญะนาซะฮ์นั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า ญะนาซะฮ์ได้รับแน่นอน หลังจากนั้น พวกเขาก็นำญะนาซะฮ์หนึ่งผ่านมาอีก แล้วพวกเขาก็กล่าวกันถึงความชั่วของญะนาซะฮ์นั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า ญะนาซะฮ์ได้รับแน่นอน ดังนั้น ท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏ็อบ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวถามว่า อะไรหรือคือสิ่งที่ญะนาซะฮ์ได้รับอย่างแน่นอน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า คนนี้ พวกท่านได้ทำการสรรเสริญเขาบนความดีงาม เขาก็จะได้รับสวรรค์ และคนนี้ พวกท่านได้กล่าวถึงความไม่ดีที่มีต่อเขา แน่นอนเขาย่อมได้ไฟนรก (เพราะ)พวกท่านนั้นเป็นสักขีพยายานของอัลเลาะฮ์บนผืนแผ่นดิน" รายงานโดยบุคอรีย์ (1278) และมุสลิม (1578) ถ้อยคำฮะดิษเป็นของบุคอรีย์
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า "ความหมายของฮะดิษนี้ มี 2 ทัศนะของอุลามาอ์
ทัศนะที่หนึ่ง : การสรรเสริญด้วยความดีงามนี้ สำหรับบรรดาผู้มีคุณธรรมได้ทำการสรรเสริญแก่เขา เพราะการสรรเสริญของพวกเขานั้นได้สอดคล้องกับบรรดาพฤติกรรมของเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งจากชาวสวรรค์ ดังนั้น หากเขามิใช่เฉกเช่นดังกล่าว แน่นอนว่าเขาย่อมมิได้อยู่ในจุดมุ่งหมายของฮะดิษ
ทัศนะที่สอง : ซึ่งเป็นทัศนะที่ถูกต้องและได้รับการเลือกเฟ้น คือฮะดิษอยู่บนความหมายที่ครอบคลุมและกว้าง ๆ กล่าวคือมุสลิมทุกคนที่เสียชีวิตนั้น อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงดลใจให้บรรดาผู้คนและส่วนมากของพวกเขาทำการสรรเสริญต่อผู้ตาย ซึ่งสิ่งดังกล่าวเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งจากชาวสวรรค์ ไม่ว่าการกระทำของเขาจะสอดคล้องกับสิ่งดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม และหากแม้นว่าการกระทำของเขาไม่ได้อยู่ตามนัยยะดังกล่าว เขาก็ไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดโทษเสมอไป แต่ทว่าเขาจะอยู่ภายใต้อำนาจความประสงค์ของอัลเลาะฮ์ ดังนั้น หากพระองค์ดลใจให้บรรดาผู้คนทำการสรรเสริญเขา แน่นอนว่า เราจะเอาสิ่งดังกล่าวมาเป็นเครื่องยืนยันว่า อัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงประสงค์ที่จะอภัยโทษให้แก่เขาแล้ว และด้วยเหตุนี้แหละ จะปรากฏผลประโยชน์ของการสรรเสริญ" ชัรห์ซอฮิห์มุสลิม
والله تعالي أعلي وأعلم