salam
ได้มีรายงานจากท่านอีหม่ามมุสลิมถึงการทำความสะอาดที่เกิดจากความสกปรกของสุนัขว่า
عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم ((طهور إناء أحدكم ، إذا ولغ فيه الكلب ، أنْ يغسله سبع مرات . أولاهنّ بالتراب))
رواه الإمام مسلم.
ความว่า: รายงานจากท่านอบีฮูรอยเราะฮฺ(รอฏิฯ)ซึ่งท่านกล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า การทำความสะอาดภาชนะของคนหนึ่งในกลุ่มพวกท่าน เมื่อสุนัขได้มาเลียในภาชนะนั้น คือให้เขาล้างมัน7ครั้ง(จากน้ำที่สะอาด) หนึ่งใน7ครั้งจะต้องมีน้ำดินด้วย.
ท่านร่อซู้ล(ศ็อลฯ)ได้บอกวิธีการทำความสะอาดทุกๆสิ่งที่สุนัขได้มาเลีย ไม่ใช้เพียงแต่น้ำลายของมันเท่านั้นที่สกปรก แต่เป็นทุกๆส่วนของตัวมัน เมื่อเราได้ไปกระทบกับมันในขณะเปียก จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดด้วยกับน้ำถึง7ครั้ง และใน7ครั้งจะต้องมีน้ำดินด้วย ตามทัศนะของท่านอีหม่ามชาฟีอีและท่านอีหม่ามฮัมบาลี แต่ท่านอีหม่ามอะฮฺมัดให้ทัศนะว่าจะต้องล้างน้ำถึง8น้ำพร้อมกับน้ำดิน เพราะน้ำดินจะเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคที่มีอยู่ในสุนัข และไม่เพียงพอที่จะใช้สบู่หรือสารเคมีอื่นๆมาทำความสะอาดแทนน้ำดิน และท่านร่อซู้ล(ศ็อลฯ)ได้ผ่อนปรนให้ สำหรับสุนัขล่าเนื้อที่ใช้ล่าสัตว์
การทำความสะอาดจากสุกรนั้น ไม่พบหลักฐานโดยตรง แต่เนื่องจากอัลกุรอานและอัลฮาดิษได้บอกกล่าวถึงการเป็นสิ่งต้องห้ามของทั้งสุนัขและสุกรไว้ บรรดานักนิติศาสตร์อิสลามจึงใช้หลักกิยาส (เทียบ) ในเรื่องของการทำความสะอาดด้วย เพราะทั้งสองนั้นมีลักษณะและข้อห้ามที่เหมือนกัน
สำหรับผู้ที่รับประทานหมูเข้าไปแล้วนั้น การล้างมันคงจะไม่ส่งผลอะไรอีก เพราะแน่นอนเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่มีอยู่ในหมูนั้น มันได้ซึมซับเข้าไปในร่างกายแล้ว สิ่งที่จะทำหลังจากรับประทานหมูเข้าไปโดยเจตนา ก็คือการเตาบัตอย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างที่ท่าน ILHAM ได้กล่าวไว้ครับ
والله تعالى أعلم