بسم الله الرحمن الرحيم
พวกนะซอรอ ได้นำเอาท่านนบีอีซาและพระนางมัรยัม อะลัยฮิมัสลาม เป็นภาคหนึ่งของพระเจ้า แต่อัลเลาะฮ์ได้ทำการอธิบายถึงธรรมชาติของทั้งสองความว่า
อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงตรัสความว่า
مَّا الْمَسِيحُ ابْنُ مَرْيَمَ إِلاَّ رَسُولٌ قَدْ خَلَتْ مِن قَبْلِهِ الرُّسُلُ وَأُمُّهُ صِدِّيقَةٌ كَانَا يَأْكُلاَنِ الطَّعَامَ
"อัลมะซีฮฺ(อีซา)บุตรของมัรยัม มิใช่อื่นใดเลยนอกจากเป็นศาสนทูต ซึ่งมีศาสนทูตเป็นจำนวนมากล่วงลับมาก่อนเขาแล้วและมารดาของเขาเป็นผู้สัตย์จริง เขาทั้งสอง (เป็นคนธรรมดาที่) รัปทานอาหาร (เหมือนพวกท่านนั่นเอง)" อัลมาอิดะฮ์ : 75
ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้(มุสตะฮีล) ที่อัลเลาะฮ์จะทรงประสงค์บอกให้เราทราบว่าทั้งสองรัปทานอาหารเท่านั้น เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าทั้งสองต้องการรัปทานอาหาร แต่ทว่าพระองค์ทรงย้ำเตือนให้เราตระหนักว่า ทั้งสองนั้นต้องการไปยังอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งบกพร่องที่ผู้เป็นพระเจ้า คืออัลเลาะฮ์ ต้องบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าว ดังนั้น ผู้ที่ใดที่มีคุณลักษณะเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นพระเจ้าไม่ได้ ฉะนั้นบรรดานักปราชญ์ได้ลงมติแล้วว่า อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงปราศจากการรัปทานอาหาร ดังนั้น ผู้ใดอ้างว่าการรัปทานอาหารเป็นสิ่งที่อนุญาตต่ออัลเลาะฮ์ หรือกล่าวว่า เรามิได้ยืนยันและเรามิได้ปฏิเสธต่อการที่พระองค์รัปทานอาหารนั้น เขาย่อมเป็นกุฟร เนื่องจากเขาได้อนุญาตให้ความบกพร่องนี้มีต่ออัลเลาะฮ์ได้ และเขามิได้ปฏิเสธในสิ่งที่อัลเลาะฮ์ได้ปฏิเสธ
เฉกเช่นเดียวกัน ดังที่พระองค์ได้บ่งชี้ให้เราทราบว่าการรัปทานอาหารนั้นไม่อนุญาตต่อพระองค์และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าวนั้น พระองค์ก็ทรงบ่งชี้ให้เราทราบว่าลูกโคที่บนีอิสรออีลได้นำนำเป็นพระเจ้าและทำการกราบไหว้นั้น เป็นลูกวัวที่มีคุณลักษณะบกพร่อง
พระองค์ทรงตรัสว่า
وَاتَّخَذَ قَوْمُ مُوسَى مِن بَعْدِهِ مِنْ حُلِيِّهِمْ عِجْلاً جَسَداً لَّهُ خُوَارٌ
"และพวกพร้องของมูซา ภายหลังจากเขา (ได้ขึ้นไปยังภูเขาฏูรซีนาแล้ว) ก็จัดการหลอมจากเครื่องประดับ (ทอง) ของพวกเขาเป็นรูปลูกโคที่มีเรือนร่าง อีกทั้งมีเสียงร้องด้วย (เพื่อทำการกราบไว้บูชา)" อัลอะอฺร็อฟ : 148
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
فَأَخْرَجَ لَهُمْ عِجْلاً جَسَداً لَهُ خُوَارٌ فَقَالُوا هَذَا إِلَهُكُمْ وَإِلَهُ مُوسَى فَنَسِيَ
"แล้วเขา (ซามีรี) ก็นำรูปโคทองออกมาให้พวกเขา มีร่างกายของมัน (ครบถ้วน) อีกทั้งส่งเสียงร้อง พวกเขาจึงกล่าวว่า นี่แหละคือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของมูซาแต่เขาลืมเสียแล้ว" ฏอฮา : 88
อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงประสงค์ที่จะย้ำเตือนให้เราตระหนัก ถึงคุณลักษณะอันบกพร่องของลูกโคที่ถูกกราบไว้ที่ไม่บังควรสำหรับการถูกนำมาเป็นพระเจ้าว่า คือมันเป็น جَسَداً "เรือนร่าง รูปร่าง ร่างกาย"
ท่านอิบนุ ญะรีร อัฏฏ็อบบีย์ ได้กล่าวอธิบายว่า
يُخْبِر جَلَّ ذِكْره عَنْهُمْ أَنَّهُمْ ضَلُّوا بِمَا لَا يَضِلّ بِمِثْلِهِ أَهْل الْعَقْل , وَذَلِكَ أَنَّ الرَّبّ جَلَّ جَلَاله الَّذِي لَهُ مُلْك السَّمَوَات وَالْأَرْض وَمُدَبِّر ذَلِكَ , لَا يَجُوز أَنْ يَكُون جَسَدًا لَهُ خُوَار
"อัลเลาะฮ์ตะอาลา ทรงบอกเล่าถึงพวกบนีอิสรออีลว่า พวกเขามีความลุ่มหลง ด้วยกับสิ่งที่ผู้มีสติปัญหาจะไม่หลุ่มหลงเฉกเช่นนี้ ดังกล่าวก็คือ อัลเลาะฮ์ตะอาลาซึ่งเป็นผู้เอกสิทธิ์ในการปกครองบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินและเป็นผู้บริหารสิ่งดังกล่าวนั้น ไม่อนุญาตสำหรับพระองค์ในการเป็นเรือนร่าง(รูปร่าง,ร่างกาย) อีกทั้งส่งเสียงร้อง" ตัฟซีรอัฏฏ็อบรีย์ ซูเราะฮ์ อัลอะอฺร็อฟ : 148
การมีรูปร่าง เรือนร่าง ต่อพระเจ้านั้นเป็นความบกพร่อง ดังนั้น ผู้ใดที่กล่าวว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีเรือนร่างหรือรูปร่าง , หรือเขากล่าวว่า ฉันไม่รู้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างหรือเรือนร่างหรือไม่? , หรือเขาได้กล่าวว่า เรามิได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างหรือเรือนร่าง แน่แท้ว่าเขาได้อนุญาตให้มีต่ออัลเลาะฮ์เหมือนกับสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงตำหนิต่อลูกโคว่ามีรูปร่างหรือเรือนร่าง และเขากลายเป็นผู้ที่โกหกต่อกิตาบุลลอฮ์และเป็นปฏิปักษ์ต่อหลักอะกีดะฮ์ของอัลกุรอาน
ดังนั้น เราขอนะซีฮัตต่อชาววะฮาบีย์ (บางคน) ที่มีอะกีดะฮ์เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่าง เพราะมันเป็นอะกีดะฮ์บิดอะฮ์อันตราย เนื่องจากไม่มีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ใด ๆ ยืนยันว่า "อัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่าง" !?
والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم