ผู้เขียน หัวข้อ: แนวทางใดบ้าง ที่อยู่ในมัซฮับอะลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  (อ่าน 13986 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

ทราบกันดีว่า แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น  ไม่ใช่แนวทางอัลอะชาอิเราะฮ์เพียงอย่าง  ผมอยากทราบว่า มีแนวทางใดอีกบ้างที่เป็นแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ครับ
สานุศิษย์

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ท่านอิมาม มุฮัมมัด บิน อะหฺมัด อัซซัฟฟารีนีย์  ปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์  กล่าวว่า :

อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น  มีอยู่ 3 กลุ่ม

1. กลุ่ม اَلأَثَرِيَّةُ (อัล-อะษะรียะฮ์)(คือกลุ่มอะฮ์ลุลหะดิษ) แกนนำของพวกเขา คืออิมามอะหฺมัด(ร.ฮ.)
2. กลุ่ม اَلأَشْعَرِيَّةُ (อัล-อัชอะรียะฮ์) แกนนำของพวกเขา คือ อิมาม อบู อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์(ร.ฮ.)
3. กลุ่ม اَلْمَاتُرِيْدِيَّةُ (อัล-มะตูรีดียะฮ์) แกนนำของพวกเขา คืออิมาม อบู อัลมันซูร อัลมุตูรีดีย์(ร.ฮ.)  (ดู หนังสือ ละวาเมี๊ยะอฺ อัลอันวาร อัลบะฮียะฮ์ หน้า 73)

ท่านอัลลามะฮ์ อัชชัยค์ อับดุลลอฮ์ บิน คอลัฟ อัดดะห์บาน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวอธิบายคำพูดของท่าน อิมาม มุฮัมมัด บิน อะห์มัด อัซซีฟารีนีย์ เกี่ยวกับการแบ่งอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ออกเป็น 3 กลุ่ม ว่า

"เมื่อท่านกล่าวว่า ถ้อยคำฮะดิษ(อุมมะฮ์ของฉันแบ่งออกเป็น 73 พวก) มิได้ให้ความถึงการครอบคลุมถึงกลุ่มอื่น เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ต่อไปประชาชาติของฉันจะแตกออกเป็น 73 กลุ่ม ซึ่งพวกเขาทั้งหมดเหล่านั้นอยู่ในนรก นอกจากกลุ่มเดียวเท่านั้น คือกลุ่มที่ดำเนินตามฉันและบรรดาซอฮาบะฮ์ของฉัน" คำตอบ คือ ทั้งสามกลุ่มนี้ คือกลุ่มเดียวกัน เพราะพวกเขาทั้งหมดคืออะฮ์ลุลฮะดิษ เนื่องจากกลุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์ มิได้ปฏิเสธและละเลยต่อบรรดาฮะดิษ ซึ่งบางครั้งพวกเขาได้ทำการมอบหมาย(ทั้งความหมายและวิธีการไปยังอัลเลาะฮ์) และบางครั้งพวกเขาได้ทำการตีความ ทั้งที่พวกเขาทั้งหมดเป็นอะฮ์ลุลฮะดิษ ดังนั้นพวกเขาทั้งสามกลุ่ม ก็คือพวกเดียวกัน เพราะพวกเขาเจริญรอยตามบรรดาฮะดิษและยอมรับสิ่งที่รายงานจากบรรดาซอฮาบะฮ์ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ เพราะพวกเขานำสติปัญญามาเป็นมาตรฐานตัดสินและขัดแย้งกับสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมา (เช่นพวกมั๊วะตะซิละฮ์) ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นชาวบิดอะฮ์ ลุ่มหลง ขัดแย้งกับสัจธรรม และโง่เขลา วัลลอฮุตะอาลาอะลัม" หนังสือ ตับซีร อัลกอเนี๊ยะอฺ หน้า 73
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

บางครั้งพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  อาจจะยังไม่เข้าใจ  แนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  จากกลุ่มอัลอะษะรียะฮ์  ที่ผมกล่าวไปข้างต้นที่ว่า

กลุ่ม اَلأَثَرِيَّةُ (อัล-อะษะรียะฮ์)(คือกลุ่มอะฮ์ลุลหะดิษ) แกนนำของพวกเขา คืออิมามอะหฺมัด(ร.ฮ.)

กลุ่มนี้  ส่วนมากแล้ว  จะเป็นแนวทางของอุลามาอ์หะนาบิละฮ์ (อุลามาอ์มัซฮับฮัมบาลีย์)ซึ่งยึดแนวทางฟิกห์ของท่านอิมามอะหฺมัด (ร.ฏ.)  กลุ่ม อัลอะษะรียะฮ์  จะถูกขนานนามว่า  اَلْفُضَلاَءُ مِنَ الْحَنَابِلَةِ  "บรรดาอุลามาอ์ที่ประเสริฐ ๆ ที่ดีๆ จากหะนาบิละฮ์" ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น อยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ที่เป็นอะกีดะฮ์ส่วนใหญ่ดำเนินอยู่

พวกเขาเหล่านั้น  ยึดมั่นในซีฟัตของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา  โดยไม่ไปเจาะความหมายเกี่ยวกับซีฟาตมุตะชาบิฮาต  แล้วมอบหมายการรู้ไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  พร้อมทั้งปฏิเสธ  “รูปแบบวิธีการ” เกี่ยวกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์  เลาะฮ์ ตะอาลา  เพื่อดำเนินแนวทางตามของท่านอิมามอะหฺมัดซึ่งยังเป็นแนวทางแรกของอัลอะชาอิเราะฮ์  เช่นท่าน อิมามอัซซะฮะบีย์ , ท่านอิมามอิบนุรอญับ , ท่านอิบนุมุฟลิห์ , และน้องชายของท่านอิบนุมุฟลิห์ , ท่านอบูอิสฮาก อัลอิสฟิรอยีนีย์ ,ท่านอิบนุกุดามะฮ์  และบรรดาอุลามาอ์อัลหะนาบิละฮ์อีกมากมาย 

ซึ่งแตกต่างกับ อุลามาอ์ อัลหะนาบิละฮ์(ฮัมบาลีย์) บางส่วน ที่พยายามยืนยันซีฟัตของอัลเลาะฮ์โดยเกินขอบเขต  จนกระทั่งนำไปสู่การ ตัชบีฮ์  ในบางแง่มุม  ซึ่งบางกลุ่มของฮะนาบิละฮ์ที่เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์นี้   พวกเขาจะ "รู้ความหมายซีฟัตของอัลเลาะฮ์ในเชิงภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจกัน"  และ “ยังยืนถึงการมีรูปแบบและวิธีการต่ออัลเลาะฮ์แต่พวกเขาไม่รู้ว่ารูปแบบซีฟาตของพระองค์เป็นอย่างไร”  แนวทางนี้  เป็นแนวทางของบางกลุ่มจากหะนาบิละฮ์  เช่น  อัลกอฏี อบูยะลา , ท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ , อิบนุ หามิด , ในยุคศตวรรษที่ 7 ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ได้ฟื้นฟูอะกีดะฮ์ในรูปแบบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง  โดยสานุศิษย์ของท่าน คือ ท่านอิบนุก๊อยยิม  ได้เจริญรอยตามน้อมรับหลักการจากอาจารย์ของเขา   และหลักการนี้  วะฮาบีย์ปัจจุบันก็น้อมรับหลักการสืบต่อมา  ผมหวังว่าท่านพี่น้อง  คงเข้าใจ กลุ่ม อัลอะษะรียะฮ์ กันแล้วนะครับ  วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ปราชญ์ฮัมบาลีย์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

ดังนั้นอะกีดะฮ์ของนักปราชญ์มัซอับฮัมบาลีย์นั้น  หากเราศึกษาให้ลึกซึ้งเกี่ยวกับหลักอะกีดะฮ์ของพวกเขาที่รู้จักกันในนาม อะฮ์ลุลฮะดิษหรืออัลอะษะรียะฮ์  ซึ่งในกลุ่มอุลามาอ์ฮัมบะลีย์เองมิได้มีหลักอะกีดะฮ์อันเดียวกัน แต่แตกออกเป็น 2 กลุ่ม
 
1. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮับฮัมบะลีย์  ที่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)กับความหมายอายะฮ์หรือฮะดิษที่มีความหมายหลายนัยยังไปอัลเลาะฮ์ตะอาลา กลุ่มนี้เขาเรียกว่ากลุ่ม อัลมุเฟาวิเฎาะฮ์ اَلْمُفَوِّضَةُ  เช่นท่าน ท่านอิมามอะห์มัด , อิบนุกุดามะฮ์ , ท่านอิบนุรอญับ , ท่านอิบนุอบียะลา , ท่านอิบนุอะกีล , ท่านอิบนุอัลเญาซีย์ , ท่านอัสสะฟารีนีย์ , ท่านอิมามอับดุลบากีย์อัลฮัมบาลีย์ , ท่านอบูมุฮัมมัด อัตตะมีมีย์  เป็นต้น

ดังนั้น อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ที่เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษกลุ่มนี้  อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์เรียกเขาว่า  فُضَلاَءُ مِنَ الحَنَابِلَةِ (บรรดาอุลามาอฺผู้ประเสริฐ ๆ จากฮัมบาลีย์) ซึ่งพวกเขาอยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  รู้จักในนามของ อะฮ์ลุลฮะดิษหรือกลุ่มอัลอะษะรียะฮ์นั่นเองครับ  ในทางตรงกันข้ามก็มีอุลามาอฺฮัมบาลีย์อีกกลุ่มนั้น  สร้างความเสื่อมเสียและความอับอายให้แก่มัซฮับฮัมบาลีย์ในเรื่องอะกีดะฮ์ ตามที่อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ได้ยืนยันเอาไว้  ดังจะนำมากล่าวต่อไป
ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ อัศศุบกีย์  ไดกล่าวว่า

وَهَؤُلاَءِ الْحَنَفِيَّةُ وَالشَّافِعِيَّةُ وَالْمَالِكِيَّةُ وَفُضَلاَءُ الْحَنَابِلَةِ فِي الْعَقَائِدِ يَدٌ وَاحِدَةٌ كُلُّهُمْ عَلىَ رَأْيِ أَهْلِ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ

"พวกเขาเหล่านั้น คือบรรดาปราชญ์มัซฮับฮะนะฟีย์ , ปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ , ปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ , และปราชญ์ที่ประเสริฐ ๆ จากฮัมบาลีย์  - อัลฮัมดุลิลลาฮ์ - ในด้านของอะกีดะฮ์นั้น  พวกเขาทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันตามแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์"  ดู หนังสือมุอีดุลนิอัม วะมุบีดุล นิก็อม ของท่านอิมามอัศศุบกีย์  หน้า 62

2. กลุ่มอุลามาอฺมัซฮัมบาลีย์  ที่ไม่ทำการมอบหมาย(ตัฟวีฎ)ความหมายของอายะฮ์หรือฮะดิษที่แท้จริงไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา  แต่พวกเขารู้ความหมายและเข้าใจความหมายในเชิงตัชบีฮ์(เข้าใจคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ไปคล้ายคลึงกับคุณลักษณะของมัคโลค) เช่น ท่านอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์ (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของสุนันอัดดาริมีย์ที่เป็นอะฮ์ลิสซุนนุะฮ์) , ท่านอบูยะลา , ท่านอบูอับดิลลาฮ์ อิบนุ ฮามิด , ท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ , ท่านอิบนุบัฏเฏาะฮ์ (เป็นนักรายงานที่ฏออีฟ) , ท่านอิบนุมันดะฮ์ (ผู้ที่รายงานฮะดิษแล้วพูดเกี่ยวกับฮะดิษแล้วจะเบี่ยงเบนและสับสนตามที่ท่านอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้) , อัลกะฮารีย์ (นักกุฮะดิษ) , ท่านอัลอิชชารีย์ (นักกุฮะดิษ) , ท่านอิบนุกาดิช (นักกุฮะดิษ) , เป็นต้น

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุอะษีร ได้ถ่ายทอดคำกล่าวของท่าน อิมาม อบู มุฮัมมัด อัตตะมีมีย์ อุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์ ความว่า

لَقَدْ شَانَ أَبُوْ يَعْلىَ الْحَنَابِلَةَ شَيْناً لاَ يَغْسِلُهُ مَاءُ البِحَارِ

"แท้จริงท่านอบูยะลาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่บรรดาอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์  ซึ่งเป็นความอับอายที่น้ำทะเลก็ไม่สามารถล้างมันได้" หนังสือ อัลกามิล ของอิบนุอะษีร : 10/52

ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ อิบนุ อัลเญาซีย์ อุลามาอ์มัซฮับฮัมบาลีย์ ได้กล่าวถึงอุลามาอฺฮัมบาลีย์บางกลุ่มว่า

وَرَأَيْتُ مِنْ أَصْحَابِنَا مَنْ تَكَلَّمَ فْي الأُصُوْلِ بِمَا لاَ يَصْلُحُ ، وَانْتَدَبَ للتَصْنِيْفِ ثَلاَثَةٌ أَبُوْ عَبْدِاللهِ بنُ حَامِدٍ ، وَصَاحِبُهُ الْقَاضِيْ وَابْنُ الزَّاغُوْنِيْ ؛ فَصَنَّفُوْا كُتُباً شَانُوْا بِهَا الْمَذْهَبَ وَرَأَيْتُهُمْ قَدْ نَزَلُوْا إِلَى مَنْزِلَةِ الْعَوَّامِ ، فَحَمَلُوْا الصِفَاتِ عَلىَ مُقْتَضَى الحِسِّ

"ข้าพเจ้าได้เห็นจากส่วนหนึ่งของอุลามาอฺแห่งเรา(คืออุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์) ได้ทำการพูดถึงเรื่องอุศูล(หลักอะกีดะฮ์)ด้วยกับสิ่งที่ไม่บังควร  และทำการตอบรับในการประพันธ์เป็นตำราขึ้นมา โดย 3 ท่านด้วยกัน  คือ อบูอับดิลลาฮ์อิบนุฮามิด , ท่านกอฎีย์ อบูยะลา , และท่านอิบนุอัซซาฆูนีย์ , ดังนั้นพวกเขาจึงทำการประพันธ์ตำราต่าง ๆ ที่พวกเขาได้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้แก่มัซฮับ(ฮัมบาลีย์)  และข้าพเจ้าได้เห็นพวกเขาลดตนเองลงไปอยู่ในตำแหน่งของคนเอาวาม(สามัญชน) แล้วทำการตีความบรรดาซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตามนัยยของรูปธรรม"  หนังสือ ชุบฮะตุชตัชบีฮ์ ของท่านอิบนุอัลเญาซีย์ หน้า 6

ดังนั้น  หลักอะกีดะฮ์ของอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์กลุ่มที่ 2 เหล่านี้ได้เกิดขึ้นไปช่วงศตวรรษที่ 4 หลังจากนั้นต้องหลบซ่อนๆ และได้หมดบทบาทลงด้วยการปกป้องจากแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  จนกระทั่งมาถึงศตวรรษที่ 7 ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็ทำการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้งแล้วหมดบทบาทไปด้วยการด้วยการปกป้องจากนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ต่อมาในศตวรรษที่ 12 โดยการฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกโดยท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ  นี่คือจุดกำเหนิดของแนวทางและหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ในปัจจุบันอย่างแท้จริง นั่นเองครับ

ท่านอิบนุ ชาฮีน (เพื่อนมิตรสหายของท่านอิมามอันดารุกุฏนีย์) ได้กล่าวว่า

رَجُلاَنِ صَالِحَانِ بُلِيَا بِأَصْحَابِ سُوْءٍ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ، وَأَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل

"บุรุษผู้มีคุณธรรมสองท่านที่ถูกทดสอบด้วยกับบรรดาสานุศิษย์ที่ไม่ดี  คือท่านญะฟัร บิน มุฮัมมัด (อัศศอดิก) และท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล" หนังสือ ตับยีนุลมุฟตะรีย์ ของท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ อะซากิร หน้า 163

ท่านชัยคุลอิสลาม อิมาม อัศศุบกีย์

فَهَذِهِ عَقِيْدَتُهُمْ ، وَيَرَوْنَ أَنَّهُمُ الْمُسْلِمُوْنَ ، وَأَنَّهُمْ أَهْلُ السُّنَّةُ ، وَلَوْ عُدُّوْا عَدَدًا لَمَا بَلَغَ عُلَمَاءُهُمْ مَبْلَغاً يُعْتَبَرُ وَيُكَفِّرُوْنَ عُلَمَاءَ الأُمَّةِ ، ثُمَّ يَعْتَزُوْنَ اِلَي الإِمَامِ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَلٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ ، وَهُوَ مِنْهُمْ بَرِيْءٌ وَلَكِنَّهُمْ كَمَا قَالَ بَعْضُ الْعَارِفِيْنَ وَرَأَيْتُهُ بِخَطِّ الشَّيْخِ تَقِيِّ الدِّيْنِ بْنِ الصَّلاَحِ : إِمَامَانِ اِبْتَلاَهُمَا اللهُ بِأَصْحَابِهِمَا وَهُمَا بَرِيْئَانِ مِنْهُمْ ، أَحْمَدُ بْنُ حَنْبَل اُبْتُلِيَ بِالْمُجَسِّمَةِ ، وَجَعْفَرُ الصَّادِقُ اُبْتُلِيَ باِلرَِّافِضَةِ

"นี้คืออะกีดะฮ์ของพวกเขา(คือพวกที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง) พวกเขาเห็นว่า  พวกเขาคือคือมุสลิมีน  พวกเขาคืออะฮ์ลิสซุนนะฮ์  หากพวกเขาถูกนับแล้ว  อุลามาอฺของพวกเขานั้นก็จะไม่ถูกขั้นระดับที่ได้รับการพิจารณา  พวกเขาฮุกุ่มกาเฟรกับบรรดาปวงปราชญ์แห่งประชาชาติอิสลาม  หลังจากนั้นก็ทำการอ้างอิงไปยังอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล รอฏิยัลลอฮุอันฮุ โดยท่านอะห์มัดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกับที่นักปราชญ์บางส่วนที่มีความรู้ได้กล่าวไว้แบบนั้น และข้าพเจ้าได้เห็น(คำกล่าวของปราชญ์บางส่วน) ด้วยลายมือของท่านชัยค์ ตะกียุดดีน อิบนุ อัศศ่อลาห์  ได้บันทึกไว้ความว่า "อิมามสองท่านที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ได้รับการทดสอบจากบรรดาสานุศิษย์ของทั้งสอง  ซึ่งทั้งสองนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย คือท่านอะห์มัด บิน ฮัมบัล ได้รับการทดสอบจากพวกที่อ้างว่าอัลเลาะฮ์มีรูปร่าง และท่านญะฟัร อัศศอดิก ถูกทดสอบจากพวกชีอะฮ์อัรรอฟิเฏาะฮ์" หนังสือเฏาะบะก็อต อัชชาฟิอียะฮ์ อัลกุบรอ 2/17

หากพี่น้องตั้งคำถามว่า  อัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  คืออะฮ์ลุลฮะดิษหรือไม่?  เราขอตอบว่า อัลอะชาอิเราะฮ์  ก็คือส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษ   
ในหนังสืออัฏเฏาะบะก็อตอัลฮะนาบิละฮ์  ระบุว่า

وَقَدْ أَجْمَعَ عُلَمَاءُ أَهْلِ الْحَدِيْثِ وَالأَشْعَرِيَّةِ مِنْهُمْ عَلىَ قَبُوْلِ هَذِهِ الأَحَادِيْثِ فَمِنْهُمْ مَنْ أَقَرَّهَا عَلىَ مَا جَاءَتْ وَهُمْ أَصْحَابُ الْحَدِيْثِ وَمِنْهُمْ مَنْ تَأَوَّلَهَا وَهُمْ الأَشْعَرِيَّةُ وَتَأْوِيْلُهُمْ إِيَّاهَا قَبُوْلٌ مِنْهُمْ لَهَا إِذْ لَوْ كَانَتْ عَنْدَهُمْ بَاطِلَةٌ لاَطْرَحُوْهَا كَمَا اطْرَحُوْا سَائِرَ الأَخْبَارِ الْبَاطِلَةِ وَقَدْ رُوِىَ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ:" أُمَّتِيْ لاَ تَجْتَمِعُ عَلىَ خَطَأٍ وَلاَ ضَلاَلَةٍ

“แท้จริงได้ลงมติ(อิจญ์มาอฺ)โดยบรรดาอุลามาอฺอะฮ์ลุลฮะดิษและอัลอะชาอิเราะฮ์ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษ  บนการรับบรรดาฮะดิษ(ที่เกี่ยวกับเรื่องซีฟาตของอัลเลาะฮ์) ดังนั้นส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษก็รับฮะดิษตามที่ได้ระบุมา  ซึ่งพวกเขาคืออัศฮาบุลฮะดิษ(คือกลุ่มอะษะรียะฮ์)  และส่วนหนึ่งจากอะฮ์ลุลฮะดิษ  ทำการตีความ(ตะวีล)บรรดาฮะดิษซีฟาต  ซึ่งพวกเขาคืออัลอะชาอิเราะฮ์  และการตีความของพวกเขากับบรรดาฮะดิษซีฟาตของอัลเลาะฮ์นี้  ก็คือการที่พวกเขาได้ยอมรับบรรดาฮะดิษที่เกี่ยวกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์นั่นเอง  เนื่องจากว่า  หากบรรดาฮะดิษที่เกี่ยวกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์เป็นสิ่งที่โมฆะตามทัศนะของอัลอะชาอิเราะฮ์แล้ว  แน่นอนว่า พวกเขาก็จะละทิ้งบรรดาฮะดิษนั้นไป  เสมือนที่พวกเขาละทิ้งบรรดาฮะดิษที่กุขึ้นมา  และแท้จริงได้รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า  "ประชาชาติของฉันจะไม่ลงมติกันบนความผิดพลาดและลุ่มหลง” หนังสอเฏาะบะก็อตอัลฮะนาบิละฮ์  หน้า 479 รวบรวมโดย ท่านอิบนุอะบียะลาอุลามาอฺมัซฮับฮัมบาลีย์

ส่วนหนึ่งจากข้อเท็์จจริงตรงนี้  ได้ยืนยันว่า  การที่ที่วะฮาบีย์กล่าวหาว่า อัลอะชาอิเราะฮ์ปฏิเสธฮะดิษนบีหรือปฏิเสธซีฟาตของอัลเลาะฮ์บางส่วนนั้น เป็นการโกหกมุสาอย่างมิต้องสงสัย
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

อุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์คืออะฮ์ลุลฮะดีษ

อุลามาอ์ฮะดิษและนักจำฮะดีษจากอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์  อาทิ  เช่น

1. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อะบุลฮะซัน  อัลดารุกุฏนีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น อะมีรุลมุอฺมินีนฟิลฮะดิษ (หัวหน้านักปราชญ์มุอฺมินีนในศาสตร์แห่งฮะดิษ)
2. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อะบู นุอัยม์  อัลอัศฟะฮานีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
3. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อะบู ซัรริน  อัลฮะรอวีย์  อับดุลลอฮ์ บิน อะห์มัด
4. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อะบู  ฏอฮิร อัศศิละฟีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
5. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ท่านอัลฮากิม  อันนัยซาบูรีย์ เจ้าของหนังสือ อัลมุสตั๊ดร็อก อะลัสศ่อฮีฮัยน์
6. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อิบนุฮิบบาน  อัลบัสตีย์  เจ้าของหนังสือซอฮิห์อิบนุฮิบบานและหนังสืออื่น ๆ
7. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ สะอัด  อัลซัมอานีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
8. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  อะซากิร  ร่อฮิมะฮุลลออ์
9. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อะบูบักร  อัลบัยฮะกีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
10. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
11. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ยะห์ยา ชะร็อฟ อันนะวาวีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
12. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ศ่อลาฮุดดีน อัลอะลาอีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
13. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ชัยคุลอิสลาม  อะบูอัมร์  อิบนุ ศ่อลาห์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
14. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  อะบี ญัมเราะฮ์  อัลอันดะลุซีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
15. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ชัมชุดดีน มุฮัมมัด บิน ยูซุฟ อัลกิรมานีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
16. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัลมุนซิรีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
17. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัลอุบัยยฺ  ผู้อธิบายหนังสือซอฮิห์มุสลิม
18. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  ชัยคุลอิสลาม อิบนุฮะญัร อัลอัสก่อลานีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น อะมีรุลมุอฺมินีนฟิลฮะดิษ (หัวหน้านักปราชญ์มุอฺมินีนในศาสตร์แห่งฮะดิษ)
19. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัศศะคอวีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
20. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัศศะยูฏีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น อะมีรุลมุอฺมินีนฟิลฮะดิษ (หัวหน้านักปราชญ์มุอฺมินีนในศาสตร์แห่งฮะดิษ)
21. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัลก็อสฏ็อลลานีย์  ร่อฮิมะฮุลลอฮ์
22. ท่านอิมามอัลฮาฟิซฺ  อัลมุนาวีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์

และบรรดานักปราชญ์ฮะดิษและปราชญ์นักจำฮะดิษอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน  ซึ่งพวกเขาคือปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่มาจากอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์
ดังนั้นท่านอิมามอัตตายุดดีนอัศศุบกีย์ จึงกล่าวว่า

وَهُوَ مَذْهَبُ المُحَدِّثِيْنَ قَدِيْماً وَحَدِيْثاً

"มันนั้น(หมายถึงมัซฮับอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น) คือแนวทางของอะฮ์ลุลฮะดิษทั้งในอดีตและปัจจุบัน" ดู หนังสืออัฏเฏะบะก็อตอัลกุบรอ ของท่านอิมามอัศศุบกีย์ : 4/32
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ผู้แบกรับหลักการของสะลัฟ

วะฮาบีย์บอกว่า  “พวกอัลอะชาอิเราะฮ์คือพวกค่อลัฟ  และพวกเขา(วะฮาบีย์)คือสะลัฟ!”

เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ขอชี้แจงดังนี้

สะลัฟและค่อลัฟล้วนแต่เป็นอุลามาอฺร็อบานียีน  ปราชญ์ผู้คอยแบกรับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ดังนั้นสะลัฟก็มีอุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่มีอะกีดะฮ์บริสุทธิ์อย่าง  เช่นอิหม่ามทั้งสี่และเหล่าสานุศิษย์  และในสะลัฟเองก็มีแนวทางบิดอะฮ์  เช่น พวกกัรรอมียะฮ์ที่ให้ความหมายว่าอัลเลาะฮ์สถิตอยู่บนบัลลังก์และเชื่อว่า ณ ที่ซาตของอัลเลาะฮ์มีสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาใหม่  , พวกมุญัสสิมะฮ์และพวกมุชชับบิฮะฮ์  ที่เชื่ออัลเลาะฮ์มีรูปร่างแม้ไม่เหมือนกับมัคโลค, พวกค่อวาริจญ์ที่เป็นพวกเคร่งศาสนาละหมาดกันจนหน้าผากดำแต่จิตใจมีอะกีดะฮ์ที่ผิดพลาด  ผู้อื่นที่ไม่ตรงทัศนะของตนก็จะตัดสินกาเฟร  ดังนั้นถ้าหากว่ามีคนหนึ่งมาบอกน้องว่า อัลอะชาอิเราะฮ์คือพวกค่อลัฟ  ก็แสดงว่าเขาเป็นพวกสะลัฟ  ผมจึงอยากถามว่า สะลัฟแบบใหน?

พอถึงยุค 300   ปีให้หลังลงมาเรื่อยๆ  ถูกขนานนามว่า “ค่อลัฟ (พวกค่อลัฟ)” ที่คอยแบกรับหลักการอัลกุรอานและซุนนะฮ์จากสะลัฟศตวรรษแล้วศตวรรษเหล่าจนมาถึงเราในปัจจุบัน  เพราะหากไม่มีอุลามาอฺค่อลัฟคอยรับหลักการอิสลาม  ก็จะไม่มีอิสลามอันบริสุทธิ์ให้เราได้เห็นในปัจจุบัน

ดังนั้นใครบ้างคืออะลามาอฺค่อลัฟ(หลัง 300 ปี) ของวะฮาบีย์ แต่ที่กระผมทราบหลักๆ คือ ท่านอิบนุตัยมียะฮ์(ปี ฮ.ศ. ที่ 700 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ), ท่านอิบนุก็อยยิม(ปี ฮ.ศ. ที่ 700-800 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ), ท่านมุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ(ปี ฮ.ศ. ที่ 1200 ซึ่งไม่ใช่สะลัฟ)

ส่วนปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ในยุคค่อลัฟผู้รับหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮ์จากยุคสะลัฟนั้น  มีมากมายที่ถูกวะฮาบีย์ขนานนามว่า พวกค่อลัฟ  (เป้าหมายของพวกเขานั้นคือพวกอุลามาอฺอะกีดะฮ์ค่อลัฟไม่ใช่อะกีดะฮ์สะลัฟเหมือนกับพวกเขา)

ท่านอิหม่ามอัลบุคอรีย์  ได้รายงานด้วยสายสืบถึงท่าน อัลมุฆีเราะฮ์ บิน ชั๊วะอฺบะฮ์  เขาได้รายงานจากท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ความว่า

لَا يَزَالُ طَائِفَةٌ مِنْ أُمَّتِي ظَاهِرِينَ حَتَّى يَأْتِيَهُمْ أَمْرُ اللَّهِ وَهُمْ ظَاهِرُونَ
"
ยังคงมีกลุ่มชนหนึ่งจากประชาชาติของฉัน  เป็นผู้พิชิต(ได้รับชัยชนะ) จนกระทั่งบัญชาของอัลเลาะฮ์มายังพวกเขา(หมายถึงวันกิยามะฮ์) โดยที่พวกเขายังเป็นกลุ่มผู้เลื่องลือ(ไม่ซ่อนเร้น)" รายงานโดยบุคอรีย์

ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้บอกว่า  ยังคงมีกลุ่มชนจากอุมมะฮ์ของท่านได้การพิชิตศัตรูปกป้องอะกีดะฮ์อิสลามในทุกยุคทุกสมัยจนถึงวันกิยามะฮ์  ซึ่งพวกเขาเป็นผู้พิชิต  ได้รับชัยชนะ  หลักการอิสลามของพวกเขาที่ได้แบกรับไว้ได้แพร่หลาย  จนเป็นที่รู้จักเลื่องกันทุกยุคทุกสมัย  ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้  มีอยู่ใน  อัลอะชาอิเราะฮ์อย่างชัดเจนตามที่ฮะดิษได้ระบุไว้ 

ดังนั้น  นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรีดียะฮ์และผู้มีหลักการสอดคล้องกับพวกเขา  จึงเป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ได้รับการยอมรับและเป็นที่เลื่องลือ  เราก็จะพบว่า  ไม่มีนักปราชญ์ในสาขาวิชาการใด  ที่มาจากนักปราชญ์หะดิษ  นักปราชญ์ตัฟซีร  นักปราชญ์ฟิกห์  นักปราชญ์อุซูลุดดีน  นักปราชญ์ภาษาอาหรับ  นักปราชญ์ประวัติศาสตร์  จอมทัพแห่งโลกอิสลาม  และอื่น ๆ  นอกจากว่า  พวกเขาคือ  นักปราชญ์แนวทางของ อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูริดียะฮ์   
ดังนั้นใครบ้างคืออะกีดะฮ์พวกค่อลัฟตามทัศนะของวะฮาบีย์?

นักปราชญ์วิชาการกิรออาต (วิธีการอ่านอัลกุรอาน)

ท่านอิบนุ อัลญัซฺรีย์, ท่านอบูอัมร์ อัดดานีย์, ท่านชีฮาบุดดีน อัลกุสฏ๊อลลานีย์, ท่านอัชชาฏิบีย์
ท่านอบูชามะฮ์ อัลมุก๊อดดิซีย์

นักปราชญ์ตัฟซีรอัลกุรอาน

ท่าน อิมาม อัลกุรฏุบีย์, ท่านอิมาม อันนะซะฟีย์, ท่านอัลคอซิน, ท่านอัรรอซีย์, ท่านอัลอะลูซีย์, ท่านอัลบัยฏอวีย์, ท่านอิบนุ อัลอะร่อบีย์, ท่านอิบนุอะฏียะฮ์, ท่านอัลมุหัลลีย์, ท่านอัษษะอาลิบีย์, ท่านอบูฮิยาน, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอัลกอซิมีย์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย
นักปราชญ์อุลูม อัลกุรอาน (ศาสตร์เกี่ยวกับอัลกุรอาน), ท่านอัซซัรกาชีย์, ท่านอัลรอฆิบ, อัลอัศฟะฮานีย์, ท่านอัลมาวัรดีย์, ท่านอัลกาฟีญีย์

นักปราชญ์หะดิษและหลักพิจารณาหะดิษ

ท่านอัลหากิม, ท่านอัลบัยฮะกีย์, ท่านอิบนุหิบบาน, ท่านอัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์, ท่านอิบนุอะซากิร, ท่านอัลค๊อฏฏอบีย์, ท่านอบู นุอัยม์ อัลอัสฟะฮานีย์, ท่านอัลกอฏีย์ อิยาฎ, ท่านอัลมุนซิรีย์, ท่านอันนะวาวีย์, ท่านอิซซุดดีน บิน อับดุสลาม, ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยษะมีย์, ท่านอัลมิซซีย์, ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์, ท่านอิบนุบัฏฏอล และนักปราชญ์อธิบายซอฮิหฺบุคคอรีย์และมุสลิม, ท่านซัยนุดดีน อัลอิรอกีย์, ท่านอิบนุญะมาอะฮ์, ท่านอัลอัยนีย์, ท่านอัลอะลาอีย์, ท่านอิบนุ ฟูร๊อก, ท่านอิบนุ อัลมุลักกิน, ท่านอิบนุ ดะกีก อัลอีด, ท่านอิบนุ อัซซะมะลิกานีย์, ท่านอัซซัยละอีย์, ท่านอัศสะยูฏีย์, ท่านอิบนุอะลาน, ท่านอัศศัคคอวีย์, ท่านอัลมุนาวีย์, ท่านอะลีย์ อัลกอรีย์, ท่านอัลบัยกูนีย์, ท่านอัลลักนาวีย์, ท่านอัซซะบีดีย์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราช์อุศูลิดดีน

ท่านอบู อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์, ท่าน อบู มันซูร อัลมะตูริดีย์, ท่านอิมาม อัลหะรอมัยน์, ท่านอัลมุตะวัลลีย์, ,ท่านอิหม่ามอัสซะนูซีย์, ท่านอัชชะรีฟ อัลญุรญานีย์, ท่านอัลอามิดีย์, ท่านฮิบะตุลลอฮ์ อัลมักกีย์, ท่านอัลบัยญูรีย์, เป็นท่านอื่นๆ
 
นักปราชญ์อุศูลุลฟิกห์

ท่านอิบนุอัลฮาญิบ, ท่านอัลก่อรอฟีย์, ท่านอัลบัยฏอวีย์, ท่านอะลาอุดดีน อัลบุคอรีย์, ท่านอัลบัซฺดะวีย์, ท่านอิบนุอัลฮุมาม, และท่านอื่น ๆ

นักปราชญ์ฟิกห์

ท่าน อัศศุบกีย์, ท่านอันนะวาวีย์, ท่านอัรรอฟิอีย์, ท่านอัลบุลกินีย์, ท่านซะกะรียา อัลอันซอรี,ท่านอัชชิบรอมะลิซีย์, ท่านอัลฟากิฮีย์, ท่านอัฏฏ่อร่อฏูชีย์, ท่านอิบนุ อัลเญาซีย์, ท่านอิบนุอาบิดีน,ท่านชัยค์อันนัซซฺอม, ท่านอัลกาซานีย์, ท่านฆุนัยมีน, ท่านอิบนุ อัลหาจญ, และนักปราชญ์อีกมากมาย
 
นักปราชญ์ประวัติศาสตร์

ท่านอัลกอฏีย์ อิยาฎ, ท่านมุฮิบุดดีน อัลฏ่อบะรีย์, ท่านอิบนุ อะซากิร, ท่านอัลคอฏีบ อัลบุฆดาดีย์, ท่านอบู นุอัยม์ อัลอัศฟะฮานีย์, ท่านอิบนุหะญัร, ท่านอัลมิซซีย์, ท่านซุฮัยลีย์, ท่านอัศศอลิฮีย์, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอิบนุอัลกะษีร, ท่านอิบนุค๊อลดูน, ท่านอัตตะลิมซานีย์, ท่านอัศศ๊อฟดีย์, ท่านอิบนุค่อลิกาน, ท่านอะลีย์ บิน อิบรอฮีม อัลหะละบีย์, ท่านอิบนุ ซัยยิดินาส, ท่านยูซุฟ อัลนับฮานีย์, ท่านอัลฟาซีย์, ท่านอิบนุ กอฏีย์ ชะฮ์บะฮ์, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราชญ์หลักภาษาอาหรับ

ท่าน อัลญุรญานีย์, ท่านอัลก๊อซวีนีย์, ท่านอิบนุ อัลอัมบารีย์, ท่านอัสศะยูฏีย์, ท่านอิบนุมาลิก, ท่านอิบนุกะอีล, ท่านอิบนุฮิชาม, ท่านอิบนุ มันซูร, ท่านอัลฟัยรูซฺอาบาดีย์, ท่านอัซซะบีดีย์, ท่านอิบนุอัลหาญิบ, ท่านอัลอัซฮะรีย์, ท่านอิบนุอัลอะษีร, ท่านอัลหะมะวีย์, ท่านอิบนุฟาริส, ท่านอัลกะฟะวีย์, ท่านอิบนุอาญุรูม, ท่านอัลฮัฏฏอบ, ท่านอัลอะฮ์ดัล, และท่านอื่น ๆ อีกมากมาย

นักปราชญ์ศาสตร์อธิบายความฝัน

ท่านอับดุลฆอนีย์ อันนาบุลุซีย์, ท่านอิบนุ อัลมุกรีย์.

นักปราชญ์ตะเซาวุฟ

ท่านอัลกุชัยรีย์, ท่านอัลฆอซะลีย์, ท่านอัรริฟาอีย์, ท่านชัยค์ ซัรรูก, ท่านมุฮัมมัด อะมีน อัลกุรดีย์ ,ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์

จอมทัพอิสลาม

ท่าน อัลวะซีร นิซอม อัลมุลกิ, ท่านจอมทัพ นูรุดดีน อัซซังกีย์, ท่านจอมทัพ ซ่อลาฮุดดีน อัลอัยยูบีย์, ท่านจอมทัพ มุฮัมมัดฟาติหฺ, ท่านจอมทัพ อัลมุซ๊อฟฟัร ก๊อฏซฺ  (และไม่มีจอมทัพใดในประวัติศาสตร์ที่มีอะกีดะฮ์เหมือนวะฮาบีย์  ตั้งระบบค่อลีฟะฮ์อิสลามขึ้นมาได้)

อุลามาอฺอัลอะชาอิเราะฮ์มากมายเหล่านี้น่ะหรือครับคือพวกค่อลัฟที่จัดอยู่ในพวกอัลอะชาอิเราะฮ์ที่มีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ไม่ใช่อะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์สะลัฟ?!   แต่สัจจะธรรมแห่งความจริงแล้ว  พวกเขาคืออุลามาอฺอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ค่อลัฟที่รับหลักอิสลามการมาจากสะลัฟอย่างไม่ขาดตอนจวบจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ

ดังนั้น  จะเป็นไปได้อย่างไร  ที่มีกลุ่มหนึ่ง พยายามกล่าวอ้างว่า บรรดานักปราชญ์ผู้ทรงธรรมเหล่านั้น ไม่ว่าจะมาจากอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมุตูริดียะฮ์  ไม่ใช่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์!  ซึ่งความจริง  อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูริดียะฮ์ เป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ อย่างไรข้อกังขา  เนื่องจาก อัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูริดียะฮ์  คือปวงปราชญ์ผู้ปกป้อง แบกรับและถ่ายทอดหลักการของศาสนา  ดังนั้น การตำหนิพวกเขา ย่อมถือเป็นการตำหนิศาสนา ซึ่งเหมือนกับเรากล่าวว่า   บรรดาซอฮาบะฮ์คือผู้แบกรับและถ่ายทอดหลักการศาสนา และการตำหนิพวกเขานั้น คือการตำหนิศาสนา 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ท่านชัยค์ อบุล หะซัน อัลนัดวีย์ ได้กล่าวถึง อัลอะชาอิเราะฮ์ ความว่า "ทั่วทุกมุมโลกอิสลาม ต้องน้อมให้กับวิชาความรู้และความสำเร็จของปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์...และด้วยความประเสริฐของพวกเขานั้น ทำให้แกนนำเชิงความคิดแห่งโลกอิสลามมีการขับเคลื่อน และสามารถชี้นำกลุ่มมั๊วะตะซิละฮ์ให้กลับไปสู่แนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ได้" หนังสือ ริญาลุล ฟิกร์วัดดะอฺวะฮ์ ฟีลอิสลาม หน้า 137

วะฮาบีย์กล่าวว่า

ผมไม่เข้าใจว่า แนวทางของ ท่าน นบีมูหัมหมัด(ศล) ไม่ดีตรงใหนถึ่งต้องมารับเอาแนวทางอื่น มาใช้กันถึ่งมันจะเป็นแนวทางเดียวกัน ทำไมถึ่งไม่อ้างว่าเป็นแนวทางของ นบี(สล) กลายเป็นชื่ออื่น ดีกว่าหรือว่า สองแนวทางนี้ มันต่างกัน

ชี้แจง

ก็เพราะทุกแนวทางพวกเขาเชื่อว่าตนเองอยู่ในแนวทางของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและความเข้าใจในฮะดิษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นไปไม่ได้ที่ประชาชาติอิสลามจะเข้าใจตรงกันหรือเห็นพร้องกันหมดทุกเรื่อง   ดังนั้นการวินิจฉัยในตัวบทฮะดิษจึงเกิดขึ้น แนวทางต่าง ๆ ในการเข้าใจฮะดิษจึงเกิดขึ้นมา  ซึ่งหากแนวทางทั้งหลายนั้น ตั้งชื่อแนวทางของตนเองว่ามัซฮับนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กันทุก ๆ กลุ่ม แบบนี้พวกบิดอะฮ์อย่างมั๊วะตะซิละฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ์ พวกกัรรอมียะฮ์ พวกชีอะฮ์ ก็สามารถตั้งชื่อแนวทางของตนเองได้เช่นกันว่าอยู่มัซฮับ(แนวทาง)ของท่านนะบีย์   แต่ทว่าพวกบิดอะฮ์นั้นมักชอบตั้งชื่อและชอบอ้างว่าแนวทางตนเองเป็นแนวทางนะบีย์ แต่นักปราชญ์แห่งอุมมะฮ์อิสลามเขาไม่ให้การยอมรับและถือว่าไร้มารยาทต่อแนวทางวินิจฉัยอื่น ๆ ที่มีความประเสริฐ  ที่มาอ้างว่าตนเองเท่านั้นคือมัซฮับนะบีย์  ดังนั้นตามธรรมเนียมปฏิบัติของนักปราชญ์แห่งอุมมะฮ์อิสลาม  เขาจะพาดพิงแนวทางวินิจฉัยหรือเข้าใจในตัวบทฮะดิษไปยังแกนนำผู้มีความโดดเด่นเพื่อให้เกียรติต่อพวกเขา และเพื่อแบ่งแยกกลุ่มบิดอะฮ์และกลุ่มอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ได้อย่างถูกต้องและไม่สับสน(เพราะหากทุกกลุ่มตั้งชื่อว่ามัซฮับนบีก็คงสับสนแยกแยะกันไม่ถูก)

และตามนัยดังกล่าวนี้ ท่านอิมาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ อะซากิร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ "ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์" ว่า " เราไม่ได้ทำการอ้างพาดพิงมัซฮับของเราในเรื่องหลักเตาฮีดไปยังอิมามอะบูลหะซันอัลอัชอะรีย์บนความหมายที่ว่าเราทำการตักลีดหรือได้ยึดถือตัวเขา  แต่ทว่าเรามีความเห็นสอดคล้องกับเขา เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นเรื่องเตาฮีด  เพราะว่ามีบรรดาหลักฐานมายืนยันถึงความถูกต้อง(ในแนวทางของอิมามอัลอัชอะรีย์) ไม่ใช่เพียงเพราะ(เราทำ)การตัดลีด(อิมามอัชอะรีย์) และแท้จริง ส่วนหนึ่งจากพวกเราได้ทำการพาดพิงไปยังมัซฮับของอิมามอัล-อัชอะรีย์นั้น เพื่อที่จะแยกออกจากพวกบิดอะฮ์(เช่นมั๊วะตะซิละฮ์)ที่ไม่ได้มีทัศนะตามท่านอิมามอัล-อัชอะรีย์" ดู หน้าที่ 362
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged