สะลามุนอะลัยกุ้ม
ผมได้ไปอ่านหนังเว็บสำนักวะฮาบีทั้งหลาย เขาพูดถึงเรื่องเงิน สสส. กัน ซึ่งมีวะฮาบีทางภาคใต้ คือ มอ. ปัตตานี และวะฮาบีทางภาคกลาง คือ ฝ่าย ริดอ สะมะดี และพลพรรคของพวกเขา ต่างสาดโคลนใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ แต่ผมเห็นเว็บนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน สสส. กันเลยน่ะ แต่เห็นคำตอบอยู่คำตอบหนึ่งของเว็บนี้ ซึ่งมันอยู่ในประเด็นด้วย คือคำตอบนี้น่ะครับ เหตุใดท่านอุมัรถึงเก็บภาษีเหล้าและสุกร
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
คืออย่างนี้นะครับ ทรัพย์สินในมุมองของอิสลามนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. ทรัพย์ที่มีคุณค่าตีเป็นราคาได้
2. ทรัพย์ที่ไม่มีคุณค่าตีเป็นราคาไม่ได้ เช่น เหล้า และ สุรา เป็นต้น
ดังนั้น ทรัพย์สินที่ไม่มีคุณค่าตีเป็นราคาไม่ได้นั้น ไม่อนุญาตให้มุสลิมนำมาใช้ประโยชน์และไม่อนุญาตให้นำมาเลี้ยงดูและเก็บรักษาไว้ เช่น เหล้า และ สุรา เป็นต้น ฉะนั้น จึงไม่อนุญาตให้มุสลิมนำทั้งสองมาใช้เป็นผลประโยชน์ และการครอบครองทั้งสองของมุสลิม จึงเป็นการครอบครองที่ไม่มีเกียรติอันใด และผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองที่มีอยู่ครอบครองของมุสลิมนั้น เขาก็ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งทรัพย์สินประเภทนี้ เป็นทรัพย์สินที่ไม่สามารถตีราคาได้ เนื่องจากหลักศาสนาไม่ยอมรับว่ามันมีราคาและคุณค่า นี้คือหลักการที่เฉพาะสำหรับมุสลิมีน
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมีนนั้น หากมีทรัพย์สินที่ไม่สามารถตีราคาได้ตามทัศนะของเรา แต่พวกเขานำมาทำการค้าขายและนำมาใช้ประโยชน์ตามหลักศาสนาของพวกเขา แน่นอนว่าเราถูกใช้ให้ทำการเกียรติ(อย่าไปทำลาย) เนื่องจากเราถูกใช้ให้เกียรติ(ในแง่ของสังคม)กับทุก ๆ สิ่งที่พวกเขาได้นับถือ เนื่องจากว่าเราได้ถูกใช้ให้ปล่อยพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาได้นับถือ ดังนั้น เหล้าและสุกรตามทัศนะของกาเฟรซิมมีย์นั้น เป็นทรัพย์ที่ตีราคาได้ ซึ่งพวกเขาไม่พบว่ามันเป็นความเสื่อมเสียในแง่ของศาสนาในการที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องให้เกียรติทรัพย์ของพวกเขาในแง่ของสังคม
ดังนั้น หากมุสลิมคนหนึ่ง ไปทำลายเหล้าและสุกรของคนกาเฟรซีมมีย์ เขาจะต้องชดใช้สิ่งที่เขาได้ทำให้เสียหาย หากทั้งสองได้ทำการฟ้องร้อง ก็ต้องถูกตัดสินให้ชดใช้ เนื่องจากการซื้อขายเหล้าและสุกรตามทัศนะของกาเฟรนั้น เป็นการค้าขายที่ถูกต้อง ได้รับการให้เกียรติตามทัศนะของพวกเขานั่นเอง
ได้รายงานว่า เมื่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้มารวมตัวประชุมที่ท่าน ท่านอุมัรจึงกล่าวว่า
يا هؤلاء إنه قد تلغني أنكم تأخذون في الجزية الخمر والخنزير ، فقال بلال : أجل إنهم يفعلون ذلك فقال : فلا تفعلو ، ولكن ولوا أربابها بيعها ، ثمّ خذوا الثمن منهم
"โอ้พวกท่านเหล่านี้เอ๋ย ได้ทราบมาถึงฉันว่า พวกท่านได้นำสุราและสุกรมาอยู่ในภาษีด้วย ท่านบิล้าลตอบว่า ใช่แล้วครับ พวกเขาได้กระทำดังกล่าว ท่านอุมัรกล่าวว่า พวกท่านอย่างทำเช่นนั้น แต่ทว่าให้พวกท่านจงให้เจ้าของเหล้าและสุกร (ที่เป็นกาเฟรซิมมีย์ผู้อยู่ภายใต้สนธิสัญญาการปกครองอิสลาม)ทำการขายมัน แล้วพวกท่านก็จงเอาราคา(ของสุราและสุกร)มาจากพวกเขา(เพื่อเป็นเงินภาษี)" จากหนังสือ อัลค่อรอจญ์ ของท่านอบียูซุฟ หน้า 151 และหนังฟัตฮุลก่อดีร 5/6 (ซึ่งถ่ายทอดจากหนังสือ المِلكية ونظريّة العقد في الشريعة الإسلامية หน้า 50 ของท่านอิมามอบูซะฮ์เราะฮ์ ตีพิมพ์ดารุลฟิกริลอะรอบีย์)
ร่องรอยคำกล่าวของท่านอุมัรนี้ ชี้ถึง 2 ประการ
1. ไม่อนุญาตให้มุสลิมนำเหล้าและสุกรเข้าอยู่ในอยู่ครอบครองของเขา
2. อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมทำการตกลงค้าขายกันได้ เพราะสิทธิ์การครอบครองของเขานั้น ถูกให้เกียรติ ตามทัศนะของพวกเขา
สิ่งที่ผมได้กล่าวมานี้ คือฟิกห์มัซฮับฮะนาฟีย์ ซึ่งเป็นทัศนะที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในบ้านเรา ที่ไม่ได้ปกครองโดยมุสลิม
ส่วนมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์นั้น เมื่อมุสลิมได้ทำลายหรือทำความเสียหายให้กับเหล้าและสุกรของคนกาเฟรได้ โดยไม่ต้องชดใช้ ดังนั้น หากหลักการนี้นำมาใช้ในเมืองไทยบ้านเรา ก็คงวุ่นวายแน่นอนครับ เพราะเราอาจจะถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดีจำคุกเพราะเชื่อว่าทำลายทรัพย์คนกาเฟรได้
ส่วนกรณีเงินภาษีนั้น ก็คือเงินภาษี ซึ่งถูกเก็บเข้าคลังหลวง ท่านอุมัรได้เก็บภาษีจากเหล้าและสุกรจากาเฟรโดยให้ตีราคาเป็นเงิน แล้วเรียกว่า "เงินภาษี" ไม่ได้เรียกว่าภาษีเหล้าหรือภาษีสุกร ส่วนบ้านเราจะเป็นภาษีเหล้าหรือสุกรนั้น เรามาจำกัดเรียกกันเอง ดังนั้น หากเราจะบอกว่าเงินภาษีมาจากสิ่งฮะรอมไม่สามารถรับได้นั้น เราก็จำเป็นต้องตรวจสอบให้หมดซิครับ เพราะภาษีที่รัฐเรียกเก็บนั้น บางครั้งมาจากบริษัทที่ผลิตสิ่งที่ไม่ฮะล้าลไม่ถูกต้องตามหลักของอิสลามก็มีมากมาย ซึ่งเราไม่สามารถไปตรวจสอบที่มาของเงินภาษีรัฐบาลได้ทั้งหมดหรอกครับ แต่เราก็เรียกว่าเงินชุบฮาต(คลุมเครือ)ห้ามนำมาใช้เกี่ยวกับกิจการของศาสนา เช่น นำมาสร้างมัสยิด โรงเรียนสอนศาสนานั้น ย่อมไม่ได้นะครับ แต่ถ้าหากนำมาสร้างท่อปะปา ทำถนน สร้างศาลาริมทาง ก็อนุญาตนำเงินภาษีมาใช้เกี่ยวกับเรื่องสาธารณูประโยชน์ทางด้านสังคมเฉกเช่นนี้ได้
แต่ถ้าหากว่า เป็นเงินที่มาจากบริษัทเหล้าโดยตรง หรือบริษัทที่เกี่ยวกับสุกรโดยตรง ได้มาบริจาคเงินให้ เรามุสลิมรับไม่ได้แน่นอนครับ เพราะนั่นเป็นสิ่งฮะรอมที่ชัดเจนโดยไม่มีความคลุมเครือแต่ประการใด
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ