ผู้เขียน หัวข้อ: การละหมาดญุมุอะฮ์ของ นศ.มหาลัย "เศาะหฺ" ไหม?  (อ่าน 16732 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อืม..ครับ แล้วถ้าผมคิดว่า ผมมาอยู่ก็นานแล้วนะ ผมจะถือว่า ผมเป็นคนพื้นที่นี้ได้หรือยังครับ คำว่าคนพื้นที่นี่ มีนิยามอย่างไรครับ ต้องเกิดที่นี่หรือเปล่า หรือว่า ต้องอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาอย่างไร นานเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่า เป็นคนพื้นที่ แล้วถ้าสมมติว่าผมแต่งงานกับคนกรุงเทพ ผมก็จะเป็นคนพื้นที่นี้ใช่ไหมครับหรือยังเป็นคนต่างถิ่นอยู่

แล้วถ้าผมจะยึดประเทศไทยทั้งประเทศได้ไหมครับ ว่าผมอยู่ในประเทศไทย ผมก็เป็นคนพื้นที่ในประเทศไทย ผมจะเป็นคนต่างถิ่นได้ ก็ต่อเมื่อผมไปต่างประเทศเท่านั้น...คืออยากให้บังช่วยนิยามว่า คนพื้นที่หน่ะ มีนิยามอย่างไรหรอครับ...

แล้วถ้าผมเป็นคนต่างถิ่น ไปละหมาดวันศุกร์ในที่ต่างถิ่น ซึ่งจำนวนคนพื้นที่ก็ครบจำนวน ผลบุญหล่ะครับ จะได้เท่ากับคนพื้นที่หรือเปล่า เพราะมานับผมว่าผมเป็นคนต่างถิ่นหนิ เหมือนผมเป็นคนแปลกหน้าอะไรอย่างนั้น ทั้งๆที่เป็นมุสลิมด้วยกันทั้งนั้น ...นี่แหล่ะครับที่เป็นประเด็นที่ผมยังค้างคาใจอยู่ ผมไม่ได้ตำหนิมัสหับนะครับ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยในประเด็นละหมาดวันศุกร์บางประเด็นเท่านั้นเอง

คุณต้องทราบประเด็นก่อนว่า  สิ่งที่พี่น้องได้ถามมานั้น  คือ กรณีผู้ไม่ได้เป็นคนพื้นที่ได้ทำการตั้งญุมอะฮ์ขึ้น   ส่วนนักศึกษาที่ไม่ได้เป็นคนพื้นที่  หากได้ทำการละหมาดญุมอะฮ์ในพื้นที่นั้น ๆ ที่มีคุณพื้นที่ตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมา  ก็ถือว่าได้ญุมอะฮ์  และวายิบต้องละหมาดญุมอะฮ์ 

สำหรับคนที่มาจากพื้นที่อื่น  แล้วมาอยู่ 4 วันขึ้นไป  หรืออยู่นานโดยมิได้ตั้งใจปักหลักสร้างฐานอยู่ในพื้นที่นั้นโดยไม่ตั้งใจว่าจะกลับไปบ้านเกิดที่เป็นพื้นที่เดิมของตน  ก็ถือเป็นคนมุกีม  ก็วายิบจำเป็นต้องละหมาดญุมาอะฮ์ในพื้นที่ที่มีการละหมาดญุมาอะฮ์  (แต่คนมุกีมไม่สามารถตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมาเองได้  นอกจากคนในพื้นที่(มุสเตาฏีล)เท่านั้น)  ดังนั้น  ถ้าหากคุณอยู่นาน  ปักหลักสร้างฐานอาศัยอยู่ที่นั่นโดยไม่ตั้งใจว่าจะกลับไปพื้นที่เดิมอีกแล้ว  ก็ถือว่าเป็นคน มุสเตาฏีน (คนในพื้นที่)

ส่วนคนมุสเตาฏีล (คนในพื้นที่) นั้น หมายถึง ผู้ที่อยู่อาศัยที่พื้นที่นั้นโดยไม่ได้เดินทางออกจากพื้นที่เลย นอกจากมีความจำเป็น  เช่นออกเดินทางไปค้าขายหรือเดินไปเยี่ยมเยือนพี่น้องมุสลิมที่พื้นที่อื่น   ดังนั้น  การที่ต้องเป็นคนในพื้นที่นั้น  ถือว่าเป็นเงื่อนไขของการตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมา   ไม่ใช่หมายความว่า  หากไม่ใช่คนในพื้นที่แล้ว  จะละหมาดใช้ไม่ได้นี่ครับ  เนื่องจากตรงนี้เราพูดถึงเรื่องการตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมาของผู้ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่

ดังนั้น  หลักฐานของเงื่อนไขข้อนี้ก็คือ  ละหมาดญุมอะฮ์ไม่ได้มีการปฏิบัติในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และคอลีฟะฮ์ทั้งสี่  นอกจากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว  และชาวอาหรับเผ่าต่าง ๆ ก็อาศัยอยู่รอบ ๆ นครมะดีนะฮ์นั้น พวกเขาไม่ได้ทำละหมาดญุมอะฮ์  และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ไม่เคยใช้ให้พวกเขาทำญุมอะฮ์เลย

เฉพาะฉะนั้น  นักศึกษาที่เดินทางมาเรียนที่มหาลัย  จะตั้งญุมอะฮ์กันขึ้นมาเองย่อมไม่ได้  เพราะไม่ครบเงื่อนไข  แต่ให้ทำการละหมาดซุฮ์ริ 

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 24, 2008, 10:59 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

สรุปอีกครั้ง  คือ 

1. นักศึกษาที่เดินทางไปเรียนในมหาลัยหนึ่ง  โดยเขาพักอยู่ที่นั่น 4 วันหรืออยู่นานมากกว่านั้น  ถือว่าเขาเป็นคน มุกีม (คือคนที่พักอาศัยอยู่ไม่ใช่เป็นคนพื้นที่)  ดังนั้น ถ้าหากเขาได้ยินเสียงอะซานจากมัสยิดพื้นที่ดังกล่าว   ก็วายิบต้องไปละหมาดญุมอะฮ์   นั่นคือประเด็นที่คนในพื้นที่(มุสเตาฏีน) ได้ตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมา

2. ส่วนนักศึกษาที่เป็นคนมุกีมโดยมิใช่เป็นคนพื้นที่(มุสเตาฏีน) ก็ไม่อนุญาตให้ทำการตั้งญุมอะฮ์ขึ้นมาเองโดยพละการตามใจต้องการ  แต่ให้ละหมาดซุฮ์รี่

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 salam

เรียนถามอ.อัลอัซฮารีครับ...ถ้าหากว่าอย่างในกรณีของผมนี้ คือพักอาศัยในพื้นที่หนึ่ง(อยู่เกิน 3 วัน) แต่ผมไปทำงานอีกพื้นที่หนึ่ง(คือตอนเช้าไปทำงาน ตอนเย็นกลับที่พัก) ที่มีการละหมาดญุมอะฮฺ แล้วก็ได้ยินเสียงอะซาน ในพื้นที่นั้น(ละแวกหมู่บ้านแถวๆที่ทำงาน)  กรณีนี้ผมจำเป็นที่จะต้องละหมาดญุมอะฮฺในพื้นที่ๆผมทำงานอยู่ใช่ไหมครับ?
รบกวนอ.ด้วยนะครับผม  loveit:

ญะซากัลลอฮ์ฮุค็อยร็อน ล่วงหน้าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 24, 2008, 09:57 PM โดย vrallbrothers »


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
^
^
ใช่แล้ว



คุณกอลบีนฯมีความรู้สึกเดียวกันเลยครับ ทางออกก็มีหลายทางนะ เปลี่ยนมัสฮับไปเลย หรือไม่ก็อย่าไปเลือกเรียนเซ็กที่เรียนวันศุกร์ หรือฯลฯ
อยากถามว่าถ้าคนที่ทำวันศุกร์ เขาถือว่าถูกต้องตามมัสฮับเขา คือมีคนในพื้นที่ไม่ถึง40 แต่โดยรวมแล้วเกิน เราสามารถไปละหมาดพร้อมเขาได้หรือเปล่าครับ

เตรียมพร้อมกอดออยู่นะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
ปัญหาที่พี่น้องหลายท่านกังวล จิงๆ น่าจะเป็นที่ว่าถ้าเราขาดละหมาดวันศุกร์ติดกันเกิน 3 ครั้ง ตอนที่เราไม่ได้อยู่ในพื้นที่ได้ไหมมากกว่านะครับจะมีผลเสียอย่างไรครับ

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ผมคิดว่าไม่ใช่ตรงนั้นหรอกพี่ ผมว่าที่เขากังวลส่วนใหญ่น่าจะเป็นเหมือนตามที่หัวข้อบอกนั่นแหละ ผมคิดว่าที่บังอัลฯเขาไม่กล้าไปตัดสินเลยนั้นมันเป็นเพราะที่จริงแล้วตามมัสฮับซาฟีอีมันใช้ไม่ได้ เพราะไม่ครบเงื่อนไขการละหมาดวันศุกร์หลายอย่างเลย เขาเลยเลือกที่จะเงียบ แล้วก็ย้ำเงื่อนไขตามมัสฮับซาฟีอีให้เราคิดเอง การบอกตรงๆว่าใช้ไม่ได้นั้น คนบอกเขาควรต้องบอกวิธีแก้ของที่ผ่านๆด้วย ตอนนี้ที่ผมคิดได้อย่างเดียวคือการกอดอ แต่ลองคิดดู กี่สัปดาห์แล้วที่เราทำแบบนั้น!
ตอนผมไปละหมาดวันศุกร์ มีแต่ชาวต่างประเทศทั้งนั้นเลย ผมเห็นหลายคนเวลาเขาละหมาดเสร็จแล้วเขาจะละหมาดอะไรก็ไม่รู้จำนวน4รอกาอัต ตอนนั้นผมคิดว่า ไม่กอดอที่ผ่านๆมาก็คงจะละหมาดใหม่เพราะกลัวไม่ซอฮที่อีมามเป็นซีอัฮ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเขาคงจะละหมาดใหม่เพราะเขากลัวละหมาดวันศุกร์ครั้งนั้นและทุกครั้งของเขาใช้ไม่ได้มากกว่า
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ กล่าวไว้ว่า "ความจริงจะเลวร้ายยังไง ก็ยังดีกว่าปล่อยให้สงสัยอย่างไม่มีวันจบสิ้นอยู่อย่างนั้น"

WALLAHUALAM
นี่เป็นเพียงความคิดของผม หากมีข้อผิดพลาด มันก็มาจากความไม่รู้ของผมเอง อัลลอฮผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุ อลัยกุม

            แท้ที่จริงประเด็นเงื่อนไขการตั้งญุมุอะฮ์นั้น ผมก็พอทราบมาก่อนแล้ว แต่เหตุที่ต้องถามอีก ก็เพราะว่า มันเป็นประเด็นคาราคาซังมานานพอสมควร สำหรับ นศ.ในมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ แล้วคิดว่าที่อื่นๆ ก็น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้เช่นกัน แรงบันดาลใจที่ให้ผมต้องมาถามอีกประการหนึ่งก็คือ เนื่องจากว่า ผมได้ลงเรียนวิชาฟิกฮฺ1 ซึ่งเป็นวิชาบังคับคณะที่ทุกคนต้องลง เสร็จที่นี้ ก็เรียนกันจนมาถึงเรื่องการละหมาด และมีการกล่าวถึงวิธีการละหมาดญุมุอะฮ์ด้วย ปรากฏว่า ขณะที่ อ.สอนอยู่นั้น อ.ก็บอกถึงเงื่อนไขของการละหมาดญุมุอะฮ์ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ต้องครบ 40 หรือ 12 คนตามมัฑฮับเก่าของอิมามชาฟีอีย์ และต้องเป็นคนพื้นที่ด้วย และอื่นๆ เงื่อนไขอื่นๆ ที่ อ.สอนมานั้น เกือบทุกข้อจะอิงจากมัฑฮับชาฟิอีย์เป็นหลัก ซึ่ง นศ.ที่ถือมัฑฮับชสฟิอีย์อยู่ก็ไม่ได้อะไร แต่ประเด็นแห่งที่มาของคำถามในกระทู้นี้ก็คือ มี นศ.คนหนึ่งถาม อ.ว่า แล้วการละหมาดญุมุอะฮ์ที่มหาลัยถือว่าเศาะห์ไหม อ.? อ.ก็ตอบว่า "เศาะหฺ" นศ.คนนั้น (ซึ่งผมรู้จักดี และเขาก็มีความรู้มาก่อนด้วยในเรื่องนี้) จึงถามเชิงค้าน อ.ว่า "เศาะห์หรือ อ. มันครบ 40 คนก็จริง (เกินด้วยซ้ำไป) แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่" ดังนั้น อ.จึงตอบว่ากลับไปว่า "เศาะหฺสิ ก็ในเมื่อคนมีเป็นร้อย จะไม่เศาะหฺได้ไง แล้วเธอมาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้วหละ เป็นปีแล้ว เธอก็เป็นคนพื้นที่แล้ว เพราะฉะนั้นเศาะหฺสิ จะไม่เศาะหฺได้ไง" นศ.คนนั้นก็ถามเชิงค้านอีกว่า "อ.ครับ ที่ผมเรียนมา โต๊ะครูบอกว่า เราต้องนียะฮ์ที่จะอยู่ที่นี่ไปเลยอย่างถาวร จึงจะถือว่าเป็นคนพื้นที่นะครับ อ. ถึงแม้เราจะอยู่ที่นี่ (หมายถึงมหาลัย) หลายปี 4-5 ปี หรือมากกว่านั้นก็ตาม แต่หากเขานียะฮ์ว่าจะกลับบ้านเกิดของเขา ก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนในพื้นที่" อ.ก็ตอบกลับว่า "ได้ไงหละ ไหนหละหลักฐาน มันเศาะหฺสิ ถึงแม้ไม่ครบ 40 เราก็เอา 12 สิ ตามมัฑฮับเก่าของอิมามชาฟิอีย์" มาถึงจุดนี้เอง ผมก็กล่าวว่า "ได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์สิ่งที่อุสตาฑฺกล่าวมีหลักฐาน ว่า นศ.ทำญุมุอะฮ์เศาะหฺ เดียวคาบหน้า อุสตาฑฺจะเอาหนังสือมัจฺญ์มุอฺมาให้พวกเธอนะ โอเค วันนี้อุสตาฑของค้างแค่นี้ก่อน อินชาอัลลอฮฺ สัปดาห์มาดูกัน ในเมื่อเธอไม่เชื่อ ได้เดียวอุสตาฑเอามาให้ดู ของชาฟิอีย์เอง อืม..." เมื่อคาบหน้ามาถึงอุสตาฑก็เอาเนื้อหาจากกิตาบมัจฺญ์มูอฺ แล้วพิมพ์ลง Power Point นำเสนอซะบะเริมเทิ้ม เต็มจอสองลูกตา มาให้ นศ ดูจะๆ พร้อมกับยิ้มไปด้วย น่ารักมากครับ อ.ตอนนั้น จากนั้น อ.ก็ชี้ไปยังโปรเจ็คเตอร์ ที่กำลังแสดงเนื้อหาเป็นในรูปของ Power Point อยู่ "นั่นไง ดูนะ นี่อุสตาฑเอามาให้เธอดูแล้ว อะดู" นศ.ก็ดู แต่ไม่มีใครอ่านอาหรับได้ มีบ้างแต่ไม่คล่องเกือบทั้งหมด ก็งงไปตามๆ นั้น "อ้อ อุสตาฑไปว่าพวกเธอคงไม่รู้ความหมายของมัน งั้นเดียวอุสตาฑแปลให้ละกันนะ" จากนั้นอุสตาฑก็แปลทีละ และอธิบายไปด้วย ใจความหนึ่งที่ผมพอจะสรุปจากที่ อ.อธิบายก็คือ "แท้จริงการละหมาดญุมุอะฮ์ของคนเดินทางและ...และมีมาจากต่างแดน (คนไม่ใช่คนในพื้นที่) ถือว่าเศาะหฺ (จากกิตาบมัจฺญ์มูอฺ เล่ม 3 หน้า...จำไม่ได้ บทที่ว่าด้วยเรื่องญุมุอะฮ์)" ผมบันทึกไว้ด้วย อินชาอัลลอฮฺไว้กลับบ้านผมระบุอีกทีหนึ่ง เพราะจำไม่ได้จริง มันอยู่ในชีตอีกชุด ซึ่งไม่ได้เอามามหาลัยด้วย ด้วยความอยากรู้เพื่อความกระจ่างจริงๆ ผมก็ไปหอสมุด หากิตาบมัจฺญ์มูอฺ เล่ม 3 แต่ก็ได้แค่ดู และผมลองไปดูที่สำนักพิมพ์ก็ปรากฏว่า หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ที่สอูดีอารเบีย ครับ ปกแข็ง สีเขียว จำไม่ได้ว่าทั้งหมดมีกี่เล่ม แต่ที่แน่ๆ ฉบับที่ใช้อ้างอิงในบทความเว็บสุนนะฮ์สติวเด้นท์ กับของ อ.มันคนละสำนักพิมพ์ ทำให้เวลาเทียบมันไม่ตรงกันเลย หน้าไม่ตรงกัน ก็ไม่ใช่ประเด็นครับ
           จากนั้น ผมกับเพื่อนทีกคนที่อยู่ข้างก็ลองวิเคราะห์ข้อมูลที่ อ.นำเสนอกันตามประสาคนกำลังศึกษาอะครับ งูๆ ปลาๆ ก็พอสรุปได้ว่า "คำกล่าวนั้นหากอยู่กิตาบมัจฺญ์มูอฺจริงๆ มันก็ไม่น่าจะขัดแย้งกับทีเราเรียนนะ เพราะท่านอิมามนะวะวีย์ก็อยู่มัฑฮับ และปอเนาะเกือบทั้งหมดในเมืองไทยก็สอนแนวชาฟิอีย์ และใช้กิตาบนี้สอนกันทั้งนั้น แต่ทำไมสิ่งที่ อ.นำเสนอมันดูขัดแย้งกันจัง ทั้งๆ ที่เป็นกิตาบแนวชาฟิอีย์"  ผมกับเพื่อนจึงลงความเห็นว่า ข้อความที่ อ.นำเสนอถูกแล้ว แต่ อ.หลงประเด็น หรือพูดง่ายๆ อ้างข้อมูลไม่ตรงจุดนั่นเอง จริงอยู่ที่คนต่างถิ่น คนเดินทาง และอื่นๆ ถือว่าละหมาดญุมุอะฮ์เศาะหฺ แต่เงื่อนไขก็คือ ต้องไปทำในพื้นที่ที่เขาเศาะห์ญุมุอะฮ์ตามเงื่อนไข เขาเป็นเพียงผู้พาทีอาศัยทำญุมุอะฮ์ด้วย จึงเศาะหฺ แต่จะถือเอาเขา (คนต่างถิ่น) มาเป็นเกณฑ์นับ 40 คนไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนพื้นที่ และกรณีญุมุอะฮ์ของที่มหาลัย เกือบทั้งหมดไม่ใช่คนพื้นที่ ซึ่งเงื่อนไขที่จะเรียกคนพื้นที่ตามที่ผมเรียนมานั้น พอสรุปได้คือ ต้องอยู่นั่นโดยตั้งใจว่าจะอยู่อย่างถาวร ชนิดปักหลักสร้างฐานสร้างบ้านกันที่นั่นเลย ส่วนประเด็นมีลูกเมียนั่นก็ต้องดูที่เจตนาเขา บางคนไปมีลูกเมียที่นั่น หรืออยู่เป็นสิบๆ แต่ในใจเขาก็เจตนาแน่วแน่แล้วว่าจะต้องกลับมาบ้านเกิดอยู่ดี บ้านเกิด ณ ที่นี้หมายถึงชุมชนที่เขาเกิดและมีการทำญุมุอะฮ์ ไม่ใช่บ้านเกิดที่หมายถึงเมืองทั้งเมือง หรือประเทศทั้งประเทศ ไม่ใช่ นั่นมันอีกบริบทหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังถือว่าเขาเป็นคนต่างถิ่น ยังไม่ใช่คนพื้นที่ แต่ในทางกลับกัน เขาเจตนาว่าจะอยู่ที่นั่นถาวร แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก้มีเหตุให้ต้องกลับมาบ้านเกิดอยู่ ในกรณีนี้ถือว่าเขาเป็นคนในพื้นที่นั่นไปแล้ว แต่เมื่อเขากลับมาบ้านเกิด จะถือว่าเขาเป็นคนต่างถิ่นหรือไม่นั้น รบกวนผู้รู้ช่วยแจงหน่อย ผมไม่แน่ใจ ไม่ขอตอบ สรุปตามความเข้าใจของผมก็คือ จะถือว่าเป็นคนพื้นที่นั้นๆ ได้อยู่ที่เจตนาเป็นหลักครับ ไม่ได้ดูที่ระยะเวลาในการพำนัก ณ ที่นั่นๆ ผิดถูกยังงัยโปรดชี้แจงด้วยนะครับ ดังนั้น ผมกับเพื่อนก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า การทำญุมุอะฮ์ที่มหาลัย ไม่เศาะหฺ เพราะเงื่อนไขการเป็นคนพื้นที่ขาดอยู่ ดังนั้น นศ.ไม่ใช่น้อยจึงออกไปทำญุมุอะฮฺนอกมหาลัยครับ แต่ยังคงทำญุมุอะฮ์ที่มหาลัยอยู่ต่อไปก็มีเยอะ เพราะบางถือว่าเศาะหฺ

          หวังว่าจะเข้าใจผมอธิบายนะครับ เล่าให้ฟังมากกว่า ตรงไหนมันดูขัดๆ ก้ช่วยเกลาให้งามด้วยนะครับ ผมมันน้อยความรู้ ไปละ เดียวญุมุอะฮ์ไม่ทัน (ผมญุมุอะฮ์ที่บ้านครับ บ้านอยู่ใกล้มหาลัยนิดเดียวเอง อิอิ)

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ลัม อูซอล ญุมอัต ฟิลเยาม์ ลี อันนี นัมตู ก๊อบลัส ซุฮรี ลีอันนาฮู ลา นัมตู ฟิลไลล์



นาฮูขึ้นสนิมหมดแล้วครับ ไม่ได้ใช้มานาน แต่คงจะเข้าใจนะ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ใจความหนึ่งที่ผมพอจะสรุปจากที่ อ.อธิบายก็คือ "แท้จริงการละหมาดญุมุอะฮ์ของคนเดินทางและ...และมีมาจากต่างแดน (คนไม่ใช่คนในพื้นที่) ถือว่าเศาะหฺ (จากกิตาบมัจฺญ์มูอฺ เล่ม 3 หน้า...จำไม่ได้ บทที่ว่าด้วยเรื่องญุมุอะฮ์)" ผมบันทึกไว้ด้วย อินชาอัลลอฮฺไว้กลับบ้านผมระบุอีกทีหนึ่ง เพราะจำไม่ได้จริง มันอยู่ในชีตอีกชุด ซึ่งไม่ได้เอามามหาลัยด้วย ด้วยความอยากรู้เพื่อความกระจ่างจริงๆ ผมก็ไปหอสมุด หากิตาบมัจฺญ์มูอฺ เล่ม 3 แต่ก็ได้แค่ดู และผมลองไปดูที่สำนักพิมพ์ก็ปรากฏว่า หนังสือเล่มนี้ พิมพ์ที่สอูดีอารเบีย ครับ ปกแข็ง สีเขียว จำไม่ได้ว่าทั้งหมดมีกี่เล่ม แต่ที่แน่ๆ ฉบับที่ใช้อ้างอิงในบทความเว็บสุนนะฮ์สติวเด้นท์ กับของ อ.มันคนละสำนักพิมพ์ ทำให้เวลาเทียบมันไม่ตรงกันเลย หน้าไม่ตรงกัน ก็ไม่ใช่ประเด็นครับ
           จากนั้น ผมกับเพื่อนทีกคนที่อยู่ข้างก็ลองวิเคราะห์ข้อมูลที่ อ.นำเสนอกันตามประสาคนกำลังศึกษาอะครับ งูๆ ปลาๆ ก็พอสรุปได้ว่า "คำกล่าวนั้นหากอยู่กิตาบมัจฺญ์มูอฺจริงๆ มันก็ไม่น่าจะขัดแย้งกับทีเราเรียนนะ เพราะท่านอิมามนะวะวีย์ก็อยู่มัฑฮับ และปอเนาะเกือบทั้งหมดในเมืองไทยก็สอนแนวชาฟิอีย์ และใช้กิตาบนี้สอนกันทั้งนั้น แต่ทำไมสิ่งที่ อ.นำเสนอมันดูขัดแย้งกันจัง ทั้งๆ ที่เป็นกิตาบแนวชาฟิอีย์"  ผมกับเพื่อนจึงลงความเห็นว่า ข้อความที่ อ.นำเสนอถูกแล้ว แต่ อ.หลงประเด็น หรือพูดง่ายๆ อ้างข้อมูลไม่ตรงจุดนั่นเอง

        ก็ถือหลงประเด็นกันจริงๆ นั่นแหละน่ะ  เพราะการละหมาดญุมอะฮ์ใช้ได้  กับการตั้งละหมาดญุมาอะฮ์ขึ้นมาใช้ได้นั้น  มันคนละประเด็นกัน  เพราะคนมุกีมที่เข้ามาอาศัยพักอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเขา 4 วันก็วายิบจำเป็นต้องละหมาดญุมอะฮ์ในพื้นที่นั้นๆ  แต่ไม่ใช่คนนอกพื้นที่ที่เข้ามาอาศัยอยู่เกิน 4 วันจะสามารถตั้งการละหมาดญุมอะฮ์ขึ้นมาได้   ดังนั้นคำกล่าวของอุซตาซฺ มอ. ที่ว่า  "แท้จริงการละหมาดญุมุอะฮ์ของคนเดินทางและ...และมีมาจากต่างแดน (คนไม่ใช่คนในพื้นที่) ถือว่าเศาะหฺ (จากกิตาบมัจฺญ์มูอฺ เล่ม 3 หน้า...จำไม่ได้ บทที่ว่าด้วยเรื่องญุมุอะฮ์)" นั้น  มันไม่ใช่หมายถึง คนแดนทางหรือคนต่างแดนมาตั้งญุมาอะฮ์ขึ้นในพื้นที่คนอื่น  เพราะอย่าว่าแต่  คนเดินทางและคนต่างแดนเลยที่ละหมาดญุมอะฮ์ใช้ได้  แต่กระทั่งคนป่วย(ที่ไม่วายิบละหมาดญุมอะฮ์) หรือคนชรา  หรือสตรีมุสลิมะฮ์  ก็ละหมาดวันศุกร์ใช้ได้  แต่ไม่ใช่ว่าละหมาดเศาะห์ใช้ได้แล้วจะตั้งละหมาดญุมอะฮ์ขึ้นเอง
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ปัญหาที่พี่น้องหลายท่านกังวล จิงๆ น่าจะเป็นที่ว่าถ้าเราขาดละหมาดวันศุกร์ติดกันเกิน 3 ครั้ง ตอนที่เราไม่ได้อยู่ในพื้นที่ได้ไหมมากกว่านะครับจะมีผลเสียอย่างไรครับ

         หากไม่ครบเงื่อนไขในการละหมาดวันศุกร์  ก็ไม่สมควรไปกังวลใจ  ก็ถือให้ทำการละหมาดซุฮ์รตามปกติ  การที่เราไม่ได้ละหมาดวันศุกร์เพราะไม่ครบเงื่อนไข  ก็มิใช่หมายความว่าเราไม่ต้องละหมาดซุฮ์รินี่ครับ  ดังนั้นเมื่อไม่สามารถละหมาดวันศุกร์ได้ตามกฏเกนฑ์  ก็วายิบจำเป็นต้องละหมาดซุฮ์ริ 4 ร่อกะอัต  แต่ถ้าหากว่าครบเงื่อนไขในการละหมาดวันศุกร์  แต่ยังทำเบาความและขี้เกียจละหมาดวันศุกร์ ซึ่งแน่นอนว่า  หากขาดเกิน 3 ศุกร์ก็ต้องมีปัญหา

        จากการที่พี่น้องได้นำเสนอกันมาแล้วข้างต้นที่ว่า

        "การละหมาดญุมอะฮ์ไม่ได้มีการปฏิบัติในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และคอลีฟะฮ์ทั้งสี่  นอกจากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว  และชาวอาหรับเผ่าต่าง ๆ ก็อาศัยอยู่รอบ ๆ นครมะดีนะฮ์นั้น พวกเขาไม่ได้ทำละหมาดญุมอะฮ์  และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ไม่เคยใช้ให้พวกเขาทำญุมอะฮ์เลย"

          ตกลงว่า  อาหรับเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่รอบๆ นครมาดีนะฮ์ หรือตามทะเลทรายที่นบีไม่ได้ใช้ให้ละหมาดวันศุกร์นั้น  พวกเขากังวลเพราะขาดละหมาดวันศุกร์ 3 ศุกร์ด้วยกระนั้นหรอ  ดังนั้นอาหรับรอบมะดีนะฮ์หรือเผ่าอาหรับที่อยู่ในทะเลทรายเป็นฤดูกาลแล้วเร่ร่อนไปที่อื่นอีกนั้น  จะตั้งละหมาดวันศุกร์กันเองไม่ได้  เพราะไม่เป็นคนพื้นที่(มุเตาตีน)  ซึ่งเผ่าอาหรับที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายนั้น  ก็ฮุกุ่มเดียวกับเด็กมหาลัยนั่นแหละครับ  เพราะมาเรียนสักเทอมหลังจากนั้นก็กลับบ้านเกิดช่วงปิดเทอม  แล้วมาเรียนอีกแล้วกลับบ้านอีกในช่วงปิดเทอม  ฉะนั้นเด็กมหาลัยที่มีคุณสมบัติเช่นนี้จะมาตั้งญุมอะฮ์กันเองไม่ได้ เพราะหากจำเป็นต้องตั้งญุมอะฮ์  ก็แสดงว่าเผ่าอาหรับที่อยู่รอบๆ มะดีนะฮ์นั้น  นบีต้องใช้ให้พวกเขาทำละหมาดญุมอะฮ์ขึ้นด้วย  ฉันท์ใดฉันท์นั้น
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
คือว่าถ้าผมมาทำงานที่กทม แล้วไม่ได้ยินเสียงอะซานก็ไม่ต้องไปละมาดก็ได้ใช่ปะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 26, 2008, 03:22 PM โดย admin »

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
มันไม่วาญิบ แต่มันอยู่ที่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตัวคนเราครับ รู้ทั้งรู้ว่าไม่ซอฮ แต่ก็ยังอยากจะไปให้ได้อยู่ดี
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
 salam

มันเป็นความสะดวกง่ายดายในการปฎิบัตินะครับ ถ้าหากเราพิจารณากันดี ๆ แล้ว ที่คนนอกพื้นที่(มุกีม)ไม่สามารถตั้งญุมอะฮฺได้เอง นอกจากจะต้องมีคนในพื้นที่(มุสเฎาตีน)ร่วมอยู่ด้วย 40 คน และไม่วายิบบนมุกีมที่จะต้องละหมาดญุมอะฮ์ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินเสียงอาซาน...
 
แล้วไฉนเล่าเราจึงมีความรู้สึกไม่สบายใจกับความเมตตาและความโปรดปรานที่อัลลอฮฺทรงประทานมาให้หล่ะครับ...
อิสลามนั้นมีความสะดวกง่ายดาย แต่ความสะดวกและง่ายดายนั้นก็ต้องมีระเบียบและกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติ โดยผ่านการวินิจฉัยโดยผู้รู้(มุจตะฮิด)...

วัลลอฮุอะลัม
ผิดพลาดประการใดผู้รู้โปรดตักเตือนและชี้แนะด้วยครับ  loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 26, 2008, 02:47 PM โดย vrallbrothers »


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

Qortubah

  • บุคคลทั่วไป

ญะซากุมุลลอฮุค็อยร็อน

ที่นำเสนอมาข้างต้นนั้น คือทัศนะตามมัซฮับอิมามชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ใช่มั้ยครับ
แล้วมัซฮับอื่นๆละครับ มีความเห็นในประเด็นเช่นนี้อย่างไรบ้าง?

ทราบว่า ทางเว็บฯมีนโยบายนำเสนอประเด็นปัญหาทางฟิกฮฺในกรอบมัซฮับทั้งสี่ จึงอยากทราบรายละเอียดในส่วนของมัซฮับอื่นๆด้วยครับ  เพราะในทางปฏิบัตินั้น เราก็มิอาจบังคับให้ทุกคนยึดตามมัซฮับชาฟิอีย์ หรือมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งได้ ใช่มั้ยครับ? ขอบคุณครับ



ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

ญะซากุมุลลอฮุค็อยร็อน

ที่นำเสนอมาข้างต้นนั้น คือทัศนะตามมัซฮับอิมามชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ใช่มั้ยครับ
แล้วมัซฮับอื่นๆละครับ มีความเห็นในประเด็นเช่นนี้อย่างไรบ้าง?

ทราบว่า ทางเว็บฯมีนโยบายนำเสนอประเด็นปัญหาทางฟิกฮฺในกรอบมัซฮับทั้งสี่ จึงอยากทราบรายละเอียดในส่วนของมัซฮับอื่นๆด้วยครับ  เพราะในทางปฏิบัตินั้น เราก็มิอาจบังคับให้ทุกคนยึดตามมัซฮับชาฟิอีย์ หรือมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งได้ ใช่มั้ยครับ? ขอบคุณครับ



        สรุปว่าตามหลักฐานของมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์และตำราต่างๆ ของปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์  ถือว่าที่การนักศึกษามหาลัยที่มุกีม(คนที่มาพักอาศัยอยู่ 4 ขึ้นไป)ไม่ใช่เป็นคนมุสเตาตีน(คนไปพื้นที่)จะมาตั้งละหมาดญุมอะฮ์กันขึ้นมาเองไม่ได้  ฉะนั้นหากผู้ใดหรืออุซตาซคนใดหรืออาจารย์ท่านใดที่พยายายามอ้างจากตำรามัซฮับอิมามชาฟิอีเพื่อสนุนให้นักศึกษามหาลัยตั้งญุมอะฮ์ขึ้นกันเองนั้น  เขาจะต้องเข้าใจผิดประเด็นอะไรบางอย่างหรือไม่เข้าใจรายละเอียดในการอธิบายของเหล่าปราชญ์มัซฮับชาฟิอี  ดังนั้นประเด็นของมัซฮับชาฟิอีย์นั้นก็ถือว่าหมดไปโดยสรุปได้ว่าการละหมาดญุมอะฮ์ในมหาลัยนั้นใช้ไม่ได้แต่ต้องละหมาดซุฮ์ริ

       หากเราพิจารณาตามมัซฮับของฮะนะฟีก็ถือว่าใช้ไม่ได้อยู่ดีครับ  หากแม้นว่ามัซฮับฮะนะฟีจะบอกว่า  คนเดินทางหรือทาสก็สามารถตั้งละหมาดญุมอะฮ์ขึ้นมาเองได้  แต่มีเงื่อนไขว่า  ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้นำเสียก่อน  จะมาตั้งญุมอะฮ์กันตามใจตนไม่ได้  ฉะนั้นหากไม่มีผู้นำมาบอกให้ตั้งญุมอะฮ์ก็ไม่สามารถตั้งญุมอะฮ์ได้  และนักศึกษาที่ทำญุมอะฮ์ในมหาวิทยาลัยนั้น  ก็ไม่ได้มีผู้นำมารับรองในญุมอะฮ์ของพวกเขา  จึงถือว่าละหมาดใช้ไม่ได้ตามมัซฮับของอิมามฮะนะฟีย์

       ส่วนมัซฮับของอิมามมาลิกนั้น  หากจำไม่ผิด  ต้องละหมาดในมัสยิดหรือญาเมี๊ยะอฺ(มัสยิดกลาง)  ไม่ใช่ในมหาลัยที่ตั้งญุมอะฮ์กันเอง  รายละเอียดมัซฮับมาลิกีและมัซฮับฮัมบาลีนั้นพี่น้องโปรดนำเสนอกันอีกทีล่ะกัน  วัลลอฮุอะลัม
لا إله إلا الله محمد رسول الله

 

GoogleTagged