بسم الله الرحمن الرحيم
เมื่อกล่าวถึงเรื่องอิบาดะฮ์แล้ว อาจกล่าวได้ว่า อิบาดะฮ์แทบจะทุกประเภทนั้น จะมีเงื่อนไขของมันอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกำหนดรูปแบบของอิบาดะฮ์นั้นให้ตรงตามเจตนารมณ์ตามที่มันถูกกำหนดมา และเงื่อนไขต่างๆ เหล่านั้น ก็ล้วนแต่กรองมาจากแหล่งที่มาทางกฎหมายอิสลามสองอันดับแรกเป็นสำคัญทั้งนั้น นั่นก็คือ อัลกุรฺอานและอัสสุนนะฮ์
เราจะเห็นได้ว่า เงื่อนไขใดก็ตามที่บรรดาอุละมาอ์มีความเห็นตรงกัน โดบปกติแล้ว เงื่อนไขนั้นจะถูกกำหนดให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษร หรือมีตัวบทกำหนดชัดเจนอยู่แล้วจากอัลกุรฺอานและอัสสุนนะฮ์
ส่วนเงื่อนไขใดที่บรรดาอุละมาอ์มีความขัดแย้งกัน โดยปกติเช่นกัน ก็จะเป็นเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้นมาจากการมองเห็นเจตนารมณ์ที่ซ้อนอยู่ของการกำหนดอิบาดะฮ์นั้นๆ ขึ้นมา ว่ามันถูกกำหนดมาเพื่อจุดประสงค์อันใด ดังนั้น ตรงนี้เองที่ทำให้บางอุละมาอ์ได้กำหนดเงื่อนไขสำหรับบางอิบาดะฮ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกทัศนะที่อุละมาอ์ส่วนใหญ่เห็นด้วย ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าที่เราจะเลือกปฏิบัติตาม แต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป
และเงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็จะถูกแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทอีก นั่นก็คือ เงื่อนไขที่ทำให้นิติบุคคล (มุกัลลัฟ) คนหนึ่งจำเป็นต้องกระทำอิบาดะฮ์นั้นเมื่อพบว่าตนครบเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้สำหรับอิบาดะฮ์นั้นๆ เงื่อนไขประเภทนี้เราเรียกว่า
"เงื่อนไขวาญิบ" และอีกประเภทหนึ่งก็คือ เงื่อนไขที่กำหนดขึ้น เพื่อเป็นตัวควบคุมให้รูปแบบอิบาดะฮ์ดำเนินไปตามเจตนารมณ์และรูปแบบที่ถูกกำหนดจากกิตาบุลลอฮฺ หรืออัสสุนนะฮ์ เงื่อนไขประเภทนี้เราเรียกว่า "เงื่อนไขศ็อหฺ" หมายถึง เงื่อนไขที่จะทำให้อิบาดะฮ์นั้นๆ มีผลใช้ได้ทางกฎหมายอิสลาม หากเมื่อปฏิบัติครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เท่านั้น
ดังนั้น การละหมาดญุมุอะฮ์ ก็เป็นอิบาดะฮ์หนึ่งที่ได้มีเงื่อนไขทั้งสองประเภทกำหนดอยู่ นั่นก็คือ มีทั้งเงื่อนไขวาญิบและเงื่อนไขศ็อหฺ ฉะนั้น จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งสำหรับนิติบุคคลทั้งหลาย ที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อนไขทั้งสองประเภทสำหรับแต่ละอิบาดะฮ์ให้ดี ทั้งนี้ ก็เพื่อไม่ให้การประกอบอิบาดะฮ์ของเราเกิดความสูญเปล่าอันเนื่องเพราะกระทำไม่ครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม[/size]