จุดยืนมุสลิมะฮฺ "ควรหันหลังหรือสร้างสรรค์สังคม?"

[قطوف من أزاهير النور]

Tweet

 salam


ระหว่างประโยคที่บอกว่า
"ที่อยู่ของมุสลิมะฮฺคือบ้าน"

กับ

"มุสลิมะฮฺเป็นปีกอีกข้างของสัมคม"

มาร่วมเสวนากันว่า ทั้งสองประยคนี้ ขัดกัน หรือ สอดคล้องกันอย่างไร
ใครเห็นด้วยกับประโยคไหนมากกว่าประโยคไหน ใครไม่เห็นด้วยอย่างไร

หาเรื่องมาให้พี่น้องช่วยกันขบคิดว่า จริง ๆ แล้วอิสลามต้องการให้มุสลิมะฮฺอยู่จุดไหนกันแน่  ..

[musalmarn]

มีอีกคำนึง... แรงขับเคลื่อนหลังม่าน 

[นูรุ้ลอิสลาม]

 salam


ระหว่างประโยคที่บอกว่า
"ที่อยู่ของมุสลิมะฮฺคือบ้าน"

กับ

"มุสลิมะฮฺเป็นปีกอีกข้างของสัมคม"

มาร่วมเสวนากันว่า ทั้งสองประยคนี้ ขัดกัน หรือ สอดคล้องกันอย่างไร
ใครเห็นด้วยกับประโยคไหนมากกว่าประโยคไหน ใครไม่เห็นด้วยอย่างไร

หาเรื่องมาให้พี่น้องช่วยกันขบคิดว่า จริง ๆ แล้วอิสลามต้องการให้มุสลิมะฮฺอยู่จุดไหนกันแน่  ..

 salam


ระหว่างประโยคที่บอกว่า
"ที่อยู่ของมุสลิมะฮฺคือบ้าน"

กับ

"มุสลิมะฮฺเป็นปีกอีกข้างของสัมคม"

มาร่วมเสวนากันว่า ทั้งสองประยคนี้ ขัดกัน หรือ สอดคล้องกันอย่างไร
ใครเห็นด้วยกับประโยคไหนมากกว่าประโยคไหน ใครไม่เห็นด้วยอย่างไร

หาเรื่องมาให้พี่น้องช่วยกันขบคิดว่า จริง ๆ แล้วอิสลามต้องการให้มุสลิมะฮฺอยู่จุดไหนกันแน่  ..
/quote]

ไม่ขัดกันหรอกครับ  ในเมื่อมุสลิมะฮ์นั้น  "สถานที่ของนางอยู่ในบ้านที่เคยเป็นปีกอีกข้างหนึ่งของสังคม"  ตำแหน่งของมุสลิมะฮ์ที่มีต่อมุสลิมนั้น  ประหนึ่งดัง  شريك الحياة  "คู่ชีวิตหรือคู่หุ้นส่วนของชีวิต"   ดังนั้นตราบใดที่บุรุษมุสลิมมีบทบาทในขับเคลื่อนสังคม  แน่นอนว่ามุสลิมะฮ์ก็คือหุ้นส่วนในการขับเคลื่อนสังคมเช่นเดียวกัน

[ILHAM]

เบื้องหลังของชายที่เข้มแข็ง คือหญิงที่...........(จำได้แค่นี้เองครับ ใครก็ได้ช่วยต่อให้จบที)

สรุปโดยรวมคือต้องแต่งงานกันก่อน

[กูปีเยาะฮฺสะอื้น]

หลังบ้านครายว่าไม่สำคัญ คิดผิดเลยแหละ

[قطوف من أزاهير النور]

.. เนื้อหาที่่ผ่านมายังเก็บไว้อยู่ใช่ป่าว พี่อัซฮารี 
รบกวนมาลงหน่อยจิ

[al-azhary]

 salam

ในเมื่อสังคมได้ประมวลไว้ซึ่งสมาชิกทั้งหญิงและชาย  เหตุใดมุสลิมะฮ์ถึงต้องหันหลังให้สังคม  แต่ทว่าสังคมนั้นมีความหลากหลาย  จึงจำเป็นที่มุสลิมะฮ์ต้องเคร่งครัดในเรื่องกฏระเบียบต่าง ๆ ที่ศาสนาได้กำหนดไว้ 

อนึ่ง  ในยุคสมัยซอฮาบะฮ์  ย่อมเป็นมาตราวัดที่ดียิ่งในบทบาทต่อมุสลิมะฮ์ที่มีต่อสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา  ผมจึงอยากนำเสนอบทบาทของมุสลิมะฮ์ที่มีต่อสังคมในสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  พอสังเขปดังนี้

1.  มุสลิมะฮ์สามารถไปมัสยิดเฉกเช่นบุรุษมุสลิมีนได้

ดังกล่าวนี้  ก็คือบทบาททางสังคมของมุสลิมะฮ์อันโดดเด่นที่สามารถนำความดีงามทั้งในแง่ศาสนาและดุนยา  ได้มีฮะดิษซอฮิห์รายงานว่า  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า

‏ ‏إِذَا اسْتَأْذَنَكُمْ نِسَاؤُكُمْ بِاللَّيْلِ إِلَى الْمَسْجِدِ فَأْذَنُوا لَهُنَّ

"เมื่อบรรดาสตรีของพวกท่านได้ขออนุญาตไปมัสยิดในยามค่ำคืน  พวกท่านก็จงอนุญาตแก่พวกนางเถิด" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม

และมีฮะดิษซอฮิห์จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา  ท่านนางได้กล่าวว่า

‏أَنَّ نِسَاءَ الْمُؤْمِنَاتِ كُنَّ يُصَلِّينَ الصُّبْحَ مَعَ النَّبِيِّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ثُمَّ يَرْجِعْنَ ‏ ‏مُتَلَفِّعَاتٍ ‏ ‏بِمُرُوطِهِنَّ ‏ ‏لَا يَعْرِفُهُنَّ أَحَدٌ

"แท้จริงบรรดาสตรีผู้มีศรัทธา  ได้ทำการละหมาดซุบฮิพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้นพวกนางก็ได้กลับไปโดยมีผ้าคลุมศีรษะและเรือนร่างของนพวกนางจนกระทั่งไม่มีผู้ใดรู้จักพวกนาง(ว่าใครเป็นใครเพราะยังรุ่งสางอยู่)" รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม

ยิ่งกว่านั้น  บางครั้งสตรีมุสลิมะฮ์ก็สามารถนำลูกน้อยของไปที่มัสยิดได้เช่นกัน  โดยไม่มีสิ่งใดมาห้ามจากการกระทำดังกล่าวเลย  มีฮะดิษซอฮิห์  ได้รายงานว่า  ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  "แท้จริงฉันได้ยืนละหมาด  ฉันต้องการละหมาดให้นาน  ดังนั้นฉันได้ก็ยินเสียงร้องของเด็ก  ฉันจึงรีบทำการละหมาดเพราะเกรงว่าจะเกิดความลำบาก(กังวลใจ)แก่มารดาของเด็กนั้น"  รายงานบุคอรี

ดังนั้น  ฮะดิษต่าง ๆ เหล่านี้  ทำให้ท่านมั่นใจได้เลยว่า  บรรดามัสยิดในสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  มิได้อุทิศให้แก่บรรดาบุรุษมุสลิมีนตามที่ผู้คนมากมายในปัจจุบันเข้าใจเท่านั้น  แต่ทว่ามัสยิดเป็นเจ้าของร่วมกันอย่างเท่าเทียมระหว่างหญิงและชาย  และแถวละหมาดของผู้หญิงมุสลิมะฮ์ก็เอ่อล้นในมัสยิดได้เหมือนกับแถวละหมาดของผู้ชายเช่นกัน

และเป็นที่ทราบกันดีว่า  การที่มุสลิมีนได้มาพบปะกันเพื่อละหมาดญะมาอะฮ์ในมัสยิดนั้น  ย่อมเป็นบ่อเกิดแห่งการสร้างสรรสังคมอย่างมิต้องสงสัยเลย

วัลลอฮุอะลัม

[al-azhary]

 salam

2.  บทบาทในสังคมของมุสลิมะฮ์กับการศึกษา

ในแวดวงของการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหลักการของศาสนาในสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น  มิใช่จำกัดเพียงแค่ผู้ชายเท่านั้น  แต่ผู้หญิงก็มีส่วนได้รับตรงนี้อย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกัน  เราจะเห็นว่ามีสตรีบางคนสมัยนบีได้ล้ำหน้าผู้ชายในการไปศึกษาหาความรู้  และเห็นว่านางนั้นได้นั่งฟังคำสอนและการชี้นำของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ตลอดยุคสมัยที่ท่านได้มีชีวิตอยู่  ท่านอะบี สะอีด อัลคุฏรีย์  ได้กล่าวว่า  "มีสตรีคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  นางกล่าวว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  บรรดาผู้ชายได้ไปฟังการเทศนาของท่าน  ดังนั้นท่านโปรดจงเจาะจงให้เราสักวันหนึ่งเถิด  แล้วเราจะมาหาเพื่อให้ท่านสอนพวกเราเกี่ยวกับสิ่งที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงสอนแก่ท่าน  ท่านนบีจึงกล่าวว่า  พวกเธอจงมารวมตัวกันในวันนั้นวันนี้  ณ  ที่นั้นที่นี้  ดังนั้นพวกนางจึงมารวมตัวกัน  แล้วท่านนบีก็ได้มาหา  และท่านก็ทำการสอนพวกนางจากสิ่งที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงสอนท่าน" รายงานโดยบุคอรีย์

ท่านอามิร บิน ชะร่อห์บีล  ได้ถามท่านนางฟาติมะฮ์ บุตรี ก็อยส์  ซึ่งนางเป็นสตรีผู้เคยอพยพในระดับต้น ๆ  อามีร  กล่าวว่า  ท่านนางจงเล่าให้ฉันฟังสักหนึ่งฮะดิษเถิด  ที่ท่านได้ยินมาจากท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  นางกล่าวว่า  หากท่านต้องการ  ฉันก็จะทำ  เขากล่าวว่า  ครับ  ท่านจงเล่าให้เราฟังเถิด  ซึ่งนางได้เล่าฮะดิษอย่างยืดยาว  และมีตอนหนึ่งระบุว่า  "ฉันได้ยินผู้ป่าวประกาศ  ได้ประกาศว่า  อัศศ่อลาตุ  ญามิอะฮ์  ดังนั้นฉันจึงออกไปยังมัสยิดแล้วละหมาดพร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ฉันได้อยู่แถวบรรดาผู้หญิงที่อยู่ถัดแถวหลังของบรรดากลุ่มผู้ชาย  เมื่อท่านร่อซูลุลลอฮ์  ได้ละหมาดเสร็จ  ท่านก็นั่งบนมิมบัร  และแสดงรอยยิ้มออกมา  แล้วกล่าวว่า  ทุกคนจงอยู่กับที่ละหมาดของเขา  หลังจากนั้นท่านกล่าวว่า  พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดฉันให้พวกท่านมารวมตัวกัน?  พวกเขากล่าวว่า  อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ยิ่ง  ท่านจึงกล่าวว่า  ขอยืนยัน  ฉันมิให้พวกท่านมารวมตัวกันเพราะมีข่าวดีหรือข่าวร้าย  แต่ทว่าฉันได้ให้พวกท่านมารวมตัวกันนี้เพราะตะมีม อัดดารีย์  ซึ่งเป็นชายชาวนะซอรอ  ได้มาหา  แล้วทำการให้สัตยาบัน  และเข้ารับอิสลาม  เขาได้บอกเล่าเรื่องหนึ่งให้ฉันฟังซึ่งเหมือนกับสิ่งที่ฉันได้เล่าให้พวกท่านฟังเกี่ยวกับเรื่องดัจญาล  และเขาเล่าให้ฉันฟังว่า  เขาได้โดยสารมาทางเรือพร้อมกับชายสามสิบคน...."  รายงานโดยมุสลิม

ท่านผู้อ่านคงเห็นประจักษ์แล้วซิครับว่า  ฮะดิษเหล่านี้ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า  สตรีในสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็เหมือนกับเหล่าบุรุษ  ที่สามารถมีส่วนร่วมในการได้รับข่าวสารและการเรียนรู้   พวกนางก็ได้รับฮะดิษจากท่านนบีและได้ทำการรายงานเหมือนกับผู้ชาย  ซึ่งทั้งหมดนี้  ก็เพราะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั่นเอง

วัลลอฮุอะลัม

[al-azhary]

 salam

3.  สตรีสามารถมีส่วนร่วมในการประชุมพบปะและร่วมงานเลี้ยงเพื่อแสดงความยินดี

แปะไว้ก่อน   

[คนเดินดิน]

 salam

mari  tunggu

nanti  baca

apa apa  yang  memberi  faidah

 

[ILHAM]

^
^
^
tunggulah. lamat lagi 5555

[قطوف من أزاهير النور]

plaee maii ook   

[vrallbrothers]

 salam

plaee maii ook   

มาช่วยพี่กูตุฟฯ ครับ...

salam

mari  tunggu

nanti  baca

apa apa  yang  memberi  faidah

 

มาร๊อ มารอ...

รออ่าน

สิ่งที่เป็นประโยชน์

^
^
^
tunggulah. lamat lagi 5555

รอไปเถิด อีกนานนนน 

[قطوف من أزاهير النور]

 

พี่อัซฮารี โดนซะแระ 

[vrallbrothers]

ผมแค่มาแปลให้พี่กุตุฟฯเท่านั้นนะครับ อาจารย์อัซฮารี 
เหอๆ