ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมต้องแยกกัน  (อ่าน 5118 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 05:36 PM »
0
ยะซากันลอลอฮฮุค็อยรอลกะซีรอ 
             

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พ.ค. 01, 2007, 07:18 PM »
0
ขอเพิ่มเติมนะครับ คุณ MANNAN (บันทึกแสดงความรู้สึกของผมนะ)

.....ในเว็บนี้ การสนทนา หรือ อภิปราย นำเสนอ เหตุผล หลักฐานไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นผู้รู้ หรือสมาชิกท่านอื่นๆ หรือผม กับกลุ่มคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มวาฮาบีย์ (ขอโทษนะครับที่เรียกอย่างนี้ เพราะว่า บางคนไม่รู้ว่าเป็นวาฮาบีย์ บางคนไม่ยอมรับว่าเป็น บางคนบอกว่าตามกีตาบบุลลอฮ์และซุนนะห์ หรือว่าบางคนเรียกตนเองว่า กลุ่มสลาฟี หรือกลุ่มซุนนะห์ ผมไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรเหมือนกัน ที่จะไม่ทำให้ท่านไม่พอใจ)

....ในการสนทนาหรือรับฟังกลุ่มดังกล่าวนั้น ผมเองรู้สึก.. เฉยๆ... แต่ก็รับฟัง...หาความรู้...จากกลุ่มดังกล่าว.

....แต่กับคุณ.(ที่เป็นชีอะห์) ....ผมกลัว!!...เพราะผมไม่รู้จะสนทนากับคุณได้ยังไง

....เพราะจะให้ผมสนทนาหรือรับฟังหลักฐานของคุณได้อย่างไร กับบุคคลที่มีแนวความคิดประมาณว่า สามารถโกหก หรือ ปิดบังได้

....กับคนที่ไม่ให้ความสำคัญกับ 1 ใน 4 คุณลักษณะของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม (1 นั้นคือ ซิดดีก ส่วนอีก 3 คือ  อามานะห์ , ตับลีค , ฟาฏอนะห์ ) ที่ผมได้เรียนในสมัยเรียนฟัรดูอีน ตอนเด็กๆ

....โดยที่คุณไม่ต้องเดือดร้อนหรือลำบาก ยกฮาดีสต่างๆ ในเมื่อคุณลักษณะพื้นฐานที่ผมได้กล่าวไว้นั้นคุณยังไม่เห็นคุณค่า

....อย่างกลุ่มวาฮาบีย์เอง ผมคิดว่าเขาสนทนาเพื่อค้นหาความจริง หาหลักฐาน การชี้แจงเหตุผล ซึ่งผมเองเป็นคนมีความรู้น้อย เวลาเขาสนทนากัน ชี้แจงด้วยเหตุผล หลักฐาน ผมก็จะได้ความรู้ไปด้วย

วัลลอฮ์ฮุอะลัม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 01, 2007, 07:35 PM โดย isma-il »

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 02:24 PM »
0
ถึงคุณ mannan

....ถ้าหากคุณปราถนาดีกับผมจริง ..คุณช่วยลบ ..สิ่งที่คุณโพสท์ด้วย

....เพราะยังไง ...ผมก็ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

....และผมก็..ไม่อยาก..ชายตามอง..สิ่งที่คุณโพสท์มาด้วย

...หลักการผมยังเหมือนเดิม ..... ขอบคุณในความหวังดี ...

...แค่นี้นะ คงจะเข้าใจ ;D (ที่ผมกลัวนั้นนะ คือกลัวว่าคุณจะพูดไม่รู้เรื่อง)  ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 02, 2007, 02:59 PM โดย isma-il »

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 03:26 PM »
0
                              ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ(ซ.บ.)  ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา  ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา
   
                พระมหาคัมภีร์อัล-กรุอ่านได้กล่าวไว้ใน        ซูเราะห์อัลบากอเราะห์  /อายะห์ที่6    ความว่า
   
  "แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้นย่อมมีผลเท่ากันแก่พวกเขา เจ้าจะตักเตือนเขาแล้วหรือยังมิได้ตักเตือน พวกเขาก็หาได้ศรัทธาไม่"
         
                                               พระพจนาถของอัลลอฮ(ซ.บ.)  เป็นสัจจะเสมอ

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 03:47 PM »
0
ถึงน้อง mannan

...แน๊ะ ขนาดยังไม่รู้จักกันเท่าไร ก็..ฉก..กันเสียแล้ว   ;D

...ตอนแรกก็ยังดุอาให้กันอยู่เลย...ตอนนี้กลับ...?...

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 04:04 PM »
0
[                 b]เตือนไม่ใช่ฉก  [/b]     บอกแล้วว่าจะเชื่อหรือไม่ขอให้ใช้ความคิดสติปัญญาที่พระองค์ให้มา   คิดให้ดีอย่าฟังความข้างเดียว   อย่าลืมทั่วโลกมุสลิมอะห์ลิซซุนนะห์มากว่าชีอะห์ตั้ง70  %   แต่ในกรุอ่านมีหลายโองการที่พระองค์(ซ.บ)กล่าวในทำนองว่า  "ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเป็นผู้ศรัทธา  " 
                                                                                                                                                                                                                                               ดุอาอยู่เสมอให้พี่น้องมุสลิมทุกครั้งอยู่แล้วละไปเคยเปลี่ยนไปดุอาให้คนกาเฟรหรอกครับ     
                                   อย่าลืมหัวหน้าของชาวสวรรค์คือ  ฮะซัน(อ)    และ ฮุเซน(อ)  นะครับ  แล้วจะเสียใจในวันหน้า

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 04:09 PM »
0
 :D

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 04:26 PM »
0
 :P

ออฟไลน์ Sunnah so

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 05:08 PM »
0
อยากทราบว่า ใครรับรองครับว่าชีอะห์เข้าสวรรค์ เอามาจากไหนว่าลูกหลานนบีเป็นชีอะห์ เอามาจากไหนว่าอะห์ลุซซุนนะห์ไม่เชื่อลูกหลานนบี เรื่องใส่ร้ายคนตายไปแล้วที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาตอบได้ถนัดนักนะ นิสัยเหมือนยิวเป๊ะเลยนะ ชอบเอาบางส่วนของประวัติศาตร์มาตัดทอนแก้ไขผสมกับนิยายที่แต่งขึ้นมา เหมือนหนังฮอลีวูด น่าจะแต่งนิยายขายนะมีพรสวรรค์นิครับ คุณมันนาน
จงเข้มข้นกับความฝัน และเข้มแข็งกับผลลัพท์ (แอบเอามาจากรถเมล์)

ออฟไลน์ isma-il

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 232
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 05:28 PM »
0
                              ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ(ซ.บ.)  ผู้ทรงยิ่งในความเมตตา  ผู้ทรงยิ่งในความกรุณา
  
                พระมหาคัมภีร์อัล-กรุอ่านได้กล่าวไว้ใน        ซูเราะห์อัลบากอเราะห์  /อายะห์ที่6    ความว่า
  
  "แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธานั้นย่อมมีผลเท่ากันแก่พวกเขา เจ้าจะตักเตือนเขาแล้วหรือยังมิได้ตักเตือน พวกเขาก็หาได้ศรัทธาไม่"
         
                                               พระพจนาถของอัลลอฮ(ซ.บ.)  เป็นสัจจะเสมอ

ถึงน้อง mannan

....อายะห์ที่น้องยกมานั้นนะ พอดีว่าพี่ ...ก็พอจะมีกีตาบตัฟซีฟ ที่อธิบาย ..ว่า ..หมายถึงผู้ใด
....ถ้ายังไงก็ ...ถ้าหากว่าผู้รู้ที่อยู่ในเว็บนี้จะกรุณา เราๆอาจจะได้ความรู้จากอายะห์ดังกล่าวนั้นนะครับ

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 02, 2007, 07:57 PM โดย isma-il »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พ.ค. 02, 2007, 08:16 PM »
0
ถึงคุณ Mannan ครับ  โปรดอ่านกฏการเสวนาก่อนทำการเสวนากับพี่น้องของเรา  ข้อความที่คุณนำมาระบายเกี่ยวกับซอฮาบะฮ์  โดยไร้หลักฐานอ้างอิงนั้น และการนำเสนอในรูปแบบนี้นั้น  ถือว่าผิดกฏการเสวนานะครับ   การที่คุณนำเสนอแบบโดยรวมไม่จำกัดประเด็นอย่างนี้  ถือว่าลำบากในการเสวนาระหว่างเรา

ดังนั้น  หากคุณต้องการที่จะนำเสนอหรือกล่าวหาซอฮาบะฮ์ท่านใด  ก็สมควรมีหลักฐานอ้างอิงมายืนยันให้กับเรา  ในเชิงวิชาการ  ไม่ใช่ในเชิงระบาย  หากคุณต้องการที่จะเสวนาสิ่งที่คุณได้นำเสนอมา  ก็ได้โปรดตั้งกระทู้มาเป็นประเด็น ๆ ครับ

เพราะฉะนั้น สิ่งคุณนำเสนอมาข้างต้นโดยไม่อยู่ในเชิงวิชาการ  ผมจะลบน่ะครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Mannan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พ.ค. 03, 2007, 12:26 PM »
0
เรื่องหลักฐานมันมีมากมายถ้าอยากรู้คุณไปศึกษาเอาเอง  ที่ ดารุ้ลอิลม์เจริญพาศน์ ก็มีสอน   อัลฮุดา ตลิ่งชันก็มีสอน 

ออฟไลน์ DaWuD

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 3
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พ.ค. 20, 2007, 06:53 PM »
0
ชีอะ มี

รุก่นอีหม่าม ไม่เหมือนเรา
รุก่นอิสลาม ไม่เหมือนเรา

ส่วนมัซฮับ ต่างๆ มี

รุก่นอีหม่าม เหมือนเรา
รุก่นอิสลาม เหมือนเรา

ง่ายๆ ก็คือ

ชีอะ ไม่ใช่พวกเราน่ะครับ ( ในสมัยปัจจุบันที่พบกันได้ใน หลักการของพวกเขาเอง )

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...


สงสัย ที่คุณบอกว่า "ชีอะห์ไม่ใช่พวกเรา" แปลว่าไรครับ
พวกเรานี่หมายถึงมุสลิม หรือหมายถึงมุสลิมซุนนะห์


แล้วจำเป็นมั้ยครับ ที่มุสลิมจะต้องปฏิบัติตนเป็นคนของมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง
ไม่เป็นมุสลิมซุนนะห์ ไม่เป็นมุสลิมชีอะห์ ฯลฯ
เป็นแค่ มุสลิม เฉยๆได้ป่ะครับ
เราจำเป็นที่จะต้องยอมรับว่าท่านโน้นเป็นคอลีฟะห์ แต่ท่านนี้ไม่ใช่ หรือท่านโน้นเป็นอิหม่าม แต่ท่านนี้ไม่ใช่ด้วยเหรอครับ.....

สงสัย

ออฟไลน์ Mido-ban

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 16
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พ.ค. 21, 2007, 02:02 PM »
0
สลามทุกคนๆนะครับ ไม่ได้ตอบซะนานอ่านอย่างเดียว :D :D
ตอนแรกกระทู้นี้น่าสนใจดีนะครับ ไปๆมาๆ เน้นไปที่ ชีอะซะแร้ว

ก็จะรอหลักการความรู้ของแต่ละท่านที่จะมานำเสนอต่อไปคับ ท่านmannanคับ ผมก็พออ่านตำราชีอะมาบ้าง แต่คงแค่นิดเดียว ผมไม่เห็นเข้าใจสัจธรรมของพวกท่านเรยครับ ทำไงดีหล่ะคับ :D  :D
I LOVE WAHABEE  WAY ก็เค้าบอกว่าแนวทางเราเรียกแบบนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ทำไมต้องแยกกัน
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พ.ค. 24, 2007, 06:10 PM »
0
ถึงคุณ  DaWuD

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ผู้ที่เป็น "มุสลิม"  คือผู้ที่นอบน้อมยอมตามคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮ์  ตะอาลา และร่อซูลของพระองค์  มุสลิมเฉย ๆ เพียงลมปากไม่ได้  แต่ต้องพร้อมด้วยจิตศรัทธาและการกระทำ  อย่างเช่น  นาย ก. บอกว่า  ฉันเชื่อในกะลีเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์  แต่ไม่ยอมละหมาดและเชื่อว่าไม่จำเป็น  แบบนี้ถือว่ายังเป็นมุสลิมไม่ได้นะครับ  หรือนาย ข. เชื่อในสองกะลิเมาะฮ์ชะฮาดะฮ์  แต่ชอบไปกล่าวหามุสลิมอื่นว่าเป็นกาเฟรทั้งที่เขาไม่ได้เป็น  แบบนี้ก็ยังทำให้เราเป็นมุสลิมไม่ได้เช่นกัน  ดังนั้น  เราจะเป็นมุสลิมได้  ก็ต้องเป็นตามหลักการของศาสนา

ส่วนเรื่องของอะกีดะฮ์   มีหลายแนวทางที่เกิดขึ้นมาในโลกอิสลามตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน   หลักการแต่ละแนวทางนั้น  ก็แตกต่างกัน  นอกจากบรรดากลุ่มที่ได้ชื่อว่าอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์   ที่มีแนวทางหลัก ๆ ส่วนมากเหมือนกัน  แตกต่างกันเพียงแค่ข้อปลีกย่อยในด้านการอิจญฮาด(วินิจฉัย) ซึ่งไม่ทำให้พวกเขาออกจากกรอบแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

ส่วนแนวทางที่นอกลู่ เช่น   กลุ่มที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์เป็นรูปร่าง   กลุ่มที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงเป็นผู้กระทำสิ่งที่มนุษย์กระทำทั้งหมด   กลุ่มที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ไม่มีส่วนใด ๆ เกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์   ยังมีกลุ่มที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างคล้ายหรือเหมือนมนุษย์   ดังนั้น  ผมอยากถามคุณดาวูดว่า  พวกเขาเหล่านั้น  คือ "มุสลิม"  โดยไม่แยกแยะแนวทางหรือเปล่า ?  หรือว่าให้ผู้ใดก็ได้เชื่อมั่นในหลักการหนึ่งหลักการใดของพวกเขา  เนื่องจากพวกเขาได้ชื่อว่าเป็น  "มุสลิม"

แต่หากคุณดาวูดถามว่า  ทำไมต้องแยกในเรื่องของอะกีดะฮ์   ทำไมอิสลามถึงไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน   ตอบ  การที่ต้องแยกแยะแนวในเรื่องของอะกีดะฮ์   ก็เพราะว่า "มีความแตกต่างเกิดขึ้น"   ความแตกต่างเป็นวิถีของมนุษย์   ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเผ่าพันธ์  รูปร่างหน้าตา  พฤติกรรม  ความคิด  และความเชื่อ

ทำไมมุสลิมเราถึงมี  "คนดีและคนชั่ว"  ทำไมต้องแยกแยะมุสลิมดีและมุสลิมชั่วด้วย  เรียก "มุสลิม" เฉย ๆ ไม่ได้กระนั้นหรือ ?  นั่นก็เพราะว่า   มาจากความแตกต่างด้านพฤติกรรมและความเชื่อ   หากไม่มีการแยกแยะสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด  คนที่ไม่มีความรู้ก็อาจจะไม่สามารถจำแนกแยกแยะอะไรได้เลย    คุณมีบุตรอยู่  3  คน  คนหนึ่งไปเรียนรู้มา  บอกว่า  อัลเลาะฮ์มีคุณลักษณะคล้ายกับมนุษย์   บุตรคนที่สองของคุณไปเรียนรู้มาโดยเชื่อว่าบรรดาคอลิฟะฮ์ทั้ง 3 สมควรถูกสาปแช่ง  มารดาแห่งศรัทธาชน  ภริยาของท่านนบีสมควรได้รับการกล่าวหาทำซินา  บุตรที่สามของคุณไปเรียนมาแล้วเชื่อว่าการกระทำของมนุษย์นั้น  อัลเลาะฮ์เป็นผู้กระทำมันขึ้นมา   ดังนั้น  คุณก็ภูมิใจใช่ไหมครับ  ที่บุตรทั้ง 3 ของตนมีความเชื่อที่หลากหลาย  เพราะคุณเชื่อว่า "พวกเขาคือมุสลิม"  เพราะอิสลามไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มในเรื่องหลักศรัทธา  เพื่อให้ทราบว่าแนวทางใดคือสัจจะธรรมและแนวทางใดคืออธรรม

หากคุณดาวูดจะถามว่า  ทำไมเราถึงมีหลักอะกีดะฮ์ที่อยู่ในแนวทางของอิมาม อัล-อัชอารีย์  (อัลอิชาอิเราะฮ์)  เราขอตอบตามนัยดังกล่าวนี้ว่า  ท่านอิมาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ อะซากิร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ "ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์" ว่า " เราไม่ได้ทำการอ้างพาดพิงกับมัซฮับของเราในเรื่องหลักเตาฮีดไปยังอิมามอัลอัชอะรีย์บนความหมายที่ว่าเราทำการตักลีดเขาในเรื่องเตาฮีดหรือเราได้ยึดถือกับตัวเขา แต่ทว่าเรามีความเห็นสอดคล้อง กับสิ่งที่เป็นทัศนะของเขาจากเรื่องของหลักเตาฮีดอันเนื่องจากมีบรรดาหลักฐานมายืนยันถึงความถูกต้องไม่ใช่เพียงเพราะการตัดลีด  และแท้จริง ส่วนหนึ่งจากพวกเราได้ทำการพาดพิงไปยังมัซฮับของอิมามอัล-อัชอะรีย์นั้น เพื่อที่จะแยกออกจากพวกบิดอะฮ์ที่ไม่ได้กล่าวทัศนะตามท่านอิมามอัล-อัชอะรีย์ " ดู หน้าที่ 362

ส่วนประเด็นของมัซฮับนั้น  ไม่จำเป็นต้องเจาะจงมัซฮับใดมัซฮับตลอดชีวิต   เพราะมัซฮับของคนเอาวามทั่วไป  ก็คือมัซฮับของมุฟตี   คนเอาวามที่อ้างว่าตนเองอยู่มัซฮับนบีนั้น  ถือว่าไม่เข้าใจนิติศาสตร์อิสลาม   ดังนั้น  หากคุณดาวูดจะถามว่าปฏิบัติตนโดยไม่มีมัซฮับนั้นได้หรือไม่ ?  ผมขอแนะนำว่า  ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจคำว่า "มัซฮับ" เสียก่อนว่ามันคืออะไร ? 

มัซฮับตามหลักภาษา หมายถึง ที่ไป หรือ ทางไป ตามหลักวิชาการ หมายถึง ข้อเท็จจริงที่เกียวกับธรรมเนียมในเชิงปฏิบัติของปวงปราชญ์ที่ถูกนำมาใช้กับฮุกุ่มต่างๆ ที่อิมามในขั้นระดับมุจญฮิดได้วินิจฉัยออกมา หรือหมายถึงฮุกุ่มต่างๆ ที่ได้วินิจฉัยออกมาตรงตามกฎเกณฑ์และหลักการของอิมามที่อยู่ในขั้นระดับมุจญฮิด โดยบรรดาสานุศิษย์ที่อยู่ในระดับมุจญฮิดที่ปฏิบัติตามหลักการต่างๆ ของอิมามในการวิเคราะห์วินิจฉัยฮุกุ่มออกมา

ดังนั้น  คุณดาวูดเป็นนักมุจญฮิดไหมครับ ?   หรือว่าเป็นคนเอาวามสามัญชน(ทั่วไป) ?

จุดประสงค์ของคำว่า อามีย์(เอาวาม) หมายถึง ?ทุกๆ บุคคลที่ยังไม่บรรลุระดับขึ้นวินิจฉัย? นี่คือศัพท์ความหมายทางด้านวิชาการตามทัศนะของนักปราชญ์มูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม เพราะพวกเขาเรียกคนเอาวามว่า คนที่ยังไม่ถึงขั้นระดับมุจญฮิด ตามที่กล่าวมานี้เอง คนเอาวามอาจหมายถึง  ?คนที่มีความถนัดในวิชานิติศาสตร์ หรือผู้ที่มีความถนัดในวิชาอักษรศาสตร์ หรือหมายถึงคนที่มีความถนัดในการค้นหาอัลหะดิษและรอบรู้สายรายงานต่างๆ รวมถึงการจดจำหะดิษและสายรายงานของหะดิษ และรู้จักบรรดานักรายงานหะดิษ เป็นต้น แต่เขายังไม่ถึงขั้นที่จะไปวินิจฉัย วิเคราะห์ตัวบทต่างๆ แห่งนิติศาสตร์อิสลาม"

ดังนั้น  การมีหลายมัซฮับเกิดขึ้นมา  เช่น มัซฮับทั้ง 4  เป็นต้น  ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเพราะ "ความแตกแยก"  แต่เกิดขึ้นเป็นมัซฮับขึ้นมาเพราะ "มีความแตกต่างในด้านการวินิจฉัยตัวบทของศาสนา"   ซึ่งความแตกต่างในด้านวินิจฉัยตรงนี้  เราไม่สามารถจะไปบังคับใครให้ปฏิบัติตามการวินิจฉัยของอุลามาอ์มุจญฮิดคนนั้น  คนนี้ ได้เลยครับ 

ในเรื่องของฟิกห์นิติศาสตร์อิสลามนั้น  มีสองประเด็นใหญ่ ๆ  คือ

1. ประเด็นที่ชัดเจน  ไม่ต้องวินิจฉัย  เช่นการละหมาดฟัรดู 5 เวลาเป็นสิ่งจำเป็น  การถือศีลอดเดือนรอมะฏอนเป็นสิ่งจำเป็น  การออกซะก๊าตเมื่อครบหลักการและกฏเกณฑ์เป็นสิ่งจำเป็น   การทำฮัจญีเมื่อมีความสามารถเป็นสิ่งจำเป็น
2. ประเด็นที่ไม่ชัดเจน  ซึ่งต้องการไปยังการวินิจฉัย   เมื่อมีการวินิจฉัยเกิดขึ้น  ความแตกต่างย่อมตามมาตามวิถีของมนุษย์ที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างมา   เช่น  มีตัวบทหนึ่ง  ซึ่งอิมามชาฟิอีย์วินิจฉัยตามหลักการของท่านอย่างนี้   อิมามอบูหะนีฟะฮ์วินิจฉัยตัวบทดังกล่าวตามหลักการของนั้นอย่างนั้น  ท่านอิมามมาลิกวินิจฉัยตัวบทดังกล่าวตามหลักการของท่าน     แล้วคุณดาวูดก็ยึดเอามาปฏิบัติทัศนะของอิมาม่ามหนึ่ง  แล้วบอกว่า  ฉันไม่มีมัซฮับอิมาม่านใด   ฉันเป็นมุสลิม  ก็ตามสบายครับ   แต่เรามีมารยาทต่อผู้รู้ที่เป็นเจ้าของการวินิจฉัย  เราไม่ต้องการโขมยลิขสิทธิ์การวินิจฉัยของอิมามท่านอื่น  แล้วอ้างว่านั่นคือทัศนะของฉันเองเพราะฉันไม่มีมัซฮับ  เพราะฉันเป็น "มุสลิม"  ก็พอแล้ว

พูดง่าย ๆ ก็คือ  มัซฮับ  คือ  หลักการและกฏเกนฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นแนวทางไปสู่ อัลกุรอานและซุนนะฮ์   หากคุณดาวูดมีแนวทางวินิจฉัยอัลกุรอานและซุนนะฮ์เฉพาะของตนที่กำหนดขึ้นมาเองก็ถือว่าคุณเป็นมุจญฮิด   แต่ถ้าหากคุณต้องพึ่งพาแนวทางของอุลามาอ์มุจญฮิด  แล้วมาบอกว่า  ฉันไม่มีมัซฮับ(ไม่มีแนวทางของอิมามท่านใด)  ก็ตามสบายครับ  เพราะคุณมีจิตสำนึกและสติปัญญาคิดเองได้   ขออัลเลาะฮ์ทรงชี้นำคุณและเราทั้งหมดครับ

วัลลอฮุอะลัม     

والسلام
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged