ผู้เขียน หัวข้อ: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ  (อ่าน 1962 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:46 AM »
0

กรณีการฆาตกรรมหุเสนเมื่อวันที่ 10 มุหัรร็อม ปี ฮ.ศ. 61 เป็นประเด็นที่ชาวชีอะฮฺมักจะเรียกร้องและกล่าวหาโจมตีชาวสุนนีย์เป็นอย่างมาก และอาศัยช่องโหว่ของเหตุการณ์นี้สร้างกระแสความขุ่นมัวต่อประวัติศาสตร์ โดยพยายามสร้างภาพให้เห็นว่า ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นระหว่างผู้ที่เป็นตัวแทนของชาวชีอะฮฺ นั่นคือ หุเสน กับผู้ที่เป็นตัวแทนของชาวสุนนีย์ นั่นคือ ยะซีด
จากเบื้องหลังดังกล่าวทำให้เกิดการเขียนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของหุเสนและวิกฤติกัรบะลาอฺด้วยอารมณ์ตัณหาที่เกินความเป็นจริงและกุเรื่องขึ้นมากมายเพื่อใส่ไคล้กลุ่มคนที่พวกเขาจงเกลียดจงชังและเคียดแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อราชวงศ์อะมะวิยะฮฺ จนทำให้ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์รุ่นหลังที่ไม่ประสากับแผนการดังกล่าวต้องพลอยมีอารมณ์คล้อยตามพวกเขาไปด้วย อาทิเช่น ในบทนำของหนังสือ อัตชีวประวัติหุซัยน์ ของผู้เขียน ฟัฎล์ อะหมัด ตอนหนึ่งว่า ?ยะซีดหัวโจกที่ก่อให้เกิดการฆ่าหมู่ที่กัรบะลาอฺก็พบกับจุดจบอันน่าทุเรศพร้อมกับลูกสมุนคนอื่น ซึ่งส่วนมากแล้วอาจจะเรียกว่า ตายอย่างหมา??[1]
ด้วยเหตุนี้อิบนุค็อลดูนกล่าวว่า ?แท้จริงบรรดานักรายงานประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้พลาดพลั้งเป็นจำนวนมากเนื่องจากรับเอาการรายงานและแนวคิด(ของพวกนี้) และทำการสาธยายคล้อยตามแนวคิดของพวกเขา พร้อมกับอิงหลักฐานด้านประวัติศาสตร์ทั้งหมดมาจากพวกเขาโดยปราศจากการไต่สวนและสายรายงาน และเก็บไว้ในความทรงจำของพวกเขาจนกลายเป็นงานเขียนประวัติศาสตร์ที่อ่อน(ต่อหลักฐาน) และปะปนกัน(ระหว่างข้อเท็จจริงและสิ่งจอมปลอม)? [2]
วิกฤติ 10 มุหัรร็อม ณ เมืองกัรบะลาอฺเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เขย่าโลกมุสลิมในขณะนั้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลานรักของท่านนบีที่ชื่อ หุเสน บิน อะลี ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถและเศร้าสลด[3] ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ด้วยอารมณ์แห่งความเกลียดชัง และเคียดแค้น จนยากที่จะแยกแยะได้ระหว่างข้อเท็จจริงและการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวคิดและความเชื่อของผู้เขียน
อิบนุตัยมิยะฮฺกล่าวว่า ?บรรดาผู้ที่ได้รายงานเกี่ยวกับการตายของหุเสนได้กุเรื่องที่โกหกขึ้นมากมาย... บรรดาผู้ที่บันทึกเหตุการณ์การตายของหุเสนบางคนเป็นผู้ที่มีความรู้ ดังเช่นอัลบะเฆาะวีย์ อิบนุอบีดุนยา และอื่นๆ ถึงกระนั้นสิ่งที่พวกเขาได้รายงานมาเป็นสายรายงานที่ขาดตอนไม่ต่อเนื่องและเป็นสิ่งที่ไม่เป็นความจริงมากมาย ส่วนผู้ที่บันทึกเหตุการณ์นี้โดยปราศจากสายรายงานนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเต็มด้วยการโกหก? [4]
อิบนุหะญัรกล่าวว่า ?ความจริงแล้วได้มีชนรุ่นก่อนเขียนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหุเสนอย่างมากมาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นจริงและโกหก...? [5
เหตุการณ์การดังกล่าวไม่เพียงมีผลกระทบโดยตรงต่อสังคมมุสลิมในสมัยนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นชนวนที่สร้างความแตกแยกโดยเฉพาะด้านสังคม แนวคิดและความเชื่อในหมู่มุสลิมสุนนีย์และชีอะฮฺ จวบจนทุกวันนี้ และกลายเป็นจุดหักเหที่อันตรายยิ่งของชนมุสลิมกลุ่มหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่ารักและเลื่อมใสต่อครอบครัวของหุเสน
พวกเขาจึงอาศัยวิกฤติดังกล่าวเป็นชนวนขับเคลื่อนในการปลุกระดมและปลูกฝังแนวคิดที่ค้านกับชาวสุนนีย์ เสมือนกับว่าพวกเขาคือต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤติ 10 มุหรร็อมที่กัรบะลาอฺ อันนำไปสู่การเสียชีวิตของหุเสน
แน่นอนว่า หุเสน เป็นเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งที่ชาวอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺ ให้ความรักและยกย่อง และเชื่อว่าท่านเสียชีวิตในสภาพที่ถูกอธรรมและเป็นชะฮีด และพวกเขาก็เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของท่านหุเสน
บทความชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ ?ใครสังหารหุเสน? ที่ผู้เขียนคัดเลือกเพื่อนำเสนอในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติ 10 มุหัรร็อม 61 ในส่วนที่มีระบุว่าชาวชีอะฮฺเองเป็นต้นเหตุแห่งวิกฤติการฆาตกรรม 10 มุหัรร็อมมาตีแผ่ โดยอาศัยข้อมูลและงานเขียนที่น่าเชื่อถือของชาวชีอะฮฺเป็นหลัก เพื่อเป็นการประเทืองความรู้เกี่ยวกับวิกฤติดังกล่าวในอีกแง่มุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ วัลลอฮุอะอฺลัม
ท่านรู้จักอะไรบ้างเกี่ยวกับเมืองกูฟะฮฺ
1. กูฟะฮฺ : ศูนย์กลางของชาวชีอะฮฺ
เชคบากิร ชะรีฟ อัลกุเราะชีย์ กล่าวว่า ?แท้จริงเมืองกูฟะฮฺเป็นสถานที่พักพิงของชาวชีอะฮฺ และเป็นที่พำนักแห่งหนึ่งของชาวตระกูลอะละวีย์ และแท้จริงบรรดาผู้ที่ถูกคัดเลือกในหมู่อะฮฺลุลบัยตฺได้ประกาศไว้ในหลายๆสถานที่ด้วยกัน? [6]
เชคยังกล่าวอีกว่า ?และแท้จริงเมล็ดพันธ์แห่งความเป็นชีอะฮฺได้ถูกบ่มเพาะ ณ เมืองกูฟะฮฺ ตั้งแต่สมัยการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอุมัร เสียอีก? [7]
เชคมุหัมมัด อัตติญานีย์ อัสสะมาวีย์ กล่าวว่า ?และอบูฮุร็อยเราะฮฺได้เข้าไปยังเมืองกูฟะฮฺ อันเป็นใจกลางของหมู่บ้านชาวชีอะฮฺ นั่นคือบ้านของท่านอะลี บุตร อบูฏอลิบ? [8]
2. กูฟะฮฺ : สถานที่แห่งการทรยศและหลอกลวง
เชคเญาวาด มุหัดดิษีย์ กล่าวว่า ?บรรดาชาวกูฟะฮฺเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ที่กลับกลอกและไม่รักษาสัญญาหรือหลอกลวง จะอย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์อิสลามไม่เคยมีทัศนะที่ดีต่อสัญญาและข้อผูกมัด(การให้คำสัตยาบัน)ของชาวกูฟะฮฺเลย? [9]
ท่านยังกล่าวอีกว่า ?และส่วนหนึ่งของบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้านจิตใจและอุปนิสัยของชาวกูฟะฮฺ สามารถเห็นได้จากสิ่งต่อไปนี้ คือ ความขัดแย้งด้านความประพฤติ, มีจุดยืนที่ปรวนแปรและไม่มั่นคง, ชอบก่อกบฏต่อบรรดาผู้นำ, ชอบฉวยโอกาส, มีมารยาทที่ต่ำช้า, ละโมบและตะกละ, หูเบาและหลงเชื่อข่าวโคมลอยโดยปราศจากการไต่สวน และเป็นพวกนิยม ในขณะที่พวกเขาเองประกอบด้วยตระกูลที่หลากหลาย สาเหตุต่างๆเหล่านี้แหละที่พวกเขาทำให้อิมามอะลีต้องประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายสองประการ, ทำให้อิมามหะสันต้องเผชิญกับการหักหลังและหลอกลวง, ทำให้มุสลิม บุตร อะกีลต้องถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมทารุณ และทำให้อิมามอัลหุสัยนฺต้องถูกฆาตกรรมในสภาพที่กระหายน้ำ ณ เมืองกัรบะละฮฺ ซึ่งอยู่ติดกับเมืองกูฟะฮฺ ทั้งยังถูกฆาตกรรมด้วยมือของทหารชาวกูฟะฮฺเองอีกด้วย? [10]
เชคหุสัยนฺ กูรอนีย์ กล่าวว่า ?ดังนั้น อะไรหรือที่เป็นสัญลักษณ์และลักษณะเฉพาะด้านการศรัทธาของชาวกูฟะฮฺ? สามารถสรุปได้ดังนี้ คือ
1. เพิกเฉยต่อการให้ความช่วยเหลืออิสลาม
2. ชอบและหลงใหลทรัพย์สิน
3. และมีจุดยืนที่ปรวนแปร? [11]
เชคเญาวาด มุหัดดิษีย์ กล่าวว่า ?จำนวนของชาวชีอะฮฺที่พำนักอยู่ ณ เมืองกูฟะฮฺมีไม่ใช่น้อย เพียงแต่ว่าความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อบรรดาวงศ์วานของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้น ขึ้นอยู่กับการตามใจ (โอนอ่อน) และการปราศรัยปลูกระดมที่ร้าวอารมณ์ความรู้สึกที่ล้นเปี่ยมมากกว่าการยึดมั่นและยืนหยัดในเส้นทางแห่งหลักการศรัทธาและการปฏิบัติต่อบรรดาลูกหลานของอิมามอะลี และการลงสนามไปเผชิญหน้ากับศัตรูและการเสียสละ? [12]
เชคบากิรฺ ชะรีฟ อัลกุเราะชีย์ กล่าวว่า ?แท้จริงบรรดาชาวกูฟะฮฺแสร้งทำเป็นลืมหนังสือต่างๆที่พวกเขาได้ส่งไปยังอิมามหุเสน และการให้คำสัตยาบันของพวกเขาต่อตัวแทนของท่าน? [13]

การหลอกลวงของชีอะฮฺต่ออัฮลุลบัยตฺ
1. ชีอะฮฺกับอะลี
เมื่อเราหวนกลับไปดูชีวประวัตอของอะมีรุลมุอฺมินีน อะลี บิน อบูฏอลิบ เราจะพบว่าท่านมักจะบ่นอย่างเจ็บปวดถึงบรรดาชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของท่าน(ที่เป็นชาวกูฟะฮฺ) ว่า ?และแท้จริงบรรดาประชาชาติต่างๆจะเป็นผู้ที่เกรงกลัวต่อความอธรรมของบรรดาผู้นำของพวกเขา แต่ฉันกลับกลายเป็นคนที่เกรงกลัวต่อความอธรรมของบรรดาผู้ที่อยู่
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:46 AM »
0
ภายใต้การปกครองของฉันเอง ฉันสั่งให้พวกเจ้าออกทำการญิฮาด แต่พวกเจ้ากลับนิ่งเฉย, ฉันได้เทศน์ให้พวกเจ้าฟัง แต่พวกเจ้ากลับไม่ยอมฟัง, ฉันได้เชิญชวนพวกเจ้าทั้งโจ่งแจ้งและลับๆ แต่พวกเจ้ากลับไม่ตอบรับ, ฉันได้ตักเตือนพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับไม่เชื่อฟัง ทำไมบรรดาผู้ที่มีมาร่วมชุมนุมถึงเป็นเสมือนผู้ที่ขาดหายไป และบรรดาบ่าวทั้งหลาย ถึงกลายเป็นเสมือนเจ้านายอย่างนี้? ฉันอ่านข้อชี้ขาด(หุกม)ด้านศาสนาให้พวกเจ้าฟัง แต้พวกเจ้ากลับหนีเตลิดจากมัน ฉันได้ตักเตือนพวกเจ้าด้วยคำตักเตือนที่กินใจแต่พวกเจ้าก็หนีเตลิดจากมันอีกเช่นกัน และฉันได้ปลูกระดมให้พวกเจ้าลุกขึ้นญิฮาดต่อสู้กับบรรดาผู้ละเมิด แต่ฉันพูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นพวกเจ้ากระจัดกระจายและแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางแล้ว พวกเจ้าก็กลับไปยังการชุมนุมของพวกเจ้า(เหมือนอย่างเดิม)... โอ้บรรดาผู้ที่มาร่วมชุมนุมเพียงแต่ร่าง แต่สติปัญญาของพวกเขากลับลับหาย โอ้บรรดาผู้ที่มีจิตใจที่กลับไปกลับมา ผู้ที่ทำให้บรรดาผู้นำของพวกเขาต้องประสบกับความเสียใจ ขณะที่สหายของพวกเจ้าเชื่อฟังอัลลอฮฺ แต่พวกเจ้ากลับทรยศต่อเขา... ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า แท้จริงฉันเคยหวังว่ามุอาวิยะฮฺจะขอแลกเปลี่ยนพวกเจ้าต่อฉันเสมือนกับการแลกเปลี่ยนเงินดีนารฺ(ที่มีค่ามากกว่า)กับเงินดิรฮัม(ที่มีค่าน้อยกว่า) โดยที่เขาเอาพวกเจ้าไปจากฉันสิบคนแลกกับทหารของเขาเพียงหนึ่งคน โอ้ชาวกูฟะฮฺเอ๋ย พวกเจ้าได้ถูกประทานมาสามแบบกับอีกสองลักษณะ นั่นคือ หูหนวกทั้งๆที่มีหูอยู่, เป็นใบ้ทั้งๆที่มีปากอยู่, ตาบอดทั้งๆที่มีดวงตาอยู่ และจะไม่มีเสรีภาพที่น่าเชื่อถือขณะที่พบกัน และไม่มีมิตรสหายที่แท้จริงขณะที่ต้องประสบกับชะตากรรม...? [14]
อัชชะรีฟ อัรริฎอว์ เล่าว่า อะมีรุลมุอฺมินีน อะลี กล่าวว่า ?โอ้ ชาวอิรักเอ๋ย แท้จริงพวกเจ้า เปรียบเสมือนสตรีมีครรภ์ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เมื่อครบกำหนดคลอด มันกลับหดตัวลง... พึงสังวรเถิดว่า แท้จริงฉันไม่ได้มาหาพวกเจ้าเพราะฉันสมัครใจที่จะมา แต่ฉันมาหาพวกเจ้าเพราะถูกลากมา และแท้จริงได้มีข่าวมาถึงฉันว่า พวกเจ้ากล่าวว่า อะลี ชอบพูดโกหก ขออัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเจ้าและผู้ที่เป็นจอมโกหก...? [15]
ด้วยเหตุนี้อิมามอะลีจึงได้กล่าวแก่ชีอะฮฺของท่านว่า ?ขออัลลอฮฺจงสาปแช่งพวกเจ้า แท้จริงพวกเจ้าได้ใส่น้ำหนองจนเต็มจิตใจฉัน พวกเจ้าได้บรรจุความโกรธแค้นลงบนอกฉัน พวกเจ้าหยดความระแวงสงสัยให้ฉันดื่มประทังชีวิต และพวกเจ้าได้สร้างความเสียหายต่อความเห็นของฉันด้วยการฝ่าฝืน ทรยศ และตีจาก? [16]
นี่คือจุดยืนของชีอะฮฺที่มีต่ออิมามผู้มะอฺศูม(ปลอดจากบาปต่างๆ) ท่านแรก(ตามความเชื่อ)ของพวกเขา
2. ชีอะฮฺกับอัลหะสัน
ต่อไปนี้เราลองมาดูจุดยืนของชีอะฮฺที่มีต่ออัลหะสัน บุตร อะลี บ้าง และในที่นี้เราขออิงถึงสิ่งที่ ดร. ชาวชีอะฮฺชื่อ อะหฺมัด อันนะฟีส ได้เขียนไว้เกี่ยวกับคำสั่งของของอิมามอัลหะสันที่สั่งให้บรรดาชีอะฮฺและผู้ติดตามท่านเตรียมความพร้อมเพื่อการสู้รบ โดยท่านได้กล่าวปราศรัยแก่พวกเขาว่า ?แท้จริง อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดการญิฮาดแก่บ่าวของพระองค์และเรียกการญิฮาดว่า ?กุรฮฺ? หมายถึง ?สิ่งที่ไม่ชอบ? แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสแก่บรรดามุอฺมินที่ร่วมญิฮาดว่า ((พวกเจ้าจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่เคียงข้างบรรดาผู้ที่อดทนเสมอ)) [17] ดังนั้น โอ้มนุษย์ชาติเอ๋ย พวกเจ้าจะไม่ได้รับสิ่งที่พวกเจ้าชมชอบนอกจากด้วยการอดทนต่อสิ่งที่พวกเจ้ารังเกียจ พวกเจ้าจงออกไป-ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ-สู่ค่ายทหารด้วยความปกติเถิดจนกว่าเราและพวกเจ้าจะได้เห็นและประจักษ์?
อะหฺมัด อันนะฟีส เล่าต่อไปว่า ?ในคำปราศรัยนี้ อัลหะสันกลัวว่าพวกเขาจะถอนตัวและทอดทิ้งตน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่นิ่งเงียบและไม่มีใครเอ่ยปากหรือตอบรับเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเห็นดังนั้น อะดีย์ บุตร หาติม จึงกล่าวขึ้นว่า ฉันคือ บุตรของหาติม มหาบริสุทธิ์พระองค์ ช่างเป็นสภาพและจุดยืนที่น่าทุเรศที่สุด ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ตอบรับคำเรียกร้องของผู้นำของพวกเจ้า ทำใพวกเจ้าถึงไม่ตอบรับคำเชิญชวนของหลานของนบีของพวกเจ้า ? ไหนเล่าบรรดานักปราศรัยของชาวมุฎ็อรฺที่ลิ้นของพวกเจ้าเป็นเสมือนสว่านเจาะในความสงบ ? แต่ทันทีที่เกิดเหตุการณ์พวกเขากลับวิ่งเตลิดอย่างอดสูเสมือนสุนัขจิ้งจอกที่กำลังหิวโหย ? พวกเจ้าไม่กลัวความกริ้วของอัลลอฮฺหรือ? พวกเจ้าไม่กลัวความอับอายหรือ ? พวกเจ้าไม่กลัวถูกตำหนิหรือ? [18] และเหตุการณ์นี้ยังมีระบุในหนังสือของอิดรีส อัลหุสัยนฺ ด้วย[19]
อะหฺมัด รอสิม อันนะฟีส ได้ขยายความคำปราศรัยของอะสีรุลมุอฺมินีน อัลหะสันว่า ?แท้จริงความพ่ายแพ้ด้านจิตใจได้ครอบงำพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากทำการญิฮาด ไม่อยากแม้กระทั่งการทุ่มเท และเสียสละ และแท้จริงพวกเขาได้ไขว่คว้าหาประสบการบนโลกนี้และได้เสาะหารสชาติแห่งความสุขสบาย ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งตารอคอยมัน แต่พวกเขาก็ยังไม่พบเจอสิ่งที่ทำให้พวกเขาอิ่มเอิบได้ โดยเฉพาะบรรดาผู้นำที่อยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งความยุติธรรม เพียงแต่ว่าจิตใจของพวกเขายังสามารถเชิดคออยู่เพื่อดูท่าทีของบะนีอุมัยยะฮฺในฐานะผู้นำในวันข้างหน้า...? [20]
อะหฺมัด รอสิม อันนะฟีส ยังยกเหตุการณ์การทรยศของชาวชีอะฮฺต่ออะมีรุลมุอฺมินีน อัลหะสัน และการลอบแทงท่าน ด้วยคำกล่าวที่ว่า ?หลังจากนั้นอะมีรุลมุอฺมินีน อัลหะสันจึงได้ประกาสตัวถึงการเดินทางของท่านสู่ค่ายที่พักสำหรับเตรียมการสู้รบ ดังนั้น ก็อยสฺ บุตร สะอัด บุตร อุบาดะฮฺ และมะอฺกิล บุตร ก็อยสฺ อัรร็อยยาหีย์ ก็กล่าวถากถางชาวชีอะฮฺเฉกเช่นที่ อะดีย์ บุตร หาติม ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านั้น แล้วทั้งสองก็เดินทางไปยังค่ายที่พักของพวกเขา แล้วทุกคนก็เดินตามหลังทั้งสองไป ส่วนอะลหะสันก็จัดเตรียมความพร้อมของทหารแล้วกล่าวคำปราศรัยแก่พวกเขา... แต่แล้วพวกเขากลับมองหน้าซึ่งกันและกัน แล้วกล่าวว่า ?พวกเจ้าเห็นไม่เห็นหรือว่าเขาต้องการในสิ่งที่เขาพูด ? อีกกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นว่า ?พวกเราคิดว่า เขาต้องการที่จะประณีประนอมและคืนดีกับมุอาวิยะฮฺ และมอบอำนาจการปกครองแก่เขา ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ชายคนนี้ได้กลายเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา(กาฟิร)แล้ว?
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังเต็นท์ของท่าน แล้วทำการปล้นสะดมทรัพย์สินต่างๆที่มีอยู่แม้กระทั่งผ้าปูละหมาดที่อยู่ใต้ท่าน หลังจากนั้นอัลดุรเราะหฺมาน บุตร อับดุลลอฮฺ บุตร ญุอาล อัลอัซดีย์ ก็เข้าโจมตีท่าน ด้วยการเข้าไปกระชากเอาผ้าที่พาดไว้บนคอท่านอย่างแรง ส่วนท่านก็ได้แต่นั่งสะพายดาบโดยปราศจากผ้าสไบ แล้วท่านก็เดินไปขึ้นม้า(เสมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น)...และขณะที่ท่านเดินผ่านยังเขตมัซลัมสาบาต ก็ได้มีชายคนหนึ่งจากเผ่าอะสัดมาหาท่านแล้วจับบังเหียนม้าของท่านพร้อมกับกล่าวตะคอกท่านว่า ?อัลลอฮฺ อักบัร โอ้ หะสัน พ่อของเจ้ากลายเป็นผู้ที่ตั้งภาคี แล้วเจ้าก็กลายเป็นผู้ที่ตั้งภาคี (อีกคนกระนั้นหรือ)?
แล้วชายคนนั้นก็แทงท่านด้วยจอบหรือพลั่วและไปโดนตรงขาอ่อนของท่าน ทำให้หนังตรงร่องขาถลกออก และท่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องหามท่านบนเปลและถูกนำกลับไปยังเมืองมะดาอิน [21]
ชาวชีอะฮฺที่ชื่อ อิดรีส อัลหุสัยนีย์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์การทรยศของชนรุ่นแรกของพวกเขาว่า ?อิมามอัลหะสันต้องประสบกับเหตุการณ์การลอบสังหารจากบุคคลที่อยู่ในกองทหารของท่าน ซึ่งครั้งหนึ่งได้มีชาวเผ่าอะสัดคนหนึ่งชื่อ อัลญะรอหฺ บุตร สินาน มาหาท่านแล้วก็จับบังเหียนม้าของท่านไว้ พร้อมกับแทงอิมามตรงขาอ่อนของท่าน ดังนั้นอิมามจึงเข้าสวมกอดเขาไว้ แล้วทั้งสองก็ร่วงลงบนพื้นดิน จนกระทั่งอับดุลลอฮฺ บุตร หันซ็อล อัฏฏออีย์ เข้าไปต่อสู้กับท่าน แล้วหยิบเอาจอบจากอัลญะรอหฺ แล้วเสียบแทงท่านอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นท่านถูกแทงอีกครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังดำรงละหมาดอยู่? [22]
มุหฺสินุลอะมีน อัลอามิลีย์ ที่อ้างอิงใหญ่ของชาวชีอะฮฺ กล่าวว่า ?หลังจากนั้น อัลหะสัน บุตรชายของท่าน(อะลี) จึงได้รับการให้สัตยาบัน(เป็นอิมาม) และได้รับคำมั่นสัญญา ต่อมาท่านก็ถูกทรยศและหักหลัง และชาวอิรักก็ได้จู่โจมท่าน จนกระทั่งพวกเขาได้ทิ่มแทงด้วยมีดจนไปถูกตรงสีข้างของท่าน? [23]
มุหัมมัด อัตตีญานีย์ อัสสะมาวีย์ กล่าวว่า ?เช่นเดียวกับบรรดาผู้ที่โง่เขลาบางคน ซึ่งกล่าวหาอิมามอัลหะสันว่า เป็นผู้ที่ทำให้บรรดาชาวมุอฺมินต้องอัปยศ เมื่อครั้งที่ท่านทำการเจรจาสงบศึกกับมุอาวิยะฮฺ และยับยั้งการนองเลือดของบรรดาชาวมุสลิมที่บริสุทธิ์ใจทั้งหลาย? [24]
อายะตุลลอฮฺ อัลอุซฺมา หุสัยนฺ ฟัฎลุลลอฮฺ กล่าวว่า ?แท้จริงมีทหารของท่านกลุ่มหนึ่งที่เป็นพวกเคาะวาริจญ์ซึ่งได้ออกศึกพร้อมกับท่านไม่ใช่เพราะรักท่าน แต่เพราะพวกเขาต้องการที่จะสังหารมุอาวิยะฮฺด้วยวิธีใดก็ตาม และสามารถร่วมมือกับใครก็ได้ และในหมู่พวกนี้มีพวกหนึ่งที่เป็นคนที่มีฐิติและยึดมั่นในชนเผ่าของตัวเอง โดยพวกเขาจะคอยปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าพวกเขาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาเงินทองและลาภยศ พวกนี้ต้องการที่จะทำให้ทหารของหะสันเป็นผู้ทำลายหะสันเอง...? [25]
ดังนั้น อัลหะสันจึงกล่าวว่า ?ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันเห็นว่ามุอาวิยะฮฺดีต่อฉันยิ่งกว่าชนพวกนี้ พวกเขาอ้างว่าเป็นชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ฉัน แต่พวกเขากลับต้องการจะฆ่าฉัน ปล้นสดมภ์ทรัพย์สินของฉัน และเอาเงินทองของฉันไป ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ หากแม้นว่ามุอาวิยะฮฺยอมทำสัญญาสงบศึกกับฉันจนฉันไม่ต้องหลั่งเลือด และครอบครัวของฉันก็ปลอดภัย จะเป็นการดีกว่าที่เขาต้องมาต่อสู้กับฉัน...? [26]
อะมีรฺ มุหัมมัด กาซิม อัลก็อซฺวีนีย์ กล่าวว่า ?แท้จริงประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องได้ยืนยันแก่เราว่าบรรดาผู้ที่ร่วมอยู่กับอิมามอัลหะสันนั้น ถุงแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากมาย แต่พวกเขากลับเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ชอบบิดพริ้วและทรยศ ดังนั้นจำนวนมากมายเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆได้เลยในการต่อสู้กับศัตรู แท้จริงการหักหลังและทรยศของพวกเขาถึงขนาดกล้าเขียนจดหมายไปยังมุอาวิยะฮฺด้วยใจความที่ว่า ?หากท่านประสงค์จะให้เราส่งมอบอัลหะสันแก่ท่าน เราก็จะส่งมอบให้แก่ท่าน? และหนึ่งในหมู่พวกเขาได้เอาจอบและแทงไปยังขาอ่อนของอิมามหะสัน จนเป็นบาดแผลลึกถึงกระดูก และได้พูดจาในสิ่งที่ระอาปากที่เอ่ยถึงนั่นคือ ?แท้จริงเจ้าได้เป็นผู้ที่ตั้งภาคีแล้วโอ้หะสัน เฉกเช่นที่บิดาเจ้าๆได้เคยกลายเป็นผู้ที่ตั้งภาคีก่อนหน้าเจ้า...? [27]
อิดรีส อัลหุสัยนีย์ ได้อ้างถึงคำพูดของอะมีรุลมุอฺมินีน อัลหะสันที่ได้กล่าวไว้แก่ชาวชีอะฮฺของท่าน(ผู้สนับสนุน) ว่า ?โอ้ บรรดาชาวอิรักเอ๋ย แท้จริงมีอยู่สามประการที่ทำให้จิตใจฉันรู้สึกเอือมระอา ท้อแท้ และสิ้นหวังกับพวกเจ้า คือ การที่พวกเจ้าสังหารบิดาของฉัน ทิ่มแทงฉัน และปล้นสะดมทรัพย์สินของฉันไป? [28]
3. ทัศนะของอะฮฺลุลบัยตฺต่อผู้สนับสนุนชาวชีอะฮฺ
ต่อไปนี้เป็นทัศนะต่างๆของบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺที่มีต่อบรรดาชีอะฮฺผู้สนับสนุนพวกเขา ซึ่งได้กล่าวหาว่าบรรดาชีอะฮฺของพวกเขาเป็นผู้ที่กลับกลอก(มุนาฟิก) ดังต่อไปนี้
อิมามญะอฺฟัร อัศศอดิก กล่าวว่า ?อัลลอฮฺไม่ได้ทรงประทานอายัตอัลกุรอานเกี่ยวกับผู้กลับกลอก(มุนาฟิก)เว้นแต่สำหรับผู้ที่อ้างตนว่าเป็นชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุนเรา)? [29]
อิมามอัลกาซิมกล่าวว่า ?ถ้าหากว่าฉันทำการคัดเลือกชีอะฮฺของฉัน แน่นอนฉันจะไม่พบพวกเขาเว้นแต่เด็กรับใช้เท่านั้น และถ้าหากฉันทำการทดสอบพวกเขาแน่นอนฉันจะไม่พบพวกเขา เว้นแต่บรรดาผู้ที่นอกรีต(มุรตัด)ทั้งนั้น และถ้าหากว่าฉันทำการชำระล้างพวกเขาให้สะอาด แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถผ่านอะลีฟแม้แต่คนเดียว? [30]
อิมามอัรริฎอกล่าวว่า ?แท้จริงในหมู่ผู้ที่อ้างตนว่ารักพวกเราชาวอะฮฺลุลบัยตฺนั้น มีผู้ที่เป็นอันตรายต่อบรรดาผู้ที่สนับสนุนเรายิ่งกว่าอันตรายของดัจญาลเสียอีก? [31]
จดหมายของชีอะฮฺถึงหุเสนฺ
กาซิม หะมัด อัลอะหฺสาอีย์ อันนัจญ์ฟีย์ กล่าวว่า ?จดหมายนับร้อยฉบับได้ทยอยถึงมืออิมามอัลหุสัยนฺฉบับแล้วฉบับเล่าจนเต็มสองถุงใหญ่ และหนังสือฉบับสุดท้ายที่ชาวกูฟะฮฺส่งมายังท่านโดยผ่านฮานีอฺ อัสสะบีอีย์ และสะอีด บุตร อับดุลลอฮฺ อัลหะนะฟีย์ ดังนั้นท่านจึงเปิดออกและอ่านมัน แล้วท่านก็พบว่าใจความในจดหมายระบุว่า
?ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาและปรานีเสมอ ถึงอัลหุสัยนฺ บุตร อะลี จากชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของบิดาท่าน แท้จริงประชาชนกำลังรอการมาถึงของท่าน และพวกเขาไม่เห็นว่ามีใครที่เหมาะสม(สำหรับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺ)อื่นจากท่าน ดังนั้นท่านจงรีบมาหาอย่างเร่งด่วนที่สุด? [32]
อะหฺมัด อันนะฟีส กล่าวว่า ?จดหมายของชาวกูฟะฮฺได้ไปถึงอัลหุสัยนฺ โดยมีใจความว่า ?พวกเรากำลังขาดอิมาม ดังนั้นท่านจงรีบมาหาเรา เผื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงรวมเราบนสัจธรรมด้วยการมาของท่าน และหนังสือมากมายได้ทยอยไปถึงท่านพร้อมกับลงลายมือชื่อ เพื่อเรียกร้องให้ท่านเดินทางไปยังกูฟะฮฺเพื่อืทำการบัยอะฮฺ(ให้คำสัตยาบัน) แต่งตั้งท่านขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺ) และเป็นผู้นำประชาชาติในการต่อสู้เพื่อกำราบบรรดาผู้ละเมิดในหมู่บนีอุมัยยะฮฺ เช่นนี้แหละที่องค์ประกอบหลักของขบวนการที่พาดพิงถึงหุสัยนฺได้ก่อตัวขึ้นจนสมบูรณ์ นั่นคือ ประชาชนทั่วไปเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงและยุยง ส่งเสริม และเร่งเร้าให้อิมามอัลหุสัยนฺรีบขึ้นเป็นผู้นำของขบวนการ และ
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:47 AM »
0
สถานที่แห่งความต้องการ ณ เมืองกูฟะฮฺนั้นดำเนินไปในรูปแบบของจดหมายให้คำสัตยาบันต่างๆที่มาจากชาวเมืองกูฟะฮฺ? [33]
มุหัมมัด กาซิม อัลก็อซฺวีนีย์ เล่าว่า ?แท้จริงชาวเมืองอิรักได้ติดต่อกับอัลหุสัยนฺและเขียนจดหมายถึงท่านและเรียกร้องให้ท่านเดินทางไปยังเมืองของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้ให้คำสัตยาบันและแต่งตั้งท่านขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺ จนกระทั่งจดหมายของพวกเขาได้มาถึงอัลหุสัยนฺเป็นจำนวนถึง 12,000 ฉบับ ทุกฉบับล้วนมีความหมายเดียวกัน นั่นคือ ?แท้จริงผลไม้ได้สุกงอมแล้ว แว่นแคว้นก็เขียวขจี ส่วนท่านก็เดินทางมาสมทบกับกองทหารกลุ่มใหญ่ของท่าน แท้จริงกองทหารของท่านที่เมืองกูฟะฮฺมีจำนวนถึง 100,000 นาย หากท่านไม่มาหาเรา ดังนั้นเราจะฟ้องร้องและเอาผิดกับท่านต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ? [34]
นักหะดีษชื่อดังของชีอะฮฺชื่อ อับบาส อัลกุมมีย์ ระบุว่า ?จดหมายมากมายได้มาถึงมือของอัลหุสัยนฺ จนในวันหนึ่งๆจดหมายมาถึงมือท่านมากถึง 600 ฉบับ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนมาจากบรรดาผู้ที่ไม่มีสัจจะในสัญญา ถึงกระนั้นท่านก็ยังคงนิ่งเฉยและไม่ได้ตอบกลับไปยังพวกเขา จนกระทั่งจดหมายได้มาถึงท่านเป็นมากถึง 12,000 ฉบับ? [35]
อะลี บุตรมูสา บุตรญะอฺฟัร บุตรฏอวูส อัลหุสัยนีย์ เล่าว่า ?ชาวเมืองกูฟะฮฺได้ทราบข่าวการไปถึงนครมักกะฮฺของอัลหุสัยนฺ และไม่ยอมให้สัตย์สาบานแสดงความจงรักภักดีต่อยะซีด ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกัน ณ บ้านของสุลัยมาน บุตรศุร็อด อัลคุซาอีย์ หลังจากที่พวกเขาได้รวมตัวกันจนครบแล้ว สุลัยมาน บุตร ศุร็อด ก็ลุกขึ้นให้คำปราศรัย และได้กล่าวในตอนท้ายของคำปราศรัยว่า
?โอ้ เหล่าชีอะฮฺ ทั้งหลาย แท้จริงพวกเจ้าก็ได้รู้แล้วว่ามุอาวิยะฮฺได้เสียชีวิตแล้ว และได้กลับคืนสู่องค์อภิบาลของเขาแล้ว และลูกของเขาที่ชื่อยะซีดได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง(เคาะลีฟะฮฺ)แทนเขา และนี่อัลหุสัยนฺ บุตรอะลี ซึ่งไม่ยอมรับกับการขึ้นดำรงตำแหน่ง(เคาะลีฟะฮฺ)ของเขา และได้เตลิดไปยังมักกะฮฺเพื่อหนีให้พ้นเงื้อมมือของบรรดามารร้ายแห่งตระกูลอบูสุฟยาน ในขณะที่พวกเจ้าเป็นชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของท่านและเคยเป็นชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของบิดาท่านมาก่อน และในวันนี้ท่านกำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้า ดังนั้นถ้าพวกเจ้ารู้ตัวว่าเป็นผู้ช่วยเหลือท่าน และพร้อมจะต่อสู้กับศัตรูของท่าน ดังนั้นพวกเจ้าก็จงเขียนจดหมายไปถึงท่านเสีย และถ้าพวกเจ้ากลัวว่าจะอ่อนแอและล้มเหลว พวกเจ้าก็จงอย่าทอดทิ้งท่านเพียงลำพัง? ดังนั้นพวกเขาจงรีบเขียนจดหมายถึงท่าน[36]
อับบาส อัลกุมมีย์ เล่าว่า ?ดังนั้นชาวชีอะฮฺแห่งเมืองกูฟะฮฺจึงได้รวมตัวกัน ณ บ้านของ สุลัยมาน บุตรศุร็อด อัลคุซาอีย์ แล้วก็พูดถึงการเสียชีวิตของมุอาวิยะฮฺและการให้สัตยาบันแก่ยะซีด หลังจากนั้นสุลัยมานก็ลุกขึ้นกล่าวคำปราศรัยแก่พวกเขาว่า
?แท้จริงพวกเจ้าก็ได้รับรู้แล้วถึงการเสียชีวิตของมุอาวิยะฮฺและการขึ้นปกครองแทนเขาของยะซีดผู้เป็นลูก และแท้จริงอัลหุสัยนฺได้คัดค้าน(และไม่เห็นด้วยกับการขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮฺของยะซีด) และท่านก็ได้เดินทางไปยังนครมักกะฮฺ และพวกเจ้าในฐานะที่เป็นชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน) ของท่านและผู้สนับสนุนของบิดาท่าน ถ้าหากพวกเจ้ารู้ตัวว่าเป็นผู้ช่วยเหลือท่าน และพร้อมจะต่อสู้กับศัตรูของท่าน ดังนั้นพวกเจ้าก็จงเขียนจดหมายไปถึงท่านเสีย และถ้าพวกเจ้ากลัวว่าจะอ่อนแอและล้มเหลว พวกเจ้าก็จงอย่าทอดทิ้งท่านเพียงลำพัง? ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวขึ้น(เป็นเสียงเดียว)ว่า ?ไม่ (เราจะไม่ทอดทิ้งท่านเพียงลำพัง) แต่พวกเราจะต่อสู้กับสัตรูของท่าน และเราจะต่อสู้ด้วยเรือนร่างของเราเพื่อปกป้องท่าน? หลังจากนั้นพวกเขาก็เขียนจดหมายในนามของสุลัยมาน บุตรศุร็อด, อัลมุสัยยิบ บุตรนัจญ์บะฮฺ ริฟาอะฮฺ บุตรชิดาด อัลบะญะลีย์, หะบีบ บุตรมุซอฮิร และบรรดาผู้สนับสนุนชาวกูฟะฮฺคนอื่นๆ ไปยังอัลหุสัยนฺ และส่วนหนึ่งของใจความในจดหมายดังกล่าวคือ
?ขอความสันติจงประสบแด่ท่าน มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺที่ทรงทำให้ศัตรูผู้ดื้อดึงและเป็นอันธพาลของท่านต้องแตกหัก แท้จริงตอนนี้พวกเราอยู่โดยขาดผู้นำ ดังนั้นท่านจงรีบมาหาเรา เผื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงบันดาลให้พวกเราได้ร่วมมือกันด้วยการมาของท่านเพื่อผดุงสัจธรรม ส่วนอันนุอฺมาน บุตรบะชีรฺ ผู้ปกครองเมืองกูฟะฮฺอยู่แต่ในคฤหาสน์ของเขาตามลำพัง พวกเราไม่ร่วมละหมาดญุมอัตหรือละหมาดญะมาอะฮฺ หรือแม้แต่ละหมาดอีดตามหลังเขา และหากพวกเราทราบข่าว(แน่ใจ)ว่าท่านจะเดินทางมาหาพวกเราจริง แน่นอนพวกเราจะขับไล่เขาออกจากเมืองนี้ให้กลับไปยังเมืองชาม อินชาอัลลอฮฺ?
หลังจากนั้น พวกเขาก็มอบจดหมายให้กับอับดุลลอฮฺ บุตรมัสมะอฺ อัลฮัมดานีย์ และอับดุลลอฮฺ บุตรวาลิน พร้อมกับสั่งให้ทั้งสองรีบนำจดหมายไปให้อัลหุสัยนฺ ดังนั้นทั้งสองจึงรีบออกเดินทางไปพบอัลหุสัยนฺ ณ นครมักกะฮฺ ในวันที่ 10 ของเดือนเราะมะฎอน หลังจากที่ชาวกูฟะฮฺได้ส่งจดหมายไปแล้วพวกเขาก็รอดูเหตุการณ์อยู่สองวัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ส่งก็อยส์ บุตรมัสฮัร อัศศ็อยดาวีย์, อับดุลลอฮฺ บุตรชิดาด และอัมมาเราะฮฺ บุตรอับดุลลอฮฺ อัสสะลูลีย์ไปหาอัลหุสัยนฺ พร้อมกับจดหมายจำนวน 150 ฉบับ หลังจากนั้นพวกเขาก็รอดูเหตุการณ์ต่ออีกสองวัน แล้วก็ส่งฮานีอฺ บุตรฮานีอฺ อัสสะบีอีย์ และสะอีด บุตรอับดุลลอฮฺ อัลหะนะฟีย์ไปหาอัลหุสัยนฺอีก โดยในจดหมายมีใจความว่า
?ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาและปรานีเสมอ ถึงอัลหุสัยนฺ บุตรอะลี จากชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของท่านที่เป็นชาวมุสลิมและมุอฺมินทั้งหลาย ดังนั้นท่านจงรีบเร่งเดินทางมาหาพวกเรา เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังตั้งตารอคอยการมาเยือนของท่าน และเราไม่เห็นใครเหมาะสมสำหรับพวกเขานอกจากท่าน ดังนั้นจงรีบเดินทางมาอย่างเร่งด่วนที่สุด ขอจงประสบแต่ความสันติ?
หลังจากนั้น ชะบัษ บุตรริบอีย์, หิญาร บุตรอับญัรฺ, ยะซีด บุตรอัลหาริษ บุตรรุวัยยิม บุตรก็อยสฺ, อัมรู บุตรอัลหัจญาจญ์ อัซซะบีดีย์ และมุหัมมัด บุตรอัมรู อัตตะมีมีย์ ก็ได้เขียนจดหมายไปถึงท่านอีกโดยมีใจความว่า ?แท้จริงแว่นแคว้นได้กลายเป็นสีเขียวขจีไปหมดแล้ว และผลไม้ก็กำลังสุกงอมอย่างเต็มที่ ดังนั้น หากท่านมีความประสงค์ก็จงมาหาทหารของท่านที่กำลังชุมนุมอยู่ และความสถาพร ความปรานี และความประเสริฐของอัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน? [37]
หุเสนส่งมุสลิม บิน อะกีลไปยังกูฟะฮฺ
ริฎอ หุสัยนฺ ศุบหฺ อัลหะสะนีย์ เล่าว่า ?ดังนั้น มุสลิม บุตรอะกิลจึงเดินทางออกจากมักกะฮฺในกลางเดือนเราะมะฎอน และไปถึงยังกูฟะฮฺในวันที่ 5 ของเดือนเชาวาล และชาวชีอะฮฺก็ทยอยกันมาให้สัตย์สาบานตนแสดงความจงรักภักดีต่อมุสลิม(ในฐานะตัวแทนของอัลหุสัยนฺ) จนกระทั่งมีจำนวนถึง 18,000 นาย และในรายงานของ อัชชะอฺบีย์ ระบุว่าผู้ที่ไปให้สัตย์สาบานตนกับมุสลิมมีจำนวนถึง 40,000 นาย? [38]
ฮาชิม มะอฺรูฟ อัลหะสะนีย์ เล่าว่า ?ในบางกระแสรายงาน ดูเหมือนว่ามุสลิม บุตรอะกีล ได้รู้สึกว่าลางไม่ค่อยดีนักในการเดินทางของท่านในครั้งนั้น เพราะท่านตระหนักดีว่าชาวอิรักนั้นมีนิสัยที่พลิกแพลงอยู่ตลอดเวลา และมีจุดยืนที่คดงอและเพิกเฉยต่ออะมีรุลมุอฺมินีน(อะลี)ผู้เป็นลุงของท่าน ซึ่งปรารถนาที่จะสละทิ้งพวกเขาด้วยการตายจากหรือถูกฆ่าตายเสีย และการทรยศของพวกเขาต่ออัลหะสันลูกพี่ลูกน้องของท่านจนทำให้ท่านจำต้องสละอำนาจการปกครองและมอบให้กับมุอาวิยะฮฺ และแท้จริงท่านได้พยายามอธิบายอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้อัลหุสัยนฺตระหนักในสิ่งดังกล่าว แต่อัลหุสัยนฺกลับยืนกรานที่จะให้ท่านปฏิบัติภารกิจอันสำคัญให้จงได้ และกล่าวหาว่าท่านเป็นคนที่ขี้ขลาดและไม่ฉลาด ดังนั้นท่านจึงเดินทางไปในสภาพของคนที่ต้องประสบกับโชคร้ายอันเนื่องจากภารกิจสำคัญในครั้งนี้ และหลังจากที่หนึ่งสองผู้นำทางของท่านได้เสียชีวิตลงกลางทางเพราะความกระหาย หลังจากที่พวกเขาได้หลงทาง ท่านจึงเขียนจดหมายไปถึงอัลหุสัยนฺอีกครั้งเพื่อขอให้ล้มเลิกภารกิจในครั้งนี้ แต่อัลหุสัยนฺยังคงคะยั้นคะยอให้ท่านเดินทางไปยังเมืองกูฟะฮฺให้จงได้ ดังนั้นท่านจึงจำต้องเดินทางไปจนถึงเมืองกูฟะฮฺและชาวกูฟะฮฺก็ต้อนรับท่านด้วยความยินดียิ่ง แล้วพักอยู่บ้าน อัลมุคตารฺ บุตรอบีอุบัยดฺ อัษษะเกาะฟีย์ แล้วท่านก็เริ่มออกไปพบปะผู้คนเพื่อเชิญชวนให้ภักดีต่ออัลหุสัยนฺ จนกระทั่งผู้ที่ให้สัตย์สาบานตนเพื่อที่จะร่วมเป็นร่วมตายมีจำนวน 40,000 นาย และในบางรายงานระบุว่ามีจำนวนน้อยกว่านั้น ส่วนอะมีรเมืองกูฟะฮฺของยะซีดในขณะนั้นคือ อันนุอฺมาน บุตรบะชีร ท่านเป็นคนที่ชอบสันติไม่ชอบความแตกแยกและชอบที่จะโอนอ่อนและให้อภัยเสมอ? [39]
อับดุลหุสัยนฺ ชะเราะฟุดดีน อัลมูสะวีย์ เล่าว่า ?ชาวชีอะฮฺทยอยกันเดินทางไปหามุสลิม บุตรอะกีลจนกระทั่งอันนุอฺมาน บุตรบะชีรทราบเรื่อง (ขณะนั้นท่านเป็นวะลีของเมืองกูฟะฮฺซึ่งแต่งตั้งโดยมุอาวิยะฮฺและยะซีรก็เห็นด้วย) และทราบถึงสถานที่ที่มุสลิมพักพิงอยู่ แต่ท่านก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนต่อมุสลิมแต่อย่างใด? [40]
อับดุรร็อซฺซาก อัลมูสะวีย์ อัลมุกฺริม เล่าว่า ?และชาวชีอะฮฺได้ต้อนรับมุสลิม ณ บ้านของ อัลมุคตารฺ ด้วยความปีติยิ่ง และแสดงออกถึงความจงรักภักดีและยอมปฏิบัติตามทำให้มุสลิมรู้สึกยินดีและรื่นเริง และชาวชีอะฮฺก็เริ่มทยอยไปให้สัตย์สาบานตนต่อท่านจนมีระบุในสมุดบันทึกวามีจำนวนถึง 18,000 นาย และบางรายงานระบุว่ามีจำนวนถึง 25,000 นาย และในรายงานของอัชชะอฺบีย์ระบุว่าบรรดาผู้ที่ไปให้สัตย์สาบานมีจำนวนถึง 40,000 นาย ดังนั้นมุสลิมจึงเขียนจดหมายถึงอัลหุสัยนฺโดยผ่าน อับสฺ บุตรชะบีบ อัชชากิรีย์ เพื่อแจ้งข่าวให้ทราบถึงการรวมตัวของชาวกูฟะฮฺเพื่อจงรักภักดีต่อท่านกำลังรอท่านอยู่ โดยท่านได้กล่าวในหนังสือว่า ?ผู้นำย่อมไม่โกหกต่อครอบครัวของเขา และแท้จริงชาวกูฟะฮฺได้ให้สัตย์สาบานตนต่อฉันเป็นจำนวนถึง 18,000 นาย...? [41]
อับบาส อัลกุมมีย์ เล่าว่า ?อัลมุฟีด และท่านอื่นๆกล่าวว่า ?ประชาชนได้ให้สัตย์สาบานตนต่อมุสลิม บุตรอะกีล จนมีจำนวนถึง 18,000 นาย ดังนั้น มุสลิมจึงเขียนจดหมายแจ้งไปยังอัลหุสัยนฺถึงข่าวการให้สัตย์สาบานของชาวกูฟะฮิที่มีจำนวนถึง 18,000 นายนั้น และสั่งให้ท่านเดินทางไปยังเมืองกูฟะฮฺ? [42]
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:47 AM »
0
อับบาส อัลกุมมีย์ ยังเล่าอีกว่า ?และในรายงานข้างต้นยังระบุว่า ชาวชีอะฮฺได้เริ่มทยอยกันไปยังบ้าน ฮานีอฺ อย่างลับๆและซ่อนเร้น เพื่อให้สัตย์สาบานตนต่อมุสลิม และท่านก็สั่งให้ทุกคนที่มาหาท่านสาบานตนว่าจะปกปิดและไม่แพร่งพรายเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงดำเนินไปจนกระทั่งผู้ที่มาให้สัตย์สาบานตนมีจำนวนถึง 25,000 นาย ในขณะที่อิบนุซิยาด ยังไม่รู้ว่าพวกเขาใช้สถานที่ใดสำหรับการพบปะ? [43]
หุสัยนฺออกเดินทางไปยังกูฟะฮฺ
อับบาส อัลกุมมีย์ และอับดุลฮาดี อัศศอลิหฺ ระบุว่า เมื่ออัลหุสัยนฺต้องการจะเดินทางออกจากมักกะฮฺนั้น ท่านจึงทำการเฏาะวาฟ สะแอ ขลิบผม และตะหัลลุลจากอิหฺรอมหัจญ์ เพราะท่านไม่สามารถที่จะทำหัจญ์ให้เสร็จสมบูรณ์ได้เพราะกลัวว่าจะถูกจับกุมหรือถูกสังหารที่มักกะฮฺเสียก่อน และได้รวบรวมพี่น้องของท่านในคืนที่ 8 ของเดือน ซุลหิจญะฮฺ แล้วกล่าวปราศรัยแก่พวกเขาว่า ?มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ สิ่งที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ย่อมต้องเกิดขึ้น และไม่มีอำนาจใดๆนอกจากด้วยความ ช่วยเหลือของอัลลอฮฺเท่านั้น และความสถาพรจงประสบแด่ศาสนทูตของพระองค์ พระองค์ทรงกำหนดเส้นตายแก่ลูกหลานอาดัม... ความรักความห่วงใยที่นบียะอฺกูบมีต่อนบีญูซุฟก่อนหน้าเราไม่ได้ทำให้ฉันเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างใด และพระองค์ทรงให้ฉันเลือกสถานที่ฆาตกรรมที่ฉันจะต้องพานพบ เสมือนกับว่าเรือนร่างของฉันถูกฉีกขาดโดยจิ้งจอกทะเลทรายที่อาศัยอยู่ระหว่างนะวาวีสและกัรบะลาอฺ แล้วมันก็กัดกินและกลืนชิ้นส่วนของร่างกายฉันลงในกระเพาะด้วยความอยากและหิวโหย ไม่มีที่ที่จะหลบหนีจากวันที่พระองค์ได้ทรงกำหนดด้วยปากกา เมื่ออัลลอฮฺทรงโปรดปรานเราชาวอะฮฺลุลบัยตฺก็พึงพอใจด้วย เราจะอดทนต่อการทดสอบของพระองค์ และหวังว่าพระองค์จะทรงตอบแทนเราด้วยผลบุญของบรรดาผู้อดทนอย่างเต็มเปี่ยม...? [44]
ดร. อะหฺมัด รอสิม อันนะฟีส เล่าว่า ?นักกวีที่ชื่อฟะรัซฺดักได้พบกับกองคาราวานของอัลหุสัยนฺ ดังนั้นเขาจึงให้สลามท่านแล้วถามท่านว่า ?โอ้หลานของท่านรสูลุลลอฮฺ มีอะไรถึงทำให้ท่านต้องรีบเสร็จจากการทำหัจญ์?? ท่านจึงตอบว่า ?ถ้าฉันไม่รีบเสร็จจากการทำหัจญ์แน่นอนฉันต้องถูก...? หลังจากนั้นอัลหุสัยนฺก็ได้สอบถามเกี่ยวกับประชาชนชาวกูฟะฮฺ ฟะรัซฺดักจึงตอบว่า ?จิตใจของพวกเขาอยู่กับท่าน แต่คมดาบของพวกเขาจ้องที่จะสังหารท่าน? ดังนั้นอัลหะสัยนฺจึงกล่าวว่า ?เจ้าพูดถูก แต่กิจการต่างๆเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และทุกๆวันจะอยู่ในความดูแลของพระองค์ หากแม้นว่าพระองค์ทรงลิขิตเราในสิ่งที่เราชอบและเราพอใจเราก็ขอขอบคุณพระองค์ในความโปรดปรานของพระองค์ และหากแม้นว่าพระองค์ทรงลิขิตในสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนา ดังนั้นจึงไม่ห่างไกลนักสำหรับผู้ที่มีเจตนาบริสุทธิ์และมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ยำเกรง? [45]
อะลี บุตรมูสา บุตรญะอฺฟัร บุตรฏอวูส อัลหุสัยนีย์ เล่าว่า ?นักรายงานเล่าว่า หุสัยนฺได้เดินทางไปก่อนถึงกูฟะฮฺประมาณสองช่วงการเดินทาง จู่ๆท่านก็พบกับอัลหุรฺ บุตรยะซีด พร้อมกับหน่วยทหารอีก 1,000 นาย ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงกล่าวแก่เขาว่า ?เจ้ามาเพื่อให้ความช่วยเหลือเราหรือมาเพื่อสังหารเรากันแน่?? เขาจึงตอบว่า ?หามิได้ เรามาเพื่อสังหารท่าน โอ้อบูอับดิลลาฮฺ? ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงกล่าวขึ้นว่า ?ไม่มีอำนาจและความสามารถใดๆเว้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่และสูงส่ง? หลังจากนั้นก็เกิดการปะทะคารมกันระหว่างทั้งสอง จนกระทั่งอัลหุสัยนฺได้กล่าวแก่เขาว่า ?ถ้าหากว่าท่านไม่ได้เป็นอย่างที่มีระบุไว้ในจดหมายอันมากมายของพวกเจ้าที่เขียนมาถึงฉัน และไม่ได้เป็นไปตามที่บรรดาตัวแทนของพวกเจ้าได้มาหาฉัน ดังนั้นฉันก็ขอเดินทางกลับไปยังที่ที่ฉันมา ดังนั้นอัลหุรฺและพวกพ้องของเขาจึงรั้งท่านไว้ แล้วอัลหุรฺกล่าวก็แก่ท่านว่า ?แต่ทว่า โอ้หลานของท่านรสูลเจ้าต้องเลือกเอาวิธีการใดก็ได้ที่ไม่ใช่กลับไปยังมะดีนะฮฺหรือเดินทางเข้ากูฟะฮฺ แน่นอนว่าข้าจะได้มีเหตุผลบอกแก่อิบนุซิยาดได้ว่าท่านได้คลาดเส้นทางกับข้า? ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงเลียบไปทางซ้ายจนถึงเขตที่มีชื่อว่าอะซีบอัลฮะญานาต? [46]
อายะตุลลอฮฺ มุหัมมัด ตะกีย์ อาล บัหฺรุลอุลูม เล่าว่า ?อัลหุสัยนฺได้เดินทางออกจากมักกะฮฺในสภาพที่นุ่งผ้าถุง ผ้าสไบและรองเท้าแตะอีกคู่หนึ่ง จนกระทั่งท่านได้พบกับชาวกูฟะฮฺ ดังนั้นท่านจึงสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยพระองค์แล้วกล่าวแก่พวกเขาว่า ?แท้จริงกิจการนี้อยู่ในกำมือของอัลลอฮฺแล้วกำมือของพวกเจ้า และแท้จริงฉันไม่คิดที่จะเดินทางมาหาพวกเจ้าจนกระทั่งจดหมายของพวกเจ้าได้ทยอยมาถึงฉัน ซึ่งถูกส่งไปยังฉันโดยผ่านตัวแทนของพวกเจ้า ว่า ?กรุณาเดินทางมาหาพวกเรา เพราะพวกเรากำลังขาดผู้นำ และหวังว่าอัลลอฮฺจะทรงรวมเราอยู่บนบนทางนำด้วยการมาของท่าน? และหากว่าพวกเจ้ายังคงมีจุดยืนเช่นนั้น ดังนั้นฉันก็ได้มาหาพวกเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจงแสดงให้ฉันเห็นถึงคำมั่นสัญญานั้นเพื่อฉันจะได้สบายใจ และหากว่าการมาของฉันทำให้พวกเจ้าต้องลำบากใจ ฉันก็จะแยกย้ายจากพวกเจ้ากลับคืนสู่สถานที่ที่ฉันมา ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงนิ่งเงียบ หลังจากนั้นอัลหัจญาจญ์ บุตรมัสรูกก็อะซานเพื่อละหมาดซุฮฺริ อัลหุสัยนฺจึงกล่าวแก่อัลหุรรฺว่า ?เจ้าจะละหมาดพร้อมกับพวกพ้องของเจ้าใช่ไหม?? อัลหุรฺตอบว่า ?ไม่ แต่พวกเราทุกคนจะละหมาดพร้อมกับท่าน? ดังนั้น อัลหุสัยนฺจึงละหมาดกับพวกเขา หลังจากที่เสร็จจากการละหมาดแล้ว อัลหุสัยนฺก็หันหน้าไปทางพวกเขา แล้วกล่าวคำปราศรัยว่า ?โอ้มนุษย์เอ๋ย แท้จริงถ้าหากว่าพวกเจ้ายำเกรงอัลลอฮฺและสำนึกในสิทธิของเจ้าของมัน พวกเจ้าก็จะเป็นผู้ที่อัลลอฮฺทรงพอใจที่สุด และเราผู้เป็นครอบครัวของท่านรสูลุลลอฮฺเหมาะสมที่จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมากกว่าบรรดาผู้ที่แอบอ้างในสิ่งที่ไม่ใช่ของพวกเขา และบรรดาผู้ที่ดำเนินกิจการด้วยความอธรรมและเป็นศัตรู และถ้าหากว่าพวกเจ้าไม่ยอมรับเราเพราะไม่พอใจต่อพวกเรา และไม่รู้ถึงสิทธิของเรา และความคิดของพวกเจ้าขณะนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเจ้าได้ระบุไว้ในจดหมายที่ถูกส่งไปถึงฉัน ฉันก็จะจากพวกเจ้าไป? ดังนั้นอัลหุรฺจึงกล่าวขึ้นว่า ?ฉันไม่รู้ว่าท่านพูดถึงหนังสืออะไร?? ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงสั่งให้อุกบะฮฺ บุตรสัมอาน นำย่ามทั้งสองใบที่เต็มไปด้วยจดหมายออกมา อัลหุรฺจึงกล่าวว่า ?แท้จริงฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกนั้น และแท้จริงฉันถูกสั่งไม่ให้ฉันแยกทางจากท่านจนกว่าฉันจะนำท่านไปพบอิบนุซิยาดที่เมืองกูฟะฮฺ? ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงกล่าวว่า ?ความตายย่อมเป็นการง่ายกว่าสิ่งนั้นสำหรับเจ้า? แล้วอัลหุสัยนฺก็สั่งให้พรรคพวกที่มาด้วยกันกลับขึ้นพาหนะ ดังนั้นอัลหุรฺจึงเข้าขัดขวางกลุ่มของอัลหุสัยนฺไม่ให้เดินทางกลับไปยังมะดีนะฮฺ ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงกล่าวแก่อัลหุรฺว่า ?ขอให้แม่เจ้าตาย(ฉิบหาย)ไปจากเจ้า เจ้าต้องการอะไรจากเรา?? อัลหุรฺจึงกล่าวว่า ?ถ้าเป็นชาวอาหรับอื่นจากเจ้ากล่าวแก่ฉันเช่นนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาสามารถกล่าวสาปแช่งนี้อีกอย่างแน่นอน ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ฉันไม่เคยกล่าวถึงแม่ของท่าน เว้นแต่ในสภาพที่ฉันยกย่องที่สุด แต่ทว่า ระหว่างเราขอให้พบกันครึ่งทาง นั่นคือเราจะไม่พาท่านไปยังกูฟะฮฺและท่านต้องไม่กลับไปยังมะดีนะฮฺ เพื่อให้เราสามารถหาข้ออ้างแก่อิบนุซิยาดได้ เผื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงประทานความปลอดภัยแก่เราทุกคน และฉันก็จะได้ไม่ถูกลงโทษเพราะเรื่องของท่าน? [47]
และมีนักเขียนชั้นแนวหน้าและน่าเชื่อถือของชีอะฮฺจำนวนไม่น้อยที่ได้บันทึกและเล่าเหตุการณ์ความพยายามของอัลหุสัยนฺเพื่อจะเดินทางกลับไปยังมะดีนะฮฺหลังจากที่ท่านถูกชีอะฮฺทรยศและหักหลัง อาทิเช่นอับบาส อัลกุมมีย์[48], อับดุรร็อซซาก อัลมูสาวีย์ อัลมุกริม[49], บากิร ชะรีฟ อัลกุเราะชีย์[50], อะหฺมัด รอสิม อันนะฟีส[51], ฟาฎิล อับบาส อัลหะยาวีย์[52], ชะรีฟ อัลยะวาฮิรีย์[53], อะสัด หัยดัร[54], อัรวา เกาะศีร เกาะลีฏ[55], มุหฺสิน อัลหุสัยนีย์[56], อับดุลฮาดี อัศศอลิหฺ (อ้างโดยอับดุลหุสัยนฺ ชะริฟุดดีน)[57] และเราะฎีย์ อัลก็อซวีนีย์[58]
อับบาส อัลกุมมีย์ ยังเล่าอีกว่า ?อัลหุสัยนฺได้เดินทางจนถึงคฤหาสถ์บนีมุกอติล แล้วท่านก็พบว่ามีเต็นท์กางอยู่ มีหอกที่ถูกปักไว้ และม้าที่กำลังยืนอยู่ ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงกล่าวขึ้นว่า ?เต็นท์ของผู้ใดกัน?? พวกเขาจึงตอบว่า ?เป็นเต็นท์ของอุบัยดิลลาฮิ บุตรอัลหุรฺ อัลญุอฺฟีย์ อัลหุสัยนฺจึงส่งอัลหัจญาจญ์ บุตรมัสรูก อัลญุอฺฟีย์ให้ไปหา หลังจากที่มีการโต้ตอบสลามกันแล้ว อุบัยดุลลอฮฺจึงถามขึ้นว่า ?มีอะไรอยู่หลังท่าน? หัจญาจญ์จึงตอบว่า ?ข้างหลังฉันโอ้อิบนุลหุรฺ แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงมอบความประเสริฐให้แก่เจ้าเพื่อให้เจ้ารับไว้? อุบัยดุลลอฮฺจึงถามว่า ?มันคืออะไรหรือ?? ดังนั้นหัจญาจญ์จึงตอบว่า ?นั่นคืออัลหุสัยนฺ บุตรอะลี ท่านจะมาเชิญชวนเจ้าให้ช่วยเหลือท่าน ถ้าหากเจ้าต่อสู้พร้อมกับท่าน เจ้าก็จะได้รับการตอบแทนจากอัลลอฮฺ และถ้าหากเจ้าถูกฆ่าตาย เจ้าจะตายชะฮีด? ดังนั้นอุบัยดุลลอฮฺ จึงกล่าวว่า ?ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ โอ้ หัจญาจญ์เอ๋ย ฉันไม่ได้ออกมาจากเมืองกูฟะฮฺมาปักหลักอยู่ ณ ที่นี่ เว้นแต่เพราะฉันกลัวว่าอัลหุสัยนฺจะเดินทางเข้ากูฟะฮฺขณะที่ฉันอยู่ที่นั่น แต่ฉันก็ไม่สามารถให้ความ ช่วยเหลือท่านได้ เพราะแท้จริงไม่มีชีอะฮฺคนใดหรือผู้ช่วยคนใดที่เมืองกูฟะฮฺ เว้นแต่ล้วนเป็นผู้ที่ชมชอบทางโลก นอกจากไม่กี่คนเท่านั้นที่อัลลอฮฺทรงปกป้องพวกเขา ดังนั้นเจ้าจงกลับไปและบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว? ดังนั้นอัลหุสัยนฺ จึงลุกขึ้นสวมรองเท้าและเดินเข้าไปหาอุบัยดิลลาฮฺพร้อมๆกับพรรคพวกของท่านและครอบครัว หลังจากที่ท่านเข้าไปในเต็นท์และให้สลามแล้ว อุบัยดิลลาฮฺก็โดดเข้ากอดจูบมืองและเท้าของท่าน แล้วหุสัยนฺก็นั่งลง แล้วกล่าวแก่อุบัยดิลลาฮฺว่า ?โอ้ อิบนุลหุรฺ แท้จริงชาวเมืองของพวกเจ้าได้เขียนจดหมายไปถึงฉันและได้แจ้งแก่ฉันว่าพวกเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือฉันและพวกเขาก็ได้เรียกร้องให้ฉันมาหาพวกเขา ดังนั้นฉันจึงเดินทางมา แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ดังนั้นฉันจึงขอเชิญชวนเจ้าให้ช่วยเหลือเราอะฮฺลุลบัยตฺ เพราะถ้าหากว่าเราได้สิทธิของเรากลับคืนมาเราก็ขอสรรเสริญอัลลอฮฺและเราขอน้อมรับมัน และถ้าหากเราถูกขัดขวางจากสิทธิที่เราพึงได้รับ และเราอธรรมเจ้าก็จะได้เป็นผู้ช่วยเหลือเราอีกคนหนึ่งในการเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม?
อุบัยดิลลาฮฺจึงกล่าวว่า ?โอ้หลานของท่านรสูลและครอบครัวของท่าน หากแม้ว่าที่เมืองกูฟะฮฺมีชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)และผู้ช่วยเหลือที่ยอมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน แน่นอนว่าฉันนี่แหละที่จะเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในหมู่พวกเขา แต่ทว่า ฉันเห็นบรรดาชีอะฮฺของท่านที่เมืองกูฟะฮฺต่างละทิ้งบ้านเรือนของตนเพราะเกรงกลัวต่อคมดาบของบนีอุมัยยะฮฺ? ดังนั้นอัลหุสัยนฺจึงเดินผละจากเขาไป...[59]?
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:48 AM »
0
มุสลิม บิน อะกีล ถูกหักหลัง
ฮาชิม มะอฺรูฟ กล่าวว่า ?แท้จริงเจ้าเมืองคนใหม่สามารถใช้เล่ห์กลที่แนบเนียนเพื่อจับกุมฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺผู้ซึ่งให้ที่พักพิงแก่(มุสลิม บุตรอะกีล)ตัวแทนของอัลหุสัยนฺ และได้ให้การดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นและวางแผน แต่เขากลับถูกจับและถูกสังหารในที่สุดหลังจากที่ได้มีการเจรจากันระหว่างทั้งสองเป็นเวลานาน และร่างของเขาถูกโยนลงมาจากคฤหาสน์ตกลงมาต่อหน้าประชาชนที่มาห้อมล้อมรอบๆตัวเขา ดังนั้นความหวาดกลัวและอ่อนแอจึงได้เข้ามาครอบงำจิตใจของพวก เขาและทุกคนต่างก็กลับไปยังบ้านของตนเสมือนกับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับพวกเขา? [60]
มุหัมมัด กาซิม อัลก็อซวีนีย์ เล่าว่า ?หลังจากที่อิบนุซิยาดเข้ามายังกูฟะฮฺ เขาก็ได้ส่งสารไปยังหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าชนเผ่าต่างๆเพื่อข่มขู่พวกเขาด้วยกองทัพแห่งเมืองชาม พร้อมกับให้เครื่องยังชีพแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆแยกตัวออกจากมุสลิมจนสุดท้ายเหลือมุสลิมอยู่แต่เพียงลำพัง? [61]
อับดุลหะสัน นูรุดดีน อัลกามุลีย์ กล่าวว่า ?ดังนั้น ประชาชนจึงเริ่มตีตัวออกห่างจากเขา สตรีแต่ละคนต่างก็จะไปหาลูกและพี่น้องของนางแล้วกล่าวแก่พวกเขาว่า ?จงออกห่างจากเขาเสีย?... ดังนั้นพวกเขาจึงทยอยกันออกห่างจากมุสลิมจนบ่ายวันหนึ่งขณะที่อิบนุอะกีลละหมาดมัฆริบเขาพบว่ามีคนมาละหมาดกับเขาเพียง 30 คน ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากมัสญิด จนในที่สุดก็ไม่เหลือใครเลยแม้แต่คนเดียว? [62]
นี่แหละคือสิ่งที่มุสลิม บุตรอะกีลเคยสังหรณ์มาก่อน เมื่อครั้งที่ท่านขอร้องให้อัลหุสัยนฺปลดท่านออกจากหน้าที่อันสำคัญนี้ เนื่องเพราะท่านทราบดีถึงความสับปลับและทรยศของชีอะฮฺต่ออะลีผู้เป็นลุงของท่าน และอัลหะสัน และวันนี้สิ่งที่ท่านเคยคาดคะเนไว้เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว และแล้วมุสลิมก็ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาบรรดาผู้ที่เชื้อเชิญท่านมาและบรรดาผู้ที่สัตย์สาบานต่อท่านในนามของอัลหุสัยนฺ
อับดุลหุสัยนฺ ชะเราะฟุดดีน ได้ระบุถึงเหตุการณ์การทรยสของชาวชีอะฮฺรุ่นก่อนที่มีต่อมุสลิม บิน อะกีลว่า ?แต่ทว่า หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ทำลายคำสัตย์สาบาน และล้มเลิกสัญญาที่เคยให้ไว้ และไม่เคยยืนหยัดบนสัญญา และไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีให้ ดังนั้นท่านจึงต้องประสบกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด...โดยที่สัตรูได้เข้ามาหาท่านทั้งทางทิศใต้และทิศเหนือ และได้โอบล้อมท่านทั่วทุกด้าน ในขณะที่ท่านมีเพียงท่านคนเดียวโดดๆ ไม่มีผู้ช่วยเหลือและไม่มีผู้สนับสนุนแม้แต่คนเดียว...จนกระทั่งท่านตกเป็นเชลยศึกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู? [63]
ข่าวที่เศร้าสลด
อับบาส อัลกุมมีย์ เล่าว่า ?หลังจากนั้น อัลหุสัยนฺก็ได้แต่รอเวลา จนกระทั่งเวลาก่อนรุ่งอรุณ ท่านจึงสั่งเด็กๆทั้งชายและหญิงมาพร้อมกับท่านให้เตรียมน้ำไว้มากๆ หลังจากนั้นกองคาราวานของท่านก็ออกเดินทางต่อจนกระทั่งถึงเขตซะบาละฮฺ ก็มีข่าคราวเกี่ยวกับอับดุลลอฮฺ บุตรยักติรมาถึงท่าน ดังนั้นท่านจึงเรียกพรรคพวกให้รวมตัวกัน และนำหนังสือฉบับหนึ่งออกมาอ่านให้ทุกคนฟัง ทันใดนั้นเนื้อความในหนังสือมีว่า ?ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาและปรานีเสมอ แท้จริงได้มีข่าวที่น่าเศร้าสลดยิ่งมาถึงฉัน มุสลิม บุตรอะกีล, ฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺ และอับดุลลอฮฺ บุตรยักตีร ทุกคนล้วนถูกสังหารสิ้น และแท้จริงชีอะฮฺผู้สนับสนุนเราได้ทรยศต่อเรา ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเจ้าพอใจที่จะกลับก็อนุญาตให้กลับได้โดยปราศจากข้อผูกมัดใดๆ? ดังนั้นบรรดาผู้ที่ติดตามท่านมาต่างก็แยกสลายกันไป จนเหลือเพียงครอบครัวของท่านและมิตรสหายที่ใกล้ชิดท่านเท่านั้น ซึ่งยังคงยืนหยัดอยู่อย่างเชื่อมั่นและศรัทธา? [64]
หุสัยนฺ ณ แผ่นดินกัรบะลาอฺ
อับดุรร็อซซาก อัลมูสาวีย์ อัลมุกริม เล่าว่า ?หุสัยนฺเดินทางไปยังแผ่นดินกัรบะลาอฺ เมื่อวันที่ 2 ของเดือนมุหัรร็อม ปี 61 ฮ.ศ.? [65]
ส่วนอับบาส อัลกุมมีย์ เล่าว่า ?มีความขัดแย้งกันในเรื่องของวันที่อัลหุสัยนฺไปถึง ณ แผ่นดินกัรบะลาอฺ และทัศนะที่ถูกต้องคือ ท่านไปถึงกัรบะลาอฺในวันที่ 2 ของเดือนมุหัรร็อม ปี 61 ฮ.ศ. หลังจากที่ท่านถึงที่นั่น ท่านก็ถามขึ้นว่า ?ที่นี่มีชื่อว่าอะไร ?? มีคนตอบว่า ?กัรบะลาอฺ? ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า ?โอ้องคือภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครองต่อท่านจาก กัรบฺ (ความโศกเศร้า) และบะลาอฺ (ความเจ็บปวด)? [66]
มุหัมมัด ตะกีย์ อาลบะหฺรุลอุลูม เล่าว่า ?บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสีเราะฮฺ(ประวัติศาสตร์บุคคล)และการสงครามกล่าวว่า ?หลังจากที่อัลหุสัยนฺได้เดินทางไปถึงกัรบะลาอฺ ท่านก็ได้เรียกสมาชิกในครอบและมิตรสหายที่มาพร้อมกับท่านทุกคนให้ไปรวมตัวกัน แล้วท่านก็ลุกขึ้นกล่าวคำปราศรัย และกล่าวว่า ?แท้จริงได้มีเหตุการณ์(ที่ไม่พึงประสงค์)เกิดขึ้นกับพวกเราดังที่พวกเจ้าได้ประสบเห็น และแท้จริงโลกนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและหลอกลวง และความดีของมันกลับหันหลังให้เรา และการเผชิญหน้ายังคงดำเนินต่อไป และจะไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากความปรารถนา ดังเช่นความปรารถนาต่อภาชนะ(ที่บรรจุน้ำและอาหาร) และการมีชีวิตที่ตกต่ำ เฉกเช่นทุ่งหญ้าที่เหี่ยวแห้ง พวกเจ้าเคยเห็นสัจธรรมที่ไม่ถูกนำมาปฏิบัติไหม และความจอมปลอมที่ไม่เคยสูญสิ้น แท้จริงความใฝ่ฝันของผู้ศรัทธาที่จะพบกับองค์อภิบาลของเขานั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนยิ่ง ดังนั้นจึงเห็นว่าความตายเป็นสิ่งที่สุขสันต์ และการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้อธรรมนั้นเป็นสิ่งที่อึดอัดและวุ่นวาย? [67]
ดร.อะหฺมัด รอสิม อันนะฟีส ได้เล่าถึงการเรียกร้อง วิงวอน และตักเตือนของอัลหุสัยนฺต่อชาวชีอะฮฺที่ได้เรียกท่านให้ไปหาเพื่อจะให้ความช่วยเหลือแก่ท่าน แต่แล้วกลับปลีกตัวออกจากท่าน ว่า ?พวกนั้นยังคงยืนกรานที่จะสร้างความสับสนและกังวลให้แก่อบูอับดุลลอฮฺ อัลหุสัยนฺ เพื่อไม่ให้ท่านสามารถเผยแพร่หุจญะฮฺ(หลักฐาน)ของท่าน ดังนั้นท่านจึงกล่าวแก่พวกเขาอย่างโกรธเคืองว่า ?ทำพวกเจ้าถึงไม่ยอมนิ่งเงียบและฟังคำตักเตือนของฉัน? แท้จริงฉันกำลังเชิญชวนพวกเจ้าสู่แนวทางแห่งการชี้นำ ดังนั้นผู้ใดที่เชื่อฟังฉัน เขาก็จะเป็นผู้ที่ได้รับทางนำ และผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังและทรยศต่อฉัน เขาก็จะเป็นผู้อัปยศและพินาศ และพวกเจ้าทุกคนต่างทรยศต่อคำสั่งของฉัน และไม่เชื่อฟังคำพูดของฉัน แท้จริงสิ่งที่พวกเจ้าได้เปรอะเปื้อนกับสิ่งที่หะรอม และท้องของพวกเจ้าก็เต็มไปด้วยสิ่งที่หะรอม ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงทำให้จิตใจของพวกเจ้าเป็นสนิมและดื้อด้าน ความวิบัติจงประสบกับพวกเจ้า ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ยอมนิ่งเงียบ? ทำไมพวกเจาถึงไม่ยอมฟัง?...? ดังนั้นทุกคนจึงเงียบ อัลหุสัยนฺจึงกล่าวขึ้นว่า ?ความฉิบหายและความเจ็บปวดต้องประสบกับพวกเจ้า โอ้กลุ่มชนเอ๋ย ขณะที่พวกเจ้าร้องขอความ ช่วยเหลือจากเราด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ดังนั้นเราจึงพร้อมที่จะให้ความ ช่วยเหลือต่อพวกเจ้า แต่แล้ว พวกเจ้ากลับควงดาบมาจ่อที่คอหอยของเรา ทั้งยังก่อไฟแห่งอาชญากรรมมาสู่เราโดยฝีมือของสัตรูของเราและศัตรูของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจึงกลายเป็นผู้ที่รุมทำร้ายบรรดาผู้นำของพวกเจ้า และเป็นผู้ช่วยซ้ำเติมพวกเขาให้กับศัตรูของพวกเจ้า โดยปราศจากความเป็นธรรมที่แผ่กระจายออกจากพวกเจ้า และปราศจากความหวังใดๆอีก ในสายตาของพวกเขาแล้วพวกเจ้าได้กลายเป็นผู้ที่ต้องห้ามในสิ่งที่พวกเจ้าจะได้รับบนโลกนี้ และกลายเป็นเศษเดนอันไร้ค่าของชีวิตที่พวกเจ้ากำลังอยากได้...พวกเจ้าช่างกระทำในสิ่งที่เลวทรามสิ้นดี แท้ที่จริงแล้ว พวกเจ้าก็คือบรรดาปีศาจร้ายแห่งประชาชาตินี้ เป็นพวกนอกคอก(แปลกแยก)ของกลุ่มต่างๆ เป็นผู้ที่ทำลายหนังสือสัญญา เป็นลมหายใจของมารร้ายชัยฏอน เป็นกลุ่มชนที่ก่ออาชญากรรมและมีตราบาป เป็นอาชญากรนักเขียน เป็นผู้ที่ทำให้สุนนะฮฺต้องดับมอด และฆาตกรที่สังหารลูกหลานของเหล่านบี? [68]
นี่คือสำนวนที่ ดร.ชีอะฮฺผู้นี้ได้ระบุไว้ และดั้งเดิมของคำปราศรัยนี้ได้ถูกเล่าโดย อะลี บุตรมูสา บุตรฏอวูส[69], อับดุรร็อซซาก อัลมุกริม[70], ฟาฎิล อับบาส อัลหะยาวีย์[71], ฮาดี อันนัจย์ฟีย์[72], หะสัน อัศศ็อฟฟารฺ[73], มุหฺสิน อัลอะมีน[74], อับบาส อัลกุมมีย์[75] และอื่นๆอีกมากมาย[76] ดังนั้นจงไตร่ตรองและพิจารณาดูเถิด โอ้บรรดาผู้ที่ใฝ่หาและเรียกร้องสัจธรรมว่า เพราะเหตุใดอิมามอัลหุสัยนฺถึงได้พรรณนาถึงลักษณะของบรรดาชีอะฮฺผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้สนับสนุนท่านด้วยลักษณะต่างๆที่เป็นบุคลิกของพวกเขา นั่นคือ
- สิ่งที่พวกเจ้าได้เปรอะเปื้อนกับสิ่งที่หะรอม
- ท้องของพวกเจ้าก็เต็มไปด้วยสิ่งที่หะรอม
- อัลลอฮฺจึงทรงทำให้จิตใจของพวกเจ้าเป็นสนิมและด้าน
- ปีศาจร้ายแห่งประชาชาตินี้
- เป็นพวกนอกคอก(แปลกแยก)ของกลุ่มต่างๆ
- เป็นผู้ที่ทำลายหนังสือสัญญา
- เป็นลมหายใจของชัยฏอนมารร้าย
- เป็นกลุ่มชนที่ก่ออาชญากรรมและมีตราบาป
- เป็นอาชญากรนักเขียน
- เป็นผู้ที่ทำให้สุนนะฮฺต้องดับมอด
- และเป็นฆาตกรที่สังหารลูกหลานของเหล่านบี
ใครคือฆาตกร
ก่อนที่หุเสนจะเดินทางออกจากมักกะฮฺมุ่งสู่กูฟะฮฺนั้น มุหัมมัด อิบนุอัลหะนะฟียะฮฺ น้องชายต่างมารดาของท่านได้ตักเตือนท่านว่า ?โอ้พี่ชายของฉัน แท้จริงท่านก็ทราบดีถึงการทรยศของชาวกูฟะฮฺต่อบิดาท่านและพี่ชายของท่าน และฉันกลัวเหลือเกินว่าท่านจะตกที่นั่งเหมือนกับท่านเหล่านั้น? [77]
นักกวีชื่อฟะรัซฺดักได้กล่าวแก่หุเสนหลังจากที่ท่านได้สอบถามถึงสภาพของชาวชีอะฮฺที่เมืองกูฟะฮฺที่ท่านกำลังจะเดินทางไปหาว่า ?จิตใจของพวกเขาอยู่กับท่าน แต่คมดาบของพวกเขาจดจ่ออยู่ที่คอหอยของท่าน และกิจการนั้นจะลงมาจากฟากฟ้า และอัลลอฮฺจทรงบันดาลให้เป็นไปตามที่พระองค์ทรงปรารนา?
ดังนั้นหุเสนจึงกล่าวว่า ?ท่านพูดถูก กิจการต่างๆเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และทุกๆวันจะอยู่ในความดูแลของพระองค์ หากแม้นว่าพระองค์ทรงลิขิตเราในสิ่งที่เราชอบและเราพอใจเราก็ขอขอบคุณพระองค์ในความโปรดปรานของพระองค์ และพระองค์คือผู้ที่พึ่งพิงในการแสดงความขอบคุณ และหากแม้นว่าพระองค์ทรงลิขิตในสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนา ดังนั้นจึงไม่ห่างไกลนักสำหรับผู้ที่มีเจตนาบริสุทธิ์และมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ยำเกรง? [78]
อิมามหุเสน เมื่อครั้งที่ท่านได้กล่าวคำปราศรัยแก่พวกเขา ท่านก็ได้เท้าความถึงสภาพการณ์ชาวชีอะฮฺรุ่นก่อนและการกระทำของพวกเขาต่อบิดาและพี่ชายของท่านด้วยคำปราศรัยที่ว่า ?...และหากว่าพวกเจ้าไม่กระทำ และทำลายคำมั่นสัญญาที่พวกเจ้าได้เคยให้ไว้ และพวกเจ้ายกเลิก(นำ)คำสัตย์สาบานที่มีต่อฉันออกจากบ่าของพวกเจ้า ดังนั้นการกระทำดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าแปลกสำหรับพวกเจ้า เพราะแท้จริงพวกเจ้าได้เคยกระทำมาแล้วต่อบิดาของเรา ต่อพี่ชายของเรา และต่อมุสลิมผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา และผู้ที่ถูกหลอกคือผู้ที่หลงเชื่อในคำพูดของพวกเจ้า...? [79]
และอิมามอัลหุสัยนฺก็เคยคิดสงสัยมาแล้วในจดหมายที่พวกเขาส่งมายังท่าน และท่านได้กล่าวไว้ว่า ?แท้จริงพวกเขาทำให้ฉันหวาดกลัว และนี่คือจดหมายของชาวกูฟะฮฺ และพวกเขาคือผู้ที่ฆ่าฉัน? [80]
ท่านยังได้กล่าวในโอกาสอื่นอีกว่า ?โอ้องค์อภิบาลของฉัน ได้โปรดให้คำชี้ขาด (ให้ความเป็นธรรม) ระหว่างเราและพวกนี้ด้วย พวกเขาได้เรียกร้องให้เราช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับสังหารพวกเรา?[81]
หุสัยนฺ อัลกูรอนีย์ กล่าวว่า ?ชาวกูฟะฮฺไม่เพียงแต่แยกตัวออกจาอิมามอัลหุสัยนฺเท่านั้น แต่พวกเขายังแปรพักตร์ไปเป็นแนวร่วมของศัตรู อันเป็นผลพวงจากความสับสนไม่ชัดเจนของจุดยืนของพวกเขา โดยที่พวกเขารีบออกเดินทางไปยังกัรบะลาอฺ และต่อสู้กับอิมามอัลหุสัยนฺ ซึ่งต่างคนก็พยายามที่จะจารึกจุดยืนที่ทำให้มารร้ายชัยฎอนพึงพอใจ และจุดยืนที่ทำให้อัลลอฮฺทรงโกรธเคือง ตัวอย่างเช่น เราพบว่า อัมรู บุตรอัลหัจญาจญ์ที่เมื่อวานเป็นผู้ที่โดดเด่นที่เมืองกูฟะฮฺเสมือนกับว่าเขาเป็นปกป้องครอบครัวของท่านรสูล(อะฮฺลุลบัยตฺ) และเป็นผู้ที่นำทัพเพื่อปกป้องฮานีอฺ บุตรอุรวะฮฺแกนนำของพวกเขา แต่วันนี้เขากลับกลืนจุดยืนเหล่านั้นสิ้น เพื่อจะกล่าวหาอิมามอัลหุสัยนฺว่าเป็นคนที่นอกรีตและออกจากศาสนา ซึ่งเขาได้กล่าวตะโกนแก่บรรดามิตรสหายและลูกสมนุของเขาว่า ?จงสังหารผู้ที่ออกนอกศาสนาและแยกตัวออกจากญะมาอะฮฺเสีย...? [82]
หุเสน อัลกูรอนีย์ ยังกล่าวอีกว่า ?และเราได้พบกับอีกจุดยืนหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสับปลับและกลับกลอก(มุนาฟิก)ของชาวกูฟะฮฺ นั่นคือ อับดุลลอฮฺ บุตรเหาซะฮฺ อัตตะมีมีย์ได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าอิมามอัลหุสัยนฺแล้วตะโกนออกมาว่า ?มีหุสัยนฺอยู่ในกลุ่มของพวกเจ้าไหม??
นี่ก็เป็นชาวกูฟะฮฺอีกคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อวันวานเคยเป็นชีอะฮฺผู้สนับสนุนของอะลี และเป็นไปได้ว่าเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้เขียนจดหมายไปถึงอิมามอัลหุสัยนฺ หรือเป็นคนของชะบัษและอื่นๆที่ได้เขียนจดหมายไปหาท่าน...แต่แล้วเขากลับตะโกนว่า ?โอ้ หุเสน เจ้าจงยินดีและมีความสุขกับไฟนรกเถิด...? [83]
มุรตะฎอ มุฏฮิรีย์ แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจว่า ?จะเป็นไปได้อย่างไรที่ชาวเมืองกูฟะฮฺจะออกไปสังหารอัลหุสัยนฺ ด้วยมือของพวกเขาเอง ในเมื่อพวกเขาต่างก็รักหุสัยนฺและมีความสัมพัน์ที่ดีต่อกัน??
แล้วเขาก็ตอบชี้แจงให้ความกระจ่างว่า ?คำตอบก็คือ ความหวาดกลัวที่เข้าไปสิงและครอบงำอยู่ในจิตใจของชาวกูฟะฮฺนั่นเอง ซึ่งโดยรวมแล้ว นับตั้งแต่สมัยของซิยาด และมุอาวิยะฮฺเสียอีก และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่ออุบัยดิลลาฮฺได้มาถึง โดยทันทีที่มาถึงเขาก็จัดการสังหารมัยษัม อัตตัมมารฺ เราะชีด, มุสลิม และฮานีอฺ...ผนวกกับความตะกละ โลภมาก และอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง และหน้าตาในสังคม ดังเช่นในกรณีของอุมัร บุตรสะอัดเอง...ส่วนบรรดาผู้นำของเผ่าต่างๆก็ได้ถูกอิบนุซิยาดคุกคามและข่มขู่ พร้อมกับหว่านล้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง ตั้งแต่วันแรกที่เขาเดินทางเข้าเมืองกูฟะฮฺ โดยเขาได้ร้องเรียกพวกเขาทั้งหมดให้ออกมาและกล่าวข่มขู่พวกเขาว่า ?ใครในหมู่พวกเจ้าที่เป็นแนวร่วมของผู้ต่อต้านข้าจะตัดเงินสนับสนุนที่เคยได้รับทันที? ดังนั้น อามิร บุตรมุญัมมะฮฺ อัลอะบีดีย์ หรือ มุญัมมะอฺ บุตรอามีร จึงกล่าวว่า ?ส่วนบรรดาหัวหน้าและแกนนำของพวกเขา การรับสินบนกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาและความต้องการล้นจิตใจของพวกเขา? [84]
กาซิม อัลอิหฺสาอีย์ อันนัจญ์ฟีย์ เล่าว่า ?แท้จริงกองทัพที่ออกไปเพื่อสู้รบกับอิมามอัลหุสัยนฺมีจำนวน 300,000 นาย ทุกคนล้วนเป็นชาวเมืองกูฟะฮฺ ไม่มีในหมู่พวกเขาที่เป็นชาวเมืองชาม หรือหิญาซ หรืออินเดีย หรือปากีสถาน หรือซูดาน หรืออียิปต์ หรืออัฟริกา เลยแม้แต่คนเดียว แต่ทุกคนล้วนเป็นชาวกูฟะฮฺ ซึ่งได้รวมตัวกันจากชนเผ่าต่างๆ? [85]
หุสัยนฺ บุตรอะหฺมัด อัลบะรอกีย์ อันนัจญ์ฟีย์ นักประวัติศาสตร์คนสำคัญของชีอะฮฺคนหนึ่ง เล่าว่า ?อัลก็อซวีนีย์ กล่าวว่า ?และสาเหตุหนึ่งที่ชาวกูฟะฮฺต้องถูกประณาม นั่นคือ พวกเขาได้แทงอัลหะสัน บุตรอะลี และสังหารอัลหุสัยนฺ หลังจากที่พวกเขาได้เรียกร้องให้ท่านไปหา? [86]
อายะตุลลอฮฺ อัลอุซมา มุหฺสิน อัลอะมีน กล่าวว่า ?หลังจากนั้น ชาวอิรักจำนวน 20,000 นาย ก็ได้ให้คำสัตย์สาบานต่ออัลหุสัยนฺ โดยที่พวกเขาได้หลอกลวงและทรยศท่าน และปลีกตัวออกจากท่าน ในขณะที่การให้สัตย์สาบานของพวกเขายังคงอยู่บนบ่าของพวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็สังหารท่าน? [87]
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:48 AM »
0
เญาวาด มุหัดดิษีย์ กล่าวว่า ?สาเหตุต่างๆเหล่านี้ทำให้อิมามอะลีต้องประสบกับสองความเจ็บปวดจากพวกเขา อิมามอัลหะสันก็ต้องเผชิญกับการหลอกลวงของพวกเขา และมุสลิม บุตรอะกีลก็ถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรมต่อหน้าพวกเขา ส่วนอัลหุสัยนฺก็ถูกสังหารในสภาพที่กระหายน้ำ ณ แผ่นดินกัรบะลาอฺ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองกูฟะฮฺ ด้วยเงื้อมมือของทหารกูฟะฮฺเอง? [88]
อบูมันศูร อัฏฏ็อรุสีย์, อิบนุ ฏอวูส, อัลอะมีน และอื่นๆ ได้เล่าว่า อะลี บินหุเสน บุตรอะลี บุตรอะบีฏอลิบ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของ ?ซัยนุลอาบิดีน? ได้กล่าวตำหนิชาวชีอะฮฺที่ได้ทรยศหัหลังบิดาของท่านและสังหารท่านว่า ?โอ้ ประชาชาติเอ๋ย ฉันขอด่าว่าพวกเจ้า ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พวกเจ้าไม้รู้หรือว่าพวกจ้าได้เขียนจดหมายไปถึงบิดาของฉัน แต่แล้วพวกเจ้ากลับหลอกลวงท่าน พวกเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาและคำสัตย์สาบานตนแก่บิดาฉัน แต่แล้วพวกเจ้ากลับก็สังหารท่านและทรยศต่อท่าน ดังนั้นความพอนาศฉิบหายต้องประสบความพวกเจ้าเพราะสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ และความน่ารังเกียจของความคิดของพวกเจ้า พวกเจ้าจะมองหน้าท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม (ในวันปรโลก)ได้อย่างไร เมื่อท่านกล่าวแก่พวกเจ้าว่า ?พวกเจ้าได้สังหารวงศ์วานของฉัน และทำลายเกียรติของฉัน ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่ใช่ประชาชาติของฉัน?
ดังนั้นเสียงร้องไห้ของบรรดาสตรีก็ดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ พวกเขาจึงกล่าวแก่กันว่า ?พวกเจ้าฉิบหายแล้วโดยที่พวกเจ้าไม่ทันรู้ตัว? ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า ?อัลลอฮฺยังทรงปรานีผู้ที่ยอมรับคำตักเตือนของฉัน และรักษาคำสั่งเสียของฉันไว้ในหนทางของอัลลอฮฺ รสูล และวงศ์วานของท่าน เพราะท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือแบบอย่างที่ดีของเรา? ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ?พวกเราทุกคนพร้อมที่จะเชื่อฟัง ปฏิบัติตาม และปกป้องรักษาภารกิจสำคัญของท่าน โดยไม่ยอมผละหนีและหลีกเลี่ยงไปจากท่านอีก ดังนั้นท่านสั่งมาเถิด เพราะแท้จริงเราพร้อมที่จะร่วมทำสงครามกับสงครามของท่าน และร่วมอยู่อย่างสันติกับความสันติของท่าน โดยแน่แท้เราจะตอบโต้ยะซีด และเราจะต้องรอดพ้นจากบรรดาผู้ที่อธรรมต่อท่านและต่อพวกเรา? ดังนั้นท่านจึงกล่าวว่า ?ออกไปให้ไกลๆเลย ออกไปให้ไกลๆเลย โอ้บรรดาผู้ที่ชอบหลอกลวงและมากด้วยเล่ห์ ระหว่างพวกเจ้ากับอารมณ์ตัณหาของพวกเจ้าได้แปรสภาพไปแล้ว พวกเจ้าประสงค์จะมาหาฉันเสมือนกับที่พวกเจ้าได้เคยไปหาบรรดาบิดาของฉันก่อนหน้านี้ใช่ไหม? ไม่อย่างแน่นอน และฉันขอสาบานด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของสตรีผู้ที่ชอบเต้นไปมา แท้จริงบาดแผล (ของเรา) ยังไม่หายสนิท เมื่อวานบิดาของเราถูกสังหารครอบครัวของท่าน ฉันยังไม่สามารถลืมการสูญเสียท่านรสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมและครอบครัวของท่าน และการสูญเสียบิดาของฉันและญาติๆของบิดาฉันได้ และฉันพบว่ามันยังอยู่ในระหว่างเพดานของฉัน และความขื่นขมของมันอยู่ระหว่างคอหอยกับหลอดลมของฉัน ความโศกเศร้าของมันกำลังวนเวียนอยู่ตามแผ่นอกของฉัน...? [89]
เมื่อครั้งที่อิหม่ามซัยนุลอาบิดีนเดินทางผ่าน ชาวกูฟะฮฺและได้เห็นพวกเขากำลังเศร้าโสกเสียใจและร้องไห้คร่ำครวญ ท่านก็ด่าว่าพวกเขาด้วยคำว่า ?พวกเจ้าเศร้าโศกเสียใจ และร้องให้คร่ำครวญเพื่อเราหรือ? แล้วใครหละที่เป็นผู้สังหารพวกเรา!? [90]
ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า เมื่อครั้งที่ท่านเดินทางผ่านเมืองกูฟะฮฺ ขณะนั้นชาวกูฟะฮฺกำลังร้องไห้คร่ำครวญ ซึ่งตอนนั้นท่านอ่อนแอมากเพราะความป่วย ดังนั้นท่านจึงกล่าวด้วยเสียงที่บางเบาว่า ?พวกเจ้ากำลังคร่ำครวญและร้องไห้เพื่อพวกเราหรือ แล้วผู้ใดเล่าที่สังหารพวกเรา?? [91]
ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า ท่านกล่าวด้วยเสียงที่ค่อยเพราะความป่วยว่า ?แท้จริงพวกเขาเหล่านั้นกำลังร้องไห้ต่อพวกเรา ดังนั้นผู้ใดอีกเล่าที่สังหารพวกอื่นจากพวกเขา?? [92]
อมมุกัลษูม บินตุ อาลี กล่าวว่า ?โอ้ ชาวกูฟะฮฺเอ๋ย พวกเจ้าช่างน่าอับอายยิ่ง ทำไมพวกเจ้าถึงทอดทิ้งหุเสนและสังหารเขา พวกเจ้าได้ปล้นทรัพย์สินของเขาและเป็นทายาทครอบครองทรัพย์สินของเขา พวกเจ้าได้จับบรรดาสตรีของเขามาเป็นเชลยและทำให้พวกนางตกอยู่ในความทุกข์ยาก ดังนั้นความฉิบหายและป่นปี้จงประสบต่อพวกเจ้า? [93]
<<<<< วัลลอฮุอะอฺลัม บิสเศาะวาบ >>>>>
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
1] อัตชีวประวัติหุซัยน์, หน้า 7[2] ตารีฆอิบนุค็อลดูน, เล่ม 1 หน้า 58 [3] ตารีฆอิบนุค็อยยาฏ, หน้า 234, [4] มัจมูอฺอัลฟะตาวา, เล่ม 4 หน้า 556
[5] ฟัตหุลบารีย์, เล่ม 2 หน้า 81[6] หะยาต อิมามอัลหุสัยนฺ 3/12[7] หะยาต อิมามอัลหุสัยนฺ 3/13[8] อิอฺริฟ อัลหักกฺ หน้า 161
[9] เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หน้า 59[10] เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หน้า 59[11] ฟีริหาบกัรบะลาอฺ หน้า 53[12] เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หน้า 60
[13] หะยาต อัลอิมาม อัลหุสัยนฺ 2/370[14] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ 1/187-189[15] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ 1/118,119
[16] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ 1/70[17] ความหมายของอายัตที่ 46 สูเราะฮฺ อัลอันฟาล[18] อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 38
[19] ละก็อด ชัยยะอะนี อัลหุสัยนฺ หน้า 274-275[20] อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 39[21] อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 39-40
[22] ละก็อด ชัยยะอะนี อัลหุสัยนฺ หน้า 279[23] อะอฺยาน อัชชีอะฮฺ 1/26[24] กุลลุลหุลูล อินดะ อาลิ อัรเราะสูล หน้า 122-123
[25] อันนัดวะฮฺ 3/208, ฟีริหาบ อัฮฺลิลบัยตฺ หน้า 270[26] อัลอิหฺติญาจญ์ ของ อบูมันศูรฺ อัฏฏ็อบรุสีย์ 2/10 และเนื้อความนี้ยังมีระบุในหนังสือ อาดาบ อัลมะนาบิรฺ ของ หะสัน มัฆนิยะฮฺ หน้า 20
[27] มุหาวะเราะฮฺ อะกออิดียะฮฺ หน้า 122-123[28] ละก็อด ชัยยะอะนี อัลหุสัยนฺ เชิงอรรถหน้า 238[29] ริญาลอัลกัชชีย์ หน้า 254
[30] อัลกาผีย์ 8/228, มัจญ์มูอะฮฺ วะรอม 2/152[31] วะสาอิลุชชีอะฮฺ 11/441[32] อาชูรออฺ หน้า 85, ตุซฺละมุซซะฮฺรออฺ หน้า 141
[33] อะลาคุฏออัลหุสัยนฺ หน้า 94[34] ฟาญิอะฮฺ อัลฏ็อฟ หน้า 6[35] มุนตะฮา อัลอามาล 1/430
[36] อัลลุฮูฟ ของ อิบนุฏอวูส หน้า 22, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 58,59, มุนตะฮา อัลอามาล 1/430, อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 93
[37] มุนตะฮา อัลอามาล 1/430, อัลลุฮูฟ หน้า 22, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 58[38] อัชชีอะฮฺ วะอะชูรออฺ หน้า 167
[39] สีเราะฮฺ อัลอะอิมมะฮฺ อัลอิษนัย อะชะเราะ 2/57-58[40] อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 61[41] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 147, มะอฺสาต อิหฺดา วะสิตตีน หน้า 24
[42] มุนตะฮา อัลอามาล 1/436[43] มุนตะฮา อัลอามาล 1/437[44] มุนตะฮา อัลอามาล 1/453, ค็อยรุลอัศหาบ หน้า 33
[45] อะลาคุฏออัลหุสัยนฺ หน้า 99-100, อัชชีอะฮฺ วะอะชูรออฺ หน้า 178[46] อัลลุฮูฟ หน้า 47, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 87
[47] วากิอะฮฺ อัลฏ็อฟ ของบะหฺรุลอุลูม หน้า 191-192[48] มุนตะฮา อัลอามาล หน้า 464, นัฟสุ อัลมะฮฺมูม หน้า 170
[49] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 183[50] ฟี หะยาต อัลอิมาม อัลหุสัยนฺ หน้า 102[51] อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 102
[52] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 11[53] มุษีรุลอะหฺซาน หน้า 43[54] มะอัลหุสัยนฺ ฟี นะฮฺเฎาะติฮี หน้า 165
[55] คุฏ็อบ อัลมะสีเราะฮฺ อัลกัรบะลาอิยะฮฺ หน้า 49[56] อัลอิมาม อัลหุสัยนฺ บะศีเราะฮฺ วะหะฎอเราะฮฺ หน้า 82
[57] อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า87[58] ตุซฺละมุ อัซซะฮฺรออฺ หน้า 174 และต่อจากนั้น
[59] มุนตะฮา อัลอามาล 1/466 และในเชิงอรรถ หน้า 177 ของหนังสือเล่มเดียวกัน[60] สีเราะฮฺ อัลอะอิมมะฮฺ อัลอิษนัย อะชะเราะ 2/61
[61] ฟาญิอะฮฺ อัลฏ็อฟ หน้า 7 และในความหมายเดียวกันนี้ใน ตุซฺละมุ อัซซะฮฺรออฺ หน้า 149 และดู สะฟีร อัลหุสัยนฺ มุสลิม บุตรอะกีล หน้า 50 และต่อจากนั้น และหน้า 113
[62] มะอฺสาต อิหฺดา วะสิตตีน หน้า 27[63] อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 62
[64] มุนตะฮา อัลอามาล 1/642, นัฟสฺ อัลมะฮฺมูม หน้า 167, บิหารุลอันวาร ของ อัลมัจญ์ลิสีย์ 44/374, ละวาอิญุลอัชญาน ของมุหฺสิน อัลอะมีน หน้า 67, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ ของ อับดุลหุสัยนฺ อัลมูสาวีย์ หน้า 85, ค็อยรุลอัศหาบ ของ อัลฮาดี ศอลิหฺ หน้า 37, 107, มะอาลิม อัสสับฏีน ของมุหัมมัด มะฮฺดี อัลมาซันดรานีย์ 1/267, ละยาลี บิชาวิร ของมุหัมมัด อัลมูสาวีย์ อัชชีรอซีย์ หน้า 585, มะอาลิม อัลมัดเราะสะตัยนฺ ของมุรตะฎอ อัลอัสกะรีย์ 3/67, มะอา อัลหุสัยนฺ ฟี นะฮฺเฎาะติฮี ของอะสัด หัยดัร หน้า 163, กัรบะลาอฺ อัษเษาเราะฮฺวัลมะอฺสาต ของอัลมุหามีย์ อะหฺมัด หุสัยนฺ ยะอฺกูบ และดาอิเราะตุลมะอาริฟ อัชชีอียะฮฺ 8/264
[65] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 193[66] มุนตะฮา อัลอามาล 1/471[67] มักตัล อัลฮุสัยนฺ ของ บะหฺรุลอุลูม หน้า 263
[68] อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 130-131[69] อัลลุฮุฟ หน้า 58[70] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 234
[71] มักตัล อัลหุสัยนฺ หน้า 16[72] เยามฺ อัลฏ็อฟ หน้า 28[73] อัลหุสัยนฺ วะมัสอูลิยัฮ อัษเษาเราะฮฺ หน้า 61
[74] ละวาอิจญ์ อัลอัชญาน หน้า 91และต่อจากนั้น[75] มุนตะฮา อัลอามาล 1/487
[76] มะอาลิม อัลมัดเราะสะตัยนฺ 3/100, กัรบะลาอฺ อัษเษาเราะฮฺ วัลมะอฺสาต ของอัลมุหามี อะหฺมัด หุสัยนฺ ยะอฺกูบ หน้า 283-284
[77] อัลลุฮูฟ ของอิบนุฏอวูส หน้า 39, อาชูรออฺ ของ อัลอิหฺสาอีย์ หน้า 115, อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ ของ อับดุลหุสัยนฺ หน้า 75, มาตะฮา อัลอามาล 1/454, อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 96
[78] อัลมะญาลิส อัลฟาคิเราะฮฺ หน้า 79, อะลาคุฏอ อัลหุสัยนฺ หน้า 100, ละวาอิจญ์ อัลอัชญาน หน้า 60, มะอาลิม อัลมัดเราะสะตัยนฺ 3/62
[79] มะอาลิม อัลมัดเราะสะตัยนฺ 3/71-72, มะอาลี อัสสับฏ็อยนฺ 1/275, บะหฺรุลอุลูม หน้า 194, นัฟสุ อัลมะฮฺมูม หน้า 172, ค็อยรุลอัศหาบ หน้า 39, ตุซลัม อัซซะฮฺรออฺ หน้า 170
[80] มักตัล อัลหุสัยนฺ ของ อัลมุกริม หน้า175[81] มุนตะฮา อัลอามาล 1/535[82] ฟีริหาบ กัรบะลาอฺ หน้า 60-61[83] ฟีริหาบ กัรบะลาอฺ หน้า 61
[84] อัลมัลหะมะฮฺ อัลหุสัยนิยะฮฺ 3/47-48[85] อะอฺยาน อัชชีอะฮฺ 1/26[86] ตารีฆ อัลกูฟะฮฺ หน้า 113[87] ฟีริหาบ กัรบะลาอฺ หน้า 61
[88] เมาสูอะฮฺ อาชูรออฺ หน้า 59
[89] อัตเฏาะบะรีย์ได้กล่าวคุฏบะฮฺนี้ในอัลอิหฺติญาจญ์ 2/32, อิบนุฏอวูสในอัลมัลฮูฟ หน้า 92, 360, อัลอะมีนในละวาอิจญ์อัลอัชญาน หน้า 158, อับบาสอัลกุมมีย์ในมุนตะฮาอัลอามาล 1/572, หุเสนกูรานีย์ในฟีริหาบกัรบะลาอฺ หน้า 183, อับดุลร็อซซากอัลมุกริมในมักตัลอัลหุเสน หน้า 317, มุรตะฎออัยยาดในมักตัลอัลหุเสน หน้า 87, ริฎออัลก็อซวีนีย์ในตุซลัมอัซซะฮฺรออฺ หน้า 262
[90] อัลมัลฮูฟ หน้า 86, นัฟสุอัลมะฮฺมูม หน้า 357, มักตัลอัลหุเสนของมุรตะฎอ หน้า 83, ตุซลัมอัซซะฮฺรออฺ หน้า 257
[91] มุนตะฮา อัลอามาล เล่ม 1 หน้า 570[92] อัลอิหฺติญาจญ์ เล่ม 2 หน้า 29
[93] อัลมัลฮูฟ หน้า 91, นัฟสุอัลมะฮฺมูม หน้า 363, มักตัลอัลหุเสนของอัลมุกริม หน้า 316, ละวาอิจญ์อัลอัชญาน หน้า 157, มักตัลอัลหุเสนของมุรตะฎอ หน้า 86, ตุซลัมอัซซะฮฺรออฺ หน้า 261
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 12:49 AM »
0
เฮ้อออออ กว่าจะหมด  :D
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ตามหาฆาตกร 10-01-61 จากตำราชีอะฮฺ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มี.ค. 13, 2007, 01:40 AM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ขอบคุณ  คุณเด็กน้อย ๆ มากเลยครับ  ที่ได้นำเสนอลงในกระดานเสวนานักศึกษาฯ แห่งนี้   ความจริง  บทความดังกล่าว  ผมได้เคยนำเสนอคล้าย ๆ กันในเวปไซท์ชีอะฮ์เมื่อสองปีก่อนเช่นกัน  และผมก็นำมาไว้ในกระดานเสวนาแห่งนี้แล้ว ใครฆ่าท่านอัลหุซัยน์  แต่สิ่งที่คุณนำเสนอมามีความละเอียดมากกว่าครับ

  جزاك الله خيرا

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged