กรณีการฆาตกรรมหุเสนเมื่อวันที่ 10 มุหัรร็อม ปี ฮ.ศ. 61 เป็นประเด็นที่ชาวชีอะฮฺมักจะเรียกร้องและกล่าวหาโจมตีชาวสุนนีย์เป็นอย่างมาก และอาศัยช่องโหว่ของเหตุการณ์นี้สร้างกระแสความขุ่นมัวต่อประวัติศาสตร์ โดยพยายามสร้างภาพให้เห็นว่า ความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นระหว่างผู้ที่เป็นตัวแทนของชาวชีอะฮฺ นั่นคือ หุเสน กับผู้ที่เป็นตัวแทนของชาวสุนนีย์ นั่นคือ ยะซีด
จากเบื้องหลังดังกล่าวทำให้เกิดการเขียนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของหุเสนและวิกฤติกัรบะลาอฺด้วยอารมณ์ตัณหาที่เกินความเป็นจริงและกุเรื่องขึ้นมากมายเพื่อใส่ไคล้กลุ่มคนที่พวกเขาจงเกลียดจงชังและเคียดแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อราชวงศ์อะมะวิยะฮฺ จนทำให้ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์รุ่นหลังที่ไม่ประสากับแผนการดังกล่าวต้องพลอยมีอารมณ์คล้อยตามพวกเขาไปด้วย อาทิเช่น ในบทนำของหนังสือ อัตชีวประวัติหุซัยน์ ของผู้เขียน ฟัฎล์ อะหมัด ตอนหนึ่งว่า ?ยะซีดหัวโจกที่ก่อให้เกิดการฆ่าหมู่ที่กัรบะลาอฺก็พบกับจุดจบอันน่าทุเรศพร้อมกับลูกสมุนคนอื่น ซึ่งส่วนมากแล้วอาจจะเรียกว่า ตายอย่างหมา??[1]
ด้วยเหตุนี้อิบนุค็อลดูนกล่าวว่า ?แท้จริงบรรดานักรายงานประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้พลาดพลั้งเป็นจำนวนมากเนื่องจากรับเอาการรายงานและแนวคิด(ของพวกนี้) และทำการสาธยายคล้อยตามแนวคิดของพวกเขา พร้อมกับอิงหลักฐานด้านประวัติศาสตร์ทั้งหมดมาจากพวกเขาโดยปราศจากการไต่สวนและสายรายงาน และเก็บไว้ในความทรงจำของพวกเขาจนกลายเป็นงานเขียนประวัติศาสตร์ที่อ่อน(ต่อหลักฐาน) และปะปนกัน(ระหว่างข้อเท็จจริงและสิ่งจอมปลอม)? [2]
วิกฤติ 10 มุหัรร็อม ณ เมืองกัรบะลาอฺเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เขย่าโลกมุสลิมในขณะนั้น เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลานรักของท่านนบีที่ชื่อ หุเสน บิน อะลี ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถและเศร้าสลด[3] ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ด้วยอารมณ์แห่งความเกลียดชัง และเคียดแค้น จนยากที่จะแยกแยะได้ระหว่างข้อเท็จจริงและการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวคิดและความเชื่อของผู้เขียน
อิบนุตัยมิยะฮฺกล่าวว่า ?บรรดาผู้ที่ได้รายงานเกี่ยวกับการตายของหุเสนได้กุเรื่องที่โกหกขึ้นมากมาย... บรรดาผู้ที่บันทึกเหตุการณ์การตายของหุเสนบางคนเป็นผู้ที่มีความรู้ ดังเช่นอัลบะเฆาะวีย์ อิบนุอบีดุนยา และอื่นๆ ถึงกระนั้นสิ่งที่พวกเขาได้รายงานมาเป็นสายรายงานที่ขาดตอนไม่ต่อเนื่องและเป็นสิ่งที่ไม่เป็นความจริงมากมาย ส่วนผู้ที่บันทึกเหตุการณ์นี้โดยปราศจากสายรายงานนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเต็มด้วยการโกหก? [4]
อิบนุหะญัรกล่าวว่า ?ความจริงแล้วได้มีชนรุ่นก่อนเขียนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหุเสนอย่างมากมาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นจริงและโกหก...? [5
เหตุการณ์การดังกล่าวไม่เพียงมีผลกระทบโดยตรงต่อสังคมมุสลิมในสมัยนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นชนวนที่สร้างความแตกแยกโดยเฉพาะด้านสังคม แนวคิดและความเชื่อในหมู่มุสลิมสุนนีย์และชีอะฮฺ จวบจนทุกวันนี้ และกลายเป็นจุดหักเหที่อันตรายยิ่งของชนมุสลิมกลุ่มหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่ารักและเลื่อมใสต่อครอบครัวของหุเสน
พวกเขาจึงอาศัยวิกฤติดังกล่าวเป็นชนวนขับเคลื่อนในการปลุกระดมและปลูกฝังแนวคิดที่ค้านกับชาวสุนนีย์ เสมือนกับว่าพวกเขาคือต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤติ 10 มุหรร็อมที่กัรบะลาอฺ อันนำไปสู่การเสียชีวิตของหุเสน
แน่นอนว่า หุเสน เป็นเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งที่ชาวอะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺ ให้ความรักและยกย่อง และเชื่อว่าท่านเสียชีวิตในสภาพที่ถูกอธรรมและเป็นชะฮีด และพวกเขาก็เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของท่านหุเสน
บทความชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ ?ใครสังหารหุเสน? ที่ผู้เขียนคัดเลือกเพื่อนำเสนอในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติ 10 มุหัรร็อม 61 ในส่วนที่มีระบุว่าชาวชีอะฮฺเองเป็นต้นเหตุแห่งวิกฤติการฆาตกรรม 10 มุหัรร็อมมาตีแผ่ โดยอาศัยข้อมูลและงานเขียนที่น่าเชื่อถือของชาวชีอะฮฺเป็นหลัก เพื่อเป็นการประเทืองความรู้เกี่ยวกับวิกฤติดังกล่าวในอีกแง่มุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ วัลลอฮุอะอฺลัม
ท่านรู้จักอะไรบ้างเกี่ยวกับเมืองกูฟะฮฺ
1. กูฟะฮฺ : ศูนย์กลางของชาวชีอะฮฺ
เชคบากิร ชะรีฟ อัลกุเราะชีย์ กล่าวว่า ?แท้จริงเมืองกูฟะฮฺเป็นสถานที่พักพิงของชาวชีอะฮฺ และเป็นที่พำนักแห่งหนึ่งของชาวตระกูลอะละวีย์ และแท้จริงบรรดาผู้ที่ถูกคัดเลือกในหมู่อะฮฺลุลบัยตฺได้ประกาศไว้ในหลายๆสถานที่ด้วยกัน? [6]
เชคยังกล่าวอีกว่า ?และแท้จริงเมล็ดพันธ์แห่งความเป็นชีอะฮฺได้ถูกบ่มเพาะ ณ เมืองกูฟะฮฺ ตั้งแต่สมัยการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอุมัร เสียอีก? [7]
เชคมุหัมมัด อัตติญานีย์ อัสสะมาวีย์ กล่าวว่า ?และอบูฮุร็อยเราะฮฺได้เข้าไปยังเมืองกูฟะฮฺ อันเป็นใจกลางของหมู่บ้านชาวชีอะฮฺ นั่นคือบ้านของท่านอะลี บุตร อบูฏอลิบ? [8]
2. กูฟะฮฺ : สถานที่แห่งการทรยศและหลอกลวง
เชคเญาวาด มุหัดดิษีย์ กล่าวว่า ?บรรดาชาวกูฟะฮฺเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ที่กลับกลอกและไม่รักษาสัญญาหรือหลอกลวง จะอย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์อิสลามไม่เคยมีทัศนะที่ดีต่อสัญญาและข้อผูกมัด(การให้คำสัตยาบัน)ของชาวกูฟะฮฺเลย? [9]
ท่านยังกล่าวอีกว่า ?และส่วนหนึ่งของบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้านจิตใจและอุปนิสัยของชาวกูฟะฮฺ สามารถเห็นได้จากสิ่งต่อไปนี้ คือ ความขัดแย้งด้านความประพฤติ, มีจุดยืนที่ปรวนแปรและไม่มั่นคง, ชอบก่อกบฏต่อบรรดาผู้นำ, ชอบฉวยโอกาส, มีมารยาทที่ต่ำช้า, ละโมบและตะกละ, หูเบาและหลงเชื่อข่าวโคมลอยโดยปราศจากการไต่สวน และเป็นพวกนิยม ในขณะที่พวกเขาเองประกอบด้วยตระกูลที่หลากหลาย สาเหตุต่างๆเหล่านี้แหละที่พวกเขาทำให้อิมามอะลีต้องประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายสองประการ, ทำให้อิมามหะสันต้องเผชิญกับการหักหลังและหลอกลวง, ทำให้มุสลิม บุตร อะกีลต้องถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมทารุณ และทำให้อิมามอัลหุสัยนฺต้องถูกฆาตกรรมในสภาพที่กระหายน้ำ ณ เมืองกัรบะละฮฺ ซึ่งอยู่ติดกับเมืองกูฟะฮฺ ทั้งยังถูกฆาตกรรมด้วยมือของทหารชาวกูฟะฮฺเองอีกด้วย? [10]
เชคหุสัยนฺ กูรอนีย์ กล่าวว่า ?ดังนั้น อะไรหรือที่เป็นสัญลักษณ์และลักษณะเฉพาะด้านการศรัทธาของชาวกูฟะฮฺ? สามารถสรุปได้ดังนี้ คือ
1. เพิกเฉยต่อการให้ความช่วยเหลืออิสลาม
2. ชอบและหลงใหลทรัพย์สิน
3. และมีจุดยืนที่ปรวนแปร? [11]
เชคเญาวาด มุหัดดิษีย์ กล่าวว่า ?จำนวนของชาวชีอะฮฺที่พำนักอยู่ ณ เมืองกูฟะฮฺมีไม่ใช่น้อย เพียงแต่ว่าความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อบรรดาวงศ์วานของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้น ขึ้นอยู่กับการตามใจ (โอนอ่อน) และการปราศรัยปลูกระดมที่ร้าวอารมณ์ความรู้สึกที่ล้นเปี่ยมมากกว่าการยึดมั่นและยืนหยัดในเส้นทางแห่งหลักการศรัทธาและการปฏิบัติต่อบรรดาลูกหลานของอิมามอะลี และการลงสนามไปเผชิญหน้ากับศัตรูและการเสียสละ? [12]
เชคบากิรฺ ชะรีฟ อัลกุเราะชีย์ กล่าวว่า ?แท้จริงบรรดาชาวกูฟะฮฺแสร้งทำเป็นลืมหนังสือต่างๆที่พวกเขาได้ส่งไปยังอิมามหุเสน และการให้คำสัตยาบันของพวกเขาต่อตัวแทนของท่าน? [13]
การหลอกลวงของชีอะฮฺต่ออัฮลุลบัยตฺ
1. ชีอะฮฺกับอะลี
เมื่อเราหวนกลับไปดูชีวประวัตอของอะมีรุลมุอฺมินีน อะลี บิน อบูฏอลิบ เราจะพบว่าท่านมักจะบ่นอย่างเจ็บปวดถึงบรรดาชีอะฮฺ(ผู้สนับสนุน)ของท่าน(ที่เป็นชาวกูฟะฮฺ) ว่า ?และแท้จริงบรรดาประชาชาติต่างๆจะเป็นผู้ที่เกรงกลัวต่อความอธรรมของบรรดาผู้นำของพวกเขา แต่ฉันกลับกลายเป็นคนที่เกรงกลัวต่อความอธรรมของบรรดาผู้ที่อยู่