ผู้เขียน หัวข้อ: ฮะดิษนี้อัลบานีย์นำวินิจฉัยถูกต้องหรือไม่?  (อ่าน 4868 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด

 salam

ได้ไปอ่านเจอเว็บมัซฮับวะฮาบี

--------------------------------------------------------------------------------
หุกุมว่าด้วยการอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพและวางดอกไม้และต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม

حكم قراءة القرآن عند القبر ووضع الورود والريحان
หุกุมว่าด้วยการอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพและวางดอกไม้และต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม
نرى بعض الناس يقرأون القرآن عند قبر ميتهم إذا زاروه وآخرين يضعون بعض الورود والريحان عند القبر فما حكم ذلك ؟
เราเห็นผู้คนบางส่วนอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมผู้ตายของพวกเขา เมื่อพวกเขาเยี่ยมกุบูร และคนอีกส่วนหนึ่ง วางบรรดาดอกไม้และต้นไม้หอมบางชนิดที่หลุมศพ ,ดังกล่าวนั้นมีข้อตัดสิน(หุกุม)ว่าอย่างไร ?

الحمد لله
أما قراءة القرآن عند زيارتها ، فمما لا أصل له في السنة
وهي غير مشروعة ومما يقوي عدم مشروعيتها قوله صلى الله عليه وسلم : ( لا تجعلوا بيوتكم مقابر ، فإن الشيطان يفر من البيت الذي يقرأ فيه سورة البقرة ) أخرجه مسلم والترمذي من حديث أبي هريرة ، فقد أشار إلى أن القبور ليست موضعاً للقراءة شرعاً ، فلذلك حض على قراءة القرآن في البيوت ونهى عن جعلها كالمقابر التي لا يقرأ فيها ،

อัลหัมดุลิลละฮ
สำหรับการอ่านอัลกุรอ่าน ขณะที่เยี่ยมเยียนกุบูรนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ไม่มีที่มาในสุนนะฮ และมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติให้กระทำ และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ยืนยันว่ามันไม่ได้ถูกบัญญัติ คือ คำพูดของนบี  ที่ว่า (พวกท่านอย่าทำบ้านของพวกท่านให้เป็นดังเช่นสุสานฝังศพ (กุบูร) เพราะความจริง ชัยฏอน จะหนีออกจากบ้านที่ซูเราะฮอัลบะเกาะเราะฮถูกอ่านในบ้านนั้น ) บันทึกโดย มุสลิมและอัตติรมิซีย์ จากหะดิษอบีฮุรัยเราะฮ ดังนั้น มันจึงชี้ให้เห็นว่า แท้จริง ในทางศาสนานั้น สุสานฝังศพ(กุบูร) ไม่ใช่สถานที่สำหรับอ่านอัลกุรอ่าน เพราะดังกล่าวนั้น สนับสนุนให้อ่านอัลกุรอ่านในบ้านและห้ามทำบ้านให้เป็นเหมือนสุสานฝังศพ(กุบูร) ที่มัน(อัลกรอ่าน)จะไม่ถูกอ่านในนั้น

، كما أشار في الحديث الآخر إلى أنها ليست موضعاً للصلاة أيضاً ، وهو قوله : ( صلوا في بيوتكم ، ولا تتخذوها قبوراً ) أخرجه مسلم وغيره عن ابن عمر ، وهو عند البخاري بنحوه . وترجم له بقوله : ( باب كراهة الصلاة في المقابر ) فأشار به إلى أن حديث ابن عمر يفيد كراهة الصلاة في المقابر ، فكذلك حديث أبي هريرة يفيد كراهة القرآن في المقابر ،

ดังสิ่งที่ปรากฏในหะดิษบทอื่นอีก มันชี้ให้เห็นว่า แท้จริงมัน(กุบูร))ไม่ใช่สถานที่สำหรับละหมาด และมันคือคำพูดของท่านนบี  ที่ว่า(พวกท่านจงละหมาด(สุนัต)ในบ้านของพวกท่าน และพวกท่านอย่าเอามันมาเป็นดังเช่นสุสานฝังศพ) – บันทึกโดย มุสลิมและอื่นจากเขา จากอิบนุอุมัร โดยตัวบทที่บันทึกโดยบุคอรี ก็ในทำนองเดียวกัน และ เขาได้อธิบายมันด้วยการกล่าวว่า (บทว่าด้วยเรื่องมักรูฮละหมาดในสุสาน) ดังนั้น ด้วยมัน(ด้วยคำพูดของท่านอิหม่ามบุคอรีดังกล่าว) ได้ ชี้ให้เห็นว่า แท้จริง หะดิษอิบนุอุมัร มีความหมายว่า การละหมาดในสุสานนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ(มักรูฮ) แล้วในทำนองเดียวกันนั้น หะดิษอบูฮูรัยเราะฮ มีความหมายว่า การ
ละหมาดในสุสานนั้น เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ(มักรูฮ)

من مختصر أحكام الجنائز للألباني بتصرف .
-----------------------------------

ตามที่เราเคยทราบมาแล้วว่า ฟัตวาประเทศอียิปต์ยืนยันว่าไม่มีหลักฐานใดมาห้ามการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  แต่อัลบานีกลับยกฮะดิษมาแล้วอ้างว่ามันเป็นการห้ามอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  สรุปว่าอัลบานีย์ผิดพลาดในการวินิจฉัยฮะดิษหรือว่าฟัตวาประเทศอียิปต์ไม่เคยรู้หลักฐานนี้มาก่อนว่าห้ามอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  แล้วอุลามาอ์ฮะดิษของโลกอิสลามมันมีจุดยืนอย่างไรเกี่ยวกับฮะดิษที่ผมได้เน้นไว้ข้างต้น
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
สลามุนอะลัยกุ้ม

ฮะดิษที่ชัยคุลวะฮะบียะฮ์  อัลบานี ได้อ้างอิงมานั้น  จะถูกต้องกับเรื่องหรือไม่นั้น  ต้องกลับไปยังอุลามาอฺฮะดิษของแท้ครับถึงจะทราบความจริง  เมื่อฟัตวาประเภทอียิปต์บอกว่าไม่มีฮะดิษใหนเลยมาห้าม  แน่นอนว่าย่อมไม่มีฮะดิษใดที่มาห้ามเจาะจงการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  นอกจากผู้นั้นได้เข้าใจผิดกับฮะดิษ  แล้วเขาเข้าใจผิดอย่างไรพี่น้องที่สันทัดในเรื่องฮะดิษต้องนำเสนอกันครับ  แต่รู้สึกว่าอัลบานีผิดแน่ๆ น่ะครับ

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลามุนอะลัยกุ้ม

ฮะดิษที่ชัยคุลวะฮะบียะฮ์  อัลบานี ได้อ้างอิงมานั้น  จะถูกต้องกับเรื่องหรือไม่นั้น  ต้องกลับไปยังอุลามาอฺฮะดิษของแท้ครับถึงจะทราบความจริง  เมื่อฟัตวาประเภทอียิปต์บอกว่าไม่มีฮะดิษใหนเลยมาห้าม  แน่นอนว่าย่อมไม่มีฮะดิษใดที่มาห้ามเจาะจงการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  นอกจากผู้นั้นได้เข้าใจผิดกับฮะดิษ  แล้วเขาเข้าใจผิดอย่างไรพี่น้องที่สันทัดในเรื่องฮะดิษต้องนำเสนอกันครับ  แต่รู้สึกว่าอัลบานีผิดแน่ๆ น่ะครับ

 salam
มีพี่น้องในนี้ที่สัดทันในเรื่องหะดีษมากกว่า เชค มุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ (เราะหิมะฮุลลอฮฺ) ด้วยหรือครับ...

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
salam
มีพี่น้องในนี้ที่สัดทันในเรื่องหะดีษมากกว่า เชค มุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ (เราะหิมะฮุลลอฮฺ) ด้วยหรือครับ...

พี่น้องที่นี่เขาไม่อยากไปเทียบกับเชคอัลบานีหรอก  แต่พี่น้องที่นี่สามารถนำเสนอการอธิบายของนักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมแห่งอัลอิสลามตามแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้  เช่น ท่านอิมามอิบนุฮะญัร อัลอัสกอลานี  และท่านอิมามอันนะวาวีย์  เป็นต้น   ส่วนเชคอัลบานีนั้นไม่จำฮะดิษ  ตัดสินฮะดิษผิดพลาดเยอะ ซึ่งจะนำมาเทียบกับนักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรไม่ได้หรอก

ผมคิดว่าที่คุณมุคลิสเขาพูดนั้น  คือให้พี่ที่สัดทัดเกี่ยวกับฮะดิษทำการนำเสนอคำอธิบายของนักปราชญ์จำฮะดิษของแท้โลกอิสลามต่างหาก  อย่าเข้าใจผิดครับ  ;D
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam
มีพี่น้องในนี้ที่สัดทันในเรื่องหะดีษมากกว่า เชค มุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ (เราะหิมะฮุลลอฮฺ) ด้วยหรือครับ...

พี่น้องที่นี่เขาไม่อยากไปเทียบกับเชคอัลบานีหรอก  แต่พี่น้องที่นี่สามารถนำเสนอการอธิบายของนักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมแห่งอัลอิสลามตามแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ได้  เช่น ท่านอิมามอิบนุฮะญัร อัลอัสกอลานี  และท่านอิมามอันนะวาวีย์  เป็นต้น   ส่วนเชคอัลบานีนั้นไม่จำฮะดิษ  ตัดสินฮะดิษผิดพลาดเยอะ ซึ่งจะนำมาเทียบกับนักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรไม่ได้หรอก

ผมคิดว่าที่คุณมุคลิสเขาพูดนั้น  คือให้พี่ที่สัดทัดเกี่ยวกับฮะดิษทำการนำเสนอคำอธิบายของนักปราชญ์จำฮะดิษของแท้โลกอิสลามต่างหาก  อย่าเข้าใจผิดครับ  ;D


 salam
ก็ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่านนั่นแหล่ะครับคือนักปราชญ์จำหะดิษของแท้ในโลกอิสลาม ขนาดโตะครูแถวบ้านผม ยกหะดีษอะไรมาสอน ท่านก็มักจะอ้างว่า หะดีษนั้น เชคอัลบานีว่าอย่างไร หะดีษนี้เชคอัลบานีย์ว่าอย่างไร และผมก็เชื่อว่าท่านเป็นนักปราชน์หะดีษผู้มีคุณธรรมแห่งอัลอิสลามตามแนวทางอะฮฺลิสซุนนะห์วัลญะมาอะห์   นี่เรามาวิจารย์นอกประเด็นหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ เรากำลังพูดถึงหะดีษที่รายงานโดยอิหม่ามมุสลิมและติรมิซี กรณีการอ่านกุรอานที่กุบูร ก็ไม่อยากให้แตกประเด็นไปมากกว่านี้...

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ถ้าเข้าใจไม่ผิด อีหม่ามซาฟีอี ก็ไม่ได้ถึงกับบอกว่า อ่านอัลกรุอาน ในกุโบร จะตกนรก นี่ครับ ?

แล้วไอ้การอ่าน นี่มันยังไง ท่องจำได้ไหม หรือนึกในใจได้ไหม ยังไง ไม่เห็น อธิบายความ ฮะดิสครอบคลุมแบบนี้ อธิบายอย่างไรก็ได้นี่นา..

ส่วน ใคร เขา อุตริ กันแน่ ที่ฮุก่ม พี่น้อง ตกนรก หากอ่านอัลกรุอานในกุโบร งง ไหม เอ่ย ?

วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam
ก็ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่านนั่นแหล่ะครับคือนักปราชญ์จำหะดิษของแท้ในโลกอิสลาม

ผมขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ผู้ยิ่งใหญ่ว่า  "ท่านชัยค์อัลบานีย์"  ไม่ใช่นักจำฮะดิษ  อุลามาอ์ปัจจุบันแห่งโลกอิสลามรู้ดี  ดังนั้นคุณ *Qolbun_saleem* เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิงครับ  เพราะนักจำฮะดิษนั้นเขาเรียกว่า อัลฮาฟิซฺ ซึ่งไม่มีใครในโลกที่บอกว่า ชัยค์อัลบานีคือ อัลฮาฟิซฺ  คำว่าจำฮะดิษ  คือจำทั้งสายรายงานและตัวบทของฮะดิษ  ดังนั้น  เมื่อท่านอัลบานีย์ไม่จำทั้งฮะดิษและตัวบทของฮะดิษ  เราจะพบว่าท่านฮุกุ่มฮะดิษผิดพลาดเยอะ  ฮุกุ่มฮะดิษค้านกันเองครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 06, 2008, 10:22 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam
ก็ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่านนั่นแหล่ะครับคือนักปราชญ์จำหะดิษของแท้ในโลกอิสลาม

ผมขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์ผู้ยิ่งใหญ่ว่า  "ท่านชัยค์อัลบานีย์"  ไม่ใช่นักจำฮะดิษ  อุลามาอ์ปัจจุบันแห่งโลกอิสลามรู้ดี  ดังนั้นคุณ *Qolbun_saleem* เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิงครับ  เพราะนักจำฮะดิษนั้นเขาเรียกว่า อัลฮาฟิซฺ ซึ่งไม่มีใครในโลกที่บอกว่า ชัยค์อัลบานีคือ อัลฮาฟิซฺ  คำว่าจำฮะดิษ  คือจำทั้งสายรายงานและตัวบทของฮะดิษ  ดังนั้น  เมื่อท่านอัลบานีย์ไม่จำทั้งฮะดิษและตัวบทของฮะดิษ  เราจะพบว่าท่านฮุกุ่มฮะดิษผิดพลาดเยอะ  ฮุกุ่มฮะดิษค้านกันเองครับ

 salam
ถ้าอย่างนั้น หะดีษดังกล่าว ซอเฮียะห์มั๊ยครับ

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
สลามุนอะลัยกุ้ม

การที่ผมได้บอกให้ผู้สันทัดนำเสนอนั้นคือ  ให้คนที่เก่งฮะดิษทำการนำเสนอคำอธิบายของนักปราชญ์ฮะดิษ  และฮะดิษดังกล่าวเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องซอเฮี๊ยะห์หรือไม่ซอเฮี๊ยะห์  เพราะรายงานโดยมุสลิม  แต่ที่จะเอาคือฮะดิษดังกล่าวมันเกี่ยวข้องกับการห้ามอ่านอัลกุรอานที่กุบูรหรือเปล่า อัลบานีวินิจฉัยฮะดิษผิดหรือเปล่า  แล้วนักปราชญ์ฮะดิษที่จำฮะดิษจริงๆ เขาอธิบายฮะดิษอย่างไร

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

รายงานจากท่านอิบนุอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา  ความว่า 

عَنْ النَّبِيِّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏اجْعَلُوا مِنْ صَلَاتِكُمْ فِي بُيُوتِكُمْ وَلَا تَتَّخِذُوهَا قُبُورًا

"จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ความว่า  พวกท่านจงทำให้การละหมาดของพวกท่านในบ้านของพวกท่าน  อย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็นกุบูร" (1296)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  อธิบายว่า

مَعْنَاهُ : صَلُّوا فِيهَا وَلَا تَجْعَلُوهَا كَالْقُبُورِ مَهْجُورَة مِنْ الصَّلَاة

"ความหมายของฮะดิษคือ  พวกท่านจงละหมาด(สุนัต)ในบ้านของพวกท่าน  อย่าทำให้บ้านของพวกท่านเสมือนกุบูรที่ว่างเว้นจากการละหมาด" ชัรห์มุสลิม

ฮะดิษนี้ชี้ให้เห็นว่า  ในบ้านนั้นมีมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่  ก็สมควรมีการละหมาดและทำอิบาดะฮ์  ส่วนกุบูรนั้นเป็นสถานที่ฝังคนที่เสียชีวิตไปแล้ว  ไม่มีคนอาศัยอยู่  จึงไม่มีการละหมาด  ไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น  ดังนั้นอย่าทำให้บ้านเหมือนกับกุบูร  ในแง่ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่เพื่อทำการละหมาด  ไม่มีใครอาศัยอยู่เพื่อทำซิกรุลลอฮ์  แต่ทว่าฮะดิษนี้ไม่ได้ห้ามให้มุสลิมอ่านอัลกุรอานที่กุบูรเลย  ไม่ได้ห้ามให้มุสลิมทำการละหมาดที่กุบูรเลย 

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

สุไลมาน อัชชัยบานี  กล่าวว่า  ฉันได้ยินอัชชะอฺบีย์  กล่าวว่า 

أَخْبَرَنِي مَنْ مَرَّ مَعَ النَّبِيِّ ‏ ‏ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ عَلَى قَبْرٍ ‏ ‏مَنْبُوذٍ ‏ ‏فَأَمَّهُمْ وَصَلَّوْا خَلْفَهُ قُلْتُ مَنْ حَدَّثَكَ هَذَا يَا ‏ ‏أَبَا عَمْرٍو ‏
قَالَ ‏ ‏ابْنُ عَبَّاسٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا ‏   

"ได้บอกเล่าให้ฉันทราบโดยผู้ที่เดินพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   โดยเดินผ่านสุสานหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้  ดังนั้นท่านนบีจึงเป็นอิมามนำพวกเขา(ซอฮาบะฮ์) แล้วพวกเขาก็ทำการละหมาดตามหลังท่านนบี  ฉันจึงกล่าวถามว่า  ใครที่บอกเล่าให้ท่านทราบเรื่องนี้หรือ  โอ้ อะบาอัมร์  เขาตอบว่า  ท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา" รายงานโดยบุคอรี (1250)

ฮะดิษนี้บ่งบอกให้เรารู้ว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการละหมาดที่กุบูรด้วยเช่นกัน  และในการละหมาดที่กุบูรก็มีการอ่านอัลกุรอานด้วย  ดังนั้น  การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรจึงมิได้ถูกห้ามแต่ประการใด

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณ Qolbun_saleem* ก็ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ท่านนั่นแหล่ะครับคือนักปราชญ์จำหะดิษของแท้ในโลกอิสลาม

 
ผมขออนุญาตเสริมตามบังอัลอัชฮารีย์ครับ   คือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้  ครับยังมีนักบรรดาปราชญ์ฮาดิสหลายท่านครับที่เก่งและมีชื่อเสียงและทั้งเป็นที่ยอมรับกัน

เป็นส่วนมากว่าเขาคือ  นักปราชญ์ฮาดิสอิสลามของโลกเช่นกัน

เช่น  อันนาวาวีย์   อิบนุฮาญัร  อัลบัยฮากีย์  ฯลฯท่านเหล่านี้มีชื่อเสียงในด้านบวกมากกว่าเชคอัลบานีย์ครับคุณ  Qolbun_saleem*

ดังนั้นการอ้างโตะครูแถวบ้านคุณQolbun_saleem*  ยกหะดีษอะไรมาสอน ท่านก็มักจะอ้างว่า หะดีษนั้น เชคอัลบานีว่าอย่างไร หะดีษนี้เชคอัลบานีย์ว่าอย่างนี้

ซึ่งหลักเกณท์นี้ไม่สามารถนำมาตัดสินได้ว่า  เชคอัลบานีย์คือนักปราชน์หะดีษผู้มีคุณธรรมแห่งอัลอิสลามตามแนวทางอะฮฺลิสซุนนะห์วัลญะมาอะห์   

 

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
salam

สุไลมาน อัชชัยบานี  กล่าวว่า  ฉันได้ยินอัชชะอฺบีย์  กล่าวว่า 

أَخْبَرَنِي مَنْ مَرَّ مَعَ النَّبِيِّ ‏ ‏ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏ عَلَى قَبْرٍ ‏ ‏مَنْبُوذٍ ‏ ‏فَأَمَّهُمْ وَصَلَّوْا خَلْفَهُ قُلْتُ مَنْ حَدَّثَكَ هَذَا يَا ‏ ‏أَبَا عَمْرٍو ‏
قَالَ ‏ ‏ابْنُ عَبَّاسٍ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا ‏   

"ได้บอกเล่าให้ฉันทราบโดยผู้ที่เดินพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   โดยเดินผ่านสุสานหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้  ดังนั้นท่านนบีจึงเป็นอิมามนำพวกเขา(ซอฮาบะฮ์) แล้วพวกเขาก็ทำการละหมาดตามหลังท่านนบี  ฉันจึงกล่าวถามว่า  ใครที่บอกเล่าให้ท่านทราบเรื่องนี้หรือ  โอ้ อะบาอัมร์  เขาตอบว่า  ท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา" รายงานโดยบุคอรี (1250)

ฮะดิษนี้บ่งบอกให้เรารู้ว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการละหมาดที่กุบูรด้วยเช่นกัน  และในการละหมาดที่กุบูรก็มีการอ่านอัลกุรอานด้วย  ดังนั้น  การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรจึงมิได้ถูกห้ามแต่ประการใด

วัลลอฮุอะลัม

 salam
เกี่ยวกับเรื่องละหมาดนั้น หากการละหมาดมีการสูญูดด้วยแล้ว อนุญาตให้ละหมาดในกุบูรได้ด้วยหรือครับ ที่ผมเข้าใจจากหะดีษข้างต้นที่ท่านยกมานั้น เป็นการละหมาดญะนาซะห์(ซึ่งไม่มีการสุญูด)หรือเปล่า...ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างได้มั๊ยครับ

และทำไมท่านถึงกล่าวว่า ในละหมาดนั้นมีการอ่านอัลกุรอาน นบีละหมาดก็แสดงว่านบีอ่านอัลกุรอานที่กุบูรได้  ...

ท่านเคยกล่าวว่าการละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ว่าเขากำลังอ่านอัลกุรอานหรือเปล่า ? เพราะในละหมาดมีการอ่านอัลกุรอานด้วย ก็ปล่าวนี่ครับ อะกับกิริยาขณะนั้นโดยรวมเราเรียกว่าเขากำลังละหมาดไม่ใช่หรอ...ไม่มีใครมาบอกคนที่กำลังละหมาดว่า เขากำลังอ่านอัลกุรอานหรอก...(ถึงแม้ว่าในละหมาดจะมีการอ่านอัลกุรอานก็ตาม) คำว่าอ่านอัลกุรอาน โดยหลักปฏิบัติ ก็คือการเปิดอัลกุรอานแล้วก็อ่าน หรือไม่ก็อ่านจากการท่องจำไม่ใช่หรอครับ  ละหมาดก็คือละหมาด อ่านอัลกุรอานก็คืออ่านอัลกุรอาน ความหมายและการปฏิบัติมันก็ต่างกันชัดเจน ไม่เข้าใจว่าท่านใช้ตรรกะยังไงในการเปรียบเทียบ หากมีอะไรนำเสนอเพิ่มเติม ก็ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยนะครับ

และในประเด็นการอ่านอัลกุรในกุบูร ผมก็เคยอ่านเจอคำกล่าวของอะลิมอาวุโสบางท่านด้วย ในเว็ปไซด์บางเว็บ ตัวอย่างเช่น

1  อิบนุกอ็ยยิม(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

ولم يكن من هديه أن يجتمع للغداء، ويقرأ له القرآن، لا عند قبره ولا غيره، وكل هذا بدعة حادثة مكروهة

และไม่ได้เป็นทางนำของท่านรซูล โดยการ ชุมนุมกันเพื่อรับประทานอาหาร และอ่านอัลกุรอ่านให้แก่เขา(มัยยิต) ไม่ว่าจะกระทำที่กุบูรของเขาหรืออื่นจากนั้นก็ตาม และทั้งหมดนี้ เป็นบิดอะฮ ที่เกิดขึ้นใหม่ ที่น่ารังเกียจ – ดูหนังสือ ซาดุ้ลมะอาด เล่ม 1 หน้า 523

2  อิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

وأما جعل المصحف عند القبور لمن يقصد قراءة القرآن هناك وتلاوته فبدعة منكرة لم يفعلها أحد من السلف

“สำหรับ การนำอัลกุรอ่านไปไว้ที่กุบูร สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะอ่านอัลกุรอ่าน (อุทิศให้ผู้ตาย) และการอ่านมัน ณ ที่นั้น เป็นบิดอะฮ ที่ต้องห้าม ไม่มีชาวสะลัฟคนใดปฏิบัติกัน – มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 24 หน้า 301

3  อัลหาฟิซ อิบนิหะญัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ว่า
أنه سئل عمن قرأ شيئا من القرآن وقال في دعائه : اللهم اجعل ثواب ما قرأته زيادة في شرف رسول الله صلى الله عليه وسلم ؟ فأجاب : هذا مخترع من متأخري القراء ، لا أعلم لهم سلفاً فيه "
ว่ามีผู้ถามเกี่ยวกับผู้ที่อ่านสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอัลกุรอ่านและอ่านดุอาว่า "โอ้อัลลอฮ โปรดให้ผลบุญการอ่านอัลกุรอ่านของข้าพระองค์ เป็นการเพิ่มเกียรติแก่รซูลุ้ลลอฮ  " แล้วท่าน(อัลหาฟิซ)ตอบว่า" นี้คือสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมา จากนักอ่านอัลกุรอ่านยุคหลัง โดยที่ข้าพเจ้าไม่ทราบเลยว่าชนยุคสะลัฟ(ยุคก่อน)ของพวกเขา (ปฎิบัติ)ในเรื่องนั้น
- มะวาฮิบุลญะลีล 2/544

4 เช็คอับดุลอะซีซ บิน บาซ กล่าวว่า



لا تشرع قراءة يس ولا غيرها من القرآن على القبر بعد الدفن ولا غير الدفن ولا تشرع القراءة في القبور لأن النبي صلى الله عليه وسلم لم يفعل ذلك، ولا خلفاؤه الراشدون، كل ذلك بدعة

ไม่มีบัญญัติให้อ่านซูเราะฮยาสีน และอื่นจากนั้น จากอัลกุรอ่าน บนหลุมศพ หลังจากที่ได้ฝังมัยยิต และ อื่นจากการฝัง และไม่มีบัญญัติให้อ่านอัลกุรอ่าน ในกุบูร เพราะว่า ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่เคยทำสิ่งนั้น และบรรดาเคาะลิฟะของท่านฮผู้ทรงธรรม ก็ไม่เคยทำ ทั้งหมดนั้น เป็นบิดอะฮ”  ฟะตาวาอิสลามมียะฮ เล่ม 1 หน้า 52


ครับนี่ก็เป็นบางส่วนของคำกล่าวของอุลามาอ์อาวุโส ซึ่งอุลามาอ์บางท่านนั้นท่านก็เคารพนับถือด้วยใช่มั๊ยครับ แล้วทำไมเขาถึงได้กล่าวสวนทางกับสิ่งที่ท่านได้นำเสนอพี่น้องครับ และคงจะไม่เห็นการวิจารย์อุลามาอ์ในทางลบเหมือนอย่างที่เคยวิจารย์เชคอัลบานย์อีกนะครับ


 salam


ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
ที่ยกมาก็มีเท่านั้นแหละนะครับ
เขาสายเดียวกัน หรือที่ว่าง่ายๆ ก็คือ วะฮะบี เหมือนกันหมด
ไม่ได้เป็นที่แปลกใหม่ หรือหลายอุลามะตรงไหน
ทำไม ไม่เอา พวกอีหม่ามระดับ ผู้นำมัซฮับทั้ง 4 มาละครับ
ผมถามว่า เราชอบกล่าวว่า ระดับ เชคบินบาซก็ดี ระดับอิบนุตัยมิยะก็ดี
แล้ว ผมก็ขอตอบว่า แล้ว อีหม่ามทั้ง 4 เขาว่าอย่างไร ทำไม บุคคลทั้ง 4 ของท่าน ไม่ได้เป็น 3 ยุคที่นบีกล่าวไว้ว่าประเสริฐที่สุด
ดังนั้น ถ้าจะยก อีหม่ามทั้ง 4 มา จะดีกว่ายกอุลามะ สมัยใหม่กว่า ที่มาตัดสินเรื่องเหล่านี้

สรุปคือ อุลามะ นักวิชาการศาสนา จะฟัตวาได้ ก็คือ เรื่องในโลกปัจจุบันทันด่วน แต่ไม่ใช่โลกที่เขาเคยตัดสินกันไปแล้ว
ทำเช่นนี้ เหมือนกับว่า อีหม่ามทั้ง 4 ท่าน วินิจฉัยผิดพลาด แล้วอุลามะวะฮะบี ถูกทุกคน ทั้งๆ ที่ดูตามยุคสมัยแล้ว มันน่าจะกลับกันนะครับ

อ่อ เสริม อีกนิดว่า แล้ว เชคยูซุฟ อัลกอดดาวี เขาว่าอย่างไร
แต่แล้วอีกฝ่ายก็จะกล่าวอย่างนี้แหละว่า เชคยูซุฟ ฟัตวามั่ว ( ซึ่งเคยมีมาแล้ว )
ดังนั้น ก็กลับไป ดูระดับ อีหม่ามทั้ง 4 แนวทางสมัยนั้นจริงๆ ดีกว่า ไม่ใช่ เอาที่มันฟัตวากันเพิ่มสมัยนี้ สำหรับเรื่องเก่าๆ ที่เขามีการฟัตวากันเมื่อ 1000 กว่าปีมาแล้ว..

เพราะเท่าที่ดู คุณเล่นยกอุลามะ ของวะฮะบี ทั้งนั้นเลย คำวินิจฉัยก็เหมือนกันน่ะสิครับ
เหมือนแบบนี้ ถ้ากลุ่มมีคน 10 แล้ว เขาบอก A = B คุณจะบอกว่า คนทั้งโลกเชื่อว่า A = B หรือป่าวล่ะ
มาตรงนี้ ไม่ใช่คุณจะหาข่าวสาวให้เยอะอย่างเดียว แต่คุณต้องหาข่าวสาร หาความรู้จากหลายแหล่งที่มา หลายด้าน
ไม่ใช่ฟังความข้างเดียว เพราะยิ่งเสพเยอะ มันก็เอียงไปข้างนั้นมาก จนกลายเป็น คลั่งไคล้ ในที่สุดน่ะแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 07, 2008, 06:34 PM โดย Goddut »

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
ลองไปค้นหาเพิ่มเติมในหนังสือฟิกฮุซซุนนะห์ เล่ม1 (เล่มเขียวปกแข็ง) หน้าที่ 436 มีใจความดังต่อไปนี้

บทที่ 34 สถานที่ ที่ห้ามละหมาด

ได้มีคำสั่งห้ามมิให้ละหมาดในสถานที่ดังต่อไปนี้..
1. การละหมาดในสุสาน
               จากบันทึกของอัลบุคอรีย์ และมุสลิม อะห์หมัด และอันนะซาอีย์ ที่รายงานโดยอาอิชะห์ว่า แท้จริงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
ความว่า" อัลลอฮได้ทรงสาบแช่งชาวยะฮูดี และนัศรอนี ที่ได้เอาสุสานบรรดานบีของพวกเขาเป็นมัสยิด" (ขอมะอัฟครับ พิมพ์อาหรับไม่เป็น)

               จากบันทึกของอะห์หมัดและมุสลิม ที่รายงานโดย อบีมุรษิด อัลฆ่อนะวีว่า แท้จริงท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
           " อย่าละหมาดไปทางสุสานและอย่านั่งบนสุสาน "

              จากบันทึกของทั้งสองอีกเหมือนกัน ที่รายงานโดยญุนดุบ อิบนิอับดิลลาฮอัลบะญัลลีว่า ฉันได้ยินท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตห้าวันว่า
ความว่า " แท้จริงคนรุ่นก่อนพวกเจ้านั้น เคยเอาสุสานบรรดานบีของพวกเขาและคนดีๆของพวกเขาเป็นมัสยิด (ที่สุหญูด) พึงทราบเถิดว่า พวกท่านจงอย่าเอาสุสานเป็นที่สุหญูด ความจริงฉันขอห้ามพวกท่านในเรื่องดังกล่าว"

            รายงานจากอาอิชะห์ว่า แท้จริงอุมมะห์สะละมะห์ เคยเล่าให้ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัมฟัง ถึงโบสถ์หลังหนึ่งที่นางเคยเห็นที่ดินแดนอบิสสิเนีย ซึ่งเรียกกันว่า มารียะห์ นางได้เล่าให้ฟังถึงรูปภาพต่างๆที่นางได้เห็นในโบสถ์นั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงได้กล่าวว่า

ความว่า " พวกเจ้านั้นเป็นกลุ่มชนที่เมื่อคนดีๆของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาจะสร้างสถานที่สำหรับกราบไหว้บนสุสานนั้น และวาดภาพคนเหล่านั้นไว้ เหล่านั้นเป็นคนชั่วคนเลวสำหรับอัลลอฮ " บันทีกโดย อัลบุคอรี มุสลิม และอันนะซะอี

และรายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
ความว่า " อัลลอฮได้ทรงสาบแช่งผู้ไปเยี่ยมเยียนสุสานนั้น และผู้ที่เอาสุสานเป็นที่สุหญูดและประดับประดาโคมไฟ "

นักวิชาการส่วนใหญ่จึงถือเป็นการน่าเกลียดที่จะทำอย่างนั้น ไม่ว่าสุสานนั้นจะอยู่ข้างหน้าผู้ละหมาด หรืออยู่ข้างหลังก็ตาม

ส่วนทัศนะของพวกซอฮีรียะห์ ถือว่าการห้ามนั้นเป็นหะรามแล้วมีบาป และการละหมาดในสุสานนั้นใช้ไม่ได้ (1) (อธิบายเชิงอรรธ(1) นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอย่างชัดเจนไม่ควรที่จะหันเหออก ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม บรรดาหะดีษ ก็ถูกต้องและปรากฏชัดอยู่แล้ว ในแง่ที่ห้ามมิให้ละหมาดในสุสานไม่ว่าเป็นสุสานเดียวหรือหลายสุสานก็ตาม)

ส่วนทัศนะของมัซฮับฮัมบาลี ก็เช่นเดียวกัน ถ้าปรากฏว่ามันประกอบด้วยหลุมฝังศพสามหลุมหรือเกินกว่า ส่วนสถานที่ที่มีหลุมฝังศพเพียง 1 หลุม หรือ 2 หลุม การละหมาดที่นั่นถือว่าใช้ได้แต่น่าเกลียด ถ้าทิศกิบละห์นั้นมีสุสานอยู่ ถ้าไม่มีอยู่ก็ไม่น่าเกลียดแต่ประการใด

2. การละหมาดในโบส์คริสต์ และในโบสถ์ยิว

จะไม่ขอพิมพ์นะครับ เพราะไม่ได้อยู่ในประเด็น

3. การละหมาดในที่ทิ้งขยะ โรงเชือดสัตว์ ตามทางที่พักอูฐ ห้องน้ำ และบนหลังคาบัยตุลลอฮ

จะไม่ขอพิมพ์นะครับ เพราะไม่ได้อยู่ในประเด็น

4. การละหมาดในกะบะห์

จะไม่ขอพิมพ์นะครับ เพราะไม่ได้อยู่ในประเด็น

**********************************************************************************************************
ผมก็เลยสงสัยในหะดีษที่ บังอัลอัซฮารีย์นำเสนอ ซึ่งมีใจความว่า "ได้บอกเล่าให้ฉันทราบโดยผู้ที่เดินพร้อมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   โดยเดินผ่านสุสานหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้  ดังนั้นท่านนบีจึงเป็นอิมามนำพวกเขา(ซอฮาบะฮ์) แล้วพวกเขาก็ทำการละหมาดตามหลังท่านนบี  ฉันจึงกล่าวถามว่า  ใครที่บอกเล่าให้ท่านทราบเรื่องนี้หรือ  โอ้ อะบาอัมร์  เขาตอบว่า  ท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา" รายงานโดยบุคอรี (1250)

ว่าหะดีษดังกล่าวท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดญานาซะห์หรือเปล่า หรือว่าละหมาดอะไรกันแน่ เพราะในหนังสือที่ผมได้นำเสนอนั้น ห้ามการละหมาดที่มีการสุหยูด ครับ

แล้วเรื่องการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรหล่ะครับ จากคำฟัตวาของอุละมาอ์ที่ผมนำเสนอ (ซึ่งบางคนก็ใส่ชื่อท่านไว้ในแฟ้มอุลามาอ์วะฮาบีย์ ซึ่งท่านเองเคยประกาศหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ว่าท่านเป็นวะฮาบีย์) ท่านมีความเห็นอย่างไรบ้าง

และคงจะไม่ได้ยินคำว่าหนังสือฟิกฮุซซุนนะห์ เป็นหนังสือวะฮาบีย์อีกนะครับ

 

GoogleTagged