และในประเด็นการอ่านอัลกุรในกุบูร ผมก็เคยอ่านเจอคำกล่าวของอะลิมอาวุโสบางท่านด้วย ในเว็ปไซด์บางเว็บ ตัวอย่างเช่น
1 อิบนุกอ็ยยิม(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
ولم يكن من هديه أن يجتمع للغداء، ويقرأ له القرآن، لا عند قبره ولا غيره، وكل هذا بدعة حادثة مكروهة
และไม่ได้เป็นทางนำของท่านรซูล โดยการ ชุมนุมกันเพื่อรับประทานอาหาร และอ่านอัลกุรอ่านให้แก่เขา(มัยยิต) ไม่ว่าจะกระทำที่กุบูรของเขาหรืออื่นจากนั้นก็ตาม และทั้งหมดนี้ เป็นบิดอะฮ ที่เกิดขึ้นใหม่ ที่น่ารังเกียจ – ดูหนังสือ ซาดุ้ลมะอาด เล่ม 1 หน้า 523
2 อิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
وأما جعل المصحف عند القبور لمن يقصد قراءة القرآن هناك وتلاوته فبدعة منكرة لم يفعلها أحد من السلف
“สำหรับ การนำอัลกุรอ่านไปไว้ที่กุบูร สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะอ่านอัลกุรอ่าน (อุทิศให้ผู้ตาย) และการอ่านมัน ณ ที่นั้น เป็นบิดอะฮ ที่ต้องห้าม ไม่มีชาวสะลัฟคนใดปฏิบัติกัน – มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 24 หน้า 301
3 อัลหาฟิซ อิบนิหะญัร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ว่า
أنه سئل عمن قرأ شيئا من القرآن وقال في دعائه : اللهم اجعل ثواب ما قرأته زيادة في شرف رسول الله صلى الله عليه وسلم ؟ فأجاب : هذا مخترع من متأخري القراء ، لا أعلم لهم سلفاً فيه "
ว่ามีผู้ถามเกี่ยวกับผู้ที่อ่านสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอัลกุรอ่านและอ่านดุอาว่า "โอ้อัลลอฮ โปรดให้ผลบุญการอ่านอัลกุรอ่านของข้าพระองค์ เป็นการเพิ่มเกียรติแก่รซูลุ้ลลอฮ " แล้วท่าน(อัลหาฟิซ)ตอบว่า" นี้คือสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมา จากนักอ่านอัลกุรอ่านยุคหลัง โดยที่ข้าพเจ้าไม่ทราบเลยว่าชนยุคสะลัฟ(ยุคก่อน)ของพวกเขา (ปฎิบัติ)ในเรื่องนั้น
- มะวาฮิบุลญะลีล 2/544
4 เช็คอับดุลอะซีซ บิน บาซ กล่าวว่า
لا تشرع قراءة يس ولا غيرها من القرآن على القبر بعد الدفن ولا غير الدفن ولا تشرع القراءة في القبور لأن النبي صلى الله عليه وسلم لم يفعل ذلك، ولا خلفاؤه الراشدون، كل ذلك بدعة
ไม่มีบัญญัติให้อ่านซูเราะฮยาสีน และอื่นจากนั้น จากอัลกุรอ่าน บนหลุมศพ หลังจากที่ได้ฝังมัยยิต และ อื่นจากการฝัง และไม่มีบัญญัติให้อ่านอัลกุรอ่าน ในกุบูร เพราะว่า ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่เคยทำสิ่งนั้น และบรรดาเคาะลิฟะของท่านฮผู้ทรงธรรม ก็ไม่เคยทำ ทั้งหมดนั้น เป็นบิดอะฮ” ฟะตาวาอิสลามมียะฮ เล่ม 1 หน้า 52
ครับนี่ก็เป็นบางส่วนของคำกล่าวของอุลามาอ์อาวุโส ซึ่งอุลามาอ์บางท่านนั้นท่านก็เคารพนับถือด้วยใช่มั๊ยครับ แล้วทำไมเขาถึงได้กล่าวสวนทางกับสิ่งที่ท่านได้นำเสนอพี่น้องครับ และคงจะไม่เห็นการวิจารย์อุลามาอ์ในทางลบเหมือนอย่างที่เคยวิจารย์เชคอัลบานย์อีกนะครับ
จริง ๆ แล้วกระทู้นี้ ผมต้องการจะเสวนาเพียงแค่ตัวบทฮะดิษเท่านั้น ไม่ต้องการยกทัศนะความเห็นของอุลามาอ์ เพราะหากทางเราจะยกทัศนะอุลามาอ์ เราก็ยกไปนานแล้ว แต่ที่ไม่ยกมา เพราะว่าเรามีน้ำหนักพอที่จะบอกว่า ไม่มีซุนนะฮ์ใด ๆ มาห้ามการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร และไม่มีหลักฐานใด ๆ มาห้ามการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร แต่มีหลักฐานที่มีความหมายโดยรวมให้ทำการอ่านอัลกุรอานไม่ว่าจะนอกกุบูรหรือในกุบูร นอกจากมีฮะดิษมาระบุเจาะจงว่าท่านนบีได้ห้ามการอ่านอัลกุรอานในกุบูรเท่านั้น ดังนั้งมีหลักฐานที่มีความหมายครอบคลุมโดยมูลรวม(อาม)ให้อ่านอัลกุรอาน ก็อนุญาตให้อ่านสถานที่ใดก็ตามจนกว่าสถานที่นั้น ๆ มีหลักฐานมาเจาะจงห้าม
เช่นในฟัตวาแห่งประเทศอียิปต์ ได้กล่าวว่า
أجمع العلماء على أن القراءة على القبر لا تَحْرُم، ولا يأثم فاعلها
"บรรดานักปราชญ์ได้ลงมติว่า การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรไม่ฮะรอมและผู้กระทำไม่บาป"
ท่านชัยค์อัลอุษมานีย์ กล่าวว่า
وأجمعوا على أن الاستغفار، والدعاء، والصدقة، والحج، والعتق تنفع الميت ويصل إليه ثوابه، وقراءة القرآن عند القبر مستحبة
"บรรดานักปราชญ์ได้ลงมติว่า การอิสติฆฟาร การอ่านดุอา การบริจาคทาน การทำฮัจญ์ การปล่อยทาส มีประโยชน์แก่มัยยิด และผลบุญถึงมัยยิด และการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรนั้นเป็นสิ่งที่สุนัตให้กระทำ" ดู เราะหฺมะตุลอุมมะฮ์ ฟี อิคติลาฟ อัลอุมมะฮ์ หน้า 92
ฟัตวาแห่งประเทศอียิปต์ฟัตวาแห่งประเทศอียิปต์ ได้ระบุว่า
جاء الأمر الشرعي بقراءة القرآن الكريم على جهة الإطلاق ، ومن المقرر أن الأمر المطلق يقتضي عموم الأمكنة والأزمنة والأشخاص والأحوال ؛ فلا يجوز تقييد هذا الإطلاق إلا بدليل ، وإلا كان ذلك ابتداعًا في الدين بتضييق ما وسَّعه الله ورسوله صلى الله عليه وآله وسلم .
وعلى ذلك فقراءة القرآن الكريم عند القبر حالة الدفن وبعده مشروعة ابتداءً بعموم النصوص الدالة على مشروعية قراءة القرآن الكريم
"ได้มีระบุมาโดยคำสั่งใช้ตามหลักศาสนาให้ทำการอ่านอัลกุรอานในรูปแบบกว้าง ๆ (มุฏฏ่อลัก) และส่วนหนึ่งจากหลักการที่ได้ถูกกำหนดไว้คือ คำสั่งใช้ในรูปแบบกว้าง ๆ นั้น ให้ความหมายครอบคลุมถึงสถานที่ (ไม่ว่าจะสถานที่นอกกุบูรหรือในกุบูรก็ตาม) , เวลา , บุคคล , และสภาพการณ์ , ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้จำกัดหลักการกว้าง ๆ นี้ (คือไม่อนุญาตให้ระบุว่าการอ่านอัลกุรอานในกุบูรฮะรอม) นอกจากต้องมีหลักฐาน
หากไม่มีหลักฐาน(แล้วมาฮุกุ่มว่าฮะรอม) แน่นอนว่าดังกล่าวนั้น เป็นการบิดอะฮ์อุตริ(ฮุกุ่ม)ขึ้นมาในศาสนา ด้วยการทำให้คับแคบในสิ่งที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์เปิดกว้าง และตามหลักการดังกล่าว การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรขณะที่ฝังหรือหลังจยากฝังแล้ว กระทำได้ตามหลักศาสนา ด้วยบรรดาตัวบทหลักฐานแบบครอบคลุมที่ชี้ถึงให้กระทำการอ่านอัลกุรอานได้"
ฟัตวาแห่งประเทศอียิปต์ดังนั้น อิบนุ อบี ชัยบะฮ์ ได้กล่าวรายงานไว้ว่า
حدثنا حفص بن غياث، عن المجالد، عن الشعبى قال : كانت الأنصار يقرأون عند الميت بسورة البقرة
"ได้เล่ากับเรา โดยหัฟซฺ บิน ฆอยยาษ จาก อัลมุญาลิด จากท่านอัชชะอฺบีย์ ท่านกล่าวว่า "บรรดาชาวอันซอร ได้ทำการอ่านอัลกุรอาน ที่มัยยิด ด้วยกับซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ " ดู อัลมุซันนัฟ เล่ม 4 หน้า 236
และท่านค๊อลลาลได้รายงานจากสายรายงานเดียวกัน ด้วยคำว่า
كانت الأنصار إذا مات لهم ميت اختلفوا غلى قبره يقرأون عنده القرأن
"บรรดาชาวอันซอรนั้น เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูรของผู้นั้น โดยที่พวกเขาจะทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดนั้น" ดู หนังสือ อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 126
และหากเรากลับไปดูหนังสืออัลอุมมฺของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ จากเรื่อง "อัลญะนาอิซฺ" ในบทย่อยเกี่ยวกับเรื่อง "จำนวนการห่อมัยยิด" ซึ่งท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์กล่าวระบุไว้ว่า
وَأُحِبُّ لَوْ قُرِئَ عِنْدَ الْقَبْرِ، وَدُعِيَ لِلْمَيِّتِ وَلَيْسَ فِي ذَلِكَ دُعَاءٌ مُؤَقَّتٌ
"ฉันรัก หากมีการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร และมีการขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด(ผู้ตาย) และในเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่มีการขอดุอาอ์ที่ถูกกำหนดเวลาเอาไว้ตายตัว(คือขอดุอาให้ผู้ตายได้ทุกเวลา)"
ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรฮุสศุดูร ความว่า
يستحب لزائر القبور أن يقرأ ماتيسر من القرآن ويدعو لهم عقبها .نص عليه الشافعي ,واتفق عليه الأصحاب ,وزاد في موضع آخر وإن ختموا القران على القبر كان أفضل.وكان الإمام أحمد بن حنبل ينكر ذلك أولا حيث لم يبلغه أثر ,ثم رجع حين بلغه
"ถือว่าสุนัต(ชอบให้กระทำ)กับผู้ที่เยี่ยมกุบูร ทำการอ่านสิ่งง่าย ๆ จากอัลกุรอาน และถัดจากการอ่านก็ทำการขอดุอาอ์ให้กับพวกเขา ซึ่งอิมามอัชชาฟิอีย์ได้ระบุไว้ในหนังสืออัลอุม และบรรดาสานุศิษย์ก็มีความเห็นพร้อง และท่านอิมามอันนะวาวีย์ยังระบุเพิ่มในสถานที่อื่นอีกว่า หากพวกเขาได้ทำการอ่านอัลกุรอานจบที่กุบูร ถือว่าดีเยี่ยม และอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัลนั้นตอนแรกท่านได้เคยปฏิเสธสิ่งดังกล่าวเพราะไม่มีสายรายงานมาถึงท่าน หลังจากนั้นท่านได้ยกเลิก(การปฏิเสธการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร) ขณะที่มีสายรายงาน(ของท่านอิบนุอุมัร)ได้ทราบมาถึงท่าน" หน้า 296
ท่าน อัลมัรดาวีย์ ได้กล่าวระบุไว้ในหนังสือ อัลอินซอฟ กล่าวว่า "การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรไม่เป็นมักโระฮ์ ตามในสายรายงานซอฮิหฺที่สุด(ซึ่งมาจากอิมามอะหฺมัด) และ นี้ก็คือ มัซฮับ ที่(ท่านอิบนุมุฟลิหฺ) ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัลฟุรั๊วะอ์ และได้ระบุเรื่องนี้ไว้ในมัซฮับ , ผู้อธิบายได้กล่าวว่า นี้คือคำกล่าวที่เลื่องลือจากอิมามอะหฺมัด" ดู เล่ม 2 หน้า 532
ท่านอิบนุมุฟลิหฺ กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมุบเดี๊ยะอ์ ชัรหฺ อัลมุกเนี๊ยะอ์ ว่า " การอ่านอัลกุรอานที่กุบูร ไม่เป็นมักโระฮ์ ตามสองสายรายงานที่ซอฮิหฺยิ่งที่รายงานจากท่านอิมามอะหฺมัด และ นี้ก็คือ มัซฮับ(ของอิมามอะหฺมัด)" ดู เล่ม 2 หน้า 281
وأما القراءة على القبر فكرهها أبو حنيفة ومالك وأحمد في احدى الروايتين ولم يكن يكرهها في الأخرى ,وإنما رخص فيها لأنه بلغه ىأن ابن عمر أوصى أن يقرأ عند قبره بفواتح البقرة وخواتيمها وروى عن بعض الصحابة قراءة سورة البقرة زفالقراءة عند الدفن مأثورة في الجملة وأما بعد ذلك فلم ينقل فيه أثر والله أعلم
ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวว่า "สำหรับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรนั้น ท่านอบูฮะนีฟะฮ์และท่านมาลิกถือว่ามักโระฮ์ และท่านอะห์มัดถือว่ามักโระฮ์ในสายรายงานหนึ่งจากท่าน และท่านอิมามอะห์มัดถือว่าการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรไม่มักโระฮ์ในอีกสายรายงานอื่นอีก และแท้จริงท่านอิมามอะห์มัดผ่อนปรนในเรื่องการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร เพราะได้ทราบถึงท่านว่า ท่านอิบนุอุมัรได้สั่งเสียให้ทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของเขาด้วยกับอายะฮ์ช่วงแรกของซูเราะฮ์บะกอเราะฮ์และอายะฮ์ช่วงท้ายของซูเราะฮ์บะกอเราะฮ์ และถูกรายงานจากซอฮาบะฮ์บางส่วนให้ทำการอ่านซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ ดังนั้น การอ่านอัลกุรอานขณะฝัง(ที่กุบูร)นั้น ได้มีรายงานจากซอฮาบะฮ์ สำหรับหลังจากนั้น ก็ไม่มีสายรายงานจากซอฮาบะฮ์รายงานมาเลย วัลลอฮุอะลัม" มุจญ์มั๊วะอฺ อัลฟะตาวา เล่ม 24 หน้า 298
ท่านอิบนุก๊อยยิม ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า "บรรดานักปราชญ์ได้ขัดแย้งเกี่ยวกับอิบาดะฮ์ที่กระทำด้วยร่างกาย เช่น การถือศีลอด การละหมาด การอ่านอัลกุรอาน และการซิกรุลลอฮ์ ท่านอิมามอะห์มัด และปราชญ์สะลัฟส่วนมาก มีทัศนะว่า ผลบุญการถือศีลอด การละหมาด การอ่านอัลกุรอาน การซิกรุลลอฮ์ ถึงผู้ตาย และมันยังเป็นทัศนะของกล่าวบางส่วนของสานุศิษย์อิมามอบูหะนีฟะฮ์ และท่านอิมามอะห์มัดได้กล่าวระบุไว้ในสายรายงานของมุฮัมมัด บิน อะห์มัด อัลกะห์ฮาล เขากล่าวว่า "ได้กล่าวถามแก่ท่านอบีอับดิลลาฮ์ (คือท่านอิมามอะห์มัด) ว่า ชายคนหนึ่งได้กระทำความดี จากการละหมาด การซอดาเกาะฮ์ และอื่น ๆ แล้วมอบผลบุญครึ่งหนึ่งให้แก่บิดาหรือมารดาของเขา ท่านอิมามอะห์มัดตอบว่า "ฉันหวัง(ว่าผลบุญนั้นถึง)" หรือท่านอิมามอะห์มัดกล่าวว่า "ทุก ๆ สิ่งจากการซอดาเกาะฮ์และอื่น ๆ นั้น ผลบุญจะถึงแก่มัยยิด"
และท่านอิมามอะห์มัดกล่าวเช่นเดียวกันว่า "ท่านจงอ่านอายะฮ์กุรซีย์ 3 ครั้ง ท่านกุลฮุวัลลอฮุอะฮัด และท่านจงกล่าวว่า "โอ้ผู้อภิบาลแห่งข้า ความดีงามของมันนั้น มอบแด่บรรดาชาวกุบูร" หนังสือ อัรรั๊วะห์ ของท่านอิบนุก๊อยยิม 1/117
ดังนั้น มีสะลัฟคนใหนบ้างครับ ที่ฮุกุ่มว่าการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรฮะรอม แต่ทางตรงกันข้าม กลับมีสะลัฟยอมรับในการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร ดังนั้นเมื่อสะลัฟเขายอมรับในเรื่องนี้ แต่ทำไมวะฮาบีปัจจุบันถึงค้าน หรือว่าวะฮาบีปัจจุบันเข้าใจศาสนามากกว่าสะละฟุศศอลิห์
วัลลอฮุอะลัม