ผมไม่ทราบว่า อุลามะ ท่านใด เขียนบทความนี้ หรือ ฟัตวา กันว่าอย่างไร
เพราะเท่าที่อ่านดูแล้ว ไม่มีการอ้างอิงถึง อุลามะ เลยซักคนเดียว ไม่มีการอ้างอิงถึง คำฟัตวา หรือ ผู้เขียนบทความเลยเช่นกัน
อีกทั้ง เนื้อหาที่เอามา ก็มิได้อ้างอิงจากแหล่งที่มาอีกด้วย รวมถึง เนื้อหาบางช่วงตอน ก็เขียนว่า "น่าจะ" หรือ "อาจจะ"
ซึ่งคำเหล่านี้มิใช่คำแท้ เป็นแค่ข้อสันนิฐาน แต่ในแท้ที่สุด ข้อสันนิฐานกลับส่งผลให้มุสลิมที่ดูกีฬาในโอลิมปิกตกนรกไปเรียบร้อย ในตัวบทอายะที่ 140 อันนิซา กล่าวว่า เหมือนพวกเขา ในที่นี้คือ อยู่ในนรกญะฮันนัม
การยกถึงอายะอัลกรุอาน ในปัจจบันมักมาจาก การแปล มากกว่าการอธิบาย
เรามักจะเห็น ผู้ใช้เขียนบทความ นำอัลกรุอานแปลมาเป็นบทเสริมเนื้อหา โดยในบางทีคำอธิบายของตัวบทมันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
มันเห็นได้มากมายจากผู้ปฏิเสธที่นำเอาบางตอนของเนื้อหาในอัลกรุอานมาแปลอย่างตรงตัว โดยหาได้ใช้สติปัญญาพิจารณาแต่อย่างใด
เช่นเรื่องที่ว่ามุสลิมฆ่าผู้บริสุทธิ์ ก็เป็นเพียงเรื่องของประวัติศาสตร์ที่ถูกกล่าวไว้ในช่วงสงคราม เป็นต้น
บัดนี้มุสลิมบางคน กำลังนำความหมายอัลกรุอาน มาแปลทีละอายะ แล้วโยงเข้าเรื่องของตนเอง โดยไม่สนเนื้อหาว่าซูเราะห์ หรืออายะช่วงนั้นกล่าวในเรื่องใด
ว่าด้วยเรื่อง ซูเราะห์ อันนิซา อายะที่ 140
"และแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเจ้าแล้วในคัมภีร์นั้นว่า เมื่อพวกเจ้าได้ยินบรรดาโองการของอัลลอฮฺถูกปฏิเสธและถูกเย้ยหยัน ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่างนั่งร่วมกับพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องอื่นจากนั้น แท้จริงพวกเจ้านั้น(ถ้าร่วมอยู่กับเขาแล้ว) ก็เหมือนพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงรวบรวมบรรดาผู้บิดพลิ้วและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไว้ในนรกญะฮันนัมทั้งหมด"
ตรงนี้ อัลลอฮฺได้กล่าวถึง การวิจารณ์โองการของพระองค์ การกล่าวหาในอัลกรุอาน พระองค์ทรงสั่งใช้ให้บรรดาผู้ศรัทธานั้นหันหลังจากพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนเรื่องคุย หรือหยุดการวิพากษ์วิจารณ์อัลกรุอานนั้น
ส่วนต่อมานี้กล่าวถึงพวกมุชริกีนมักกะ โดยที่นบีได้ไปมะดีนะ ก็พบพวกชาวยิวก็ทำตัวเช่นเดียวกับมักกะ และพวกมุนาฟิกก็เข้าไปร่วมวงกับพวกเขา
สุดท้ายตัวบทกล่าวว่าถ้าบรรดาผู้ศรัทธาอยู่ด้วยในขณะที่พวกเขาทำเช่นนั้น อันหมายถึงการถากถาง ดูถูกดูแคลน อัลกรุอาน พวกเจ้าก็จะตกอยู่ในฐานะเดียวกัน กล่าวคือนรกญะฮันนัม
คำถามคือ
1. พวกเขาได้วิพากษ์ อัลกรุอาน หรือ โองการของอัลลอฮฺ หรือไม่ ในกีฬา โอลิมปิก ?
2. หากมีการถากถาง วิพากษ์ หรือ เยาะเย้ย โองการของอัลลอฮฺ นั้น มีอย่างไร ด้วยวิธีการใด หรือลักษณะใด ?
3. การดูกีฬาการแข่งขัน ที่ไม่มีการวิพากษ์ ถากถาง หรือ เยาะเย้ย โองการของอัลลอฮฺ ถือว่าเป็นชิริก หรืออย่างไร ?
4. การอยู่ร่วมกัน หมายถึงอย่างไร การอยู่ในชุมชนเดียวกัน การนั่งในวงสนทนาเดียวกัน การอยู่ในห้องแชทรูมอินเตอร์เนทด้วยกัน การฟังวิทยุคลื่นเดียวกัน การดูโทรทัศน์ผ่านทางดาวเทียมตัวเดียว การเห็นพวกเขาจากอีกมุมของโลก หรือการมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกัน ?
ว่าด้วย เรื่อง ซูเราะ อัลอันอาม อายะที่ 68
"และเมื่อเจ้าเห็นบรรดาผู้ซึ่งกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในบรรดาโองกาของเราแล้ว ก็จงออกห่างจากพวกเขาเสีย จนกว่าพวกเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอื่นจากนั้น แล้วถ้าชัยฏอนทำให้เจ้าลืมแล้ว ก็จงอย่านั่งรวมกับพวกที่อธรรมเหล่านั้นต่อไป หลังจากที่มีการตักเตือนแล้ว"
ในบทนี้กล่าวว่า การวิพากษ์ วิจารณ์นั้น เป็นในลักษณะเย้ยหยัน หรือเยาะเย้ย มิใช่การอ่านอัลกรุอาน หรือการแปลอัลกรุอานเฉยๆ เพียงอย่างเดียว
ความหมายของมันก็คือ ศาสนานั้นมิใช่ของที่จะนำมาเล่น เพื่อเยาะเย้ย หรือเพื่อความสนุกสนาน และห้ามที่จะนำมาใช้ในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด
ซึ่งเป็นเหตุผล ในอายะต่อมา ให้เกิดการตักเตือนกันเพื่อให้เกิดความยำเกรง หรือเลิกการกระทำการเย้ยหยัน หรือถากถางเกี่ยวกับอัลกรุอาน
คำถาม
1. กีฬาในโอลิมปิก มีการเยาะเย้ย เย้ยหยัน โองการอัลกรุอาน ใช่หรือไม่ ?
2. กีฬาในโอลิมปิก คือเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ว่าด้วยบทการเย้ยหยันศาสนาอิสลาม ใช่หรือไม่ ?
3. ตลอดการแข่งขันกีฬา โอลิมปิกนั้น มีการเยาะเย้ย เย้ยหยัน ถากถาง ศาสนาอิสลาม หรือโองการอัลกรุอาน อยู่ทุกช่วงเวลาการแข่งขันใช่หรือไม่ ?
แล้วด้วยเหตุใด พี่น้องมุสลิม จึงต้องตกนรกญะฮันนัม....
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...