ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำดุอาหรือน้ำยาซีนชิริกหรือเปล่าหรือว่าเป็นน้ำมนต์  (อ่าน 6680 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ akacha2006

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่ตั้งมาบ้างว่า กิน พาราเซตามอล ชิริกรึปล่าว

ที่ผมทราบมา  วะฮาบีบอกว่า  อัลเลาะฮฺให้พลังอยู่ในยา  แล้วยาทำให้หายป่วย  ส่วนอัลอะชาอิเราะฮ์  กล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทำให้หายป่วย  ดังนั้นหากเชื่อว่ายาทำให้หายป่วย  ถือว่าชิริก  แต่  หากผมนำเสนอหลักการของวะฮาบีผิดพลาดพี่น้องวะฮาบีเข้ามาทักท้วงชี้แจงได้ครับ

วัลลอฮุอะลัม
อะไรกันนี่งงกันไปหมดนะ ยิ่งอ่านแล้วยิ่งสาวเรื่องกันลึกเข้าไปทำให้รู้สึกว่า จะสับสนคำว่าอัลอากีด๊ะอัตตอฮาวียะฮฺ  และความเป็นเอกกะเทวะนิยมขององอภิบาลผู้ทรงบันดาลแล้วนะ อิสลามตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงที่พิสูจน์ได้อธิบายได้ทุกอย่างอัลเลาะฮฺกำหนด แต่อู่ที่อะไรคืสาเหตุไม่เอาละ อัลลอฮ์ผู้ทรงสามารถและทรงรอบรู้ พอพอแล้วละนะ

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ไม่ตั้งมาบ้างว่า กิน พาราเซตามอล ชิริกรึปล่าว

ที่ผมทราบมา  วะฮาบีบอกว่า  อัลเลาะฮฺให้พลังอยู่ในยา  แล้วยาทำให้หายป่วย  ส่วนอัลอะชาอิเราะฮ์  กล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทำให้หายป่วย  ดังนั้นหากเชื่อว่ายาทำให้หายป่วย  ถือว่าชิริก  แต่  หากผมนำเสนอหลักการของวะฮาบีผิดพลาดพี่น้องวะฮาบีเข้ามาทักท้วงชี้แจงได้ครับ

วัลลอฮุอะลัม
อะไรกันนี่งงกันไปหมดนะ ยิ่งอ่านแล้วยิ่งสาวเรื่องกันลึกเข้าไปทำให้รู้สึกว่า จะสับสนคำว่าอัลอากีด๊ะอัตตอฮาวียะฮฺ  และความเป็นเอกกะเทวะนิยมขององอภิบาลผู้ทรงบันดาลแล้วนะ อิสลามตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงที่พิสูจน์ได้อธิบายได้ทุกอย่างอัลเลาะฮฺกำหนด แต่อู่ที่อะไรคืสาเหตุไม่เอาละ อัลลอฮ์ผู้ทรงสามารถและทรงรอบรู้ พอพอแล้วละนะ

ไม่ได้ครับ  เราต้องเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงทำให้หายป่วย  ไม่ใช่ยาทำให้หายป่วย  ไม่งั้นชิริกแน่นอน  อัลกุรอานได้บอกไว้ชัดเจนเช่นกันว่า

إِذَا مَرِضْتُ فَهُوَ يَشْفِيْنِ

"เมื่อฉัน(อิบรอฮีม)ป่วยดังนั้นพระองค์ทรงให้ฉันหาย"

หากใครเชื่อว่ายาทำให้หายถือว่าเขามีความเชื่อที่บิดอะฮ์และเขากลายเป็นคนบิดอะฮ์ไปโดยปริยาย
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ท่านบุคอรี  ได้รายงานฮะดิษจากท่าน ญาบิร บิน อับดิลลาฮ์  เขากล่าวว่า

‏جَاءَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَعُودُنِي وَأَنَا مَرِيضٌ لَا ‏ ‏أَعْقِلُ ‏ ‏فَتَوَضَّأَ وَصَبَّ عَلَيَّ مِنْ وَضُوئِهِ فَعَقَلْتُ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้มาเยี่ยมฉัน  โดยฉันป่วยจนไม่ได้สติ  ดังนั้นท่านร่อซูลจึงอาบน้ำละหมาดและรดน้ำบนฉันจากน้ำที่ใช้อาบน้ำละหมาด  แล้วฉันก็คืนสติ" รายงานโดยบุคอรี (191)

ท่านมุสลิม  ได้รายงานฮะดิษจากท่าน ญาบิร บิน อับดิลลาฮ์  เขากล่าวว่า

‏عَادَنِي ‏ ‏النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏وَأَبُو بَكْرٍ ‏ ‏فِي ‏ ‏بَنِي سَلِمَةَ ‏ ‏يَمْشِيَانِ فَوَجَدَنِي لَا أَعْقِلُ فَدَعَا بِمَاءٍ فَتَوَضَّأَ ثُمَّ رَشَّ عَلَيَّ مِنْهُ فَأَفَقْتُ

"ท่าน นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และท่านอบูบักรได้อยู่ในเผ่าสะลิมะฮ์  ทั้งสองท่านได้เดินเท้า(มาเยี่ยมฉัน)  โดยฉันเป็นลมหมดสติ  ท่านนบีจึงขอน้ำมา  แล้วทำการอาบน้ำละหมาด  หลังจากนั้นท่านได้เอาน้ำที่ใช้อาบน้ำละหมาดมาพรมบนฉัน  แล้วฉันก็ฟื้นคืนสติ" รายงานโดยมุสลิม (1616)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้กล่าวอธิบายฮะดิษนี้ว่า

وَفِيهِ التَّبَرُّك بِآثَارِ الصَّالِحِينَ وَفَضْل طَعَامهمْ وَشَرَابهمْ وَنَحْوهمَا , وَفَضْل مُؤَاكَلَتهمْ وَمُشَارَبَتهمْ وَنَحْو ذَلِكَ

" ในฮะดิษนี้  ชี้ถึงการเอาบะรอกัต(ศิริมงคล) ร่องส่วนที่เหลือต่าง ๆ ของบรรดาบุคคลที่มีคุณธรรม(ซอและฮ์) และอาหารที่เหลือของพวกเขาและเครื่องดื่มที่เหลือของพวกเขาและอื่น ๆ จากทั้งสอง  และของเหลือที่พวกเขาได้ร่วมกินและร่วมดื่มกัน  และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว" ชัรห์ซอฮิห์มุสลิม

ฮะดิษนี้มีข้อบ่งชี้อย่างชัดเจน  และอิมามอันนะวาวีย์ก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา ได้กล่าวว่า

 ‏‏ ‏فَرَجَعْتُ إِلَى ‏ ‏أَسْمَاءَ ‏ ‏فَخَبَّرْتُهَا فَقَالَتْ هَذِهِ ‏ ‏جُبَّةُ ‏ ‏رَسُولِ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏فَأَخْرَجَتْ إِلَيَّ ‏ ‏جُبَّةَ ‏ ‏طَيَالِسَةٍ ‏ ‏كِسْرَوَانِيَّةٍ ‏ ‏لَهَا ‏ ‏لِبْنَةُ ‏ ‏دِيبَاجٍ ‏ ‏وَفَرْجَيْهَا مَكْفُوفَيْنِ ‏ ‏بِالدِّيبَاجِ ‏ ‏فَقَالَتْ هَذِهِ كَانَتْ عِنْدَ ‏ ‏عَائِشَةَ ‏ ‏حَتَّى قُبِضَتْ فَلَمَّا قُبِضَتْ قَبَضْتُهَا وَكَانَ النَّبِيُّ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏يَلْبَسُهَا فَنَحْنُ نَغْسِلُهَا لِلْمَرْضَى ‏ ‏يُسْتَشْفَى بِهَا

"ฉันได้กลับไปที่ท่านนางอัสมาอฺ (บุตรี อบูบักร) แล้วฉันได้บอกให้ทราบกับนาง  ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า  นี้คือเสื้อคลุมของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วนางได้นำมาให้ฉัน  กับเสื้อคลุมฏ็อยลาซาน (เสื้อคลุมที่มีผ้าไหมเย็บบริเวนขอบชายเสื้อ) ของชาวกิสรอ  ซึ่งให้กับเสื้อคลุมนั้นมีรอยเย็บปะที่คอเสื้อด้วยผ้าไหม และขอบของแขนเสื้อทั้งสองได้ถูกเย็บได้ผ้าไหม  ดังนั้นท่านนางอัสมาอฺจึงกล่าวว่า  เสื้อคลุมนี้อยู่ที่ท่านนางอาอิชะฮ์จนกระทั่งนางได้เสียชีวิต เมื่อนางได้เสียชีวิต  ฉันจึงนำมันมาเก็บไว้  โดยที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เคยสวมใส่มัน  ดังนั้นเราจึงนำเสื้อคลุมมาล้างน้ำให้สำหรับบรรดาคนป่วยเพื่อนำมารักษาอาการป่วยด้วยกับมัน" รายงานโดยมุสลิม ฮะดิษที่ (3855)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้กล่าวอธิบายว่า

وَفِي هَذَا الْحَدِيث دَلِيل عَلَى اِسْتِحْبَاب التَّبَرُّك بِآثَارِ الصَّالِحِينَ وَثِيَابهمْ

"ในฮะดิษนี้  เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า  ชอบให้กระทำ(มุสตะฮับ)กับการเอาบะรอกะฮ์ด้วยกับบรรดาร่องรอยของบรรดาบุคคลที่มีคุณธรรมและบรรดาเสื้อของพวกเขา" หนังสือชัรห์ซอฮิห์มุสลิม

ดังนั้น การใช้น้ำรอยล้างเสื้อของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น  ย่อมเป็นชิริกตามหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์  แต่ตามทัศนะของซอฮาบะฮ์แล้วไม่ถือว่าเป็นชิริก  เพราะฉะนั้นซอฮาบะฮ์จึงมีความเข้าใจดีว่าอะไรคือชิริกและอะไรที่ไม่ใช่ชิริก 

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 08, 2008, 12:59 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ถ้าเราคิดดีๆนะ คนซอแลฮ คนอาเล็มฯลฯ อะไรพวกนี้ เราจะเอาความบารอกัตจะของที่เขากินเหลือหรือว่าข้าวของเครื่องใช้ของเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นคนดี เขาต้องคิดว่าอาหารต้องกินให้หมดอย่าให้เหลือ ไม่งั้นบาเซร ของก็เหมือนกัน เวลาเขาตายก็ตกเป็นมรดกของลูกๆเมียๆญาติๆ แล้วเราจะเอาจากไหนดี
จริงหรือเปล่า
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ zakinah

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
น้ำยาซีน สำหรับคนที่เชื่อว่าน้ำทำให้หายก็คือน้ำมนต์
น้ำยาซีน สำหรับคนที่เชื่อว่าอัลลอฮฺอนุมัติให้หายก็คือน้ำดุอา

เข้าใจถูกนะ ลัทธิเหมา มาอีกแล้วจงระวัง

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
นั่นแลทุกสิ่งทุกอย่างนั้นอยู่ที่การเนียติของเรา
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

 

GoogleTagged