ผู้เขียน หัวข้อ: สายรายงานการกล่าว ซัยยิดินา ของท่านอิบนุมัสอูดซอเฮี๊ยะห์หรือไม่  (อ่าน 8226 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อ.อะลี  เสือสมิงกล่าวว่า

  4. การอ้างอิงถ้อยความจากหนังสืออัลมัจญ์มูอฺ  เล่มที่  3  หน้า  448  นั้นเป็นการถ่ายทอดคำกล่าวของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์  (ร.ฎ.)  และเหล่าอัลอัศฮ๊าบ  ซึ่งมีสำนวนว่า  :   

               (ﻗَﺎﻝَ الشافعىوالأصحاب : والأفضل فىصفةالصلاة أن يقول :اللهم صل علىمحمدإلىآخرماذكره المصنف)

               “ท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์และอัลอัศฮาบ  (เหล่าสานุศิษย์)  กล่าวว่า  :  “และที่ประเสริฐที่สุด  (อัฟฎ๊อล)  ในลักษณะของการซอละหวาต  คือ  การที่กล่าวว่า  :  อัลลอฮุมม่า  ซ็อลลิ  อะลา  มุฮำมัด  ว่า  อะลา  อาลิมุฮำมัด  จนจบสิ่งที่ผู้แต่งตำรา  (อัชชีรอซีย์)  ได้ระบุเอาไว้  (ในอัลมุฮัซฺซับ)”  ข้อความนี้เป็นตัวบท  (نَصُّ)  ที่รายงานจากท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์  (ร.ฎ.)  มิใช่คำกล่าวของท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.)  ในส่วนนี้แต่อย่างใด  ส่วนการระบุถึงการซอละหวาตที่น้อยที่สุด  (أَقَلُّ الصَّلاَةِ)  นั้นอยู่ในย่อหน้าถัดมาโดยอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.) ได้อ้างคำกล่าวของท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฎ.) และ อัลอัศฮ๊าบเช่นกัน ซึ่งถือว่าอยู่ในประเด็นที่กำลังอธิบายถึง  (คือการกล่าวซัยยิดินา)  มิได้หลงประเด็น  เพราะในหน้า  448  จากหนังสือ “อัลมัจญ์มูอฺ”  นั้นกล่าวถึงประเด็น  ลักษณะที่ประเสริฐที่สุดในการซอละหวาต  และการซอละหวาตอย่างน้อยที่สุดทั้ง  2  ประเด็น  ซึ่งเข้าใจได้ว่า  สำนวนการซอละหวาตตามประเด็นที่ 1 ที่ดีที่สุด  (أفضل الصلاة)  ตามที่มีตัวบท  (نَصُّ)  รายงานมาจากท่านอิหม่ามอัชชาฟิอีย์  (ร.ฎ.)  คือ  ไม่มีการเพิ่มคำว่า  “ซัยยิดินา”  นั่นเอง 


               ส่วนการอ้างคำของนักวิชาการนิติศาสตร์อิสลามที่ระบุว่า 

               (لاَيُنْسَبُ لِسَاكِتٍ قَوْلٌ)

               “จะไม่ถูกพาดพิงคำพูดแก่ผู้ที่นิ่ง  (จากการกล่าว)”  นั้น


               ความจริงแล้ว  ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.)  มิใช่ผู้ที่นิ่งจากการกล่าว  (سَاكِت)  แต่ท่านเป็นผู้กล่าวถ้อยคำ  (قَاﺋِﻞٌ)  ดังปรากฏในหนังสืออัลอัซการฺของท่าน  (หน้า  69)  ระบุว่า  : 

               (وَالأَفْضَلُ أن يقول : اللهم صل علىمحمد عبدِك ورسولك...)

               “และที่ประเสริฐที่สุด  คือการที่เขา (ผู้ละหมาด)  กล่าวว่า  :  อัลลอฮุมม่า  ซ็อลลิ  อะลา  มุฮำมัด  อับดิก้า  ว่าร่อซูลิก้า.......”


               และท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์  (ร.ฮ.)  ก็ยังได้ระบุถึง  การซอละหวาตแก่ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  อย่างน้อยที่สุด  คือการที่เขา  (ผู้ละหมาด)  กล่าวว่า  “อัลลอฮุมม่า  ซ็อลลิ  อะลา  มุฮำมัด”   หลังจากนั้นท่านก็กล่าวว่า  : 

               (وأكملهااﻥﻳﻘﻮﻝ : ﺍﻟﻠﻬﻢﺻﻞﻋﻠﻰﻣﺤﻤﺪﻭﻋﻠﻰﺁﻝﻣﺤﻤﺪ....)

               “และที่สมบูรณ์ที่สุดของการซอละหวาตนั้นคือการที่เขา  (ผู้ละหมาด)  กล่าวว่า  “อัลลอฮุมม่า  ซ็อลลิ  อะลา  มุฮำมัด ...”  (ดู  เราฎ่อตุตตอลิบีน  ว่า  อุมดะตุ้ลมุฟตีน, อิหม่ามอันนะวาวีย์  เล่มที่  1  หน้า  265)  ดังนั้นอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฎ.) จึงเป็นผู้ที่กล่าวถึงข้อชี้ขาดในประเด็นของการซอละหวาตที่ประเสริฐสุดซึ่งไม่มีการเติมคำว่า  “ซัยยิดินา”  แต่อย่างใด  และท่านก็มิใช่ผู้ที่นิ่งเงียบจากการกล่าวอย่างที่เข้าใจ!  วัลลอฮุอะอฺลัม

ขอออกความเห็นครับ

       ส่วนตัวผมเองนับถือและยอมรับในการนำเสนอหลักวิชาการ  แต่ผมขอออกความเห็นที่ต่างกันสักนิด

       เป็นที่ทราบดีว่า ท่านอิมามอันนะวาวีไม่ได้  กล่าวถึงประเด็นการกล่าว ซัยยิดินา  ว่าประเสริฐกว่าหรืไม่ประเสริฐกว่า  นอกจากมีหลักฐานมาระบุว่าท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวประเด็นนี้เอาไว้  ถึงจะนำมาพูดว่าท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้พูดถึงประเด็นการกล่าวซัยยิดินา

       หลักกออิดะฮ์ที่ว่า  "ไม่ถูกพาดพิงคำพูดของผู้ที่นิ่ง"  แต่กออิดะฮ์นี้ยังมีต่อนะครับว่า  "จนกว่าจะมีหลักฐานมาระบุว่าเขาได้พูด" เมื่อเราได้ศึกษาปรากฏว่าท่านอิมามอันนะวาวีย์ไม่ได้พูดถึงเรื่องการกล่าวซัยยิดินาประเสริฐกว่าหรือไม่ประเสริฐกว่า  เมื่ออิมามอันนะวาวีย์ไม่ได้กล่าวไว้  ก็ไม่ควรไปพาดพึงไปยังอิมามอันนะวาวีย์ว่า  "ท่านมีทัศนะว่าไม่กล่าวซัยยิดินาดีกว่า"  ซึ่งเหมือนกับเรื่องเมาลิดนั่นแหละครับ  อิมามอัชชาฟิอีย์ไม่ได้พูดเรื่องเมาลิดไว้  ดังนั้นเมื่ออิมามชาฟิอีย์ได้พูดเรื่องประเด็นเมาลิดไว้  ก็มิได้หมายความไม่ทำเมาลิดดีกว่าหรือไม่ดีกว่าตามทัศนะของอิมามอัชชาฟิอีย์

       แต่สิ่งที่อิมามอันนะวาวีย์พูด القائل นั้น  คือพูดเรื่องการศ่อลาวาตนบีแบบใหนจะสมบูรณ์  แบบสั้น ๆ อย่างแค่ใหน  แบบสมบูรณ์อ่านยาวแค่ใหนต่างหาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับกล่าวซัยยิดินาดีกว่าหรือไม่ดีกว่า  แต่หากจะพูดเจาะจงไปว่าอิมามอันนะวาวีย์พูดไม่ว่ากล่าวซัยยิดินาดีกว่า  ต้องมีหลักฐานมาระบุว่าอิมามอันนะวาวีย์ได้พูดถึงเรื่องการกล่าวซัยยิดินาเอาไว้ตามหลักการที่ว่า "จนกว่าจะมีหลักฐานมาระบุว่าเขาได้พูด"!
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ออกความเห็นสักหน่อย

       สรุปว่า อ.อะลี เสือสมิงเอง ก็ไม่ได้เข้าไปศึกษาหลักวิจารณ์นักรายงานโดยตรง  โดยไปตักลีดตามการพิจารณาของอัลบานีย์  หาก อ.อะลี  ไปดูการวิจารณ์นักรายงานฮะดิษปรากฏว่าท่านอิบนุฮะญัรได้บอกว่า  อัลมุสอูดีย์นั้น  ศ่อดูก(ไม่ใช่ฎออีฟ) แต่มีความจำสับสนในยุคช่วงท้ายก่อนเสียชีวิต 1 - 2 ปีตามที่น้องอัลอัซฮะรีได้นำเสนอไป  เมื่อเป็นเช่นนี้  อ.อะลี ก็น่าจะไปพิจารณาว่า  ก่อนท่านอัลมัสอูดีย์จะสับสนนั้น

น้องอัลอัซฮะรียได้นำเสนอจากหนังสือของท่านอิบนุฮะญัร ไว้ว่า

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัร  ได้กล่าวว่าในหนังสือ ตะซีบุตตะซีบ  นักรายงานลำดับที่   3919

 وقال عبد الله بن أحمد عن أبيه سماع وكيع من المسعودي قديم وأبو نعيم أيضا وإنما اختلط المسعودي ببغداد ومن سمع منه بالكوفة والبصرة فسماعه جيد

“อับดุลลอฮ์ บุตร อะห์มัด  ได้กล่าวจากบิดา(คืออิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล) ว่า  การได้ยินของวะเกี๊ยะอฺจากอัลมัสอูดีย์นั้น  ได้ยินมาแต่เดิมแล้ว  อบูนุอัยม์ ก็เช่นกัน  ทว่าแท้จริงอัลมัสอูดีย์มีความจำสับสนที่แบกแดด  และผู้ที่ได้ยินอัลมัสอูดีย์  ที่กูฟะฮ์หรือบัสเราะฮ์  การได้ยิน(ฮะดิษ) ของเขา (จากอัลมัสอูดีย์) ถือว่าเป็นการได้ยินที่ดี”  

ในสายรายงานของท่านอิบนุมาญะฮ์  ปรากฏว่าผู้ที่ได้ยินและรับฮะดิษมาจาก อัลมัสอูดีย์   ก็คือ  ซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  ซึ่งเขาก็คือ  ซิยาด บิน อับอิลลาฮ์ บิน อัฏฏุฟัยล์  อัลอามีรีย์  อัลกูฟีย์ (เป็นชาวกูฟะฮ์)  ดู  หนังสือตักรีบบุตตะฮ์ซีบ ลำดับนักรายงานที่ 2085

--------------------

       เห็นไหมครับว่า  ผู้ที่รายงานจากอัลมัสอูดีย์คือซิยาด บิน อับดิลลาฮ์นั้น  ได้รายงานในขณะที่อัลมัสอูดีย์ยังไม่มีความสับสน  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหตุใด อ.อะลี ถึงไม่ไปศึกษาจากต้นขั่วจากหนังสือวิจารณ์สายรายงาน  ซึ่งมีหลักการที่ชัดเจนกว่าการไปตักลีดตามการตัดสิน

อัลหาฟิซอิบนุหะญัรได้ยกคำกล่าวของอิหม่ามอะหมัดหลังจากประโยคที่คุณอัลอัซฮารีย์ยกมาข้างต้นว่า
وقال حنبل عن أحمد: سماع أبي النضر، وعاصم، وهؤلاء من المسعودي بعد ما اختلط
และหันบัลได้เล่าจากอะหมัดท่านกล่าวว่า "การได้ยินของอบูอันนะฎ็อร อาศิม และพวกเหล่านั้นจากอัลมัสอุดีย์ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเกิดความสับสนแล้ว"

ในสายรายงานของท่านอิสมาอีล อัลกอฎีย์  ปรากฏว่าผู้ที่ได้ยินและรับฮะดิษมาจาก อัลมัสอูดีย์   ก็คือ  อาศิม บิน อาลี ซึ่งรับรายงานโดยตรงจากอัลมัสอูดีย์ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดความสับสนแล้ว ในขณะที่ในสายรายงานอัตเฏาะบะรอนีย์กลับระบุว่า อศิม บิน อาลี รับมาจากอบูนุอีม อีกทอดหนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 12, 2008, 08:22 PM โดย GeT »

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       ประเด็นสำคัญหนึ่ง ณ กระทู้นี้  คือสายรายงานของ ท่านอิบนุมาญะฮ์  งั้นผมขอนำของฝากบางอย่างให้กับ ท่านอาจารย์ อ.อะลี  และท่าน GeT ที่ตักลีดอัลบานี 

ในหนังสือ อัลฮะฮาดิษอัซซ่อฮีฮะฮ์  ของอัลบานี  เล่ม 6 หน้า 2  ซึ่งอัลบานีได้กล่าวถึงอัลมัสอูดีย์ว่า

وأما المسعودي فهو وإن كان قد إختلط فهو صحيح الحديث إذا حدث قبل الإختلاط ، وطريق معرفة ذلك النظر في الراوي عنه ، فإذا كان بصريا أو كوفيا كان صحيحا حديثه لأنهم حدثوا عنه قبل الإختلاط

"สำหรับอัลมัสอูดีย์นั้น  เขาแม้จะมีความจำสับสน  แต่เขานั้นฮะดิษซอเฮียะฮ์  เมื่อได้ทำการบอกเล่าฮะดิษก่อนมีความจำสับสน  และหนทางในการพิจารณาดังกล่าว  ก็ในตัวผู้ที่รายงานจากอัลมัสอูดีย์  ดังนั้น  หากผู้รายงานจากมัสอูดีเป็นชาวบัสรีย์(ชาวบัสเราะฮ์) หรือชาวกูฟีย์(ชาวกูฟะฮ์)  ฮะดิษของเขาถือว่าซอเฮี๊ยะห์  เพราะพวกเขาได้บอกเล่ารายงานจากอัลมัสอูดีย์ก่อนความจำสับสน"

       จากตรงนี้  เราจะเห็นว่า  อัลอัซฮะรีย์เองก็ได้นำเสนอตามหลักการฮะดิษที่ว่า

     ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ  ฮะญัร  ได้กล่าวว่าในหนังสือ ตะซีบุตตะซีบ  นักรายงานลำดับที่   3919

 وقال عبد الله بن أحمد عن أبيه سماع وكيع من المسعودي قديم وأبو نعيم أيضا وإنما اختلط المسعودي ببغداد ومن سمع منه بالكوفة والبصرة فسماعه جيد

“อับดุลลอฮ์ บุตร อะห์มัด  ได้กล่าวจากบิดา(คืออิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล) ว่า  การได้ยินของวะเกี๊ยะอฺจากอัลมัสอูดีย์นั้น  ได้ยินมาแต่เดิมแล้ว  อบูนุอัยม์ ก็เช่นกัน  ทว่าแท้จริงอัลมัสอูดีย์มีความจำสับสนที่แบกแดด  และผู้ที่ได้ยินอัลมัสอูดีย์  ที่กูฟะฮ์หรือบัสเราะฮ์  การได้ยิน(ฮะดิษ) ของเขา (จากอัลมัสอูดีย์) ถือว่าเป็นการได้ยินที่ดี” 

       ในสายรายงานของท่านอิบนุมาญะฮ์  ปรากฏว่าผู้ที่ได้ยินและรับฮะดิษมาจาก อัลมัสอูดีย์   ก็คือ  ซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  ซึ่งเขาก็คือ  ซิยาด บิน อับอิลลาฮ์ บิน อัฏฏุฟัยล์  อัลอามีรีย์  อัลกูฟีย์ (เป็นชาวกูฟะฮ์)  ดู  หนังสือตักรีบบุตตะฮ์ซีบ ลำดับนักรายงานที่ 2085

       สรุปคือ ผู้รายงานจากอัลมัสอูดีย์  คือซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  ซึ่งเป็นชาวกูฟะฮ์  ดังนั้นฮะดิษของเขาซอฮิห์ตามหลักการที่อัลบานีย์ได้นำเสนอหลักการไว้ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง  แต่เขาบอกว่าฎออีฟ  นั้นเพราะอะไรพี่น้องตอบกันเอาเอง?

       แล้วผิดใหมครับหากมีน้องคนหนึ่งเขาบอกว่า  สายรายงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคิลาฟียะฮ์ไม่สมควรยึดการตัดสินของอัลบานีย์  เขาจะอาจจะตัดสินฎออีฟกับสายรายงานที่ไม่ฎออีฟ และอาจจะทำการตัดสินสายรายงานที่ซอเฮี๊ยะห์ให้เป็นฎออีฟ  ที่พูดอย่างนั้นเพราะเขาได้ศึกษามา
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัลหาฟิซอิบนุหะญัรได้ยกคำกล่าวของอิหม่ามอะหมัดหลังจากประโยคที่คุณอัลอัซฮารีย์ยกมาข้างต้นว่า
وقال حنبل عن أحمد: سماع أبي النضر، وعاصم، وهؤلاء من المسعودي بعد ما اختلط
และหันบัลได้เล่าจากอะหมัดท่านกล่าวว่า "การได้ยินของอบูอันนะฎ็อร อาศิม และพวกเหล่านั้นจากอัลมัสอุดีย์ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเกิดความสับสนแล้ว"

ในสายรายงานของท่านอิสมาอีล อัลกอฎีย์  ปรากฏว่าผู้ที่ได้ยินและรับฮะดิษมาจาก อัลมัสอูดีย์   ก็คือ  อาศิม บิน อาลี ซึ่งรับรายงานโดยตรงจากอัลมัสอูดีย์ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดความสับสนแล้ว ในขณะที่ในสายรายงานอัตเฏาะบะรอนีย์กลับระบุว่า อศิม บิน อาลี รับมาจากอบูนุอีม อีกทอดหนึ่ง


       หากจะให้คลายสงสัยนะครับคุณ GeT คุณก็ลองคำนึกถึงหลักการของ การสนับสนุนฮะดิษ  ในเมื่อคุณบอกว่า อาซิม บิน อะลี ได้รับการรายงานของอัลมัสอูดีย์หลังจากความจำสับสน  ซึ่งความฎออีฟนี้จะหมดไป  ในเมื่อมีอีกสายรายงานหนึ่งที่ ซิยาด บุตร อับดิลลาฮ์  ได้รายงานจากอัลมัสอูดีย์ก่อนการสับสน  ซึ่งการสนับสนุนตรงนี้  ย่อมชี้ชัดได้เลยว่า  อาซิม บิน อะลี  ไม่ได้ฟังมาผิดเลย  เพราะเขารายงานไปเหมือนกับผู้ที่รายงานจากอัลอมัสอูดีย์ก่อนสับสน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 12, 2008, 08:51 PM โดย นูรุ้ลอิสลาม »
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด

       ในสายรายงานของท่านอิบนุมาญะฮ์  ปรากฏว่าผู้ที่ได้ยินและรับฮะดิษมาจาก อัลมัสอูดีย์   ก็คือ  ซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  ซึ่งเขาก็คือ  ซิยาด บิน อับอิลลาฮ์ บิน อัฏฏุฟัยล์  อัลอามีรีย์  อัลกูฟีย์ (เป็นชาวกูฟะฮ์)  ดู  หนังสือตักรีบบุตตะฮ์ซีบ ลำดับนักรายงานที่ 2085

       สรุปคือ ผู้รายงานจากอัลมัสอูดีย์  คือซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  ซึ่งเป็นชาวกูฟะฮ์  ดังนั้นฮะดิษของเขาซอฮิห์ตามหลักการที่อัลบานีย์ได้นำเสนอหลักการไว้ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง  แต่เขาบอกว่าฎออีฟ  นั้นเพราะอะไรพี่น้องตอบกันเอาเอง?

ในส่วนของซิยาด อัลบักกาอีย์มีข้อสังเกตดังนี้
1. อัลหาฟิซได้กล่าวในตักรีบพอสรุปได้ว่า การรายงานของเขาจากอิบนุอิสหาก (ด้านมะฆอซีย์) น่าเชื่อถือ ส่วนถ้ารายงานจากคนอื่น การรายงานของเขาจะอ่อน (ลีน)
2. ซิยาด อัลบักกาอีย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นชาวกูฟะฮฺ และเป็นรชนรุ่นน้องมาก ถ้าจะเทียบกับบรรดาผู้ที่ได้ยินจากอัลมุสอูดีย์ในสมัยที่ท่านยังมีความจำดีอยู่ ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดการสับสนตั้งแต่ปี 154 ขณะที่ท่านพำนักอยู่ที่บัฆดาด และเสียชีวิตในปี 160  ส่วนซิยาดก็ได้พำนักอยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน และกลับไปยังกูฟะฮฺอีกครั้งเมื่อตอนใกล้จะเสียชีวิตแล้วในสมัยของฮารูนอัลเราะชีด และเสียชีวิตที่นั่นในปี 183  ดังนั้น การคาดคะเนว่า ซิยาดได้รัยรายงานจากอัลมัสอุดีย์ภายหลังจากที่ท่านมีความจำสับสนแล้ว จึงเป็นไปได้สูง ผนวกกับความจำที่ไม่ค่อยดีของท่านด้วยแล้ว....
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การไหลมาของกระแสรายงานที่มาจากบรรดานักรายงานที่รับรายงานจากอัลมัสอูดีย์หลังจากเกิดความสับสนจึงไม่ยังประโยชน์ใดๆ ....วัลลอฮุอะอฺลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 12, 2008, 09:02 PM โดย GeT »

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ท่านอาจาย์ อะลี  กล่าวว่า

ในความเป็นจริงแล้ว  มิได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด  กล่าวคือ  ท่านอิบนุ  ฮะญัร  (ร.ฮ.)  ท่านถือว่าการถือตามถ้อยคำในการกล่าวซอละหวาตนั้นเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่า  (اَلأَرْجَحُ)  ซึ่งสิ่งตรงกันข้าม  (مُقَابِلٌ)  ของสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่า (اَلأَرْجَحُ)  ก็คือ  สิ่งที่มีน้ำหนัก  (اَلرَّاجِحُ)  ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติได้บนพื้นฐานที่ว่า  การนำเอาคำว่า  ซัยยิดินา  มากล่าวนั้นเป็นคุณลักษณะที่ได้รับการยืนยันเอาไว้แก่ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  และเป็นการดำเนินตามแนวทางการรักษามารยาทเอาไว้  (سُلُوْكُ الأَدَبِ)  

ขอเสริมนิดหน่อย

       จากคำกล่าวของ อาจารย์อะลีนี้  เขาเรียกว่าอยู่ในเชิงการให้น้ำหนักในเรื่องคิลาฟียะฮ์  ซึ่งมุมมองการให้น้ำหนักแต่ละคนนั้น  เปิดโอกาสให้แก่ผู้รู้ถึงหลักฐานต่าง ๆ  แต่การให้น้ำหนักนั้นต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน  ซึ่งผมสรุปเพิ่มเติมจากสิ่งที่อาจารย์อะลีได้กล่าวไว้  คือ

       ผู้ที่ไม่อ่านซัยยิดินานั้น  เขาได้ตามถ้อยคำที่ท่านนบีได้กล่าวเอาไว้  คือตามคำต่อคำ  โดยเอาการตามคำต่อคำมาอยู่ก่อนการดำเนินตามแนวทางการมีมารยาท

       ส่วนผู้ที่อ่านซัยยิดินานั้น  เขาก็ตามถ้อยคำของท่านนบีเหมือนกันทุกอย่าง แต่เพิ่มซัยยิดินาเข้ามาเพื่อดำเนินตามแนวทางการมีการยาท  ซึ่งหลัการนี้คอลิฟะฮ์อัรรอชิดีนได้เคยกระทำไว้  อย่างเช่นท่านอบูบักร  ท่านอุษมาน และท่านอะลี  ที่ท่านนบีเคยใช้ให้กระทำสิ่งหนึ่ง  แต่ไม่ปฏิบัติตามอย่างตรงไปตรงมา  เพื่อแสดงถึงมารยาท

ท่านอาจารย์อะลี  กล่าวว่า

       ดังนั้นจึงเป็นสิทธิของผู้ถามที่จะเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่นักวิชาการแต่ละฝ่ายได้ให้ความเห็นเอาไว้  ที่สำคัญกรุณาอย่านำประเด็นที่เห็นต่างเช่นนี้มาถกเถียงกันจนลืมซอละหวาตและประสาทพรแก่ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ก็แล้วกัน  เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ย่ำแย่ยิ่งกว่า!

ออกความเห็นด้วย

       ผมเห็นด้วยกับบทสรุปของอาจาย์อะลี  ในประโยคส่งท้ายเหล่านี้  แต่ผมเกรงว่าจะมีบางคนที่กล่าวซัยยิดินาแล้วฮะรอมอาจจะกล่าวว่า  ทำการนำเสนอเพื่อเอาใจ  อัลอิยาซิบิลลาฮ์  อาจารย์อะลีไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน  mycool:
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ในส่วนของซิยาด อัลบักกาอีย์มีข้อสังเกตดังนี้
1. อัลหาฟิซได้กล่าวในตักรีบพอสรุปได้ว่า การรายงานของเขาจากอิบนุอิสหาก (ด้านมะฆอซีย์) น่าเชื่อถือ ส่วนถ้ารายงานจากคนอื่น การรายงานของเขาจะอ่อน (ลีน)
2. ซิยาด อัลบักกาอีย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นชาวกูฟะฮฺ และเป็นรชนรุ่นน้องมาก ถ้าจะเทียบกับบรรดาผู้ที่ได้ยินจากอัลมุสอูดีย์ในสมัยที่ท่านยังมีความจำดีอยู่ ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดการสับสนตั้งแต่ปี 154 ขณะที่ท่านพำนักอยู่ที่บัฆดาด และเสียชีวิตในปี 160  ส่วนซิยาดก็ได้พำนักอยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน และกลับไปยังกูฟะฮฺอีกครั้งเมื่อตอนใกล้จะเสียชีวิตแล้วในสมัยของฮารูนอัลเราะชีด และเสียชีวิตที่นั่นในปี 183  ดังนั้น การคาดคะเนว่า ซิยาดได้รัยรายงานจากอัลมัสอุดีย์ภายหลังจากที่ท่านมีความจำสับสนแล้ว จึงเป็นไปได้สูง ผนวกกับความจำที่ไม่ค่อยดีของท่านด้วยแล้ว....
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การไหลมาของกระแสรายงานที่มาจากบรรดานักรายงานที่รับรายงานจากอัลมัสอูดีย์หลังจากเกิดความสับสนจึงไม่ยังประโยชน์ใดๆ ....วัลลอฮุอะอฺลัม

คำพูดของคุณ GeT ที่บอกว่า "การคาดคะเนว่า"  "ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง"  "เขามีความจำไม่ดี"  ผมว่าคุณก็น่าจะคิดในแง่บวกบ้าง  เพราะอย่างน้อย ซิยาด บิน อับดิลและฮ์  เป็นนักรายงานของ ท่านบุคอรี  มุสลิม  ติรมีซีย์ และอิบนุมาญะฮ์ 

       และยิ่งกว่านั้น  ยังมีสายรายงานของท่านอับดุลร็อซซ๊ากได้สนับสนุนไว้ด้วยเช่นกัน  ดังที่น้องอัลอัซฮะรีได้นำเสนอไว้ดังนี้

มีสายรายงานสนับสนุน  จากท่านอัลฮาฟิซฺ  อับดุรร็อซซาก  ถึงท่านอิบนุมัสอู ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ท่านได้กล่าวว่า

اللهم اجعل صلاتك ورحمتك وبركاتك علي سيد المرسلين وإمام المتقين

“อัลลอฮุ้มมัจญ์อัล  ศ่อลาตะก้า  วะเราะห์มะตะก้า  วะบะรอกาตะก้า  อะลา  ซัยยิดิล มุรซะลีน  วะอิมามิลมุตตะกีน” ดู  หนังสือมุซซันนัฟ  ของท่านอัลฮาฟิซฺ  อับดุรร็อรซาก 2/213

       หากเรากลับไปดูสายรายงานดังกล่าวที่ถึงท่านอิบนุมัสอูด  ถือว่ามีดังนี้

عن الثوري عن أبي سلمة عن عون بن عبد الله عن رجل عن الأسود بن يزيد عن إبن مسعود

"ท่านอัษเษารีย์  ได้รายงานจาก อะบี สะละมะฮ์ จากอาวน์ บิน อับดิลและฮ์ จากชายคนหนึ่ง (เมื่อรวมสายรายงานปรากฏว่าชายคนนี้คือ أبو فاختة  ) จากอัลอัสวัด บิน ยะซีด  จากท่านอิบนุมัสอูด"

       คุณ GeT ครับ สายรายงานนี้ฎออีฟหรือไม่?  หากไม่ฎออีฟคุณก็ควรคำนึงถึงหลัก الشاهد  หรือ المتابع  หลักการสนับสนุนตัวบทและสายรายงานมาพิจารณาบ้างนะครับ
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดการสับสนตั้งแต่ปี 154 ขณะที่ท่านพำนักอยู่ที่บัฆดาด และเสียชีวิตในปี 160  ส่วนซิยาดก็ได้พำนักอยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน และกลับไปยังกูฟะฮฺอีกครั้งเมื่อตอนใกล้จะเสียชีวิตแล้วในสมัยของฮารูนอัลเราะชีด และเสียชีวิตที่นั่นในปี 183  ดังนั้น การคาดคะเนว่า ซิยาดได้รัยรายงานจากอัลมัสอุดีย์ภายหลังจากที่ท่านมีความจำสับสนแล้ว จึงเป็นไปได้สูง ผนวกกับความจำที่ไม่ค่อยดีของท่านด้วยแล้ว....

       จากการตรวจสอบนักรายงานที่ผ่านมา  อัลมัสอูดีย์มีความจำสับสน 1 - 2 ปีก่อนเสียชีวิต (อันนี้เอามาจากอัซฮะรี ซึ่งเขาพูดจริงหรือเปล่าคุณ  GeT ตรวจสอบอีกที หากจริงตามนั้นเหตุผลของคุณจะไร้น้ำหนัก)  แสดงว่าอัลมัสอูดีย์ไม่ได้ความจำสับสนตอนที่เริ่มเข้ามาพำนักที่บัฆดาดในปีที่ 154  ดังนั้นเมื่ออัลมัสอูดีย์เสียชีวิตในปี 160  ท่านจะมีความจำสับสนในปีที่ 158 - 160 ก่อนเสียชีวิต   แสดงว่าปีที่ 154 - 158 ที่เขาอยู่ในบัฆดาดนั้น เขาไม่ได้มีความจำสับสนน่ะครับ  จึงเป็นได้แน่นอนว่า ซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  รับฮะดิษในช่วงปีที่ 154 - 158 ที่บัฆดาด เขาซิยาด ได้อยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน  ไม่ใช่แค่ 2 ปี  วัลลอฮุอะลัม
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ในขณะที่อัลมัสอูดีย์เกิดการสับสนตั้งแต่ปี 154 ขณะที่ท่านพำนักอยู่ที่บัฆดาด และเสียชีวิตในปี 160  ส่วนซิยาดก็ได้พำนักอยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน และกลับไปยังกูฟะฮฺอีกครั้งเมื่อตอนใกล้จะเสียชีวิตแล้วในสมัยของฮารูนอัลเราะชีด และเสียชีวิตที่นั่นในปี 183  ดังนั้น การคาดคะเนว่า ซิยาดได้รัยรายงานจากอัลมัสอุดีย์ภายหลังจากที่ท่านมีความจำสับสนแล้ว จึงเป็นไปได้สูง ผนวกกับความจำที่ไม่ค่อยดีของท่านด้วยแล้ว....

       จากการตรวจสอบนักรายงานที่ผ่านมา  อัลมัสอูดีย์มีความจำสับสน 1 - 2 ปีก่อนเสียชีวิต (อันนี้เอามาจากอัซฮะรี ซึ่งเขาพูดจริงหรือเปล่าคุณ  GeT ตรวจสอบอีกที หากจริงตามนั้นเหตุผลของคุณจะไร้น้ำหนัก)  แสดงว่าอัลมัสอูดีย์ไม่ได้ความจำสับสนตอนที่เริ่มเข้ามาพำนักที่บัฆดาดในปีที่ 154  ดังนั้นเมื่ออัลมัสอูดีย์เสียชีวิตในปี 160  ท่านจะมีความจำสับสนในปีที่ 158 - 160 ก่อนเสียชีวิต   แสดงว่าปีที่ 154 - 158 ที่เขาอยู่ในบัฆดาดนั้น เขาไม่ได้มีความจำสับสนน่ะครับ  จึงเป็นได้แน่นอนว่า ซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  รับฮะดิษในช่วงปีที่ 154 - 158 ที่บัฆดาด เขาซิยาด ได้อยู่ที่บัฆดาดเป็นเวลานาน  ไม่ใช่แค่ 2 ปี  วัลลอฮุอะลัม
ความจริงอุละมาอ์เขามีความขัดแย้งเรื่องปีที่อัลมัสอูดีย์เสียชีวิตระหว่างปี 156 - 160 ส่วนกรณีที่ว่าที่คุฯนูรุ้ลกล่าวมาพอจะให้ข้อสังเกตได้ดังนี้
1. คำพูดของอุละมาอ์ที่ระบุว่า "อัลมัสอูดีย์มีความจำสับสน 1 - 2 ปีก่อนเสียชีวิต" เป็นเพียงการเทียบเคียง ซึ่งความเป็นจริงอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
2. อันนี้สำคัญมาก อุละมาอ์ระบุว่า การรายงานของอัลมุสอูดีย์ที่บัฆดาดนั้นเป็นการรายงานในช่วงที่ท่านสับสนแล้ว หมายความว่า อัลมุสอูดีย์เริ่มมีความจำที่สับสนนับจากวันที่ท่านเข้าไปพำนักอยู่ที่บัฆดาดจวบจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่ที่นั่นกี่ปีก็ตาม จากจุดนี้ ไม่ว่าท่านจะเสียชีวิตปี 156 ซึ่งหมายความว่าระยะเวลาของความสับสนก่อนที่จะเสียชีวิตมีเพียงแค่สองปี  ในกรณีที่ท่านเริ่มสับสนในปี 154หรือเสียชีวิตในปี 160 ซึ่งมีระยะเวลาของความสับสนนานถึง 6 ปี ก็ตาม ก็หนีไม่พ้นจากความสับสนของท่านได้ เพราะถ้าขึ้นชื่อว่ารับรายงานจากท่านที่บัฆดาดc]h; ก็ถือว่าเป็นการรับรายงานจากท่านในช่วงที่ท่านสับสนแล้ว วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ในหนังสือศิฟะตุลเศาะลาตของเชคอัลบานีย์ ท่านได้อ้าง คำฟัตวาของอัลหาฟิซอิบนุหะญัรเกี่ยวกับการกล่าวสัยยิดินา ซึ่งยังเป็นเมนุสคริปอยู่ที่ห้องสมุด อัลซอฮิรียะฮฺ มีเนื้อหาดังนี้ ที่สำคัญคือ อัลหาฟิซได้หุกมอาษารของอิบนุมัสอูดที่เรากำลังถกกันอยู่ว่าเป็นอาษารที่เฎาะอีฟเช่นกัน
قال الحافظ محمد بن محمد بن محمد الغرابيلي (وكان ملازما لابن حجر) :"وسئل (أي الحافظ ابن حجر) أمتع الله بحياته عن صفة الصلاة على النبي صلى اله عليه وسلم في الصلاة أو خارج الصلاة,

การถ่ายทอดอ้างอิงของคุณ เก็ท นั้น  นำเสนอไม่หมดนะครับ  เพราะตกคำกล่าวของท่านอัลฆ่อรอบีลีย์  ที่ว่า  من خطه نقلت  ความว่า "จากลายมือ(ข้อเขียน)ของท่านอิบนุฮะญัร  ฉันได้ทำการถ่ายทอด"

และชัยค์อัลบานีได้กล่าวเสริมว่า

 (وكان ملازما لابن حجر)

"โดยที่เขาอยู่ร่วมเป็นประจำกับท่านอิบนุฮะญัร"

ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง  ท่านอัลฆ่อรอบิลีย์ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ก็ควรทำการรายงานจากปากของครูที่เขาได้อยู่ร่วมเป็นประจำ  เหตุใดต้องมาคัดลอกจากข้อเขียนของท่านอิบนุฮะญัร  ในรูปแบบวิญาดะฮ์  โดยบันทึกข้อเขียนจากครูโดยไม่ได้ยินมาจากครูหรือไม่ได้รับอิยาซะฮ์  เป็นต้น  ดังนั้น  หากท่านอัลฆ่อรอบิลีย์ (ผู้ที่เสียชีวิตก่อนอาจารย์ของเขาถึง 17 ปี) มีการอยู่ร่วมเป็นประจำกับท่านอิบนุฮะญัรผู้เป็นครู  เขาก็สมควรอย่างยิ่งที่ได้รับจากครูของเขาในรูปแบบได้ยินหรืออิยาซะฮ์(มีการบอกอนุญาตให้แก่ศิษย์)  แต่ในทางตรงกันข้าม  ท่านอัศศ่อคอวีศิษย์เอกของท่านอิบนุฮะญัร กลับไม่ได้รับทราบข้อเขียนของท่านอิบนุฮะญัรเลย  ไม่เคยทราบการบอกกล่าว  หรือการอิยาซะฮ์ใด ๆ และไม่ทราบเรื่องนี้จากท่านอิบนุฮะญัร

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ความจริงอุละมาอ์เขามีความขัดแย้งเรื่องปีที่อัลมัสอูดีย์เสียชีวิตระหว่างปี 156 - 160 ส่วนกรณีที่ว่าที่คุฯนูรุ้ลกล่าวมาพอจะให้ข้อสังเกตได้ดังนี้
1. คำพูดของอุละมาอ์ที่ระบุว่า "อัลมัสอูดีย์มีความจำสับสน 1 - 2 ปีก่อนเสียชีวิต" เป็นเพียงการเทียบเคียง ซึ่งความเป็นจริงอาจจะมากกว่านั้นก็ได้
2. อันนี้สำคัญมาก อุละมาอ์ระบุว่า การรายงานของอัลมุสอูดีย์ที่บัฆดาดนั้นเป็นการรายงานในช่วงที่ท่านสับสนแล้ว หมายความว่า อัลมุสอูดีย์เริ่มมีความจำที่สับสนนับจากวันที่ท่านเข้าไปพำนักอยู่ที่บัฆดาดจวบจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่ที่นั่นกี่ปีก็ตาม จากจุดนี้ ไม่ว่าท่านจะเสียชีวิตปี 156 ซึ่งหมายความว่าระยะเวลาของความสับสนก่อนที่จะเสียชีวิตมีเพียงแค่สองปี  ในกรณีที่ท่านเริ่มสับสนในปี 154หรือเสียชีวิตในปี 160 ซึ่งมีระยะเวลาของความสับสนนานถึง 6 ปี ก็ตาม ก็หนีไม่พ้นจากความสับสนของท่านได้ เพราะถ้าขึ้นชื่อว่ารับรายงานจากท่านที่บัฆดาดc]h; ก็ถือว่าเป็นการรับรายงานจากท่านในช่วงที่ท่านสับสนแล้ว วัลลอฮุอะอฺลัม

เหตุใดคุณเก็ตถึงสมมุติ  การให้พบและรายงานระหว่าง ซิยาด กับ อัลมัสอูดีย์  มีเพียงรายงานที่แบกแดดแค่ 6 ปีละครับ  และซิยาดเสียชีวิตปี 183 คือเขายังมีชีวิตอยู่อีก 13 ปีหลังจากที่อัลมัสอูดีย์เสียชีวิต  ดังนั้น 6 + 13 เท่ากับ 19 ปี  แต่หลักการในการรับฮะดิษฮะดิษนั้นน้อยสุด เด็ก 5 ขวบก็รับฟังการรายงานได้แล้ว  ดังนั้น  หากซิยาดมีอายุไข 60 ปี เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรับการรายงานจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 36 ปี   และถ้าซิยาดมีอายุไข 65 ปี  เขาก็มีสิทธิ์ได้รับฮะดิษจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 41 ปี  ดังนั้น  ทำไมคุณเก็ตถึงไปจำกัดการพบกันระหว่างทั้งสองแค่ 6 ปี มันไม่เป็นการกีดกันช่วงเวลาอันมากมายนั้นออกไปดอกหรือ?  ฉะนั้น  หากคุณบอกว่าเป็นไปได้ที่ในเวลา 6 ปี ซิยาดได้ทำการรับรายงานจากอัลมัสอูด  ผมก็ขอกล่าวว่า  ซิยาดมีสิทธิ์ได้รายงานจากอัลมัสอูดีย์ที่กูฟะฮ์ถึง 30 - 40 ปี  และอีกกรณีหนึ่งก็คือ  ซิยาดได้ไปที่แบกแดดนั้น  มิใช่ไปเน้นรับฮะดิษจากคนอื่นแต่ไปเป็นอาจารย์เน้นเล่าฮะดิษให้ผู้คนที่แบกแดดทราบ

ดังนั้น  การรายงานของซิยาดจากอัลมัสอูดีย์นั้น  ไม่สับสนและผิดพลาดหรอก  เพราะมีอีก 2 สายงานของ อบูสะละมะฮ์ และฮุชัยม์  มายืนยันสนับสนุนทั้งสายรายงานและตัวบท

ท่านอัลมิซซีย์  ได้กล่าวว่า

وقال أبو أحمد بن عدي ولزياد أحاديث صالحة وقد روى عنه الثقات من الناس وما أرى برواياته بأسا وقال مطين في تاريخ وفاته كما قال محمد بن سعد روى له البخاري حديثا واحدا مقرونا بغيره ومسلم والترمذي وابن ماجة

"อบูอะห์มัด บิน อะดีย์  กล่าวว่า  ให้กับซิยาดนั้นมีบรรดาฮะดิษที่ดี (เหมาะสำหรับการพิจารณาและนำมาเป็นหลักฐาน) บรรดานักปราชญ์ฮะดิษที่เชื่อถือได้ได้ทำการรายงานจากเขา  และฉันเห็นบรรดาการรายงานของเขานั้นไม่เป็นไร  และท่านมะฏีนได้กล่าวไว้ในประวัติการตายของเขาไว้เหมือนกับที่มุฮัมมัด บิน สะอัด ได้กล่าวไว้  ท่านอัลบุคอรีได้รายงานฮะดิษหนึ่งของเขาโดยอยู่พร้อมกับฮะดิษอื่น(ที่มาสนับสนุน) และท่านมุสลิม  ท่านติรมีซีย์  และอิบนุมาญะฮ์  ก็ได้รายงานฮะดิษของเขา" ตะซีบุลกะมาล นักรายงานลำดับที่ 2053

ดังนั้นในกรณีของซิยาด บิน อับดิลลาฮ์  หากจะใช้หลักการรายงานของท่านบุคคอรีย์ที่มีต่อซิยาดโดยรายงานพร้อมกับสายรายงานอื่นมาสนับสนุนค้ำจุนนั้น   แน่นอนว่าสายรายงานของท่านอิบนุมัสอูดที่รายงานโดยซิยาด  ก็อยู่พร้อมกับสายรายงานอื่นมาสนับสนุนเช่นกันถึง 2 รายงานด้วยเช่นกัน  ดังนั้นอาษารของท่านอิบนุมัสอูดไม่ฎออีฟอย่างแน่นอน

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 13, 2008, 11:46 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตยกหนังสือศิฟะตุลเศาะลาตของเชคอัลบานีย์มาประกอบการเสวนา หวังว่าคงไม่ว่ากัน

ถ้าจะให้ผมวิจารย์ ผมขอวิจารย์ว่า อ.อาลี เสือสมิง และคุณอัซฮารีย์เข้าใจผิดเกี่ยวกับประโยคที่ว่า  ومن خطه نقلت และเหตุที่ผมไม่ได้ยกประโยคนี้ เพราะผมไม่ได้ยกอ้างคำพูดของเชคอัลบานีย์ในจุดนั้น ผมเพียงแต่ยกอ้างคำพูดที่เขียนโดยอัลเฆาะรอบีลียืเท่านั้น และผมขอขยายความชี้แจงดังนี้
1. ประโยคที่ว่า وكان ملازما لابن حجر، ومن خطه نقلت เป็นคำพูดของเชคอัลบานีย์ ทั้งดุ้น ดังจะเห็นได้จากต้นฉบับหนังสือข้างต้น ซึ่งเชคอัลบานีย์ได้ใส่ไว้ในช่องระหว่างสองขีด (- ? -) เพื่อแบ่งแยกระหว่างคำพูดของเชคอัลเฆาะรอบีลีย์กับคำพูดของเชค
2. ดังนั้น คำว่า  ومن خطه نقلت (และฉันได้ยกมาจากลายมือของท่าน) เป็นคำพูดของเชคอัลบานีย์ซึ่งท่านได้นะกัลคำพูดหรือคำฟัตวาของอิบนุหะญัรที่เขียนหรือบันทึกโดยอัลเฆาะรอบีลีย์ ไม่ใช่ลายมือที่อิบนุหะญัรเขียนขึ้นเอง ดังที่ อ.อาลี เสือสมิง และอัซฮารีย์เข้าใจ
3. หลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคำฟัตวานี้อิบนุหะญัรไม่ได้เขียนเอง คือ สำนวนคำฟัตวาที่ปรากฏ "และท่านได้ถูกถาม (หมายถึง อัลหาฟิซอิบนุหะญัร) ขออัลลอฮฺโปรดประทานความผาสุกในชีวิตท่าน..." ซึ่งมีข้อสังเกตดังนี้
3.1 ถ้าอิบนุหะญัรเป็นคนเขียนเองกับมือ มันสมควรหรือที่ท่านจะพูดว่า (ท่านได้ถูกถาม) มันน่าจะพูดว่า (ผมได้ถูกถาม) ถึงจะถูก
3.2 คำดุอาอ์ "ขออัลลอฮฺโปรดประทานความผาสุกในชีวิตท่าน" ถ้าเป็นลายมือของท่านเอง แล้วคำว่า "ท่าน" ในประโยคจะหมายถึงใครละ การขอดุอาอ์ให้กับตัวเองโดยใช้สำนวนบุรุษที่สองในภาษาอาหรับเขาใช้ด้วยหรือ
เอาแค่นี้ก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 13, 2008, 11:43 AM โดย GeT »

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด

เหตุใดคุณเก็ตถึงสมมุติ  การให้พบและรายงานระหว่าง ซิยาด กับ อัลมัสอูดีย์  มีเพียงรายงานที่แบกแดดแค่ 6 ปีละครับ  และซิยาดเสียชีวิตปี 183 คือเขายังมีชีวิตอยู่อีก 13 ปีหลังจากที่อัลมัสอูดีย์เสียชีวิต  ดังนั้น 6 + 13 เท่ากับ 19 ปี  แต่หลักการในการรับฮะดิษฮะดิษนั้นน้อยสุด เด็ก 5 ขวบก็รับฟังการรายงานได้แล้ว  ดังนั้น  หากซิยาดมีอายุไข 60 ปี เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรับการรายงานจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 36 ปี   และถ้าซิยาดมีอายุไข 65 ปี  เขาก็มีสิทธิ์ได้รับฮะดิษจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 41 ปี  ดังนั้น  ทำไมคุณเก็ตถึงไปจำกัดการพบกันระหว่างทั้งสองแค่ 6 ปี มันไม่เป็นการกีดกันช่วงเวลาอันมากมายนั้นออกไปดอกหรือ? 

6 ปี คือระยะเวลาที่ซิยาดมีโอกาสที่จะพบกับอัลมัสอูดีย์ ส่วนอีก 13 ปีหลังจากนั้น ซิยาดจะไปพบและรับหะดีษจากอัลมุสอีดีย์ได้อย่างไรละ ในเมื่อเจ้าตัว เสียชีวิตตั้งแต่หกปีแรกแล้ว

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ขออนุญาตยกหนังสือศิฟะตุลเศาะลาตของเชคอัลบานีย์มาประกอบการเสวนา หวังว่าคงไม่ว่ากัน

ถ้าจะให้ผมวิจารย์ ผมขอวิจารย์ว่า อ.อาลี เสือสมิง และคุณอัซฮารีย์เข้าใจผิดเกี่ยวกับประโยคที่ว่า  ومن خطه نقلت และเหตุที่ผมไม่ได้ยกประโยคนี้ เพราะผมไม่ได้ยกอ้างคำพูดของเชคอัลบานีย์ในจุดนั้น ผมเพียงแต่ยกอ้างคำพูดที่เขียนโดยอัลเฆาะรอบีลียืเท่านั้น และผมขอขยายความชี้แจงดังนี้
1. ประโยคที่ว่า وكان ملازما لابن حجر، ومن خطه نقلت เป็นคำพูดของเชคอัลบานีย์ ทั้งดุ้น ดังจะเห็นได้จากต้นฉบับหนังสือข้างต้น ซึ่งเชคอัลบานีย์ได้ใส่ไว้ในช่องระหว่างสองขีด (- ? -) เพื่อแบ่งแยกระหว่างคำพูดของเชคอัลเฆาะรอบีลีย์กับคำพูดของเชค
2. ดังนั้น คำว่า  ومن خطه نقلت (และฉันได้ยกมาจากลายมือของท่าน) เป็นคำพูดของเชคอัลบานีย์ซึ่งท่านได้นะกัลคำพูดหรือคำฟัตวาของอิบนุหะญัรที่เขียนหรือบันทึกโดยอัลเฆาะรอบีลีย์ ไม่ใช่ลายมือที่อิบนุหะญัรเขียนขึ้นเอง ดังที่ อ.อาลี เสือสมิง และอัซฮารีย์เข้าใจ

ผมไม่ทราบว่าหนังสือซิฟะติศศ่อลาฮ์ฯ ของท่านอัลบานีที่คุณได้อ่านอยู่นั้น ฉบับใหน?  แต่ที่ผมมีอยู่คือ ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 10 ดารุลมะอาริฟ ริยาฎ ซึ่งข้อความต่างกันเล็กน้อยกับฉบับของคุณดังนี้

 وكان ملازما لابن حجر- قال رحمه الله ومن خطه نقلت

 "เขา (ขอโปรดอัลเลาะฮ์ทรงเมตตาแก่เขาด้วย) ได้กล่าวว่า  และจากลายมือของเขา  ฉันขอทำการถ่ายทอด"  หากมีคำว่า قال رحمه الله  ก็แสดงว่าท่านอัลฆ่อรอบีลีย์ได้กล่าวถ่ายทอดจากลายมือคำตอบของท่านอิบนุฮะญัร

หากเป็นฉบับที่คุณมีอยู่คือ

وكان ملازما لابن حجر، ومن خطه نقلت

"(คือเป็นคำกล่าวของชัยค์อัลบานีเองที่ว่า) จากลายมือของเขา  ฉันขอทำการถ่ายทอด"

แต่อย่างไรก็แล้วแต่  ผมไม่ขอแก้ต่างและอธิบายรายละเอียดในเรื่องนี้น่ะ  เพราะผมไม่เอี๊ยะอฺติบารฟัตวาดังกล่าวที่อ้างถึงท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร อยู่แล้วล่ะครับ  แต่หากผมจะแก้ต่างให้ อ.อะลี ล่ะก็  ผมก็ขอบอกว่า คุณต้องแยกแยะระหว่างตัวบทคำถามที่คนอื่นถาม กับตัวบทคำตอบ

แล้วผมก็อยากทราบอีกครับว่า  ลายมือที่ชัยค์อัลบานีนำมาเสนอนั้น  เริ่มตรงใหนและสิ้นสุดตรงใหน? ซึ่งในฉบับที่ผมมีอยู่นั้น  ก็ยังมีเยอะอีกพอควรกว่าชัยค์อัลบานีจะวงเล็บปิดให้กับมัน  เพราะข้อความก่อนจะวงเล็บปิดนั้น  ไม่ค่อยตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น  ยังไงก็อย่าลืมชี้แจงอีกประเด็นด้วยครับ

วัสลาม 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

เหตุใดคุณเก็ตถึงสมมุติ  การให้พบและรายงานระหว่าง ซิยาด กับ อัลมัสอูดีย์  มีเพียงรายงานที่แบกแดดแค่ 6 ปีละครับ  และซิยาดเสียชีวิตปี 183 คือเขายังมีชีวิตอยู่อีก 13 ปีหลังจากที่อัลมัสอูดีย์เสียชีวิต  ดังนั้น 6 + 13 เท่ากับ 19 ปี  แต่หลักการในการรับฮะดิษฮะดิษนั้นน้อยสุด เด็ก 5 ขวบก็รับฟังการรายงานได้แล้ว  ดังนั้น  หากซิยาดมีอายุไข 60 ปี เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรับการรายงานจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 36 ปี   และถ้าซิยาดมีอายุไข 65 ปี  เขาก็มีสิทธิ์ได้รับฮะดิษจากอัลมัสอูดที่กูฟะฮ์ถึง 41 ปี  ดังนั้น  ทำไมคุณเก็ตถึงไปจำกัดการพบกันระหว่างทั้งสองแค่ 6 ปี มันไม่เป็นการกีดกันช่วงเวลาอันมากมายนั้นออกไปดอกหรือ? 

6 ปี คือระยะเวลาที่ซิยาดมีโอกาสที่จะพบกับอัลมัสอูดีย์ ส่วนอีก 13 ปีหลังจากนั้น ซิยาดจะไปพบและรับหะดีษจากอัลมุสอีดีย์ได้อย่างไรละ ในเมื่อเจ้าตัว เสียชีวิตตั้งแต่หกปีแรกแล้ว

ตราบใดที่ซิยาดเป็นนักฮะดิษชาวกูฟะฮ์  ก่อนที่จะอัลมัสอูดีย์จะเข้าแบกแดดในช่วงท้ายชีวิตของเขานั้น  แน่นอนว่า ซิยาดย่อมมีโอกาสได้รับและฟังฮะดิษจากอัลมัสอูดีย์  เพราะได้มีการยืนยันว่าชีวิตส่วนมาก  ท่านอัลมัสอูดีย์ก็ได้ทำการรายงานไว้ที่กูฟะฮ์และบัสเราะฮ์และมีคนรับฟังฮะดิษจากท่านที่กูฟะฮ์และบัสเราะฮ์  และที่ผมได้ระบุเวลา 13 ปีมาด้วยนั้น  ก็เพื่อจะบอกว่า  เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เหลืออยู่ของซิยาดที่ไม่สามารถรายงานจากอัลมัสอูดีย์ได้แล้ว  และผมได้บวกไปอีก 6 ปี  เพื่อจะบอกว่าช่วงเวลานั้นซิยาดไม่ถูกเอี๊ยะติบารการรายงานของซิยาดจากอัลมัสอูดีย์ (ตามทัศนะที่คนคาดการณ์เอาไว้)  และเลข 13 ที่ผมนำมาระบุก็เพื่อนำมาบวกลบกับอายุไขทั้งหมดของซิยาด  เพื่อจะได้ทราบว่าซิยาดสามารถรับฟังการรายงานที่กูฟะฮ์กี่ปี  นั่นเอง
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged