หะดีษอับดุลลอฮฺ บิน ซุเบรมีสำนวนและสายรายงานดังนี้
1. สำนวนที่หนึ่ง :
عَنْ عَامِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ الزُّبَيْرِ عَنْ أَبِيهِ قَالَ: رَأَيْتُ النَّبِىَّ صلى الله عليه وسلم يَدْعُو هَكَذَا فِى الصَّلاَةِ. وَأَشَارَ ابْنُ عُيَيْنَةَ بِأُصْبُعِهِ وَأَشَارَ أبو الْوَلِيدِ بِالسَّبَّاحَةِ.
- وفي رواية : رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَدْعُو هَكَذَا. وَأَشَارَ بِالسَّبَّاحَةِ.
- وفي رواية :رَأَيْتُ النَّبِىَّ صلى الله عليه وسلم يَدْعُو هَكَذَا., وَعَقَدَ ابْنُ الزُّبَيْرِ
สรุปสำนวน : ระบุเพียงแค่การชี้ด้วยนิ้วชี้อย่างเดียว (ไม่มีระบุว่ากระดิกหรือไม่กระดิก)
สายรายงานสำนวนนี้ :
أخرجه الحُميدي (879) قال : حدَّثنا سُفيان. قال : حدثنا زياد بن سَعد ، ومحمد بن عَجلان.
و"أحمد" 4/3 (16198) قال : قرئ عَلَى سُفيان ، وأنا شاهد ، سَمِعتَ ابن عَجلان ، وزياد بن سَعد.
و"الدارِمِي" 1338 قال : أخبرنا أبو الوليد الطيالسي ، حدثنا ابن عُيَينَة ، عن ابن عَجلان.
كلاهما (زياد ، وابن عَجلان) أنهما سمعا عامر بن عبد الله بن الزبير ، فذكره.
ข้อสังเกต :
1. ในสายรายงานที่ไม่มีระบุคำว่า ولا يحركها และไม่มีนักรายงานที่ชื่อ หัจญาจญ์ ซึ่งเป็นนักรายงานที่มีปัญหาด้านความจำในช่วงท้ายของชีวิต
2. ในสายรายงานนี้ อิบนุ อัจญ์ลาน ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าเขาได้ยินมาจาก อามิร โดยใช้สำนวนรายงานว่า سمع ซึ่งทำให้ความกลัวด้านการตัดลีสของท่านได้สูญไป
3. มีนักรายงานที่ชื่อ ซิยาด ได้ร่วมรายงานกับอิบนุอัจญ์ลานด้วย ทำให้ความเป็นไปได้ที่อิบนุอัจญ์ลานจะรายงานแบบตัดลีสนั้นขาดหายไป
2. สำนวนที่สอง
عَنْ عَامِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ الزُّبَيْرِ عَنْ أَبِيهِ؛ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم كَانَ إِذَا قَعَدَ فِى التَّشَهُّدِ وَضَعَ كَفَّهُ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُسْرَى وَأَشَارَ بِالسَّبَّابَةِ لاَ يُجَاوِزُ بَصَرُهُ إِشَارَتَهُ.
- وفي رواية :كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم إِذَا قَعَدَ يَدْعُو وَضَعَ يَدَهُ الْيُمْنَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُمْنَى وَيَدَهُ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُسْرَى وَأَشَارَ بِإِصْبَعِهِ السَّبَّابَةِ وَوَضَعَ إِبْهَامَهُ عَلَى إِصْبَعِهِ الْوُسْطَى وَيُلْقِمُ كَفَّهُ الْيُسْرَى رُكْبَتَهُ.
- وفي رواية :كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم إِذَا قَعَدَ فِى الصَّلاَةِ جَعَلَ قَدَمَهُ الْيُسْرَى بَيْنَ فَخِذِهِ وَسَاقِهِ وَفَرَشَ قَدَمَهُ الْيُمْنَى وَوَضَعَ يَدَهُ الْيُسْرَى عَلَى رُكْبَتِهِ الْيُسْرَى وَوَضَعَ يَدَهُ الْيُمْنَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُمْنَى وَأَشَارَ بِإِصْبَعِهِ.
- وفي رواية :كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم إِذَا جَلَسَ فِي الرَّكْعَتَيْنِ افْتَرَشَ الْيُسْرَى وَنَصَبَ الْيُمْنَى وَوَضَعَ إِبْهَامَهُ عَلَى الْوُسْطَى وَأَشَارَ بِالسَّبَّابَةِ وَوَضَعَ كَفَّهُ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُسْرَى وَأَلْقَمَ كَفَّهُ الْيُسْرَى رُكْبَتَهُ
.
ข้อสังเกต : สำนวนในสายรายงานนี้มีระบุเพียงแค่ การชี้ด้วยนิ้วชี้ หรือด้วยนิ้วเฉยๆ เท่านั้น ไม่มีสำนวนที่ระบุว่า ไม่ได้กระดิกนิ้ว แต่อย่างใด
สายรายงานของสำนวนนี้
أخرجه أحمد 4/3(16199) قال : حدثنا يَحيى بن سعيد ، عن ابن عَجلان.
و"عَبد بن حُميد" 99 قَالَ : حدثني ابن أبِي شَيبة. قال : حدثنا أبو خالد الأَحمر ، عن محمد بن عَجلان.
و"مسلم" 2/90 (1245) قال : حدثنا محمد بن مَعمر بن رِبعي القَيسي ، حدثنا أبو هشام المخزومي ، عن عبد الواحد ، وهو ابن زياد ، حدَّثنا عثمان بن حكيم.
وفي (1246) قال : حدثنا قُتيبة ، حدثنا لَيث ، عن ابن عَجلان (ح) قال : وحدثنا أبو بكر بن أبِي شَيبة. قال : حدثنا أبو خالد الأَحمر ، عن ابن عَجلان.
و"أبو داود" 988 قال : حدثنا محمد بن عبد الرحيم البَزاز ، حدثنا عَفان ، حدثنا عبد الواحد بن زياد ، حدثنا عُثمان بن حَكيم.
وفي (990) قال : حدثنا محمد بن بشار ، حدثنا يَحيى ، حدثنا ابن عجلان.
و"النَّسَائي" 3/39 ، وفي "الكبرى" 1199 قال : أخبرنا يعقوب بن إبراهيم. قال : حدَّثنا يحيى ، عن ابن عَجْلان.
و"ابن خزيمة" 696 قال : حدثنا يوسف بن مُوسى القطان ، حدثنا العلاء بن عبد الجبار ، حدثنا عبد الواحد بن زياد ، حدثنا عُثمان بن حَكيم.
وفي (718) قال : حدَّثنا بندار , حدثنا يَحيى بن سعيد ، حدثنا ابن عَجلان.
كلاهما (محمد بن عَجلان - عن، وعُثمان بن حَكيم حدثني/نا) عامر بن عبد الله بن الزبير ، فذكره
.
ข้อสังเกต :
1. ในสายรายงานนี้ไม่มีคำว่า ولا يحركها และไม่มีนักรายงานที่ชื่อ หัจญาจญ์ ซึ่งเป็นนักรายงานที่น่าจะมีปัญหาด้านความจำ
2. ในสายรายงานนี้ถึงแม้ว่า อิบนุ อัจญ์ลาน รายงานด้วยสำนวน عن ซึ่งเป็นสำนวนที่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าท่านได้ยินมาจากอามิรด้วยตนเอง แต่มีนักรายงานที่ชื่อ อุษมาน บิน หะกีม ได้ร่วมรายงานกับอิบนุอัจญ์ลานด้วย ทำให้ความเป็นไปได้ที่อิบนุอัจญ์ลานจะรายงานแบบตัดลีสนั้นขาดหายไป
3. สำนวนที่สาม
عَنْ عَامِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ الزُّبَيْرِ، أَنَّهُ ذَكَرَ ؛ أَنَّ النَّبِىَّ، صلى الله عليه وسلم، كَانَ يُشِيرُ بِأُصْبُعِهِ إِذَا دَعَا وَلاَ يُحَرِّكُهَا. قَالَ ابْنُ جُرَيْجٍ : وَزَادَ عَمْرُو بْنُ دِينَارٍ قَالَ أَخْبَرَنِى عَامِرٌ عَنْ أَبِيهِ؛ أَنَّهُ رَأَى النَّبِىَّ صلى الله عليه وسلم يَدْعُو كَذَلِكَ وَيَتَحَامَلُ النَّبِىُّ صلى الله عليه وسلم بِيَدِهِ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُسْرَى
สรุปสำนวน : ในสายรายงานนี้มีระบุคำว่า (وَلاَ يُحَرِّكُهَا) และท่านไม่ได้กระดิกนิ้ว
สายรายงานของสำนวนนี้
أخرجه أبو داود (989) قال : حدَّثنا إبراهيم بن الحسن المصيصي.
و"النَّسَائي" 3/37 ، وفي "الكبرى" 1194 قال : أخبرنا أيوب بن محمد الوَزان. كلاهما (إبراهيم بن الحسن، وأيوب بن محمد) قالا: حَدَّثَنَا حَجَّاجٌ. قَالَ ابْنِ جُرَيْحٍ : أَخْبَرَنِي زِيَادٍ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَجْلاَنَ، عَنْ عَامِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ الزُّبَيْرِ، به
ข้อสังเกต :
1. ในสำนวนที่มีระบุคำว่า ไม่ได้กระดิกนิ้ว นี้ มีรักรายงานที่ชื่อ หัจญาจญ์ อยู่ ซึ่งเป็นนักรายงานที่มีปัญหาด้านความจำ (สับสน) ในช่วงปลายของชีวิต ส่วนนักรายงานที่รับหะดีษมาจากท่านก็ไม่เป็นที่ประจักษ์เหมือนกันว่า รับมาก่อนที่หัจญาจญ์เกิดความสับสนหรือหลังจากที่ความจำของเขาสับสนแล้ว ในกรณีเช่นนี้อุละมาอ์ให้ตะวักกุฟ (ไม่รับการรายงานของเขา) เพราะไม่สามารถยืนยันถึงความน่าเชื่อถือด้านความจำ จนกว่าจะแน่ใจว่าผู้ที่รับรายงานจากเขาได้รับรายงานมาก่อนหน้าที่เขาจะมีความจำที่สับสน หรือมีสายรายงานอื่นมาสนับสนุนในสำนวนที่เพิ่มเติมนั้น
2. ในสำนวนนี้ อิบนุอัจญ์ลาน รายงานเพียงคนเดียว และรายด้วยสำนวน عن ซึ่งเป็นสำนวนที่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าท่านได้ยินมาจากอามิรด้วยตนเองหรือไม่ เพราะฉะนั้น โดยหลักการจึงไม่อาจยึดสำนวนนี้ได้ เพราะท่านถูกระบุว่าเป็นนักรายงานที่ชอบอำพรางที่อยู่ในระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สามารถรับการรายงานจนกว่าจะมีการชี้ชัดว่าเขาได้ฟังจากผู้ที่เขารับรายงานมาจริง หรือมีรายงานจากผู้อื่นมาสนับสนุน
สรุปคือ
จากการรวมสายรายงานต่างๆที่รายงานโดยอิบนุอัจญ์ลาน พอสรุปได้ดังนี้
1. สำนวนของสายรายงานคนอื่นๆที่น่าเชื่อถือและได้รายงานจากอิบนุอัจญ์ลานไม่มีสายรายงานใดมีคำว่า ,ولا يحركها อยู่ในสำนวนหะดีษ
2. สำนวนของสายรายงานหัจญาจญ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รายงานไปถึงอิบนุอัจญ์ลานและมีระบุคำว่า ไม่ได้กระดิกนิ้ว
3. น่าจะเกิดความสับสนและผิดพลาดที่ หัจญาจญ์ อัลมัสศีศีย์ โดยได้เพิ่มคำว่า ไม่ได้กระดิกนิ้ว เข้าไป เพราะสายรายงานอื่นจาก หัจญาจญ์ ซึ่งบรรดานักรายงานของสายรายงานอื่นล้วนมีความจำที่ดีแต่ในสำนวนของพวกเขาไม่มีระบุคำว่า ไม่ได้กระดิกนิ้ว อยู่ในสำนวนหะดีษ
4. หรือ อาจเป็นการเพิ่มเติม (อิดรอจญ์) จากนักรายงานคนใดคนหนึ่ง โดยเข้าใจและตีความจากคำว่า ชี้ด้วยนิ้ว ว่าเป็นการชี้เฉยๆ โดยไม่ได้กระดิกแต่อย่างใด วัลลอฮุอะอฺลัม
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การเพิ่มเติมคำว่า ไมได้กระดิกนิ้ว จึงน่าจะเป็นการเพิ่มเติมที่ชาซ (เพี้ยน) เพราะเป็นสำนวนที่ค้านกับสำนวนของสายรายงานอื่นๆที่น่าเชื่อถือกว่า วัลลอฮุอะอฺลัม
ข้อสังเกตทัศนะส่วนตัวไม่เห็นด้วยการการตะลีลของเชคอัลบานีย์ที่ว่า
" การเพิ่มคำว่า "(และท่านนบีไม่กระดิกมัน") ไม่มั่นคง เพราะหะดิษที่รายงานจากมุหัมหมัด บิน อัจญลาน จาก อามีร บิน อับดุลลอฮ บิน อัซซุบีร จากบิดาของเขา โดยที่ อิบนุอัจญลาน เป็นผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ ความจริง หะดิษที่ ผู้รายงานสี่คนที่เชื่อถือได้ได้รายงานจากเขานั้น ไม่มีคำว่า (และท่านนบีไม่กระดิกมัน) และในทำนองเดียวกันนั้น ผู้รายงานที่น่าเชื่อถือสองคนได้รายงานมันจากอามีร แล้วปรากฏด้วยดังกล่าวว่า สำนวนที่เพิ่มเติมนี้ (หมายถึงคำว่า لا يحركها) มันเพี้ยน และเฎาะอีฟ(หลักฐานอ่อน)" เป็นความผิดพลาดเกิดที่อิบนุอัจญ์ลาน เพราะสำนวนของอิบนุอัจญ์ลานในสายรายงานอื่นจากหัจญาจญ์ ล้วนไม่มีระบุคำเพิ่มเติม ولا يحرجها ดังกล่าว วัลลอฮุอะอฺลัม