salam
وَيَجْمَعُ مَعَانِيَ هذِهِ العَقَائِدِ كُلهَا قَوْلُ:
ได้ประมวลความหมายต่าง ๆ ของอะกีดะฮ์เหล่านี้ทั้งหมด (คือซีฟัต 20 และซีฟัตของบรรดร่อซูล) โดยความหมายจากคำกล่าวที่ว่า
لاَ إِلهَ إِلاَّ اللهُ مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللهِ
"ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ มุฮัมมะดุรร่อซูลุลลอฮ์"
إِذ مَعْنَى اْلأُلُوهِيَّةِ: اسْتِغْنَاءُ اْلإِلهِ عَنْ كُلِّ مَا سِوَاهُ، وَافْتِقَارُ كُلِّ مَا عَدَاهُ إِلَيْهِ.
เนื่องจากความหมายของความเป็นพระเจ้า (อัลอุลูฮียะฮ์) ก็คือ พระเจ้าที่เพียงพอ(ไม่ต้องการไม่พึ่งพา) จากทุก ๆ ที่อื่นจากพระองค์ และทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์นั้น มีความต้องการไปยังพระองค์
فَمَعْنى لاَ إِلهَ إِلاَّ اللهُ: لاَ مُسْتَغْنَي عَنْ كُلِّ مَا سِوَاهُ، وَمُفْتَقِرًا إِلَيْهِ كُلُّ مَا عَدَاهُ إِلاَّ اللهُ تَعَالَى.
ดังนั้น ความหมาย ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ คือ ไม่มีผู้ใดซึ่งเพียงพอ(คือไม่ต้องการ)จากทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์ และทุก ๆ สิ่งที่นอกเหนือจากพระองค์ล้วนต้องการไปยังพระองค์ นอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาเท่านั้น
أَمَّا اسْتِغْنَاؤُهُ جَلَّ وَعَزَّ عَنْ كُلِّ مَا سِوَاهُ، فَهُوَ يُوجِبُ لَهُ تَعَالَى: الْوُجُودَ، وَالْقِدَمَ، وَالْبَقَاءَ، وَالمُخَالَفَةَ لِلْحَوَادِثِ، وَالْقِيَامَ بِالنَّفْسِ، وَالتَّنَزُّهَ عَن النَّقَائِصِ.
สำหรับการที่พระองค์ทรงเพียงพอ(คือไม่ต้องการพึ่งพา)ทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์นั้น ก็คือ จำเป็น(ทางสติปัญญา)ที่พระองค์วายิบต้องมีคุณลักษณะแห่งการมี , คุณลักษณะทรงมีมาตั้งแต่เดิม(โดยไม่มีจุดเริ่มต้น) , คุณลักษณะทรงถาวร(ไม่สิ้นสุดสูญสลาย) , คุณลักษณะที่แตกต่างจากสิ่งที่บังเกิดใหม่ , คุณลักษณะทรงดำรงด้วยพระองค์เอง , และคุณลักษณะที่บริสุทธิ์จากบรรดาคุณลักษณะที่บกพร่องต่าง ๆ
وَيَدْخُلُ فِي ذلِكَ وُجُوبُ السَّمْعِ لَهُ تَعَالَى وَالْبَصَرِ وَالْكَلاَمِ، إِذْ لَوْ لَمْ تَجِبْ لَهُ هذِهِ الصِّفَاتُ لكَانَ مُحُتَاجًا إِلَى المُحْدِثِ، أَوِ المَحَلِّ، أَوْ مَنْ يَدْفَعُ عَنْهُ النَّقَائِصَ.
และเข้าไปอยู่ในคุณลักษณะที่บริสุทธิ์จากบรรดาคุณลักษณะที่บกพร่องนั้น คือ วายิบต้องมีคุณลักษณะได้ยิน , ทรงเห็น , และทรงพูด , ให้กับอัลเลาะฮ์ตะอาลา เนื่องจากว่า หากคุณลักษณะเหล่านี้ไม่จำเป็นอยู่ที่พระองค์ แน่นอน พระองค์ก็มีความต้องการไปยังผู้สร้าง , หรือต้องการสถานที่ , หรือต้องการผู้ที่มาปกป้องบรรดาคุณลักษณะอันบกพร่องให้ออกไปจากพระองค์
وَيُؤُخذُ مِنْهُ: تَنَزُّهُهُ تَعَالَى عَنِ اْلأَغْرَاضِ فِي أَفْعَالِهِ وَأَحْكامِهِ، وَإِلاَّ لَزِمَ افْتِقَارُهُ إِلَى مَا يُحَصِّلُ غَرَضَهُ، كَيْفَ! وَهُوَ جَلَّ وَعَزَّ الْغَنِيُّ عَنْ كُلِّ مَا سِوَاهُ.
และถูกเข้าใจจากการที่พระองค์ทรงเพียงพอ(คือไม่ต้องการพึ่งพา)ทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์นั้น ก็คือ อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงบริสุทธิ์(หรือปราศจาก) เป้าหมายต่าง ๆ ในบรรดาการกระทำของพระองค์และในบรรดาฮุกุ่ม (ทั้ง 5) ของพระองค์ และหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็จำเป็นที่พระองค์มีความต้องการ(พึ่งพา)สิ่งที่ทำให้เกิดเป้าหมาย(เพื่อยังผลประโยชน์ให้กลับไปสู่)พระองค์ ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ไม่พึ่งพาทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์
وَيُؤُخَذُ مِنْهُ أَيْضًا: أَنَّهُ لاَ يَجِبُ عَلَيْهِ تَعَالَى فعْلُ شَيْءٍ مَنْ المُمْكنَاتِ عقلا وَلاَ تَرْكُهُ، إِذْ لَوْ وَجَبَ عَلَيْهِ تَعَالَى شَيْءٌ مِنْهَا عَقْلاً كالثَّوَابِ مَثَلاً، لَكانَ جَلَّ وَعَزَّ مُفْتِقَرًا إِلَى ذلِكَ الشَّيْءِ لِيَتَكَمَّلَ بِهِ غَرَضُهُ، إِذْ لاَ يَجِبُ فِي حَقِّهَ تَعَالَى إلاَّ مَا هُوَ كَمَالٌ لَهُ، كَيْفَ وَهُوَ جَلَّ وَعَزَّ الْغَنِيُّ كُلَّ مَا سِوَاهُ.
และถูกเข้าใจจากการที่พระองค์ทรงเพียงพอ(คือไม่ต้องการพึ่งพา)ทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์เช่นกัน ก็คือ ไม่วายิบบนอัลเลาะฮ์ตะอาลาในแง่ของฮุกุ่มสติปัญญา ต้องกระทำสิ่งหนึ่งหรือต้องละทิ้งสิ่งหนึ่งจากขอมุมกิน(สิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้ไม่เกิดขึ้นก็ได้) เนื่องว่า ตามหลักฮุกุ่มสติปัญญานั้น หากวายิบต่อพระองค์ ต้องกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น การให้ผลบุญ เป็นต้น แน่นอนพระองค์ก็ต้องการไปยังสิ่งดังกล่าวเพื่อนำมันมาเสริมความสมบูรณ์ในเป้าหมายของพระองค์ เนื่องจากว่าไม่วายิบในสิทธิของพระองค์เลยนอกจากสิ่งที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับพระองค์เท่านั้น (คือไม่ต้องการสิ่งอื่นมาเสริมความสมบูรณ์พร้อมให้กับพระองค์) ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ไม่พึ่งพาทุก ๆ สิ่งที่อื่นจากพระองค์
وَأَمَّا افْتِقَارُ كُلِّ مَا عَدَاءُ إِلَيْهِ جَلَّ وَعَزَّ فَهُوَ يُوجِبُ لَهُ تَعَالَى الحَيَاةَ، وَعُمُومَ الْقُدْرَةِ وَاْلإِرَادَةِ وَالْعِلْمِ، إِذْ لَو انِتَفى شَيْءٌ مِنْهَا لَمَا أَمْكَنَ أَنْ يُوجَدَ شَيْءٌ مِنَ الحَوَادِثِ فَلاَ يَفْتَقِرُ إِلَيْهِ شَيْءٌ، كَيْفَ! وَهُوَ الذَّي يَفتْقِرُ إِلَيْهِ كُلُّ مَا سِوَاهُ.
สำหรับกรณีที่ทุก ๆ สิ่งอื่นจากพระองค์มีความต้องการไปยังอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่านั้น หมายถึง จำเป็นที่พระองค์ต้องมีคุณลักษณะทรงเป็น , และมีคุณลักษณะทรงอานุภาพ , ทรงเจตนา , และทรงรอบรู้อย่างครอบคลุม เนื่องจากว่า หากคุณลักษณะใดจากทั้งสี่นี้ไม่มี แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งจากบรรดาสิ่งที่บังเกิดขึ้นมาก็ไม่สามารถมีขึ้นมาได้ ดังนั้นก็จะมีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีความต้องการไปยังพระองค์ ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ทุก ๆ สิ่งต้องพึงพาไปยังพระองค์
وَيُوجِبُ لَهُ تَعَالَى أَيْضًا: الْوَحْدَانِيةَ، إِذْ لَوْ كانَ مَعَهُ ثَانٍ فِي اْلأُلُوهِيَّةِ لما افْتقَرَ إِلَيْهِ شَيْءٌ لِلُزُومِ عَجْزِهِمَا حِينَئِذٍ، كًيْفَ! وَهُوَ الذَّي يَفْتَقِرُ إِلَيْهِ كَلُّ مَا سِوَاهُ.
และจำเป็นสำหรับพระองค์ต้องมีคุณลักษณะทรงเอกกะมีองค์เดียว เช่นกัน เนื่องจากว่า หากมีพระเจ้าองค์ที่สองอยู่พร้อมกับพระองค์ แน่นอน ก็จะไม่มีสิ่งใดต้องการ(พึ่งพา)ไปยังพระองค์ เนื่องจากทั้งสองต้องมีคุณลักษณะอ่อนแอ(เกิดขึ้น)ในขณะนั้น (ขณะที่มีเจ้าสององค์) ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ทุก ๆ สิ่งต้องพึงพาไปยังพระองค์
وَيُؤْخّذُ منْهُ أَيْضًا: حُدُوثُ الْعَالَمِ بِأَسْرهِ، إِذْ كانَ شَيْءٌ مِنْهُ قَديمًا لَكَانَ ذلِكَ الشَّيْءُ مُسْتَغْنِيًا عَنْهُ تَعَالَى، كَيْفَ! وَهُوَ الذَّيِ يَجِبُ أَنْ يَفتْقِرُ إِلِيْهِ كُلِّ مَا سِوَاهُ.
และได้รับความเข้าใจจากการที่ทุก ๆ สิ่งอื่นจากพระองค์มีความต้องการไปยังอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า เช่นกัน ก็คือ บรรดาสรรพสิ่งสากลโลกทั้งหมดหมดนั้นบังเกิดขึ้นมาใหม่(คือมีจุดเริ่มต้นขึ้นมามิได้มีมาตั้งแต่เดิม) เนื่องจากว่า หากมีสิ่งหนึ่งกอดีม(มีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น) แน่นอนว่า สิ่งดังกล่าวนั้นไม่มีความต้องการไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลา (คือไม่ต้องการให้พระองค์ทรงสร้างมันขึ้นมา) ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ทุก ๆ สิ่งต้องพึงพาไปยังพระองค์
وَيُؤُخَذُ مِنْهُ أَيْضًا: أَنَّهُ لاَ تَأْثِيرَ لِشَيْءِ مِنَ الْكَائِنَاتِ فِي أَثَر مَّا، وَإلّا لَزِمَ أَنْ يَسْتَغْنَي ذلِكَ اْلأَثَرُ عَنْ مَوْلاَنَا جَلَّ وَعَزَّ، كَيْفَ! وَهُوَ الذَّي يَفْتَقِرُ إِلَيْهِ كُلُّ مَا سِوَاهُ عُمُومًاوَعَلَى كُلِّ حَالٍ.
และได้รับความเข้าใจจากการที่ทุก ๆ สิ่งอื่นจากพระองค์มีความต้องการไปยังอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า เช่นกัน ก็คือ สิ่งหนึ่งจากบรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายไม่สามารถทำให้เกิดผลขึ้นมาในผลของสิ่งใด ๆ ได้เลย และหากไม่เป็นเช่นนั้น (คือสิ่งหนึ่งสามารถทำให้เกิดผลแก่ตัวเองได้) แน่นอน ผลดังกล่าวก็ไม่ต้องการอัลเลาะฮ์ตะอาลา (คือไม่ต้องการให้อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงทำให้บังเกิดผลดังกล่าว) ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรเล่า! ทั้งที่พระองค์คือผู้ที่ทุก ๆ สิ่งต้องพึงพาไปยังพระองค์โดยอย่างครอลคลุมทั้งหมดและทุก ๆ สภาพาการณ์
هذَا إِنْ قَدَّرْتَ أَنَّ شَيْئًا مِنَ الْكائِنَاتِ يُؤَثّرُ بِطَبْعِهِ، وَأَمَّا إِنْ قَدَّرْتَهُ مُؤَثِّرًا بِقَوَّةٍ جَعَلَهَا اللهُ فِيهِ كم يَزْعُمُهُ كَثِيرٌ مِنَ الْجَهَلَةِ فَذلِكَ محَالٌ أَيْضًا، لأَنَّهُ يَصِيرُ حيِنَئِذٍ مَوْلاَنَا جَلَّ وَعَزَّ مُفْتَقِرًا فِي إِيجَادِ بَعْضِ اْلأَفْعَالِ إِلَى وَاسِطَةٍ، وَذلِكَ بَاطِلٌ لِمَا عَرَفْتَ مِنْ وُجُوبِ اسْتِغْنَائِهِ جَلَّ وَعَزَّ عَنْ كُلِّ مَا سِوَاهُ.
หลักการนี้(คือทุก ๆ สิ่งล้วนต้องการไปยังพระองค์) ซึ่งถือว่าชัดเจน หากท่านสมมุติว่า มีสิ่งหนึ่งจากสรรพสิ่งต่าง ๆ ให้บังเกิดผลด้วยกับธรรมชาติของมันเอง (ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้) และหากว่าท่านได้สมมุติว่าสิ่งหนึ่งให้บังเกิดผลด้วยพลังที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างขึ้นมาในมัน ดังที่บรรดาผู้โง่เขลามากมายได้กล่าวอ้าง แน่นอนว่าสิ่งดังกล่าวย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะในขณะนั้น (ขณะคือสิ่งหนึ่งให้บังเกิดผลด้วยพลังที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นในมันนั้น) ก็จะทำให้อัลเลาะฮ์กลายเป็นผู้ที่ต้องการไปยังการสื่อกลางอันหนึ่ง ในการทำให้บังเกิดการกระทำบางส่วนของพระองค์ และดังกล่าวนั้นถือว่าไร้สาระ เนื่องจากท่านรู้มาแล้วว่า จำเป็นที่พระองค์ไม่ต้องการพึ่งพาทุก ๆ สิ่ง
فَقَدْ بَانَ لَكَ تَضَمُّنُ قَوْلِ: لاَ إِلهَ إِلاَّ اللهُ لِلأَقْسَامِ الثَّلاَثَةِ التَّيِ يَجِبُ عَلَى المُكَلَّفِ مَعْرِفَتُهَا فِي حَقِّ مَوْلاَنَا جَلَّ وَعَزَّ، وَهِيَ:
مَا يًجِبُ فِي حَقِّهِ تَعَالَى، وَمَا يَسْتَحِيلُ، وَمَا يَجُوزُ
แท้จริง ก็ได้ปรากฏชัดแก่ท่านแล้ว โดยการประมวลความหมายคำกล่าว "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์" นั้นให้กับทั้งสามประเภทที่จำเป็นต่อคนมุกัลลัฟ(บรรลุศาสนภาวะ)ต้องรู้จักมันเกี่ยวกับสิทธิ์ของอัลเลาะฮ์ อัซซ่าวะญัลล่า ก็คือ คุณลักษณะที่วายิบ , คุณลักษณะที่มุสตะฮีล , และคุณลักษณะที่ยาอิซฺ ในสิทธิสำหรับพระองค์
วัลลอฮุอะลัม