ท่านอิมาม อิบนุอะฏออิลแหละฮ์ กล่าวว่า
إِجْتِهَادُكَ فِيْمَا ضُمِنَ لَكَ ، وَتَقْصِيْرُكَ فِيْمَا طُلِبَ مِنْكَ ، دَلِيْلٌ عَلىَ إِنْطِمَاسِ الْبَصِيْرَةِ مِنْكَ
“อิจญ์ติฮาดุก้า ฟีมา ฏุมิน่า ละก้า วะตักซีรุก้า ฟีมา ฏุลิบ้า มินก้า ดะลีลุน อะลา อินฏิมาซิลบะซีร่อตี้ มินก้า”
"การพากเพียรบากบั่น(จิตใจ)ของท่านในสิ่งที่ถูกประกันให้แก่ท่านแล้ว , และการทำให้บกพร่องของท่านในสิ่งที่ท่านถูกใช้ ย่อมเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึง ความบอดของตาใจจากท่าน"
อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงตรัสความว่า
وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ مَا أُرِيدُ مِنْهُم مِّن رِّزْقٍ وَمَا أُرِيدُ أَن يُطْعِمُونِ
“วะมา ค่อลักตุลญินน่า วัลอินซ่า อิลลา ลิยะอฺบุดูน มาอุรีดู้มินฮุ้ม มิรริซกิน วะมาอุรีดู้ อัยยุฏอิมูน”
"และข้ามิได้บันดาลญินและมนุษย์ขึ้นมา นอกจากพวกเขาต้องทำการนมัสการ ต่อข้าเป็นที่สุด และข้ามิพึงปรารถนาโชคผลใด ๆ จากพวกเขาและข้ามิหวัง ที่จะให้พวกเขาต้องให้อาหารแก่ข้า" อัซซาริยาต : 56-57
พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า
وَأْمُرْ أَهْلَكَ بِالصَّلَاةِ وَاصْطَبِرْ عَلَيْهَا لَا نَسْأَلُكَ رِزْقاً نَّحْنُ نَرْزُقُكَ وَالْعَاقِبَةُ لِلتَّقْوَى
“วะมุร อะฮ์ละก้า บิศศ่อลาตี้ วัศฏ่อบิร อะลัยฮา ลานัสอะลู้ก้า ริซก็อน นะห์นู้ นัรซู้กู้ก้า วัลอากิบะตู้ ลิตตักวา”
"และเจ้าจงใช้ให้ครอบครัวของเจ้าทำละหมาด และจงมีความอดทนเพื่อการนั้น เราไม่ขอ(ริสกี)ปัจจัยใด ๆ จากพวกเจ้า เราต่างหากที่ให้(ริสกี)ปัจจัยแก่พวกเจ้า และความสุขบั่นปลายย่อมเป็นของผู้ยำเกรง" ฏอฮา : 132
สองอายะฮ์นี้ได้บอกแก่เราว่า อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงให้มนุษย์อยู่บนภาระหน้าที่ที่เขาต้องกระทำเพื่อสนองคำสั่งใช้ของพระองค์ กล่าวคือ เขาต้องแสดงความเป็นบ่าวที่ดีด้วยการทำอิบาดะฮ์ ส่วนพระองค์ทรงมีหน้าที่ให้ความโปรดปรานต่อมนุษย์ในการประกันริสกีปัจจัยยังชีพต่าง ๆ ไว้ให้แก่พวกเขาเพื่อให้ได้รับความอำนวยสุข กล่าวคือ พระองค์ทรงใช้ให้เราทำอิบาดะฮ์ , ใช้ให้เรากระชับครอบครัวทำการละหมาด โดยที่พระองค์จะทรงประกันและประทานริสกีปัจจัยยังชีพให้แก่เราแล้ว
สรุปคือ มีสองประการที่เราสมควรตระหนัก กล่าวคือ ประการที่หนึ่งอัลเลาะฮ์ทรงสั่งใช้แก่เรา เช่นสิ่งให้ทำอิบาดะฮ์ และยังมีอีกประการหนึ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประกันให้แก่เราแล้วนั่น คือริสกี เมื่อเราอ่านฮิกัมนี้แล้ว จึงดูคล้ายว่าไม่ส่งเสริมให้เราทำงานเลี้ยงชีพ ซึ่งความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความจริงแล้ว จำเป็นบนเราทุกคนต้องทุ่มเทแรงกายเพื่อปฏิบัติภาระหน้าที่ที่ถูกมอบให้ โดยให้เราเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อหลักประกันต่าง ๆ ที่อัลเลาะฮ์ทรงจะประทานให้ เพราะฉะนั้น สิ่งดังกล่าวจึงไม่ทำให้เราต้องคิดหนักหรือทำให้จิตใจของเราต้องแบกรับความยากลำบากต่อสิ่งดังกล่าวเลย กล่าวคือให้ทุ่มเทแรงกายให้เต็มที่ แต่แรงใจต้องคิดว่า ผลลัพธ์ที่ได้มานั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใด อัลเลาะฮ์ก็ทรงประกันริสกีให้แก่เราตามที่พระองค์ทรงประสงค์ หากได้มากก็ทำการชุโกร หากได้น้อยก็จงอดทนบากบั่นพากเพียรทุ่มเทการทำงานต่อไปโดยไม่ละทิ้งหน้าที่การทำอิบาดะฮ์ต่อพระองค์
แต่ก็ยังมีบางคนที่ทุ่มเทบากบั่นและพากเพียรอย่างหนักในสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงประกันให้แก่พวกเขาแล้ว จนบางทีทำให้พวกเขาต้องละทิ้งอิบาดะฮ์ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่พระองค์ทรงบัญญัติแก่พวกเขา ซึ่งดังกล่าวนี้ เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า พวกเขาเหล่านั้นมีตาใจที่มืดบอดตามที่ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวไว้ เพราะสิ่งดังกล่าว ได้บ่งถึงว่า พวกเขามิได้ไว้ใจในคำสัญญาต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา ที่ว่า "เราต่างหากที่ให้(ริสกี)ปัจจัยแก่พวกเจ้า" ดังนั้น ความบากบั่นเพียรพยายามทำงานแสวงหาปัจจัยยังชีพในสิ่งที่พระองค์ทรงประกันให้แล้วจนทำให้ละเลยบกพร่องในอิบาดะฮ์นั้น เป็นการบากบั่นเพียรพยายามที่ถูกตำหนิตามเป้าหมายของฮิกัมที่ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ได้กล่าวไว้ในที่นี้
แต่ถ้าหากพากเพียรทำงานโดยมีเจตนาที่ดี ถือว่าเป็นอิบาดะฮ์ และเป็นนัยยะหนึ่งของการญิฮาด (ต่อสู้) ในหนทางของอัลเลาะฮ์ตาอาลาอีกด้วย
ท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ได้รายงานไว้ในหนังสือ มั๊วะญัมอัลกะบีร จากหะดิษของกะอับ บิน อัจญเราะฮ์ ว่า "แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ออกมาข้างนอกพร้อมกับซอฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่ง แล้วพวกเขาก็เห็นชายคนหนึ่ง ได้ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า และพวกเขาได้เห็นเขาขมักขะเม้นในการทำงานจนทำให้ซอฮาบะฮ์เกิดความฉงนใจ ซอฮาบะฮ์คนหนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า : โอ้ อนิจฉาเอ๋ย หากเขาคนนี้ได้(ทำงานทุ่มเท)ในหนทางของอัลเลาะฮ์(ก็จะเป็นการดียิ่งกว่า) ดังนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า หากเขาได้ออกไปทำงานเพื่อ(เลี้ยงดู)บุตรของเขาที่ยังเล็กอยู่ เขาย่อมอยู่ในหนทางของอัลเลาะฮ์ (ฟีซะบีลิลลาฮ์) และหากเขาออกไปทำงานเพื่อ(เลี้ยงดู)บิดามารดาที่แก่ชรา เขาย่อมอยู่ในหนทางของอัลเลาะฮ์ และหากเขาได้ออกไปทำงานเพื่อครอบครัว เขาย่อมอยู่ในหนทางของอัลเลาะฮ์ และหากเขาได้ออกไปทำงานเพื่อให้มีความโอ่อ่าภาคภูมิและมีทรัพย์สินสะสมมากมาย เขาย่อมอยู่ในหนทางของชัยฏอน"
หากขึ้นชื่อว่าอิบาดะฮ์ ก็มิได้เจาะจงเพียงแค่การละหมาด การถือศีลอด ทำฮัจญ์ และอิบาดะฮ์สุนัตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านอัลกุรอาน การซิกรุลลอฮ์เท่านั้น แต่ทว่าอิบาดะฮ์ย่อมครอบคลุมถึงทุก ๆ การทำงานที่มีเจตนาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานและสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา ดังนั้นเมื่อมีเจตนามุ่งมั่นอันดีเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่าทุกประเภทการค้าขาย อุตสาหกรรม การเพาะปลูก และการก่อสร้างนั้น ย่อมเป็นส่วนหนึ่งจากอิบาดะฮ์ ยิ่งกว่านั้น การเข้าไปบริหารบ้านเมืองและปฏิบัติภารกิจความรับผิดชอบต่าง ๆ ทางการเมืองนั้น ย่อมเป็นหัวใจของอิบาดะฮ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีเจตนาที่ดี
และท่านพึงทราบเถิดว่า จุดมุ่งหมายหรือเจตนาเพื่อให้บรรลุถึงความพึงพอพระทัยของอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้น จะไม่เกิดขึ้นนอกจากการทำงานและการประกอบอาชีพต่าง ๆ ทั้งหมดต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามบทบัญญัติของศาสนา และการทำงานดังกล่าวต้องผูกพันอยู่กับภาระหน้าที่การทำอิบาดะฮ์ประเภทต่าง ๆ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นการทำงาน การค้าขาย และภารกิจทางการเมือง จะอยู่ในวิถีทางของอัลเลาะฮ์หรือเป็นอิบาดะฮ์ได้อย่างไรในเมื่อเขาได้ลืมทำการละหมาดและลืมทำอิบาดะฮ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น อีกทั้งไม่สนใจการศึกษาวิชาการอิสลาม หลักการศรัทธา และข้อกำหนดต่าง ๆ ของศาสนา และดังกล่าวนี้ก็เป็นข้อยืนยันให้กับคำกล่าวของท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์ที่ว่า "การพากเพียรบากบั่น(จิตใจ)ของท่านในสิ่งที่ถูกประกันให้แก่ท่านแล้ว , และการทำให้บกพร่องของท่านในสิ่งที่ท่านถูกสั่งใช้นั้น ย่อมเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึง ความมืดบอดจากตาใจของท่าน"
ความเข้าใจอันถูกต้องของฮิกัมนี้ ได้อยู่ในเป้าหมายจากคำตรัสของอัลเลาะฮ์ตะอาลา ที่ว่า
فِي بُيُوتٍ أَذِنَ اللَّهُ أَن تُرْفَعَ وَيُذْكَرَ فِيهَا اسْمُهُ يُسَبِّحُ لَهُ فِيهَا بِالْغُدُوِّ وَالْآصَالِ رِجَالٌ لَّا تُلْهِيهِمْ تِجَارَةٌ وَلَا بَيْعٌ عَن ذِكْرِ اللَّهِ وَإِقَامِ الصَّلَاةِ وَإِيتَاء الزَّكَاةِ يَخَافُونَ يَوْماً تَتَقَلَّبُ فِيهِ الْقُلُوبُ وَالْأَبْصَارُ لِيَجْزِيَهُمُ اللَّهُ أَحْسَنَ مَا عَمِلُوا وَيَزِيدَهُم مِّن فَضْلِهِ وَاللَّهُ يَرْزُقُ مَن يَشَاءُ بِغَيْرِ حِسَابٍ
“ฟีบุยูติน อะซินัลลอฮุ อันตุรฟะอ้า ฟีฮัสมุฮู ยุซับบิฮู้ ละฮู ฟีฮา บิลฆุดู้วิวัลอะซอล ริญาลุน ลาตุลฮีฮิม ตะญาเราะฮ์ วะลาบันอุน อันซิกริลลาฮ์ วะอิกอมิสศ่อลาติ้ วะอีตาอิซซะกาฮ์ ยะคอฟูน่า เยามัน ตะตะก็อลล่าบู้ ฟีฮิลกุลูบู้วัลอับซอร ลิยัจญ์ซิย่าฮุมุลลอฮุ อะห์ซะน่า มาอะมิลู วะยะซีด้าฮุ้ม มินฟัฏลิห์ วัลลอฮุ ยัรซุกุ้ มัยยาชาอู้ บิฆ็อยริฮิซาบ”
“(รัศมีแห่งการชี้นำจักส่องอยู่)ในบ้านต่าง ๆ ที่อัลเลาะฮ์ ทรงอนุญาตให้ยกย่องและกล่าวถึงพระนามของพระองค์ในนั้น อีกทั้งในนั้น (เหมือนกัน) ที่มีการแซ่ซร้องสดุดีความมหาบริสุทธิ์(ตัสเบี๊ยะห์)แด่พระองค์ ทั้งในยามเช้าและยามเย็น (ความดีเหล่านั้นได้ปฏิบัติโดย) กลุ่มบุรุษซึ่งการค้าและการขาย ไม่อาจทำให้พวกเขาลืมการซิกรุลลอฮ์และการดำรงละหมาด รวมทั้งการบริจาคทานซากาต พวกเขามีความหวาดกลัววัน (กิยามะฮ์) ซึ่งหัวใจทั้งหลายและดวงตาทั้งหลายจะพลิกกลับ(ไปกลับมาด้วยความหวั่นวิตก มองหาคนช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยได้) (พวกที่กระทำดีดังกล่าวนั้น) เพื่ออัลเลาะฮ์จะทรงตอบแทนพวกเขาอย่างดีที่สุด แก่สิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ และพระองค์ทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขา จากความโปรดปรานของพระองค์ และอัลเลาะฮ์ทรงประทานโชคผล แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่มีการคำนวณนับได้” อันนูร : 36-38
ท่านโปรดสังเกตว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงพรรณนาบุคคลกลุ่มหนึ่ง ด้วยคำตรัสของพระองค์ที่ว่า “กลุ่มบุรุษซึ่งการค้าและการขาย ไม่อาจทำให้พวกเขาลืมการซิกรุลลอฮ์และการดำรงละหมาด” หมายถึง การทำมาค้าขายของพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งให้พวกเขาปฏิบัติอิบาดะฮ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้ต่อพวกเขาได้หรอก กล่าวคือ พวกเขาได้ทุ่มเทเวลาสำหรับการทำอิบาดะฮ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นเมื่อได้กระทำอิบาดะฮ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับไปทำงานเกี่ยวกับดุนยา ทำการค้าขาย ตามภาระหน้าที่ที่อัลเลาะฮ์ทรงบัญญัติใช้ และดังกล่าวนี้ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้ประจักษ์ถึงคำสอนของฮิกัมนี้
วัลลอฮุอะลัม