ดุอาอ์ และอิสติอาซะฮ์ คืออาวุธและเกราะคุ้มกันของคนมุอ์มิน

[as-satuly]

Tweet

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

اَلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَالصَّلَاةُ وَالسَّلَامُ عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَلَى اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ...أَمَّا بَعْدُ

ดุอาอ์ และอิสติอาซะฮ์ คืออาวุธและเกราะคุ้มกันของคนมุอ์มิน

อัสสลามุอะลัยกุม วะรอห์มะตุลลอฮิ ตะอาลา วะบะรอกาตุฮฺ

     ขอความสันติสุข และความเมตตา และความจำเริญจากเอกองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา จงมีแด่พี่น้องทั้งหลายทุกๆท่าน

     อัลหัมดุลิลลาฮฺ...มวลการสรรเสริญทั้งสิ้นนั้น เป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก  ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคน ที่จะต้องมีความยำเกรง(ตักฺวา)ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) และกล่าวสรรเสริญสดุดี(หัมดฺ) และขอบคุณ(ชุกูรฺ)ต่อเอกองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ให้มากๆ ในความเมตตา(รอห์มะฮ์)และความโปรดปราน(เนียะอฺมะฮ์)ของพระองค์ที่ทรงประทานให้แก่เราทุกคน

     สำหรับบทความนี้ ข้าพเจ้าใคร่ขอนำเสนอเนื้อหาสาระวิชาความรู้ทางศาสนา(เท่าที่พระองค์อัลลอฮฺทรงประทานความรู้ให้แก่ข้าพเจ้าในตอนนี้)    ภายใต้หัวข้อที่ว่า “ดุอาอ์ และอิสติอาซะฮ์ คืออาวุธและเกราะคุ้มกันของคนมุอ์มิน” ดังต่อไปนี้ครับ
   
อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ตรัสว่า

(98)وَقُلْ رَبِّ أَعُوذُ بِكَ مِنْ هَمَزَاتِ الشَّيَاطِينِ (97) وَأَعُوذُ بِكَ رَبِّ أَنْ يَحْضُرُونِ

ความว่า   “และจงกล่าวต่อไปอีกว่า โอ้องค์อภิบาล ข้าพเจ้าขอความอารักขาพระองค์ให้พ้นจากมายาการของมวลมารทั้งหลาย และข้าพเจ้าขออารักขาต่อพระองค์ เพื่ออย่าให้พวกมารเหล่านั้น เข้ามาหาข้าพเจ้าโอ้ผู้ทรงอภิบาล”
                  (สูราะฮ์อัล-มุอ์มินูน : อายะฮ์ที่ 97-98)

   อันที่จริงเหล่าศรัทธาชนทั้งหลาย จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้รอดพ้นจากการล่อลวงของชัยฏอนมารร้าย และหาวิธีการกำจัดจุดอ่อนของชัยฏอนให้สิ้นซาก ด้วยการที่มุอ์มินทุกคนต้องขอความคุ้มครองและขอความอารักขาต่อพระองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) พระผู้อภิบาลผู้ทรงหนึ่งเดียวเท่านั้น  โดยปราศจากภาคีใดๆทั้งสิ้นต่อพระองค์ ด้วยการหมั่นบำเพ็ญภาวนาขอความช่วยเหลือ และขอความคุ้มครอง(อิสติอาซะฮ์)อย่างต่อเนื่อง (ดู หนังสือ อิซติอาซะฮ์ อาวุธของมุอฺมิน โดย อิบรอฮีม ปริญญา ประหยัดทรัพย์  หน้า 28)

    สำหรับคำว่า ดุอาอ์ หมายถึง การขอหรือการวิงวอนขอบางสิ่งบางอย่างที่ดีจากอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ผู้ทรงกรุณายิ่ง อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ทรงบัญชาแก่ผู้ศรัทธาทุกคนให้ขอดุอาอ์หรือวิงวอนขอสิ่งต้องการจากพระองค์  อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ทรงตรัสว่า

(60)وَقَالَ رَبُّكُمُ ادْعُونِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ إِنَّ الَّذِينَ يَسْتَكْبِرُونَ عَنْ عِبَادَتِي سَيَدْخُلُونَ جَهَنَّمَ دَاخِرِينَ

ความว่า : “และพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ตรัสว่า พวกเจ้าจงขอต่อข้าเถิด ข้าจะตอบสนองพวกเจ้าอย่างแน่นอน แท้จริงบรรดาผู้ยโสต่อการนมัสการข้า พวกเขาจะต้องเข้านรกอย่างอัปยศเป็นที่สุด”
                         (สูเราะฮ์ อัลมุอ์มิน : อายะฮ์ที่ 60)

และอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ทรงตรัสว่า

وَاسْأَلُوا اللَّهَ مِنْ فَضْلِهِ

ความว่า : “และพวกเจ้าจงวอนขออัลลอฮฺจากความโปรดปรานของพระองค์เถิด”
                           (สูเราะฮ์ อัลนิสาอ์ : อายะฮ์ที่ 32)

และอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ทรงตรัสว่า

(وَإِذَا سَأَلَكَ عِبَادِي عَنِّي فَإِنِّي قَرِيبٌ أُجِيبُ دَعْوَةَ الدَّاعِ إِذَا دَعَانِ فَلْيَسْتَجِيبُوا لِي وَلْيُؤْمِنُوا بِي لَعَلَّهُمْ يَرْشُدُونَ (186

ความว่า : “และเมื่อมวลบ่าวของข้าได้ถามเจ้าถึงข้า (เจ้าก็จงตอบไปเถิดว่า) แท้จริงข้าเป็นผู้ใกล้ชิด (กับพวกเจ้า) ข้าคอยสนองตอบคำวอนขอของผู้วอนขอเมื่อเขาได้วอนขอต่อข้า ดังนั้น พวกเขาจงขอการสนองตอบต่อข้าเถิด และพวกเขาจงมีศรัทธาในข้าเถิด เพื่อพวกเขาจะได้รับการชี้นำ (ให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง)”
                        (สูเราะฮ์ อัลบะกอเราะฮ์ : อายะฮ์ที่ 186)

และอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ทรงตรัสว่า

(7قُلْ مَا يَعْبَأُ بِكُمْ رَبِّي لَوْلَا دُعَاؤُكُمْ فَقَدْ كَذَّبْتُمْ فَسَوْفَ يَكُونُ لِزَامًا (7

ความว่า : “จงประกาศเถิด องค์อภิบาลของฉันไม่สนใจต่อพวกท่านหรอก แม้ว่าพวกท่านจะไม่วอนนมัสการ(พระองค์เลยก็ตาม) แล้วพวกท่านก็ว่าเป็นเท็จผในสิ่งที่พระองค์ได้โองการมา)  ด้งนั้นต่อไปการตอบแทนผลการกล่าวหานั้น จะต้องอุบัติขึ้นอย่างยาวนาน”
                           (สูเราะฮ์ อัลฟุรฺกอน : อายะฮ์ที่ 77)

ส่วนหะดีษของท่านรอสูล (ศ็อลฯ) เกี่ยวกับการขอดุอาอ์ และผลประโยชน์ของมันนั้น มีอยู่มากมายเช่นกัน ส่วนหนึ่งได้แก่

الدعاء هو العبادة

ความว่า : “ดุอาอ์นั้น คือ อิบาดะฮ์”
                      (รายงานโดย อะบูดาวุด และอัตตัรมีซีย์)

ท่านรอสูล (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า

الدعاء سلاح المؤمن وعماد الدين ونور السموات والأرض

ความว่า : “ดุอาอ์นั้น คือ อาวุธของคนมุอ์มิน เสาแห่งศานาและรัศมีแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน”
                       (รายงานโดย อัลหากิม)

ท่านรอสูล (ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า

الدعاء ينفع مما نزل ومما لم ينزل ولا يرد القضاء إلا الدعاء فعليكم بالدعاء

ความว่า : “อันดุอาอ์นั้นสามารถยังประโยชน์ต่อบะลา(ภัยพิบัติ) ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและที่ยังไม่เกิดขึ้น  และไม่มีสิ่งใดที่ปัดเป่ากำหนดการ(กอฎออ์)ของอัลลอฮฺได้ นอกจากดุอาอ์  ดังนั้นสูเจ้าทั้งหลายจงขอดุอาอ์เถิด”
                          (รายงานโดย อัตตัรมีซีย์)

หลักการและมารยาทในการขอดุอาอ์
1.  จะต้องอยู่ในสภาพที่สะอาดทั้งหะดัษเล็กและหะดัษใหญ่ พร้อมกับใส่เสื้อผ้าที่สะอาด และสถานที่ที่ขอดุอาอ์ก็สะอาด
2.  หันหน้าไปทางกิบฺละฮ์ และขอดุอาอ์อย่างสมาธิมั่นคง(คุชุอฺ) นอบน้อม และถ่อมตนต่ออัลลอฮฺ (สุบหาฯ)
3. ให้เริ่มต้นการขอดุอาอ์ด้วยการสรรเสริญอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) โดยอย่างน้อยๆให้อ่าน الحمد لله رب العالمين แล้วตามด้วยการอ่านศ่อละวาตให้แก่ท่านนะบีย์ (ศ็อลฯ) โดยอย่างน้อยๆให้อ่าน اللهم صل على سيدنا محمد وعلى اله وصحبه وسلم
4.  ให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจนกระทั้งเห็นรักแร้ทั้งสอง พร้อมกับหงายฝ่ามือขึ้นไปข้างบน
5.  หลังจากขอดุอาอ์เสร็จ ให้ลูบมือทั้งสองบนใบหน้า
6.  ให้ขอดุอาอ์ด้วยความมั่นใจว่า อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) จะทรงตอบรับการขอดุอาอ์ของเรา  อย่าขอดุอาอ์ขณะที่หัวใจหลงลืม หรือขาดความเชื่อมั่น และความต้องการอย่างจริงจัง  อัลลอฮฺจะไม่ทรงตอบรับคำดุอาอ์ประเภทนั้น  ดังมีระบุในหะดีษของท่านนะบีย์ (ศ็อลฯ) ว่า
ادعو الله وأنتم موقنون بالإجابة واعلموا أن الله تعالى لا يستجيب دعاء من قلب غافلا لآه
ความว่า : “จงขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ โดยที่พวกสูเจ้านั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า อัลลอฮฺจะทรงตอบรับ  และพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) จะไม่ทรงตอบรับคำขอดุอาอ์ที่มาจากหัวใจที่หลงลืมหรือท้อแท้”
(รายงานโดย อัตตัรมีซีย์)
7.  มุสลิมทุกคนจะต้องขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ให้มากๆ ทั้งในช่วงที่สุขสบายและทุกข์ยาก  เพื่อว่าอัลลอฮฺ (สุบหาฯ) จะได้ทรงตอบรับคำขอของเรา ดังมีรายงานจากอะบูฮุรัยเราะฮ์
8.  ให้ขอดุอาอ์ด้วยเสียงที่แผ่วเบาและนอบน้อมถ่อมตน พร้อมกับยอมรับความผิดและบาปที่เคยทำไป  อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ได้ทรงตรัสว่า
ادْعُوا رَبَّكُمْ تَضَرُّعًا وَخُفْيَةً
ความว่า : “เจ้าทั้งหลายจงวอนขอองค์อภิบาลของพวกเจ้า โดยอาการอันนอบน้อมและแผ่วเบาเถิด”
                        (สูเราะฮ์ อัลอะอฺรอฟ : อายะฮ์ที่ 55)

9.  ดุอาอ์ที่ดีที่สุดนั้นคือ ดุอาอ์ที่ง่ายและสั้นๆ พร้อมกับมีความหมายที่ครอบคลุม อาทิ เช่น

(201)رَبَّنَا آتِنَا فِي الدُّنْيَا حَسَنَةً وَفِي الْآخِرَةِ حَسَنَةً وَقِنَا عَذَابَ النَّارِ

ความว่า : “โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้โปรดประทานความดีในโลกดุนยาและความดีในโลกอาคีเราะฮ์ให้แก่พวกเรา และขอได้โปรดคุ้มครองพวกเราจากการลงโทษในนรก”
                        (สูเราะฮ์ อัลบะกอเราะฮ์ : อายะฮ์ที่ 201)

10.  เพื่อขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด  ให้กล่าวย้ำสิ่งที่ขอนั้นอย่างน้อย 3 ครั้ง
11.  อย่าขอดุอาอ์ในสิ่งที่ไม่ดีหรือเป็นบาป  หรือขอให้เกิดการแตกแยกขึ้นภายในสังคมหรือครอบครัว  และอย่าขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
12.  อย่าท้อแท้เมื่ออัลลอฮฺ (สุบหาฯ) ยังไม่ทรงตอบรับการขอดุอาอ์  แต่จงอดทนและขอดุอาอ์ต่อไป  หร้อมกับมอบหมายตนเองต่ออัลลอฮฺ (สุบหาฯ)
13.  ก่อนที่จะจบท้ายการขอดุอาอ์ทุกครั้ง  ให้จบดุอาอ์ด้วยการศ่อลาวาต(ประสาทพร)แก่ท่านร่อสูล (ศ็อลฯ) พร้อมกับสรรเสริญสดุดีอัลลอฮฺ (สุบหาฯ)

เวลาของดุอาอ์ที่จะได้รับการตอบรับ
-   เที่ยงคืนหรือ 1/3 สุดท้ายของกลางคืน
-   หลังละหมาดฟัรฺฎูทุกครั้ง
-   ขอดุอาอ์ในสถานที่ที่เงียบสงัด เพื่อความสมาธิมั่นคง(คุชุอฺ)
-   ในขณะที่อยู่ระหว่างการทำสงครามหรือยามคับขัน
-   ในขณะที่ก้มสุญูด
-   ในขณะที่ถูกผู้อื่นกดขี่
-   ในระหว่างการเดินทาง
-   พ่อแม่ที่ขอดุอาอ์ที่ดีให้แก่ลูก
-   ในขณะที่หยุดวุกุ๊ฟที่ทุ่งอะรอฟะฮ์
-   หลังละหมาดศุบฺฮิ ก่อนที่พระอาทิตย์ขึ้น
-   หลังละหมาดอัศริ
-   ในขณะที่จะละศีลอด
-   ในขณะที่ป่วย
-   ดุอาอ์ในคืนลัยละตุลก็อดริ
-   ดุอาอ์ในคืนวันศุกร์
-   ดุอาอ์ในมัสญิดอัลหะรอม
-   ดุอาอ์ในมัสญิดอันนะบะวีย์(โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ เราเฎาะฮ์)
-   ดุอาอ์นัสญิดอัลอักฺศอ บัยตุลมักฺดิส
-   เมื่ออ่านอัลกุรฺอ่านจบ
-   ดุอาอ์ของกษัตริย์ที่ทรงธรรม
-   ดุอาอ์ของลูกที่เชื่อฟัง(ฏออะฮ์)ต่อบิดามารดา
-   ดุอาอ์ในขณะที่ฏ่อวาฟรอบๆกะอฺบะฮ์
-   ดุอาอ์ใกล้ๆกับมุลตะซัม (ระหว่าง ฮะญัรอัซว๊าด และประตูกะอฺบะฮ์) ที่มัสญิดอัลหะรอม
-   ดุอาอ์หลังมะกอมอิบรอฮีม ที่มัสญิดอัลหะรอม
-   ดุอาอ์ที่ ฮิญิร อิสมาอีล (ภายในหินโค้งระหว่างมุมอิรอกีย์ กับ มุมชามีย์ ด้านบนตรงรางทองของกะอฺบะฮ์)
-   ดุอาอ์ที่มัสญิดไหนๆก็ตาม

ผลประโยชน์ของการขอดุอาอ์
-   ทุกครั้งที่ขอดุอาอ์  เราจะสามารถผินหน้าไปยังอัลลอฮฺอย่างนอบน้อมและถ่อมตนต่อพระองค์
-   ได้รับการยินยอมและความเมตตา(รอห์มะฮ์)จากอัลลอฮฺ (สุบหาฯ)
-   สามารถคุ้มครองตนเองจากภัยพิบัติหรือลดความเศร้าหมองทางจิตใจ
-   เป็นโล่ป้องกันตน รวมถึงปัดเป่าการหลอกลวงของศัตรู
-   ได้รับสิ่งที่ต้องการ
-   ทำให้การงานที่มีอุปสรรคทั้งหลายสะดวกง่ายดายขึ้น
(ดู หนังสือ วิริดและดุอา หลังละหมาด โดย ฮัจยี โญฮารี ฮัจยี อาลิยาส หน้า 1-9)

    เพราะฉะนั้น การขอพร(ดุอาอ์) และการขอความคุ้มครองหรือความช่วยเหลือ(อิสติอาซะฮ์)นั้น ก็คือ เปรียบเสมือนอาวุธที่มีไว้สำหรับใช้ในการป้องกันตนเองจากสิ่งที่ไม่ดี(มะอฺศียะฮ์)หรือความหลงผิด(ฟิตนะฮ์)หรือความชั่วช้า(ญาฮีลียะฮ์)ต่างๆนานา และเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันที่จะช่วยคุ้มกันหรืเป็นภูมิคุ้มกันจากโรคร้ายที่จะมาทำให้จิตใจหันเหได้ และลุ่มหลงหรือหลงทางได้
   สุดท้ายนี้  พวกเราต้องมีความพยายามและมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ต่อการขอดุอาอ์และขอความคุ้มครองและขอความช่วยเหลือ จากพระองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) เพื่อความเมตตา(รอห์มะฮ์)และความโปรดปราน(เนียะอฺมะฮ์)ของพระองค์อัลลอฮฺ (สุบหาฯ) จะทรงประทานมาให้แก่พวกเรา ต่อการดำเนินชีวิตและดำรงชีพที่จะนำไปสู่ความสุขทั้งในโลกนี้ และความบรมสุขอันถาวรในโลกหน้าสืบไป...อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน

وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى أَعْلَى وَأَعْلَمُ
وَاللهُ أَعْلَمُ بِالصَّوَابِ
وَبِاللهِ التَّوْفِيْقُ وَالْهِدَايَةُ
وَالسَّلَامُ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَةُ اللهِ تَعَالَى وَبَرَكَاتُهُ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

แหล่งข้อมูลจาก
- อิบรอฮีม(ปริญญา ประหยัดทรัพย์). ม.ป.ป. อิซติอาซะฮ์ อาวุธของมุอฺมิน. กรุงเทพฯ : มานพ วงศ์เสงี่ยม.
- ฮัจยี โญฮารี ฮัจยี อาลิยาส. ม.ป.ป. วิริดและดุอา หลังละหมาด. กรุงเทพฯ : มานพ วงศ์เสงี่ยม.

[คนเดินดิน]

บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรรอฮีม

ญะซากัลลอฮูค็อยร์

    

อาวุธที่อยู่ใกล้แต่หลายคนกำลัง(จะ)ลืม

[comel sokmo]

syukran

[ActionMask]

4.  ให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจนกระทั้งเห็นรักแร้ทั้งสอง พร้อมกับหงายฝ่ามือขึ้นไปข้างบน

มีภาพประกอบมั๊ยครับ ผมนึกไม่ออก

[vrallbrothers]

 salam


ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน

 

[คนเดินดิน]

4.  ให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจนกระทั้งเห็นรักแร้ทั้งสอง พร้อมกับหงายฝ่ามือขึ้นไปข้างบน

มีภาพประกอบมั๊ยครับ ผมนึกไม่ออก

ลองไปยืนอยู่หน้ากระจกแล้วทำตามสิคะ

รับรองว่า  เห็น ๆ

 

[as-satuly]

4.  ให้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจนกระทั้งเห็นรักแร้ทั้งสอง พร้อมกับหงายฝ่ามือขึ้นไปข้างบน

มีภาพประกอบมั๊ยครับ ผมนึกไม่ออก

ลองไปยืนอยู่หน้ากระจกแล้วทำตามสิคะ

รับรองว่า  เห็น ๆ

 

การขอดุอาอ์ก็ขอแบบนอบน้อมถ่อมตนและบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮฺ (สุบหาฯ) อย่างแท้จริง  และบางครั้ง บางเวลา ก็มีการขอดุอาอ์ให้กับตัวเราเอง ครอบครัว หรือญาติพี่น้อง หรือคนอื่นๆ ในสภาพการณ์ต่างๆที่แตกต่างกันออกไป ของจุดประสงค์และเป้าหมายของการขอดุอาอ์ ครับ

[as-satuly]

ดุอา 3 ประการ.

" มีการขอดุอาอยู่ 3 ประการ ที่จะไม่ถูกปฏิเสธ คือ "

1.พ่อแม่ขอให้แก่ลูกของตนเอง

2.การขอของผู้ถูกอธรรม

3.การขอของผู้เดินทาง

จากอบูฮุรอยเราะห์กล่าวว่า ท่านร่อซูล (ศ็อลฯ) กล่าวว่า

"ไม่มีทารกใดเลย ที่พูดในขณะที่อยู่ในเปล ยกเว้น อีซา บุตรของ มัรยัม และเพื่อนของยุเรด "

มีผู้ถามว่า "โอ้ท่านนบีของอัลลอฮ์ และใครเล่าคือเพื่อนของยุเรด" ท่านนบีตอบว่า "ยุเรดคือชายผู้หนึ่งที่เป็นนักบวช เขาอยู่ประจำในอาศรมของเขาโดยตลอด และมีคนเลี้ยงวัวอยู่ตรงด้านล่างของอาศรมของยุเรด และมีหญิงชาวบ้านได้ลักลอบสมสู่กับคนเลี้ยงวัวเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งแม่ของยุเรดได้มาหาเขา นางร้องเรียกว่า "ยุเรดเอ๋ย" ในขณะนั้น ยุเรดกำลังละหมาดอยู่ เขารำพึงในใจขณะละหมาดว่า "นั่นแม่ของฉัน และนี่คือการละหมาดของฉัน" เขามีความคิดว่า เขาจะต้องทำละหมาดให้เสร็จเสียก่อน หลังจากนั้น แม่ของเขาได้ตะโกนเรียกเขาอีกเป็นครั้งที่สอง เขารำพึงในใจอีกว่า "นั่นแม่ของฉัน และนี่คือการละหมาดของฉัน" เขาจึงตัดสินใจว่าจะทำละหมาดให้เสร็จ หลังจากนั้น แม่ของเขาได้ตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สาม เขารำพึงในใจเช่นเดียวกันว่า "นั่นแม่ และนี่คือละหมาด" และเขาก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องทำละหมาดให้เสร็จ ครั้นเมื่อยุเรดไม่ได้ขานรับนาง นางจึงกล่าวว่า "ขอให้อัลลอฮ์อย่าให้เจ้าตายจนกว่าเจ้าจะถูกมองอย่างเหยียดหยามจากหญิงชั่ว" หลังจากนั้น มารดาของยุเรดได้กลับไป ต่อมาปรากฏว่า หญิงชาวบ้านที่ลักลอบได้เสียกับคนเลี้ยงวัวได้ตั้งท้องและได้คลอดลูก เจ้าเมืองทราบเรื่องจึงให้นำหญิงผู้นั้นมาสอบสวนโดยถามว่า "เธอท้องกับใคร" หญิงผู้นั้นตอบว่า "ท้องกับยุเรด" เจ้าเมืองถามว่า"นักบวชที่อยู่ในอาศรมนั้นหรือ" หญิงผู้นั้นตอบว่า "ถูกต้อง" เจ้าเมืองจึงสั่งแก่ทหารว่า "ท่านจงไปพังอาศรมของยุเรด และนำตัวเขามา" พวกทหารได้จัดการทำลายอาศรมของยุเรดด้วยขวานจนพังทลาย พร้อมกันนั้นทหารได้จับตัวยุเรดโดยจับเขามัดและนำตัวมาให้เจ้าเมือง ในการเดินทางนั้น ปรากฏว่า ยุเรดได้เดินผ่านหญิงงามเมือง(หญิงชั่ว) เป็นจำนวนมาก เมื่อเขาเห็นหญิงเหล่านั้น เขาก็หัวเราะ ซึ่งหญิงเหล่านั้น ได้มองไปยังเขาอย่างเหยียดหยาม เมื่อเดินทางมาถึง เจ้าเมืองถามว่า"ท่านคิดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้" ยุเรดตอบว่า "แล้วผู้หญิงคนนี้เขาคิดอย่างไร" เจ้าเมืองจึงบอกว่า "ผู้หญิงคนนี้บอกว่าลูกของนางนั้นมาจากท่าน" ยุเรดถามหญิงคนนั้นว่า"เธอคิดอย่างนั้นจริงหรือ" หญิงคนนั้นตอบว่าตอบว่า "ถูกต้อง" ยุเรดถามว่า "เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน" บรรดาประชาชนกล่าวว่า"เด็กคนนั้นอยู่บนตักของนาง" เขาจึงหันไปยังเด็กคนนั้น แล้วกล่าวกับเด็กคนนั้นว่า"ใครคือบิดาของเจ้า" เด็กคนนั้นตอบว่า"คนเลี้ยงวัว" เจ้าเมืองจึงกล่าวกับยุเรดว่า"เอาไหม เราจะสร้างอาศรมให้ท่านใหม่ด้วยทองคำ" ยุเรดตอบว่า"ไม่" เจ้าเมืองจึงกล่าวอีกว่า "ถ้าเช่นนั้นด้วยเงินล่ะ" ยุเรดก็ตอบว่า"ไม่" เจ้าเมืองจึงกล่าวว่า "แล้วท่านจะให้ทำอย่างไร" ยุเรดตอบว่า"ขอให้ท่านสร้างมันให้เหมือนเดิม" เจ้าเมืองถามว่า"และเพราะอะไรท่านจึงยิ้มในขณะเดินผ่านหญิงงามเมืองเหล่า นั้น" ยุเรดตอบว่า "มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้แจ้งขึ้นมาว่า การขอของแม่ฉันได้มาประสบแก่ฉันแล้ว" หลังจากนั้น ยุเรดได้เล่าเหตุการณ์ของเขากับแม่ของเขาให้เจ้าเมืองฟัง

การขอพรของผู้เป็นพ่อเป็นแม่นั้นอัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงรับ ดังนั้น ขอฝากไปยังคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะดุ จะด่า จะว่า หรือคิดอย่างไรกับลูก ท่านจงคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งไม่ดีแล้ว ดังนั้น ท่านก็จะได้รับตามที่ท่านได้ขอ...วัลลอฮุอะอฺลัม

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : http://www.muslimchonburi.com/index.php?page=show&id=126[/font]

[HANEE]

ญาซากัลลอฮค็อย

 

[nada-yoru]

ดุอา 3 ประการ.

" มีการขอดุอาอยู่ 3 ประการ ที่จะไม่ถูกปฏิเสธ คือ "

1.พ่อแม่ขอให้แก่ลูกของตนเอง

2.การขอของผู้ถูกอธรรม

3.การขอของผู้เดินทาง

กำลังมองหาเรื่องราวแนวนี้อยู่พอดีเลยค่ะ
ขอบคุณผู้นำเสนอมากๆเลยค่ะ...
เพิ่งอ่านเจอ...

สำหรับข้อ1กับ2นั้น เคยเจอกับตัวมาแล้วค่ะ...อัลฮัมดุลิิลลาฮ์
แต่กรณีที่3นั้น ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ ว่าผู้เดินทางนั้นหมายรวมไปถึง
ผู้ที่มีลักษณะแบบใดน่ะค่ะ...

ชอบเรื่องราวของยุเรดค่ะ...ได้แง่คิดกว่าที่คิดมากๆเลยค่ะ...
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ


 

วัสลามุอะลัยกุมค่ะ