ผู้เขียน หัวข้อ: วะฮาบีย์พยายามกล่าวหาท่านอิมามอัลบูซีรีย์กล่าวบทกวีชิริก!  (อ่าน 2083 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بسم الله الرحمن الرحيم

الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين

วะฮาบีย์พยายามกล่าวหาท่านอิมามอัลบูซีรีย์กล่าวคำชิริก

ท่านอิมามอัลบูซีย์  ได้กล่าวไว้ในกวีสรรเสริญท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ 152  ว่า

يا أكرم الخلق مالى من ألوذ به

"โอ้  ผู้มีเกียรติสุดของมวลมัคโลค  ไม่มีให้แก่ฉันแล้ว กับผู้ที่ฉันจะพึ่งพาด้วยกับเขา

سواك عند حلول الحادث العمم

"นอกจากท่าน ในขณะที่เหตุเกิด(วิกฤติ)โดยครอบคลุมได้เกิดขึ้น"
 
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์  กล่าวว่าอธิบายว่า

يا أكرم الخلق

"ผู้ที่มีเกียรติสุดจากบรรดามัคโลก  ไม่ว่าเป็นมนุษยิน , ญิน , มะลาอิกะฮ์ , (เป็นผู้ที่มีเกียรติยิ่งใน) การให้ , อุปนิสัยธรรมชาติ  และเกียรติภูมิ"

 مالى من ألوذ به

"สำหรับฉันแล้ว ไม่มีคนใดจากบรรดามัคโลค  ที่ฉันจะพึ่งพาเขาได้"

سواك

"นอกจากท่าน"

عند حلول

"ในขณะที่ได้ลงมา(เกิดขึ้น)"

 الحادث

"คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันด่วนโดยไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า لاَ تَأْتِيكُمْ إِلاَّ بَغْتَةً "มันจะไม่มาประสบแก่พวกเจ้านอกจากโดยกระทันหัน" อัลอะร๊อฟ 187

العمم

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยครอบคลุมบรรดามัคโลคทั้งหมด  คือ ความโกลาหลในวันกิยามะฮ์  ซึ่งเป็นวันที่บุคคลหนึ่งจะหนีจาก พี่น้องของเขา จากบิดา , มารดา , มิตรสหาย , บุตร , และกลุ่มชนของเขาที่เคยให้เขาพักพิง  และเขาได้หนีทุก ๆ คนที่อยู่พื้นแผ่นดินนี้  และทุกแม่นมจะละทิ้งเด็กที่นางให้นม  ท่านจะเห็นว่าบรรดามนุษย์จะมึนเมา(งงงวย) ทั้งที่พวกเขาไม่ได้มึนเมา  แต่ทว่า การลงโทษของอัลเลาะฮ์นั้น รุนแรงยิ่ง  ซึ่งเป็นวันที่คน ๆ คนจะกล่าวว่า "(นัฟซี นัฟซี)ตัวของฉัน  ตัวของฉัน(ตัวใครตัวมันเถิด)"  แต่ท่าน(คือท่านนบีมุฮัมมัด) โอ้  ผู้มีเกียรติสุดแห่งมัคโลค จะกล่าวว่า "ประชาชาติของฉัน  ประชาชาติของฉัน (อุมมะตี อุมมะตี)"  ดู หนังสือ อัลอุมดะฮ์ ฟี ชัรหฺ อัลอุมดะฮ์ หน้า 659 - 661 ตีพิมพ์ ดารุลฟะกีฮ์  และดารุลอัลฟัตห์  ฮ.ศ. 1424

ประเด็นการกล่าวหาชิริกของวะฮาบีย์  ที่พวกเขาชอบทำความเข้าใจกันตามอารมณ์ความเข้าใจของพวกตน  คือคำว่า

سواك

"นอกจากท่าน"

วะฮาบีย์พยายามคิดว่า  ท่านอัลบูซีรีย์  พยายามทำให้ท่านนบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีฐานะเทียบเทียมอัลเลาะฮ์ในการที่ยึดท่านนบีมุฮัมมัดเป็นที่พึ่ง   ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เป็นอย่างที่วะฮาบีย์คิด  เนื่องจากจุดมุ่งหมายของท่านอัลบูซีรีย์นั้น  คือกล่าวถึงวันกิยามะฮ์ที่ว่า

ในวันที่ความวิบัติได้เกิดขึ้นอย่างครอบคลุมโดยรวมนั้น คือ วันกิยามะฮ์  ซึ่งบรรดามัคโลคต่างมีความหวาดกลัวในวันนั้น  พวกเขาไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งได้  แม้กระทั่งบรรดาร่อซูลและบรรดานบีทั้งหลาย  ซึ่งพวกเขาทั้งหมดจะกล่าวว่า  "(นัฟซี นัฟซี)ตัวของฉัน  ตัวของฉัน(ตัวใครตัวมันเถิด)"   ดังนั้น  พวกทานจงไปหาท่านนบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หัวหน้าแห่งมัคโลคทั้งหลาย  ดังที่ได้มีหะดิษซอฮิหฺยืนยันเอาไว้ในเรื่องของชะฟาอะฮ์(การให้ความช่วยเหลือของท่านนบีมุฮัมมัดในวันกิยามะฮ์) ซึ่งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะกล่าวว่า   "ประชาชาติของฉัน  ประชาชาติของฉัน (อุมมะตี อุมมะตี)" 

ดังนั้น  กวีดังกล่าว  จะเป็นชิริกหรือความลุ่มหลงตามที่วะฮาบีย์ได้กล่าวหาต่อท่านอิมามอัลบูซีรีย์ได้อย่างไร ?  ในขณะที่วะฮาบีย์ได้อ่านกวีบทนี้  อิบลีสได้ทำให้พวกเขาส่งเสียงหลงออกมา แบบนั่งไม่ติด  และพยายามโพธนาแก่คนทั่วไปว่า  กวีบทนี้ชิริก(ตั้งภาคี) ทั้งที่อิมามอัลบูซีรีย์ไม่ใช่เป็นอย่างนั้น

เพราะในวันกิยามะฮ์นั้น เป็นวันที่เกิดความโกลาหลโดยครอบคลุมทั่วกัน  และไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือ(ชะฟาอัต)แก่เราได้นอกจากท่านนบี มุฮัมมัด  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ผู้เป็นที่รักแห่งเรา  แต่หากวะฮาบีย์ไม่ต้องการชะฟาอัตดังกล่าวนี้  นั่นก็คงเป็นเรื่องของพวกเขา  แต่สำหรับเรานั้น  ไม่มีผู้ใดอีกแล้วในวันกิยามะฮ์ที่จะให้การชะฟาอัตแก่เรา นอกจาก  ท่านนบี มุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ดังนั้น พี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  พึงตระหนักเถิดครับ  เราอย่าเข้าใจในแง่ร้ายเหมือนกับวะฮาบีย์  จนอาจจะเป็นเหตุให้ท่านต้องถูกห้ามจากความดีงาม , ความศิริมงคล ด้วยสาเหตุของการละเมิดในเกียรติของ วะลียุลลอฮ์ และผู้ที่มีความรักอันลึกซึ้งต่อท่านนบี  อย่างท่านอิมามอัลบูซีรีย์

ผมขอลงท้าย ด้วยคำตรัสของอัลเลาะฮ์  ความว่า

  يَسْأَلُونَكَ عَنِ السَّاعَةِ أَيَّانَ مُرْسَاهَا قُلْ إِنَّمَا عِلْمُهَا عِندَ رَبِّي لاَ يُجَلِّيهَا لِوَقْتِهَا إِلاَّ هُوَ ثَقُلَتْ فِي السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ لاَ تَأْتِيكُمْ إِلاَّ بَغْتَةً يَسْأَلُونَكَ كَأَنَّكَ حَفِيٌّ عَنْهَا قُلْ إِنَّمَا عِلْمُهَا عِندَ اللّهِ وَلَـكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لاَ يَعْلَمُونَ

"พวกเขาจะถามเจ้าถึงกาลสลายแห่งโลก "เมื่อใดหนอจึงเป็นเวลาอุบัติของมัน?" เจ้าจงตอบเถิดว่า "อันที่จริงความรู้ในสิ่งนั้นอยู่ที่องค์อภิบาลของฉัน  ไม่มีผู้ใดรู้กระจ่างชัดในเวลาของมัน  นอกจากพระองค์เท่านั้น (ความวิกฏติของ)มันเป็นไปอย่างหนักหน่วงในชั้นฟ้าและแผ่นดิน  มันจะไม่มาประสบแก่พวกเจ้านอกจากโดยกระทันหัน  พวกเขาจะถามเจ้า (อย่างพิไร้พิไร) คล้ายกับว่าเจ้ารู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดี  เจ้าจงประกาศเถิดว่า "แท้จริงความรู้ในสิ่งนั้นเป็นของอัลเลาะฮ์ (เพียงองค์เดียว) และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้"  อัลอะร๊อฟ 187

والله أعلى وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ อัลฮากีม

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ท่านนบี(ซล)ได้กล่าวไว้ว่า......
........ในบทกวีนั้น.....มีฮิกมะของมัน.....

...
ไอ้กระผมเองน่าจะคิดว่า  สิ่งที่อัลอัชฮารีย์อ้างว่ากล่มวะฮาบีย์(กมมูดอ)กล่าวพาดพิงว่าเป็นบิดอะด้านเตาฮีดนั้น  ไอเกระผมคิดว่า...น่าจะเป็นหนังสือบรัญซัลยีที่พี่น้องคณะเก่าในสายชาฟีอี(รด)อ่านในพิธีรำลึกถึงท่านนบีประสูติที่ภาคใต้เขามักจะจัดกันนั้น..ใช่ไหมครับ....

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ไปดูที่มุสลิมไทยซิครับ  ผมเห็นครับว่า  คุณอะสัน  กล่าวหาว่า กวีบทนี้ชิริก  โดยไปตักลีดตามบอด ว่าตามอุลามาอ์วะฮาบีย์  ผู้เป็นศัตรูต่อวะลียุลลอฮ์ อย่างเช่นอิมามอัลบูซีรีย์

และยังไม่พอ วะฮาบีย์ยังกล่าวว่า  บัรซันญีมีชิริกอีก  โดยไม่สามารถอ้างหลักฐานมาได้  พวกวะฮาบีย์ก็คือพวกที่กล่าวอ้างเลยเถิด  ว่าฝ่ายอื่นชิริก  แต่จะให้ตนเองเด่นแล้วเหยียบผู้อื่นโดยอธรรม

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสในหะดิษกุดซีย์ว่า

من عادي وليا فقد أذنته بالحرب

"ผู้ใดที่ละเมิดต่อวะลี(ของเรา) แน่นอน เราจะประกาศรบกับเขา"  รายงานโดย อัลบุคคอรีย์

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
มาดูบุรดะฮของเช็คอัล-บูศิรี ต่อ

 فإن من جودك الدنيا وضرتها * * * ومن علومك علم اللوح والقلم

เพราะความสมบูรณ์พูนสุขทั้งโลกนี้แหละโลกหน้า ก็เป็นส่วนหนึ่งจากความกรุณาของท่าน , และส่วนหนึ่งจากวิชาการของท่าน คือ วิชาขิง อัล-ลูหฺ และ อัล-เกาะลัม

..............................

ท่านเช็คมุหัมหมัดบิน ญะมีล ซัยนู  ได้โต้แย้งบทโคลงดังกล่าวว่า

وهذا تكذيب للقرآن الذي يقول الله فيه { وإن لنا للآخرة والأولى } فالدنيا والآخرة هي من الله ومن خلْقِهِ، وليست من جود الرسول صلى الله عليه وسلم وخلقه، والرسول صلى الله عليه وسلم لا يعلم ما في اللوح المحفوظ، إذ لا يعلم ما فيه إلا الله وحده، وهذا إطراء ومبالغة في مدح الرسول صلى الله عليه وسلم حتى جعل الدنيا والآخرة من جود الرسول وأنه يعلم الغيب الذي في اللوح المحفوظ بل إن ما في اللوح من علمه وقد نهانا الرسول صلى الله عليه وسلم عن الإطراء فقال: { لا تطروني كما أطرت النصارى ابن مريم، فإنما أنا عبد، فقولوا عبد الله ورسوله } رواه البخاري
และนี้คือ การกล่าวเท็จให้แก่อัลกุรอ่าน ซึ่ง อัลลอฮได้ตรัสไว้ในนั้นว่า  "(อำนาจนั้น)เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ทั้งในปรโลกและโลกนี้ " เพราะโลกนี้และโลกหน้า มันมาจากอัลลอฮ และมาจากการสร้างของพระองค์ และมันไม่ได้เกิดจากความกรุณา(ประทาน)ของท่านรซูลุ้ลลอฮ :sallallah: และไม่ใช่เกิดจากการสร้างของท่าน โดยที่ท่านรซูล :sallallah: ไม่รู้สิ่งที่อยู่ใน เลาหุ้ลมะหฺฟูซ  เพราะ ไม่มีผู้ใดรู้ในนั้น นอกจากอัลลอฮ องค์เดียวเท่านั้น และนี้คือ การสรรเสริญจนเกินความเป็นจริงและการยกย่องท่านรซูลุ้ลอฮ  :sallallah: จนเลยเถิด  จนกระทั้ง กำหนดให้โลกนี้และโลกหน้า เกิดจากบารมี ของท่านรซูลุ้ลลอฮ :sallallah: และ ว่าแท้จริงท่านรซูลรู้สิ่งเร้นลับ ที่อยู่ในเลาหุ้ลมะหฺฟูซ  แต่ทว่า ความจริง สิ่งที่อยู่ในเลาหุลมะหฺฟูซนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากความรู้พระองค์ และแท้จริงท่านรซูลุ้ลลอฮ :sallallah: ได้ห้ามพวกเราไม่ให้ สรรเสริญเกินความเป็นจริงโดยกล่าวว่า (พวกท่านอย่าสรรเสริญข้าพเจ้าจนเกินความเป็นจริง ดังเช่นพวกนะศอรอ สรรเสริญ บุตรของมัรยัม เพราะแท้จริง ข้าพเจ้าคือ บ่าวคนหนึ่ง  ดังนั้น พวกท่านจงกล่าวว่า "บ่าวของอัลลอฮ และศาสนทูตของพระองค์ - รายงานโดยบุคอรี  - หนังสือ มะอฺลูมาต มุฮิมมะตุน อะนิดดีน

فجعل الدنيا والآخرة من عطاء النبي -صلى الله عليه وسلم- وإفضاله، والجود هو العطاء والإفضال ؛ فمعنى الكلام  أن الدنيا والآخرة له -صلى الله عليه وسلم-، والله - سبحانه وتعالى - يقول  ((وإنَّ لَنَا لَلآخِرَةَ والأُولَى

แล้วเขา(อัลบูศิรี) ได้กำหนดให้โลกนี้และโลกหน้า เป็นส่วนหนึ่งจาก การประทานให้ของท่านนบี :sallallah:และความกรุณาของท่าน  และคำว่า "อัลญูดุ" หมายถึง การให้ และความกรุณา  แล้วความหมายของคำพูดคือ แท้จริงโลกนี้และโลกหน้า เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านนบี :sallallah:  ทั้งๆที่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า "
"(อำนาจนั้น)เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ทั้งในปรโลกและโลกนี้ " - อัลลัย /13 - อัดดุรรุสสะนียฮ 9/52
http://nosra.islammemo.cc/onenew.aspx?newid=1981


ท่านพี่น้องลองอ่านดูครับ จะพบว่า การอธิบายของวะฮาบีย์กับอุลามาอ์อะฮ์ซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ท่านอิมามอัลบูซีรีย์  ได้กล่าวกวีสรรเสริญท่านนบี  คือในบทกวีที่ 152 - 153 ท่านอิมามอัลบูซีรีย์  ได้กล่าวถึงการ ชะฟาอัตของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในวันกิยามะฮ์  ซึ่งในบทกวีตอนที่ 154 ถัดมาท่านได้ให้เหตุผลตกย้ำสิ่งดังกล่าวว่า

فإن من جودك الدنيا وضرتها * * * ومن علومك علم اللوح والقلم

"เพราะแท้จริง ส่วนหนึ่งจากความเผื่อแผ่ของท่าน คือ(ความดีงาม)ทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์ *** และส่วนหนึ่งจากวิทยาการของท่านนั้น คือความรู้จากเลาฮิลมะห์ฟูซฺและปากกา(ที่เขียนในเลาฮิลมะห์ฟูซฺ)

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ อธิบายว่า

فإن

"เป็นคำที่ชี้ถึงการตอกย้ำและให้บอกเหตุผลให้กับบทกวีที่ผ่านมาก่อนจากนั้น"

 من جودك

"บางส่วนจากความเผื่อแผ่ของท่าน"(คือคำว่า من ตรงนี้ للتبعيض มีความหมายแค่บางส่วน)

 الدنيا وضرتها

"(คือดุนยา)และอาคิเราะฮ์  หมายถึง ความดีงามของดุนยาและอาคิเราะฮ์  ดังนั้น ความเผื่อแผ่ที่ดีเลิศของดุนยา คือ ทางนำของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่มาสู่บรรดามนุษย์ทั้งหลาย  และความดีงามในโลกอาคิเราะฮ์คือ ชะฟาอัต(การให้ความช่วยเหลือ)ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ในขณะที่เกิดวิกฤติความวุ่นวายในวันกิยามะฮ์"

ومن علومك

"คือส่วนหนึ่งจากวิทยาการของท่านที่อัลเลาะฮ์ทรงมอบให้แก่ท่าน" (คือคำว่า من ตรงนี้ للتبعيض มีความหมายแค่บางส่วน)

 علم اللوح

"ร่างรัศมีที่ถูกบันทึกในมัน กับสิ่งที่ผ่านมาแล้วและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"

والقلم

"ตัวตนที่เป็นรัศมี ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงสร้างมันขึ้นมา และพระองค์ทรงใช้ให้มันเขียนสิ่งที่ผ่านมาแล้วและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"

ปัญหาที่วะฮาบีย์กำลังกล่าวหานักปราชญ์ วะลียุลลอฮ์ อย่างเช่น อิมามอัลบูซีรีย์ นี้  คือประเด็นการกล่าวหาของวะฮาบีย์ที่ว่า  บทกวีนี้  ชี้ให้เห็นว่า  ดุนยาและอาคิเราะฮ์เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านนบีด้วย  จึงดูเหมือนว่าพวกเขาจะอธิบายให้อยู่ในหนทางของชิริก แล้วทำการฮุกุ่มผู้อื่นโดยอธรรม  ทั้งที่ความจริงไม่ใช่มีความหมายเช่นนั้น

เพราะคำว่า

فإن من جودك الدنيا وضرتها

หมายถึง "ความเผื่อแผ่อันดีเลิศของท่านนบี ทั้งในโลกนี้และโลก กล่าวคือ ดังนั้น ความเผื่อแผ่ที่ดีเลิศของดุนยา คือ ทางนำของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่มาสู่บรรดามนุษย์ทั้งหลาย  และความดีงามในโลกอาคิเราะฮ์คือ ชะฟาอัต(การให้ความช่วยเหลือ)ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ในขณะที่เกิดวิกฤติความวุ่นวายในวันกิยามะฮ์"  ดู หนังสือ อัลอุมดะฮ์ ฟี ชัรหฺ อัลบุรดะฮ์ ของท่าน อิมาม อิบนะหะญัร อัลฮัยตะมี หน้า 665

ซึ่งหากวะฮาบีย์อ่านบทกวีอย่างมีคุณธรรมก่อนจากนี้ ก็จะทราบถึงจุดมุ่งหมายของท่านอิมามอัลบูซีรีย์เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่เหมือนกับที่วะฮาบีย์จะเอา!

ประเด็นต่อไป

วะฮาบีย์พยายามบอกว่าท่านร่อซูลไม่รู้สิ่งเร้นลับไปเลาฮิลมะห์ฟูซฺ  เพราะอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่รู้  ก็แสดงว่า วะฮาบีย์เข้าใจว่า การที่ท่านนบีรู้สิ่งเร้นลับในเลาฮิลมะฮ์ฟูซฺนั้น เหมือนกับการรู้ของอัลเลาะฮ์! ซุบหานัลลอฮ์ !

ได้รายงานจากอบูซัรริน อัลฆิฟารีย์  (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า

لقد تركنا رسول الله صلى الله عليه وسلم وما يحرك طائر حناحيه فى السماء إلا ذكرنا منه علما

"ขอยืนยัน แท้จริง เราได้ทิ้งท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) (คือเราได้จากท่านร่อซูลไป) โดยที่ไม่มีสองปีกนกในท้องฟ้าทำการเคลื่อนไหว นอกจากเสียว่า เราได้ทำการกล่าววิทยาความรู้จากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)" รายงานโดย อัฏฏ๊อบรอนีย์  ท่านนูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ กล่าวว่า นักรายงานของท่านอัลฏ๊อบรอนีย์นั้น ซอฮิหฺ  นอกจาก มุฮัมมัด บิน อับดิลลาฮ์ บิน ยะซีด ซึ่งเป็นคนเป็น เชื่อถือได้(ษิเกาะฮ์)  (ดู หนังสือ มัจญ์มะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 8 หน้า 36

เราจะสังเกตุเห็นได้ว่า ท่านนบีได้บอกสิ่งเร้นลับไปอนาคตไว้มากกมาย  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของสวรรค์  นรก  ทราบถึงว่าผู้ใดบ้างที่ได้เข้าสวรรค์ เช่นซอฮาบะฮ์ทั้งสิบที่ได้รับข่าวดีเข้าสวรรค์  ซึ่งดังกล่าวเป็นสิ่งเร้นลับ แต่  โดยผ่านทางวะห์ยู  ที่ญิบรีลนำมาบอกโดยนำมาจากเลาฮิลมะห์ฟูซฺ

และการรู้สิ่งเร้นลับของท่านนบี (ซ.ล.)นั้น  คืออัลเลาะฮ์ทรงสอนและประทานให้แก่ท่านนบี   ไม่ใช่หมายความว่า ท่านนบีรู้สิ่งเร้นหลับเหมือนกับอัลเลาะฮ์หรือมีหุ้นส่วนในการรู้สิ่งเร้นลับร่วมภาคีกับอัลเลาะฮ์ตามที่วะฮาบีย์เข้าใจ  เพราะสิ่งดังกล่าวเป็นมันกุฟุร  และความเข้าใจของวะฮาบีย์นี้  ก็ต้องการจะกล่าวกุฟุรกับพี่น้องมุสลิม

การรู้สิ่งเร้นลับนั้น มีสองประเภท

1. علم الغيب المطلق  รู้สิ่งที่เร้นลับโดยอิสระไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น   นั่นคือ  การรู้ของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสยืนยันไว้ว่า

قُل لَّا يَعْلَمُ مَن فِي السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ الْغَيْبَ إِلَّا اللَّهُ وَمَا يَشْعُرُونَ أَيَّانَ يُبْعَثُونَ

"จงประกาศเถิด ใครก็ตามในฟากฟ้าและแผ่นดิน  ย่อมไม่สามารถรู้ความลี้ลับได้นอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้น  และพวกเขาไม่รู้หรอกว่า  พวกเขาจะถูกให้ฟื้นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่?"  อันนัมลิ 65

2. علم الغيب المقيد รู้สิ่งที่เร้นลับโดยมีข้อแม้  หมายถึง  ต้องมีผู้อื่นบอกให้รับรู้สิ่งเร้นลับนั้น  เช่น การรู้ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ดังที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงยืนยันรับรองในสิ่งดังกล่าวว่า

عَالِمُ الْغَيْبِ فَلَا يُظْهِرُ عَلَى غَيْبِهِ أَحَداً إِلَّا مَنِ ارْتَضَى مِن رَّسُولٍ

"ผู้ทรงรู้ความลี้ลับ  แล้วพระองค์มิได้เปิดเผยความลี้ลับแก่ผู้ใดทั้งสิ้น ยกเว้นผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย  นั่นคือ ศาสนทูต" อัลญิน 25 - 26

ดังนั้น  จึงไม่มีแง่มุมใดสำหรับวะฮาบีย์  ที่จะกล่าวกาเฟร  กล่าวบิดอะฮ์ หรือกล่าวลุ่มหลง  กับผู้กล่าวว่าท่านร่อซุลุลเลาะฮ์รู้สิ่งเร้นลับที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานความรู้ดังกล่าวให้แก่ท่านนบี  แต่ในทางตรงกันข้าม ความกุฟุร  บิดอะฮ์ และความหลงลุ่ม จะประสบแก่วะฮาบีย์  ผู้ที่ปฏิเสธความรู้อันเร้นลับของท่านนบีที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้  และยังเป็นการตำหนิอัลกุรอานอีกด้วย  วัลอิยาซุบิลลาฮ์

ดังนั้น วะฮาบีย์เลิกสร้างฟิตนะฮ์  สร้างความเข้าใจผิดกับผู้ทั้งหลาย  โดยอ้างว่าปกป้องอะกีดะฮ์ของตนเองเถิดครับ เนื่องจากปกป้องที่ตนเองอ้างนั้น อาจจะกลายเป็นกุฟุรเสียเอง  วัลอิยาซุบิลลาฮ์!!

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Sunnah so

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
จะไส่ร้ายป้ายสีให้เธอไม่ดีซักอย่าง ให้เขาต้องเดินแยกทาง ที่เธอเดินจากฉันไป(ไฮเปอร์ชุดก่อนครับเพราะดี)ช่วงนี้ฟังแต่หนู มิเตอร์เปลี่ยนแนวครับ  เฮ้อ พวกคุณทำไมไม่เอ่ยชื่อเป็นคนๆไปละ ชอบเหมารวมยกเข่ง  ผมก็เลยไม่แปลกใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดภาคใต้ทำไมเขามาด่าน้องสาวผมว่าพวกแขกนี่เลวจริงๆ(ท่จริงด่าแรงกว่านี่)ทั้งๆที่น้องสาวผมอยู่กรุงเทพ มันอย่างงี้นี่เอง
จงเข้มข้นกับความฝัน และเข้มแข็งกับผลลัพท์ (แอบเอามาจากรถเมล์)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เฮ้อ พวกคุณทำไมไม่เอ่ยชื่อเป็นคนๆไปละ ชอบเหมารวมยกเข่ง 

นักปราชญ์มูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม มักจะกล่าวว่า

ما من عام إلا وخصص

"ไม่มีถ้อยคำที่มีความหมายครอบคลุม  นอกจากเสียว่า  มันจะถูกทอนความหมาย"

ดังนั้น  หากคุณ Sunnah so ต้องการจะทอนตัวเองออกจากเหมายกเข่ง  เรายินดีให้คุณประกาศทอนตัว  และเราไม่ได้ห้ามให้วะฮาบีย์ประกาศทอนตัวเองแต่อย่างใด
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 salam

วันนี้ขุดกระทู้เก่าๆมาอ่าน...(อาจมีใครซักคนต้องการใช้...เพื่ออ้างอิงก็เป็นได้ ;D)

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
ดีครับบัง

เมื่อวานนี้นักเรียนวะฮะบีขึ้นพูดหน้ามัสยิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี


ผมก็ลุกขึ้นอธิบายตอบกลับ ดีที่ได้อ่านของบังมาก่อน

วันนี้เลยโดนวะฮะบีรุมครับรุมมาเสวนาด้วย


ผมเลยจดประเด็นต่างๆไว้เลยอยากจะขอถามบังต่อเลยครับ

แต่ผมขอถามในกระทู้อื่นละกันครับ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ soll

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 37
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เฮ้อ...เบื่อวะฮาบี  นึกว่าเป็นแต่ในไทย frown