ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..  (อ่าน 37661 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #105 เมื่อ: มี.ค. 25, 2010, 06:34 AM »
0
 salam

นำเสนอเรื่องราวของอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ตอนสุดท้าย

สิ่งที่ควรจะกล่าวเมื่อพูดถึงประวัติของท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺก็คือ การกตัญญูที่ท่านมีต่อมารดาของท่าน ดังที่เราได้ทราบแล้วว่า ท่านเป็นลูกกำพร้า มารดาของท่านได้รับภาระเป็นผู้เลี้ยงดูตลอดมา จนกระทั่งได้มาอยู่กับท่านเราะสูลเป็นเวลาอันยาวนาน แต่ท่านก็มิเคยลืมบุญคุณของมารดาที่เลี้ยงดูท่านมาด้วยความยากลำบาก
   ก่อนที่ท่านจะออกจากบ้านทุกครั้ง ท่านจะหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของมารดา กล่าวให้สลามแก่มารดา และมารดาก็จะตอบรับสลามเช่นกัน และท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺได้กล่าวต่ออีกว่า “ขออัลลอฮฺทรงความเอ็นดูเมตตาท่าน ดังที่ท่านได้เลี้ยงฉันมาขณะที่ยังอยู่ในเยาว์วัย” มารดาจะตอบรับว่า “และขออัลลอฮฺทรงเอ็นดูเมตตาลูก ดังที่ลูกทำดีต่อแม่ ขณะที่ลูกเป็นผู้ใหญ่”
   ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ออกจากบ้านและกลับเข้าบ้าน
   นอกจากนี้ ท่านยังกำชับและเชิญชวนประชาชนให้ทำความดี และมีความกตัญญูต่อมารดา
   ครั้งหนึ่ง ท่านเห็นชาย 2 คน คนหนึ่งมีอายุมากและอีกคนหนึ่งมีอายุน้อย ท่านกล่าวถามชายที่อายุน้อยว่า “ชายคนนี้เป็นอะไรกับท่าน” เขาตอบว่า “เป็นพ่อ” ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺบอกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้น ท่านจะต้องปฏิบัติต่อเขา 3 ประการ ดังนี้
   ข้อที่หนึ่ง อย่าเรียกชื่อของท่านเฉย ๆ โดยไม่มีคำนำหน้า
   ข้อที่สอง อย่าเดินก่อนที่ท่านจะเดิน
   ข้อที่สาม อย่านั่งก่อนที่ท่านจะนั่ง"

   เมื่อท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺป่วย ซึ่งเป็นการป่วยครั้งสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะถึงแก่ชีวิต ท่านร้องไห้ มีคนถามท่านว่า เพราะเหตุใดท่านจึงร้องไห้ ท่านตอบว่า “ฉันไม่ได้ร้องไห้เสียใจที่จะต้องอำลาจากโลกนี้ไป แต่ที่ฉันร้องไห้ก็เนื่องจาก การเดินทางของฉันครั้งนี้เป็นการเดินทางที่มีระยะทางห่างไกล และเสบียงของฉันมีเพียงน้อยนิด ฉันจะไปหยุด ณ ปลายทางที่จะนำพาฉันไปสู่สวนสวรรค์หรือนรก ซึ่งตัวฉันเองก็ยังไม่ทราบว่า ปลายทางของฉันจะอยู่ ณ ที่แห่งใด”
   ขณะที่ท่านนอนป่วยอยู่นี้ ท่านมัรวาน บินอัลฮะกัม ก็ไปเยี่ยมท่าน และขอพรจากองค์อัลลอฮฺให้แก่ท่าน โดยกล่าวว่า “ขออัลลอฮฺทรงให้ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ หายจากการป่วยโดยเร็ว” ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺจึงขอดุอาต่ออีกว่า “ข้าแต่อัลลอฮฺ ข้าพระองค์ชอบที่จะได้พบกับพระองค์ ขอพระองค์ทรงพอพระทัยในการพบครั้งนี้ด้วย และขอพระองค์ทรงให้การพบนั้นมาถึงโดยเร็วเถิด”
   และท่านก็ได้สิ้นชีวิต ก่อนที่ท่านมัรวาน บินอัลฮะกัม ออกจากบ้านของท่าน
   ขออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงเอ็นดูเมตตาแก่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งที่ท่องจำและรายงานฮะดีสของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จำนวน 4,734 ฮะดีส นับได้ว่าท่านเป็นเศาะหาบะฮฺอันดับหนึ่ง ที่ท่องจำฮะดีสของท่านเราะสูลมากที่สุด
   ขอพระองค์ทรงตอบแทนความดีทั้งมวลให้แก่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ด้วยเทอญ


จาก "ประวัติซ่อฮาบะฮฺ เล่มที่ 1 พิมพ์เผยแพร่โดยสายสัมพันธ์" พ.ศ. 2529


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #106 เมื่อ: เม.ย. 10, 2010, 10:01 AM »
0
salam

“ชายตาบอดซึ่งพระองค์อัลเลาะห์ได้ประทานอัลกุรอานลงมาเกี่ยวกับตัวเขาจำนวนสิบ

หกโองการซึ่งได้ถูกอ่านมาแล้ว และจะถูกอ่านต่อไปจวบจนฟ้าดินสลาย”


(นักบรรยายความหมายอัลกุรอาน)

ใคร คือผู้ที่ทำให้ท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) ถูกตำหนิอย่างรุนแรง และทำให้ท่านปวดร้าว

เป็นคำตำหนิที่มาจากเบื้องบนฟ้าทั้งเจ็ด

ใครคือผู้ที่ยิบรีลได้นำโองการที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาจากพระองค์อัลเลาะห์ลงมาในหัวใจ

ของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.)


เขาคือ อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม ผู้ทำหน้าที่อะซานของท่านรอซูลุลเลาะห์ (ซ.ล.)


กระทู้ต่อไปนี้จะนำเสนอเรื่องราวของ อับดุลเลาะห์ อิบนิ อุมมิ มักตูม มุอัซซินคนหนึ่งของโลกอิสลาม

วัสสลาม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #107 เมื่อ: เม.ย. 10, 2010, 11:39 AM »
0

นำเสนอตอนแรก

อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม เป็นชาวมักกะห์เผ่ากุเรซ เกี่ยวดองเป็นญาติห่าง ๆของท่าน

รอซุลุ้ลเลาะห์(ซ.ล.) โดยเขาเป็นบุตรของน้าชายภรรยาของท่านพระนางคอดียะห์ บุตรสาว

คุวัยลิด(ร.ด.)

บิดาของอับดุลเลาะห์ ชื่อ กอยส์ บุตร ซาอิด มารดาชื่อ อาติกะห์บุตรสาวอับุดุลเลาะห์ เหตุที่

เขาได้รับฉายาว่า บุตร อุมม์ มักตูมนั้นก็เพราะ มารดาได้คลอดเขาออกมาในสภาพเป็นเด็ก

ตาบอด

อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม ได้เริ่มชีวิตของเขาในยุคต้นของการเผยปพร่ศาสนาอิสลามที่

นครมักกะห์ พระองค์อัลเลาะห์ได้เปิดจิตใจของเขาให้ได้รับอสงสว่างของการศรัทธา เขาจึง

เป็นบุคคลแรก ๆ ที่ได้รับศาสนาอิสลาม

อับดุลเลาะห์ ต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่าง ๆ เช่นเดียวกับมวลมุสลิมในนครมักกะห์ เขาได้

ลิ้มรสความทารุณโหดร้ายของชาวกุเรซ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมศาสนาของเขาได้รับ แต่เขายืน

หยัดต่อสู้อย่างทระนง กล้าหาญ และด้วยศรัทธาที่มั่นคง

การคุกคามของชาวกุเรซ กลับทำให้ท่านยิ่งยึดมั่นต่อศาสนา ผูกพันอยู่กับคัมภีร์ของ

อัลเลาะห์ ทำความเข้าใจกับบัญญัติต่าง ๆ ของพระผู้เป็นเจ้าและมุ่งหน้าเข้าหาท่านรอซู้ล

 (ซ.ล.) มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อับดุลเลาะห์จะไม่ยอมพลาดโอกาสในการเข้าพบท่านนบี (ซ.ล.)

 เพื่อรับฟังพระคัมภีร์อัลกุรอานและจดจำ

ในยามนั้น ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) กำลังใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะเชิญชวนพวก

กุเรซให้เข้านับถือศาสนาอิสลาม วันหนึ่งท่านนบีได้มีโอกาสพบกับ อุตบะห์ บุตร รอบีอะห์

และน้องชายของเขา ไซบะห์ บุตร รอบีอะห์ รวมทั้ง อัมร์บุตรฮิซาม ซึ่งมีชื่อเล่นว่าอะบูยะฮั้ล,

อุไมยะห์ บุตรคอลฟ์ และวะลีด บุตร มุฆีเราะห์ บิดาของแม่ทัพคนสำคัญของอิสลามคือท่าน

คอลิด ท่านนบีได้พยายามชี้นำพวกเขา ได้ปรึกษาหารือกับพวกเขาและเสนอให้พวกเขาเข้า

รับศาสนาอิสลาม โดยท่านมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า พวกนั้นจะยอมรับ หรือไม่เช่นนั้นก็

คงจะช่วยยับยั้ง มิให้สาวกของท่านต้องถูกการคุกคาม

ในขณะที่ท่านนบี กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับพวกกุเรซนั้น บังเอิญอับดุลเลาะห์บุตร อุมม์ มักตูม

 ได้เดินเข้ามาและขอให้ท่านนบีอ่านโองการหนึ่งจากพระคัมภีร์อัลกุรอาน โดยกล่าวว่า โอ้

ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ ได้โปรดสอนข้าพเจ้าด้วยในสิ่งที่พระองค์อัลเลาะห์สอนท่าน

ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ได้เบือนหน้าหนีจากเขาและทำหน้าบึ้ง ท่านได้หันไปทางพวกกุเรซกลุ่มนั้น

เพราะถ้าหากพวกเขายอมรับอิสลามแล้ว พวกเขาก็จะนำความเกรียงไกรมาสู่อิสลาม และจะ

สนับสนุนท่านในการเผยแพร่ศาสนา

ยังไม่ทันที่ท่านร่อซูลลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) เสร็จจากการพูดคุยและชักจูงพวกกุเรซเหล่านั้น และ

ยังไม่ทันที่ท่านจะกลับไปพบครอบครัวของท่าน พระองค์อัลเลาะห์ก็ได้ให้ดวงตาของท่าน

หนักอึ้ง และทำให้รู้สึกคล้ายกับมีสิ่งหนึ่งกระทบกับศีรษะของท่านโดยแรง และแล้ว

พระองค์อัลเลาะห์จึงได้ประทานพระดำรัสของพระองค์ลงมาว่า



 
“เขา(มูฮำหมัด)มีสีหน้าบึ้งตึงและหันหนี ขณะเมื่อชายตาบอดได้มาหาเขา และอะไรทำให้

ท่านรู้ บางทีเขาอาจเกลี้ยงเกลาปราศจากมลทิน หรือ เขาอาจสำนึกตัวได้ และคำตักเตือนนั้น

ก็จะเกิดประโยชน์แก่เขา ส่วนบุคคลที่ไม่ต้องการ ท่านกลับให้การต้อนรับเขา และจะไม่มี

ความผิดเหนือตัวท่าน การที่เขาไม่ยอมปลดเปลื้องมลทินของตัวเอง ส่วนผู้ที่พากเพียรมาหา

ท่านและเขามีความยำเกรง ท่านกลับไม่ให้ความสนใจ เป็นไปไม่ได้ เพราะแท้จริงบรรดา

โองการของอัลกุรอานนั้นเป็นข้อตักเตือน ดังนั้นผู้ใดประสงค์ เขาก็จะระลึกถึงมัน มีปรากฏ

อยู่ในต้นฉบับต่าง ๆ ที่ได้รับการยกย่อง ได้รับการเทิดทูน และบริสุ?ธิ์ด้วยมือของมะลาอิ

กะห์ผู้ทำหน้าที่คัดลอก เป็นมะลาอิกะห์ที่ทรงเกียรติ มีคุณธรรม”


(ซูเราะห์ อะบะสะ โองการที่ 1 ถึงโองการที่ 16)

สิบหกโองการที่ยิบรีลได้นำลงมาสู่หัวใจของท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) เกี่ยวกับตัวของอับดุล

เลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม ซึ่งได้อ่านกันมาตั้งแต่วันที่ถูกประทานลงมาจนถึงวันนี้ และจะคง

ถูกอ่านต่อไป จนกว่าพระองค์อัลเลาะห์จะให้โลกนี้สิ้นไป



(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #108 เมื่อ: เม.ย. 13, 2010, 08:57 AM »
0
 salam

นำเรื่องราวของ อับดุลเลาะห์ อิบนิ อุมมิ มักตูม มาเสนอต่อครับ


นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ท่านนบี (ซ.ล.) ก็ได้ให้เกียรติแก่อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม

อย่างดียิ่ง ท่านจะให้เขานั่งใกล้กับท่าน และจะถามความต้องการของเขา ซึ่งไม่ใช่เรื่อง

ประหลาดเลย เพราะไม่ใช่เขาผู้นี้หรือที่ทำให้ท่านถูกตำหนิมาจากเบื้องบนฟ้าทั้งเจ็ด

เพื่อพวกกุเรซได้เพิ่มการคุกคามท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์และเหล่าผู้มีจิตศรัทธามากขึ้น

พระองค์อัลเลาะห์จึงได้มีบัญชามาอนุญาตให้มวลมุสลิมอพยพ และปรากฏว่าอับดุลเลาะห์

บุตร อุมม์ มักตูม เป็นบุคคลหนึ่งจากผู้ที่ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน และหนีไปพร้อมด้วย

ศาสนาของเขา...อิสลาม


อับดุลเลาะห์ และมุสอับ บุตรอุเมรเป็นกลุ่มแรก  จากอัครสาวกของท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ที่

เดินทางมาถึงนครมาดีนะห์

ทันทีที่อับดุลเลาะห์ บุตรอุมม์ มักตูม  เดินเข้าสู่นครมาดีนะห์กับเพื่อนของท่าน  มุสอับ บุตร

อุเมร  ทั้งสองท่านก็ได้ตระเวนไปตามประชาชน และได้อ่านพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ให้พวกเขา

ฟัง และได้อบรมสั่งสอนให้ประชาชนมีความเข้าในในศาสนาของอัลเลาะห์

เมื่อท่านร่อซูลุ้นเลาะห์ (ซ.ล.)  เดินทางถึงนครมะดีนะห์  ท่านก็ได้แต่งตั้งอับดุลเลาะห์ บุตร

อุมม์ มักตูม   และบิลาล บุตรรอบาห์  เป็นผู้ทำหน้าที่อะซานแก่มวลมุสลิมในนครมะดีนะห์

เขาทั้งสองได้ทำหน้าที่ประกาศเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้าทุกวัน ๆ วันละห้าครั้ง  เขาทั้งสอง

ป่าวประกาศเชิญชวนประชาชนให้กระทำการที่จะเป็นความสุข

บิลาลจะทำหน้าที่อะซาน และอับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม จะทำหน้าที่อิกอมะห์ บางครั้ง

อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม ก็ทำหน้าที่อะซานและบิลาลทำหน้าที่อิกอมะห์

บิลาลและอับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม ยังมีภารกิจพิเศษอีกอย่างหนึ่งในเดือนรอมาดอน

โดยคนหนึ่งจะทำหน้าที่อะซานบอกเวลาซะโฮร และอีกคนหนึ่งจะอะซานบอกเวลาอิมซาก

บิลาลจะทำการอะซานในเวลากลางคืน ปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้น ส่วนอับดุลเลาะห์บุตร อุมม์

มักตูม จะคอยเฝ้าเวลาฟัจร์โดยไม่ผิดพลาด

ท่านนบี (ซ.ล.) ได้ให้เกียรติอับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูมอย่างดีที่สุดโดยทราบได้จากการ

ที่ท่านได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ปกครองนครมะดีนะห์ ขณะที่ท่านเดินทาง

ออกจากนครมะดีนะห์มากกว่าสิบครั้ง หนึ่งจากจำนวนนั้นเป็นวันที่ท่านยกกองทัพออกไป

เพื่อเข้ายึดนครมักกะห์

ถัดจากสงครามบัดร พระองค์อัลเลาะห์ได้ประทานอัลกุรอานลงมาหลายโองการ ยกย่อง

นักรบผู้เสียสละและให้เกียรตินักรบผู้กล้าหาญเหนือกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกไปทำสงคราม เพื่อ

กระตุ้นและปลุกใจนักรบให้อกไปสู่สมรภูมิ และปลอบใจผู้ที่ไม่ได้ออกไปรบ

การเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูม รู้สึกสะเทือนใจและรู้สึกว่าการที่

เขาไม่ได้รับเกียรติอันนี้เป็นเรื่องที่น่าตำหนิยิ่ง ท่านจึงได้กล่าวว่า
“โอ้ ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ ถ้า

หากข้าพเจ้าสามารถออกทำสงครามได้แล้ว ข้าพเจ้าจะต้องออกสู่สมรภูมิอย่างแน่นอน"


หลังจากนั้นได้วิงวอนขอต่อพระองค์อัลเลาะห์ด้วยหัวใจที่นบนอบให้พระองค์ประทานอัล

กุรอานลงมาเกี่ยวกับตัวเขา และคนที่มีสภาพเช่นเดียวกับเขา จากบุคคลที่พิการไม่สามารถ

ออกต่อสู้ในสมรภูมิได้

เขาได้เริ่มวิงวอนด้วยอาการถ่อมตนอย่างที่สุดว่า
“ข้าแต่พระองค์อัลเลาะห์ ขอได้โปรด

ประทานข้อผ่อนผันของข้าพเจ้าลงมา”


และไม่ช้าไม่นาน พระองค์อัลเลาะห์ก็ได้ตอบสนองคำวิงวอนของเขา เซด บุตร ซาบิด คน

บันทึกวะฮีของท่านนบี (ซ.ล.) ได้เล่าว่า “ข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างท่านนบี (ซ.ล.) ความเงียบสงัด

ได้เข้าปกคลุมท่าน ขาอ่อนของท่านได้ตกลงมาทับขาอ่อนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่เคยพบสิ่ง

ใดหนักยิ่งกว่าขาอ่อนของท่านนบีเลย ต่อมาอาการอย่างนั้นก็ได้คลายออกจากท่าน จากนั้น

ท่านได้กล่าวว่า
“โอ้ เซด เจ้าจงบันทึก” ข้าพเจ้าจึงได้บันทึกมีใจความว่า “จะไม่เท่าเทียมกัน

หรอกผู้ที่ไม่ได้ออกไปทำสงครามจากมวลผู้ศรัทธา กับนักรบผู้ออกทำสงครามในวิถีทางของ

พระองค์อัลเลาะห์”


อับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูมได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “โอ้ท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์ คนที่ไม่

สามารถออกทำสงครามได้จะมีสภาพอย่างไร?” ยังไม่ทันจะหมดคำพูดของเขา ความเงียบก็

ได้เข้าปกคลุมท่านเร่อซูลุ้ลเลาะห์(ซ.ล.)อีกครั้งหนึ่ง ขาอ่อนของท่านตกลงมาทับขาอ่อนของ

ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าพบว่ามันหนักอึ้งยิ่งกว่าที่ข้าพเจ้าได้พบในครั้งแรก หลังจากนั้นอาการ

ดังกล่าวก็ได้คลายออกจากท่าน และท่านได้กล่าวว่า
“โอ้ เซด เจ้าจงอ่านข้อความที่เจ้าบันทึก

ไว้” ข้าพเจ้าจึงได้อ่านว่า “จะไม่เท่าเทียมกันหรอกผู้ที่ไม่ได้ออกไปทำสงครามจากมวลผู้

ศรัทธา”
ท่านได้กล่าวว่า “จงบันทึกต่อไปว่า... นอกจากพวกที่มีความจำเป็น”


โปรดติดตามต่อไป

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 13, 2010, 08:58 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #109 เมื่อ: เม.ย. 14, 2010, 09:00 PM »
0
 salam

นำเสนอเรื่องราวของ อับดุลเลาะห์ อิบนิ อุมมิ มักตูม

ข้อยกเว้นนั้น ได้ลงมาตามที่ บุตร อุมม์ มักตูม ตั้งความหวังไว้ ทั้ง ๆ ที่พระองค์อัลเลาะห์ไม่

เอาความผิดกับอับดุลเลาะห์ บุตรอุมม์มักตูม และผู้ที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเขาที่ไม่

ออกไปทำสงครามก็ตาม แต่จิตใจที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของเขาก็ไม่สามารถยับยั้ง

เขาไว้ได้ เขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้วที่จะออกสู่สมรภูมิ


นับแต่วันนั้น เขาก็ไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่สมรภูมิ และเขาได้กำหนดหน้าที่ของตัวเอง

ไว้ในสนามรบว่า “พวกท่านจงให้ข้าพเจ้ายืนอยู่ระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย ให้ข้าพเจ้าถือธง

รบ ข้าพเจ้าจะรักษามั่นไว้อย่างดีที่สุด ข้าพเจ้าตาบอดย่อมหนีไปไหนไม่ได้”


ในปีที่สิบสี่ของฮิจเราะห์ศักราช ท่านคอลีฟะห์อุมัร บุตร ค๊อตต๊อบได้ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว

 ที่จะส่งกองทัพเข้าทำสงครามขั้นเบ็ดเสร็จกับพวกเปอร์เซียเพี่อทำลายอาณาจักรเปอร์เซีย

 และเปิดทางให้แก่กองทหารมุสลิม ท่านจึงได้ส่งสาส์นไปยังเจ้าเมืองที่หัวเมืองต่าง ๆ ว่า

“พวกท่านอย่าปล่อยผู้ใดที่มีอาวุธหรือม้าหรือมีความคิดที่ดีเอาไว้ นอกจากพวกท่าน

จะต้องส่งพวกเขามาหาข้าพเจ้าที่นครมะดีนะห์โดยด่วนที่สุด”


มุสลิมจำนวนมากมายได้ตอบรับคำประกาศของท่านคอลีฟะห์อุมัร ทุกคนหลั่งไหลเข้าสู่นคร

มะดีนะห์และในหมู่นักรบผู้กล้าหาญเหล่านั้นมี อับดุลเลาะห์ อุมม์มักตูม อยู่ด้วย

ท่านคอลีฟะห์ อุมัร ได้แต่งตั้งสะอัด บุตร อะบีวักกอส ให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทหาร

มุสลิมในสงครามคราวนี้

เมื่อทหารมุสลิมเดินทางไปถึงเมืองกอดีซียะห์ อับดุลเลาะห์บุตรอุมม์มักตูม ก็ได้ออกปรากฏ

ตัวในสมรภูมินี้ ท่านสวมเสื้อเกราะและมีอาวุธครบมือ ท่านได้อาสาเป็นผู้ถือธงของมุสลิม

 โดยให้สัญญาว่า จะรักษาธงเอาไว้ยิ่งชีวิต


กองทัพของทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างรุนแรง เป็นเวลาสามวันสามคืน ทั้งสองฝ่ายได้เข้า

ห้ำหั่นกันอย่างชนิดที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยพบในสมรภูมิใดที่มีการปะทะที่รุนแรงเช่นนี้มา

ก่อนเลย การรบต่อเนื่องไปจนถึงวันที่สาม ชัยชนะอย่างเด็ดขาดจึงตกอยู่ในมือของมุสลิม

 และอาณาจักรเปอร์เซียก็ถึงการพินาศลง ธงของอิสลามได้โบกสะบัดอยู่เหนืออาณาจักร

เปอร์เซีย ชัยชนะครั้งนี้ มุสลิมต้องแลกเอามาด้วยศพของนักรบผู้กล้าหาญเป็นจำนวนพัน

 และท่ามกลางศพเหล่านั้นมีศพของอับดุลเลาะห์ บุตร อุมม์ มักตูมรวมอยู่ด้วย ศพของท่าน

ถูกค้นพบในลักษณะนอนคว่ำหน้า ร่างของท่านชุ่มเลือด ธงของกองทัพมุสลิมสงบนิ่งอยู่ใน

อ้อมกอดของท่าน



จบตอน อับดุลเลาะห์ อิบนิ อุมมิ มักตูม

เอกสารอ้างอิง "ซอฮาบะฮ์ของท่านร่อซู้ล ซ.ล." อรุณ บุญชม สำนักพิมพ์ ส.วงศ์้สงี่ยม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #110 เมื่อ: เม.ย. 23, 2010, 06:37 AM »
0
 salam

"พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสินสอดของผู้ใดดียิ่งกว่าสินสอดของ อะบูตอลฮะห์

ที่มอบให้แก่ อุมม์ ซุไลม์ เพราะสินสอดที่มอบให้เธอคือ อิสลาม"

ผู้หญิงชาวนครมะดีนะห์

อินชาอัลลอฮฺ ตอนต่อไป เรื่องราวของ อะบูตอลฮะห์ อัลอันซอรีย์

โปรดติดตาม



ออฟไลน์ falook

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 25
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • My Twitter
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #111 เมื่อ: เม.ย. 23, 2010, 01:04 PM »
0
ญะซากัลลอฮ์...
อ่านแล้วได้ความรู้ และได้เห็นแบบอย่างที่ดีงามมากมายจริงๆ
ขอบคุณทุกท่านที่นำเสนอข้อมูล ...
 ;D

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #112 เมื่อ: เม.ย. 23, 2010, 05:39 PM »
0
 salam

เรื่องราวของ อะบูตอลฮะห์ อัลอันซอรีย์ (เซด บุตร สะหุล์)

   ทันทีที่เซด บุตรสะหุล์ อันนัจยารีย์ มีชื่อเล่นว่า อะบูตอลฮะห์ ได้ทราบข่าวว่า

 อัรรุไมซออฺ บุตรสาว มิ้ลฮาน อันนัจยารีย์ มีชื่อเล่นว่า อุมม์ ซุไลม์ ได้กลายเป็นม่ายเพราะ

สามีของเธอตาย เขาดีใจอย่างลิงโลดในข่าวนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เป็นเช่นนั้น เพราะ

 อุมม์ซุไลม์ เป็นสุภาพสตรีที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ

ปฏิภาณที่ดีเลิศ เป็นบุคคลที่บุรุษทั่วไปปรารถนา

   อะบูตอลฮะห์ ตั้งใจรีบไปสู่ขอเธอก่อนที่จะมีใครชิงไปสู่ขอเธอเสียก่อน อะบูตอลฮะห์

มั่นใจว่า อุมม์ซุไลม์ คงจะไม่เห็นใครดีไปกว่าเขาอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษที่มี

คุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลและความร่ำรวย นอกจากนั้นเขายังเป็นนักรบของตระกูล

 บะนีอันนัจยาร และเป็นนักแม่นธนูหาตัวจับได้ยากในนครมะดีนะห์

   อะบูตอลฮะห์ได้รีบรุดไปยังบ้านของอุมม์ซุไลม์ ขณะที่อยู่ตามทางนั้น อะบูตอลฮะห์

นึกขึ้นได้ว่า อุมม์ซุไลม์ ได้มีความสนใจในคำพูดของนักเผยแพร่ศาสนาชาวมักกะห์ มุสอับ

 บุตรอุเมร และเธอก็ได้ศรัทธาต่อมุฮำหมัดและปฏิบัติตามศาสนาของมุฮำหมัด

   แต่เขาก็ได้กล่าวกับตนเอง “มีอะไรอยู่ในศาสนานั้น? สามีคนเดิมของนางที่ตายไปนั้น

 ก็ยังยึดมั่นอยู่กับศาสนาของปู่ย่าตายาย และยังได้ขัดขวางมุฮำหมัดและคำประกาศของมุฮำหมัด”


   อะบูตอลฮะห์เดินทางมาถึงบ้านของอุม์ซุไลม์ และขออนุญาตเข้าไปพบนางในบ้าน

 นางได้อนุญาตให้เขาเข้าพบได้ โดยมีอะนัส (บุตรมาลิก)บุตรชายของเธอร่วมอยู่ด้วย

อะบูตอลฮะห์ได้เสนอตัวเองกับนาง

   อุมม์ซุไลม์ได้ตอบว่า “คนที่มีลักษณะเหมือนกับท่านนี้ โอ้อะบูตอลฮะห์ จะไม่ถูก

ปฏิเสธหรอก แต่ดิฉันจะแต่งงานกับท่านไม่ได้ในสภาพที่ท่านยังเป็นกาเฟรอยู่”


   อะบูตอลฮะห์ได้ยินดังนั้นก็คิดไปว่า อุมม์ซุไลม์คงหาทางปฏิเสธเขา นางคงเลือก

ใครคนหนึ่งไว้แล้ว ซึ่งคนนั้นคงร่ำรวยและมีอำนาจยิ่งกว่าเขา จึงได้กล่าวแก่นางว่า

“ขอสาบานต่ออัลเลาะห์ สิ่งนี้มิใช่เป็นอุปสรรคขวางกั้นระหว่างเรา โอ้ อุมม์ซุไลม์”

   “ถ้าเช่นนั้นอะไรคืออุปสรรคที่ขวางกั้นเราอยู่” อุมม์ซุไลม์ถาม

   อะบูตอลฮะห์ได้กล่าวว่า “บางทีมันอาจเป็นสีเหลืองและสีขาวของทองคำและเงิน”

   อุมม์ซุไลม์กล่าวอุทานว่า “ทองคำและเงินหรือ?”

   เขาตอบว่า “ถูกต้องแล้ว”

   นางกล่าวว่า “..................................................

   (ยังมีต่อ)


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #113 เมื่อ: เม.ย. 24, 2010, 08:53 AM »
0
 salam

ต่อจากคราวที่แล้ว

    นางกล่าวว่า “แต่สำหรับดิฉันขอให้ท่านเป็นพยาน โอ้อะบูตอลฮะห์ และขอให้

อัลเลาะห์และรอซูลของพระองค์เป็นพยานด้วยว่า ถ้าหากท่านเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม

 ดิฉันจะยินดีให้ท่านเป็นสามี โดยไม่ต้องมีทองคำและเงินเลย ดิฉันจะถือว่าการเข้านับถือ

ศาสนาอิสลามของท่านเป็นสินสอดของดิฉัน”


   ทันทีที่อะบูตอลฮะห์ได้ยินคำพูดของอุมม์ซุไลม์ ใจของเขาห็หวนคิดกลับ

ไปถึงเทวรูปที่เขาได้ทำขึ้นมาจากไม้ชนิดดี และเก็บไว้บูชาสำหรับตัวเอง เหมือน

คนสำคัญ ๆ ได้กระทำกัน

   แต่อุมม์ซุไลม์ไม่ต้องการเปิดโอกาสให้อะบูตอลฮะห์ลังเล จึงได้กล่าวขึ้นอีกว่า

   “ท่านก็ทราบดีมิใช่หรือ โอ้อะบูตอลฮะห์ว่า พระเจ้าของท่านที่ท่านกราบไหว้

อยู่นอกจากอัลเลาะห์นั้น มันงอกออกมาจากแผ่นดิน”


   เขาตอบว่า “ถูกต้อง”

   นางจึงกล่าวว่า “ท่านไม่รู้สึกกระดากอายหรือ ขณะที่ท่านนำเอากิ่งไม้หนึ่งมาทำ

รูปเคารพและทำเป็นพระเจ้านั้น ได้มีบุคคลอื่นนำกิ่งไม้จากไม้ต้นเดียวกันนั้นไปทำฟืน

 หรือเพื่อใช้อบขนมปัง...โอ้ อะบูตอลฮะห์ ถ้าหากท่านเข้านับถืออิสลาม ดิฉันก็จะยินดี

ให้ท่านเป็นสามี ดิฉันไม่ต้องการสินสอดใด ๆ จากท่านเลยนอกจากอิสลาม”


   อะบูตอลฮะห์กล่าวว่า “ใครจะเป็นผู้สอนอิสลามให้แก่ข้าพเจ้า?”

   อุมม์ซุไลม์ตอบว่า “ข้าพเจ้าจะสอนให้แก่ท่านเอง”

   เขาถามว่า “อย่างไร?”

   นางตอบว่า “คือท่านจะต้องกล่าวปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์

และแท้จริงมุฮำหมัดเป็นศานทูตของอัลเลาะห์ หลังจากนั้นท่านก็กลับไปบ้าน

และทำลายเทวรูปของท่าน แล้วโยนทิ้งไป”


   สีหน้าของอะบูตอลฮะห์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอ

ให้สัตย์ปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์ และข้าพเจ้าขอให้สัตย์ปฏิญาณว่า

 แท้จริงมุฮำหมัด เป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์”
ต่อมา เขาได้แต่งงานกับอุมมุซุไลม์

   บรรดามุสลิมพากันกล่าวว่า
เราไม่เคยได้ยินสินสอดใดเลยที่มีเกียรติและประเสริฐ

ยิ่งกว่า สินสอดของอุมมุซุไลม์ เพราะเธอได้รับเอาอิสลามเป็นสินสอดให้ตัวเธอ


   ยังมีเรื่องราวของอะบูตอลฮะห์ให้ติดตามต่อ...........


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #114 เมื่อ: เม.ย. 28, 2010, 09:21 PM »
0
 salam

นำเรื่องราวของอะบูตอลฮะห์ อัลอันซอรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ มานำเสนอต่อ

       นับตั้งแต่นั้น อะบูตอลฮะห์ก็ได้เข้าร่วมอยู่ใต้ร่มธงของอัลอิสลาม และได้ทุ่มเทกำลังความสามารถทั้งหมด

ในการรับใช้อิสลาม อะบูตอลฮะห์ได้เป็นหนึ่งจากจำนวนเจ็ดสิบคนที่ได้ให้สัตยาบันต่อท่านรอซุลุลเลาะห์(ซ.ล.) ที่

เรียกว่าสัตยาบันแห่งอะกอบะห์พร้อมด้วยอุมม์ซุไลม์ ภรรยาของเขา

    และเป็นผู้นำคนหนึ่งจากจำนวนสิบสองคนที่ท่านรอซูลุลเลาะห์(ซ.ล.)ได้แต่งตั้งในคืนนั้นให้ดูแลนคร

ยัธริบ(มะดีนะห์)

    อะบูตอลฮะห์ไม่เคยพลาดการออกไปทำสงครามร่วมกับท่านนบี(ซ.ล.)ซักครั้งเดียว และได้รับ

ความสำเร็จทุกครั้ง

    แต่วันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของอะบูตอลฮะห์ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านรอซูล(ซ.ล.)ก็คือ วันอุฮุด

    นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาในวันนั้น

    อะบูตอลฮะห์ได้ทุ่มเทความรักให้แก่ท่านรอซูลลุลเลาะห์(ซ.ล.)อย่างสุดหัวใจและหยั่งรากลึกลงไปใน

สายเลือด เขาไม่เคยอิ่มที่จะมองดูท่าน และฟังคำพูดอันไพเราะจากท่าน

    เมื่ออยู่กับท่านตามลำพัง เขาจะนั่งลงข้างหน้าท่านแล้วกล่าวว่า “ข้าพเจ้าสามารถตายแทนท่านได้”

    ในวันอุฮุดที่มุสลิมเพี่ยงพล้ำ พวกเขาได้เผ่นหนีทิ้งท่านรอซูลลุลเลาะห์(ซ.ล.)ไว้ พวกศัตรูได้บุกจู่โจมเข้า

มาทุกด้าน พวกนั้นได้ทำให้ฟันของท่านหัก ได้ทำให้หน้าของพวกท่านแตก ทำให้ปากของท่านมีบาดแผลและได้ทำ

ให้ใบหน้าของพวกท่านแตก ทำให้ปากของท่านมีบาดแผลและได้ทำให้ใบหน้าของท่านชุ่มไปด้วยเลือด

    จนกระทั่งพวกศัตรูได้ปล่อยข่าวออกมาว่า มุฮำหมัดได้ถูกฆ่าตายแล้ว มุสลิมยิ่งเพิ่มความอ่อนแอมากขึ้น

และหันหลังให้แก่ฝ่ายศัตรู โดยมีทหารมุสลิมอยู่กับท่านรอซูลุลเลาะห์(ซ.ล.)เพียงไม่กี่คน และผู้นำของทหาร

มุสลิมจำนวนนั้นคือ
อะบูตอลฮะห์

โปรดติดตามในโอกาสต่อไป อินชาอัลลอฮฺ


ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #115 เมื่อ: เม.ย. 29, 2010, 06:48 AM »
0
 salam

ต่อครับ

อะบูตอลฮะห์ได้ยืนผงาดอยู่เบื้องหน้าท่านรอซูลุลเลาะห์(ซ.ล.)ดุจดังภูผาที่มั่นคง เอาตัวของท่านเป็นโล่

ป้องกันท่านนบี(ซ.ล.)

   จากนั้นเขาได้ขึ้นสายคันธนูของเขาที่ไม่เคยพ่ายแพ้ และเอาลูกธนูขึ้นพาด เขาใช้มันป้องกันท่านรอซูลุล

เลาะห์(ซ.ล.)ยิงทหารของฝ่ายศัตรูทีละคน ทีละคน

   ครั้งหนึ่ง ท่านนบี(ซ.ล.)ได้โผล่ศีรษะของท่านขึ้นเพื่อดูลูกธนูที่อะบูตอลฮะห์ได้ปล่อยออกไป เขาได้บอก

ให้ท่านนบีก้มศีรษะลง ด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับท่าน

   “ขอเอาบิดาและมารดาของข้าพเจ้าเป็นค่าไถ่ตัวท่าน ท่านอย่าชะเง้อมองพวกนั้น พวกมันอาจยิงมาถูก

ท่านได้ ลำคอของข้าพเจ้าจะเป็นเกราะป้องกันลำคอของท่าน อกของข้าพเจ้าจะเป็นเกราะป้องกันอกของท่าน

และข้าพเจ้าจะยอมตายเพื่อป้องกันท่าน”


   ได้มีทหารมุสลิมคนหนึ่งหนีผ่านมาทางท่านรอซูลุลเลาะห์(ซ.ล.)โดยมีถุงบรรจุลูกธนูมาด้วย ท่านนบี

(ซ.ล.)จึงเรียกเขาไว้และสั่งการว่า “ท่านจงหว่านลูกธนูของท่านลงเบื้องหน้าของอะบูตอลฮะห์ ท่านอย่าพาลูกธนู

หนีไปโดยไร้ประโยชน์”


   อะบูตอลฮะห์ได้ต่อสู้ป้องกันท่านรอซุลุลลห์(ซ.ล.) จนคันธนูหักไปสามคัน และได้สังหารทหารของฝ่าย

ศัตรูตายเป็นจำนวนมาก

   ต่อมาสงครามได้ยุติลง และอัลเลาะห์ได้คุ้มครองให้นบีของพระองค์ปลอดภัย

       

ยังมีต่อ

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #116 เมื่อ: เม.ย. 29, 2010, 11:23 AM »
0
รออ่านต่อ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #117 เมื่อ: เม.ย. 30, 2010, 06:30 AM »
0
 salam

มาแล้วครับ

        อะบูตอลฮะห์ นอกจากจะเป็นผู้อุทิศชีวิตของตนไปในวิถีทางของอัลเลาะห์ในยามคับขันแล้ว ยังเป็นผู้

เสียสละทรัพย์สมบัติของตน ตามวาระที่สมควรอีกด้วย

   อะบูตอลฮะห์มีสวนอินทผลัมและสวนองุ่นอยู่แห่งหนึ่งที่นครมะดีนะห์ เป็นสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ที่สุด ให้

ผลดีที่สุด และมีน้ำจืดที่สุด

   ขณะที่อะบูตอลฮะห์กำลังละหมาดอยู่ใต้เงาอันร่มรื่นของแมกไม้ ได้มีนกตัวหนึ่งสีเขียว มีจะงอยปากสี

แดง ส่งเสียงร้องอย่างไพเราะ มารบกวนสมาธิของเขา

   นกตัวนั้นได้กระโดดจากกิ่งนี้ไปกิ่งนั้นอย่างร่าเริง และส่งเสียงร้องอย่างไพเราะ อะบูตอลฮะห์เคลิบเคลิ้ม

ไปกับทัศนียภาพที่แลเห็น ความคิดของเขาล่องลอยไป

   หลังจากนั้น เขาได้เรียกสติคืนมา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาได้ละหมาดไปแล้วกี่รอกาอัต ? หนึ่ง...สอง...สาม

...ไม่รู้ว่าเท่าไหร่

   ทันทีที่เสร็จละหมาด เขาได้ไปหาท่านรอซูลุลเลาะห์(ซ.ล.) และได้ร้องเรียนท่านรอซูลถึงตัวของเขาเอง

 ที่สวนของเขาและนกที่ส่งเสียงร้องอย่างไพเราะฉุดออกจากละหมาด จากนั้นเขาได้กล่าวแก่ท่านร่อซูลุลเลาะห์ว่า

   “โอ้ท่านร่อซูลุลเลาะห์ได้โปรดเป็นพยานเถิดว่า ข้าพเจ้าขออุทิศสวนแห่งนี้ของข้าพเจ้าเป็นทาน เพื่อ

อัลเลาะห์ตะอาลา ดังนั้น ท่านจงจัดการมันให้เป็นไปตามที่อัลเลาะห์และร่อซูลปรารถนาเถิด"


   อะบูตอลฮะห์ได้ใช้ชีวิตของเขาไปโดยการถือศีลอดและเป็นนักรบ และเขาได้เสียชีวิตไปในสภาพของผู้ที่

ถือศีลอดและเป็นนักรบ




ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #118 เมื่อ: พ.ค. 01, 2010, 05:38 AM »
0
 salam

ตอนสุดท้าย

อะบูตอลฮะห์ได้มีชีวิตอยู่ภายหลังท่านร่อซูลุลเลาะห์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลาสามสิบปี ตลอด

ระยะเวลาดังกล่าว ท่านได้ถือศีลอด นอกจากในวันที่ห้ามถือศีลอดเท่านั้น จนกระทั่งท่านได้กลายเป็นชายชรา แต่

ความชราภาพของท่านมิได้เป็นอุปสรรคขัดขวางที่จะทำสงครามต่อสู้ในวิถีทางของอัลเลาะห์ เพื่อยกฐานะศาสนา

ของอัลเลาะห์ให้สูงส่งและเกรียงไกร

   นั่นคือในสมัยคอลีฟะห์อุสมาน บุตรอัฟฟาน กองทหารมุสลิมต้องการเปิดศึกทางทะเล อะบูตอลฮะห์ได้

เตรียมตัวพร้อมที่จะออกทะเลพร้อมกับทหารมุสลิม ลูก ๆ ของเขาได้กล่าวทักท้วงเขาว่า

    “ขอพระองค์อัลเลาะห์ได้โปรดเมตตาท่าน โอ้บิดาของเรา บัดนี้ท่านได้ชราภาพลงไปแล้ว โดยที่ท่านก็ได้

เคยกรำศึกร่วมกับท่านร่อซูลุลเลาะห์ กับอบูบักร์ และกับอุมัรมาแล้วมากต่อมาก ท่านควรพักผ่อนอยู่กับบ้านและ

ปล่อยพวกเราให้ออกไปรบแทนท่าน”


   อะบูตอลฮะห์ได้กล่าวว่า : อัลเลาะห์ตะอาลาได้กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไป(รบ)เถิดทั้งเบาและ

หนัก” พระองค์ได้เรียกร้องให้พวกเราออกไปทั้งหมด ทั้งคนหนุ่ม คนชรา พระองค์ไม่ได้กำหนดอายุให้พวกเรา


   ในที่สุดเขาก็ออกไปรบ

   ขณะที่อะบูตอลฮะห์ ซึ่งมีอายุมากแล้ว อยู่บนเรือพร้อมกับทหารมุสลิม ท่านก็ล้มป่วยลง และได้เสียชีวิต

ในเวลาต่อมา

   ทหารมุสลิมได้พยายามหาเกาะเพื่อฝังศพของท่าน แต่ก็ไม่พบจนเวลาได้ผ่านไปเจ็ดวัน โดยศพของอะบู

ตอลฮะห์ยังคงถูกคลุมผ้าอยู่ในเรือนั้น ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง มีสภาพเหมือนคนนอนหลับ ณ กลางทะเลแห่งนั้น

 ห่างไกลจากครอบครัวและถิ่นกำเนิด ร่างของอะบูตอลฮะห์ถูกฝังลง


   แต่อะบูตอลฮะห์มิได้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเลย แม้จะอยู่ห่างไกลจากผู้คน เขาก็ยังคงอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์

อัลเลาะห์ มิเคยเหินห่างเลย


-----------------------------------------------------------------


จบตอนอะบูตอลฮะห์
อ้างอิงจาก : ซอฮาบะฮ์ ของท่านร่อซู้ล ซ.ล. โดย อรุณ บุญชม
สำนักพิมพ์ ส. วงศ์เสงี่ยม 1162 ถนนกรุงเกษม มหานาค กรุงเทพฯ มปป.


วัสสลาม

ออฟไลน์ pluskit061

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.bshomedesign.com/index.html
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #119 เมื่อ: ม.ค. 15, 2015, 10:23 AM »
0
อัสลามอลัยกุม

 

GoogleTagged