ผู้เขียน หัวข้อ: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..  (อ่าน 38693 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คนจำเป็น

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: ก.ค. 08, 2007, 07:29 PM »
0
วะอะลัยกุมุสลามครับ น้องสาวอยากรู้
แข็งแรงดีแล้วนะครับ ปล่อยให้บังห่วงแทบแย่
เข้าเรื่องที่ถามมาครับ ..

บังแอบไปหาให้น้องสาวโดยเฉพาะ กับ ช่วงที่ท่าน บิล้าล ถูกทรมาน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



บิลาลกับการทนทุกข์ทรมานของเขา

     บิลาล (รอดิยัลลอฮุ อันฮู) หนึ่งในบรรดาสาวกที่เลื่องชื่อลืมนาม ในฐานะที่ท่านเป็นมุอัซซิน ประจำมัสยิดของท่านนบี เขาเป็นทาสชาวอบิสิเนียของผู้ปฏิเสธคนหนึ่งในมักกะฮ์ การเปลี่ยนมาเข้ารับนับถืออิสลามของเขานั้น ย่อมไม่เป็นที่ชื่นขอบแก่นายทางของเขา ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เขาถูกข่มเห่งรังแกอย่างปราศจากความปรานี อุมัยยะห์ บิน คอลาฟ ผู้เป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม ได้จับเขานอนลงบนพื้นทรายที่ร้อนระอุยามเที่ยงวัน และได้วางก้อนหินขนาดหนักทับที่หน้าอกของเขา เพื่อเขาจะได้เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ นายทาสของเขายังได้กล่าวกับเขาอีกว่า "จงออกจากอิสลามเสีย หรือไม่ก็จงนอนอบอยู่อย่างนี้ จนตายเถิด" ถึงแม้ต้องตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ บิลาลยังคงเอ่ยคำพูดขึ้นว่า (อฮัด...องค์เดียว) (อัลลอฮ์) "อฮัด...องค์เดียว" (อัลลอฮ์) เขาถูกโบยในเวลากลางคืน และด้วยบาดแผลที่ได้รับเช่นนี้ เขาถูกปล่อยให้นอนอยู่บนพื้นทรายที่ร้อนระอุในเวลากลางวัน เพื่อให้เขาปฏิเสธอิสลาม หรือไม่ก็ปล่อยให้เผชิญกับความตายไปที่ละน้อยจากบาดแผลที่เน่าเฟะ ผู้ที่ทรมานได้บังเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้ผลัดเวร (อบู ญะอัล อุมัยยะห์ และ บุคคลอื่นๆ ) เปลี่ยนกันทำการทรมานให้หนักมือขึ้นเรื่อยๆ แต่บิลาลก็ไม่ยอมสงบในที่สุด อบูบักร ได้มาซื้อเขาให้เป็นอิสระ และเขาจึงเป็นอิสระ และได้เป็นมุสลิมที่เป็นไทยคนหนึ่ง เท่าที่อิสลามได้สอนในเรื่องความเป็นเอกะ ของพระผู้ทรงสร้างผู้ทรงมหธานุภาพอย่างแน่ชัด ขณะที่พวกเคารพเทวรูปของมักกะฮ์ เชื่อถือในเรื่องเทพและเทพีหลายองค์ พร้อมกับพระเจ้าย่อย ๆ ของเขาอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ บิลาลจึงกล่าวซ้ำกันว่า "อฮัด (หนึ่งเดียว) อฮัด (หนึ่งเดียว)" ทั้งนี้ย่อมเป็นการสำแดงให้เห็น ถึงความรักและความเสียสละของเขาที่มีต่อัลลอฮ์ พระองค์ทรงเป็นที่รักยิ่งของเขา ไม่ว่าเขาจะต้องประสบกับการถูกกดขี่ขมเหงสักปานใดก็ตาม สิ่งนั้นก็มิอาจทำให้เขาหันห่างออกจากการเอ่ย พระนามอันศักดิ์ยิ่งของพระองค์ได้ เป็นที่กล่าวกันว่า เด็ก ๆ ที่มักกะฮ์ได้ลากเขาไปตามถนนสายต่างๆ พร้อมกับคำว่า "อฮัด" "อฮัด" ก้องอยู่ในโสตประสาทของพวกเขา เมื่อบิลาล ตื่นขึ้นมาเขาก็รีบเดินทางมายังมะดีนะฮ์ ในทันที เมื่อมาถึงแล้วเขาได้พบกับท่านฮาซัน และท่านฮูเซ็น (หลานของท่านศาสดา) และได้ขอร้องเขาให้ทำการอะซาน เขาไม่อาจปฏิเสธคนทั้งสองได้ เพราะพวกเขาเป็นที่รักยิ่งของบิลาล ทันทีที่เสียงอะซานได้ดังก้องกังวาลขึ้น ผู้คนชาวมะดีนะฮ์ได้ร่ำไห้กันอย่างเปิดเผย ในความปวดร้าวของพวกเขา เมื่อต้องมารำลึกนึกถึงวันแห่งความสุข ในสมัยของท่านศาสดา แม้แต่ผู้หญิงก็ออกมาร้องไห้นอกบ้าน บิลาล ได้ออกจากมะดีนะฮ์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากพำนักอยู่ที่นี้ได้เพียงสองสามวัน และได้ไปเสียชีวิตที่ดามัสกัส ในฮิจเราะฮ์ที่ 20


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านกี่ครั้ง ๆ ก็ยิ่งซาบซึ้งครับ
สมัยนั้น เพียงแค่การเปิดเผยตนว่า เข้าอิสลาม ก็ถูกทดสอบมากมายแล้ว
รุ่น เรา นั้น ได้รับการถ่ายทอดศาสนา มาอย่างสมบูรณ์ และ เสรี ไม่มีการปิดกั้น ไม่มีการบังคับ
แต่ กลับไม่ค่อยอยากปกป้อง และ ดำรงซึ่งแนวทางอัลอิสลามไว้
อ่านกันและตระหนักกันให้มาก ๆ ครับ กว่าอิสลาม จะยิ่งใหญ่มาถึงวันนี้
มีผู้เสียสละ และ ถูกทดสอบ มากมายเหลือเกิน

 8)



นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: ก.ค. 09, 2007, 10:50 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุ้ม

คุณ +Kamarutdin+ หายไปใหนนานแล้วครับไม่ค่อยเห็นเลยครับ  ใครพบตัวให้มารายงานตัวในกระทู้นี้ด้วยครับ คิดถึง ๆ  :D

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: ก.ค. 11, 2007, 09:55 PM »
0
วะอะลัยกุมุสลามครับ น้องสาวอยากรู้
แข็งแรงดีแล้วนะครับ ปล่อยให้บังห่วงแทบแย่
เข้าเรื่องที่ถามมาครับ ..

บังแอบไปหาให้น้องสาวโดยเฉพาะ กับ ช่วงที่ท่าน บิล้าล ถูกทรมาน
--------------------------------------------------------------------------------------



ญะซากัลลอฮฺ ค่ะบัง

จริงๆ ก่อนหน้านี้ หนูไปเจอเพื่อน แล้วเพื่อนเค้า มาอวด ซีดี
ที่เพื่อนของเค้าอีกที ทำไว้ ให้ของขวัญเป็นที่ระลึก กับ ลูกชายของเค้า
เพื่อนเค้าประทับใจ ในความกล้าหาญและเด็ดเดียวของท่านบิลาล มาก จนนำมาตั้งชื่อให้ลูกชาย
ในซีดี เค้ามีตัดต่อ จากหนังที่สร้างประวัติเกี่ยวกับท่านบิลาล โดยดึงเอาฉาก ที่ท่านบิลาลถูกทรมาน
และฉากที่ท่านกลับมา แล้ว อะซาน ดูแล้ว ซาบซึ้งใจมากค่ะบัง
แล้วในซีดี เค้าทำสลับ กับ ภาพลูกชาย ของเพื่อนของเพื่อน(เริ่มงง)
เป็นไอเดียที่น่ารักและน่าประทับใจดีค่ะ

ถ้าใครมีประวัติ เต็ม ๆ ก็ต้องรบกวนด้วยค่ะ ประทับใจท่านไม่รู้ลืมจริงๆ :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 10, 2007, 04:12 AM โดย al-azhary »
ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: เม.ย. 03, 2008, 08:33 PM »
0
 salam

ไปเจอมา    >>  ชีวประวัติของท่านบิล้าล

เอาเป็นว่า ขอเสริมต่อจากท่านพี่ คนจำเป็นแล้วกันเนอะ     ;D ;D ;D


ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: เม.ย. 03, 2008, 08:35 PM »
0
บิล้าล บินรอบาฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู

วันเกิดและชีวิตของท่าน
             ท่านบิล้าล บิน รอบาฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮู เกิดที่นครมักกะห์ ก่อนการฮิจเราะห์ศักราชราว 43 ปี ท่านเติบโตและใช้ชีวิตในมักกะห์ ท่านเป็นทาสที่อยู่ภายใต้การดูแลของอุมัยยะห์ บิน คอลัฟ
ครั้นเมื่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัมได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่นำอิสลามมาเผยแพร่ ท่านบิล้าลเป็นหนึ่งในบุคคลที่เข้ารับอิสลามเป็นคนแรกๆ เมื่อตอนที่ท่านเข้ารับอิสลามนั้น มีผู้เข้ารับอิสลามเพียงน้อยนิด ซึ่งก็มีท่านหญิงคอดียะห์ บินติ คุวัยลิด ท่านอบูบักร อัสซิดดิ๊ก ท่านอาลี อิบนุ อาบีตอเล็บ ท่านอัมมาร บิน ยาซีร และแม่ของท่าน คือ นางสุมัยยะห์ รวมทั้งท่านซุฮัยบฺ อัรรูมิยฺ และท่านอัลมิกด๊าด บิน อัลอัซวัซ
[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 03, 2008, 08:57 PM โดย ^^ IkHLas ^^ »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: เม.ย. 03, 2008, 08:37 PM »
0
ความอดทนของท่านต่อการถูกทำร้าย ถูกทรมาน

           ท่านบิล้าลได้รับการทรมาน ถูกทารุณกรรม และได้รับการลงโทษอย่างแสนสาหัสชนิดที่ว่าไม่มีใครเคยได้รับประทุษร้ายจากพวกมุชริกีนเช่นนี้มาก่อนเลย เพราะพวกที่เข้ารับอิสลาม ในขณะนั้นส่วนใหญ่มีญาติสนิทมิตรสหายคอยให้การปกป้องคุ้มกันนอกจากท่านบิล้าล  ท่านอัมมาร บินยาซีรกับพ่อและแม่ของท่าน และท่านซุฮัยบฺ เท่านั้นที่ไม่มีใครให้การปกป้องคุ้มกัน พวกกุเรชจึงได้ทรมานพวกเขาอย่างแสนสาหัสเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
            ครั้งหนึ่งอุมัยยะห์ บิน คอลัฟกับมุชรีกีนกลุ่มหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเที่ยงตรงเป็นเวลาที่เม็ดทรายที่มักกะห์ร้อนเป็นไฟ พวกเขาทำการถอดเสื้อผ้าของท่านบิล้าลแล้วเอาเกราะเหล็กมาสวมแทนแล้วให้เปลวแดดที่แผดเผาดั่งไฟและเม็ดทรายอันร้อนระอุนั้นแผดเผาท่านบิล้าล จากนั้นก็เฆี่ยนท่านบิล้าลด้วยแซ่ พร้อมบังคับให้ท่านด่าทอท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ไปด้วย แต่ท่านบิล้าลก็มิได้ปริปากพูดคำใดออกมา นอกจากคำว่า “อาฮาดุลอาฮัด” (เป็นคำพูดที่ยืนยันถึงเอกภาพของอัลลอฮฺ) ทั้งที่ท่านได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัสเช่นนี้ จนในที่สุดอุมัยยะห์เองก็ระอาที่จะทรมานท่าน จึงได้เอาเชือกมาผูกคอท่าน และได้ให้พวกเด็กๆ และบรรดาไพร่สถุลทั้งหลายลากจูงท่านไปตามสถานที่ต่างๆของมักกะห์

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: เม.ย. 03, 2008, 08:56 PM »
0
            ต่อมาท่านอบูบักร อัซซิดดิ๊ก รอฎิยัลลอฮูอันฮู ก็ได้ปลดปล่อยท่านบิล้าลให้เป็นไท โดยท่านอบูบักรได้จ่ายทองคำหนักถึง 9 เอาซน์ (1 เอาซน์ เท่ากับ 1 /16 ปอนด์) ให้กับอุมัยยะห์ บิน คอลัฟเพื่อซื้อตัวท่านบิล้าล ซึ่งอุมัยยะห์โกงราคา ท่านบิล้าลให้สูงขึ้นโดยคิดว่าท่านอบูบักรจะไม่กล้าซื้อทั้งที่ในใจของอุมัยยะห์คิดว่า อย่าว่าแต่ 9 เอาซน์เลย แม้แต่ให้ราคาแค่เอาซน์เดียวก็จะขายท่านบิล้าล ส่วนท่านอบูบักรก็คิดในใจเช่นกันว่าอย่าว่าแต่ 9 เอาซน์เลยหากจะโก่งราคาไปถึง 100 เอาซน์ท่านก็จะซื้อตัวท่านบิล้าล
            ท่านบิล้าลดีใจเป็นที่สุดกับชีวิตใหม่ที่เป็นไทของท่าน ที่ท่านไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน แล้วท่านบิล้าลก็ได้อพยพไปยังนครมาดีนะห์กับผู้อพยพทั้งหลาย
ท่านบิล้าลได้ทำหน้าที่เป็นมุอัซซินของท่านศาสดา ศ็อลล็อลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม จวบจนท่านรอซูลถึงแก่กรรม เมื่อท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม ถึงแก่กรรม ท่านบิล้าลก็ยังคงทำหน้าที่อาซาน เมื่อถึงคำอาซานที่ว่า “ อัชฮาดุอันนามูฮัมมาดัรรอซูลุลลอฮฺ ”   ท่านก็ร้องไห้โฮออกมาโดยมิอาจกลั้นเอาไว้ได้ ท่านจึงขออนุญาติต่อท่านอบูบักร รอฎิยัลลอฮูอันฮู ยุติการทำหน้าที่อาซาน เพราะท่านมิอาจข่มความรู้สึกของท่านได้หลังจากที่ท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ล่วงลับไปแล้ว
            ต่อมาก็ได้เดินทางไปพร้อมกับผู้แทนกลุ่มแรกของบรรดามุสลิม และได้พำบักที่ดารอยาใกล้ดามัสกัส จนกระทั่งท่านอุมัร อิบนิ ค็อฏฏอบ รอฎิยัลลอฮูอันฮูได้เดินทางไปที่ดามัสกัส ท่านอุมัรจึงได้มีคำสั่งให้ท่านบิล้าลทำหน้าที่อะซานอีกครั้ง ซึ่งท่านอุมัรนั้นรักและเทิดทูนท่านบิล้าลมาก ท่านอุมัรมักจะกล่าวเสมอว่า  “แท้จริงท่านอบูบักรนายของเราเป็นผู้ปลดปล่อยนายของเราให้เป็นไท ”  หมายถึง ท่านบิล้าล รอฎิยัลลอฮูอันฮู  เมื่อเสียงอะซานของท่านบิล้าลถูกเปล่งออกไปอีกครั้ง ท่านอุมัรตลอดจนบรรดาซอฮาบะห์ที่อยู่นั่นถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะพวกเขาต่างได้ยินเสียงนี้ สมัยที่ท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งมันมากระตุ้นความรู้สึกและความอาวรณ์ที่มีต่อท่านรอซูลของพวกเขา จึงทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องร้องไห้ออกมา

วาระสุดท้ายของท่านบิล้าล   

           ก่อนที่ท่านบิล้าลจะถึงแก่กรรม ท่านพร่ำกล่าวแต่คำว่า “พรุ่งนี้เราจะได้พบกับผู้ที่เป็นที่รักยิ่ง….มูฮัมหมัดและบรรดาซอฮาบะห์ของท่าน ” 
            ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนคุณงามความดีของท่านบิล้าลที่มีต่ออิสลามด้วยเถิด

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: เม.ย. 06, 2008, 12:33 AM »
0
 ;D




ญาซากิลลาฮ ที่ช่วยอัพเดทอยู่เนืองๆ ^^

ออฟไลน์ abuwail

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: ส.ค. 05, 2008, 10:44 AM »
0


ซอฮาบะฮ์ คือผู้ที่อยู่ร่วมสมัยกับนบี

รู้เห็นการปฏิบัติต่าง ๆ ของนบี..


อัสลามุอาลัยกุม  :laugh:

     เป็นน้องใหม่ และก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาตินะครับเพียงแต่ไปสะดุดกับ  คำนิยามของ ซอฮาบะฮ์ซึ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยจะถูกนะครับ
(ตามที่เรียนรู้มานะครับ) เนื่องจาก :-
1. คำนิยามนี้ครอบคลุมไปถึง มุชริกีนในสมัยนั้นด้วย พวกเขาเหล่านั้นก็อยู่ร่วมสมัยกับท่านนบี รู้เห็นการปฏิบัติต่าง ๆ ของนบี ดังเช่น อบูตอลิบ
2. ไม่ครอบคลุมถึง บรรดาผู้ที่อยู่ร่วมสมัยกับท่าน ศรัทธาต่อท่าน แต่พบท่านเพียงไม่กี่ครั้ง
 ดังนั้นอยากจะขอเสริมซักนิดนะครับว่า คำนิยามของซอฮาบะฮฺนั้น คือ
من لقي الني وآمن به ومات على الإسلام
ซอฮาบะฮฺ คือผู้ที่ได้พบกับท่านนบีพร้อมกับเชื่อมั่นศรัทธาและอีหม่านต่อท่านและเสียชีวิตในขณะที่อยู่ในอิสลาม

วัลลอฮุตะอาอะลัม   Oops:

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: ส.ค. 05, 2008, 12:19 PM »
0
 salam

ญะซากัลลอฮุค็อยร็อนครับ ท่านอบูวาอิล  :ameen:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: ต.ค. 30, 2009, 10:29 AM »
0
มีใครจะมาต่อยอดไหม? mycool:

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: ต.ค. 30, 2009, 12:11 PM »
0

อยากทราบเรื่องของท่านรอบีอะห์ อัลอะดาวิยะห์ ซูฟีหญิงท่านนึง (ปลื้ม  loveit:)
ใครพอจะสงเคราะห์ได้มั่งเอ่ย ?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 30, 2009, 12:17 PM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: ต.ค. 31, 2009, 12:09 AM »
0
 
     
   

   
อนัส  อิบนุ  มาลิก
   

الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛   

บุคคลท่านนี้ คือ  อนัส  อิบนุ  มาลิก  อิบนิ  อันนัฎร์  อิบนิ  ฎอมฎอม  อิบนิ  ซัยด์  อิบนิ  ฮิรอม  อิบนิ  ญุนดุบ  อิบนิ  อามิรฺ  อิบนิ  ฆ่อนัมฺ  อิบนิ  อะดีย์  อิบนิ  อันนัจฺญ๊าร  อบูฮัมซะฮฺ  อัลอันซอรีย์  อัลค็อซฺร่อญีย์  (ร.ฎ.)  ผู้รับใช้  (คอดิมฺ)  ของท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  หนึ่งในเหล่าสาวกที่รายงานหะดีษมากที่สุดจากท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) 


มีรายงานที่ถูกต้องว่าท่านอนัส ได้กล่าวว่า  :  ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้มายังนครม่าดีนะฮฺ  ในขณะที่ฉันมีอายุได้  10  ขวบ  และแม่ของท่านอนัส  (ร.ฎ.)  ซึ่งมีชื่อว่า  อุมมุ  สุลัยม์ได้นำท่านอนัสมาหาท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เมื่อท่านได้มาถึงนครม่าดีนะฮฺ  แล้วนางก็กล่าวแก่ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ว่า  :  นี่คืออนัส  เด็กน้อยที่จะคอยปรนนิบัติท่าน  แล้วท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ก็รับอนัสเอาไว้ 


ท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เรียกท่านอนัสด้วยกุนยะฮฺว่า  :  อบูฮัมซะฮฺและเคยเรียกแกมหยอกกับอนัสว่า  :  โอ้ผู้มี  2  หู  ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  ได้เติบโตในครอบครัวของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  และได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น  ท่านมุฮำหมัด  อิบนุ  อับดิลลาฮฺ  อัลอันซอรีย์  กล่าวว่า  :  อนัสได้ออกไปยังสมรภูมิบัดฺร์พร้อมกับท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ในขณะที่เขายังเป็นเด็กโดยคอยปรนนิบัติท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  แต่ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  ก็ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในทำเนียบของบรรดาผู้เข้าร่วมสมรภูมิบัดฺร์แต่อย่างใด  เนื่องจากท่านยังมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ของผู้ออกศึก  (อัลอิซอบะฮฺ  ฟี  ตัมยีซฺ  อัซซ่อฮาบะฮฺ  ;  อิบนุฮะญัร  เล่มที่  1  หน้า  71) 


ท่า นอนัส  (ร.ฎ.)  คอยรับใช้ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ในเรื่องธุระส่วนตัว  (การปลดทุกข์)  ของท่านร่อซู้ล  (ซาดุ้ลมะอาด  ;  อิบนุ  ก็อยยิม  เล่มที่  1  หน้า  47)  ท่านปรนนิบัติท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เป็นเวลา  10  ปี  ท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เคยขอดุอาอฺให้แก่ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  ตามคำขอของอุมมุสุลัยม์  มารดาของท่านว่า  :  โอ้อัลลอฮฺ  ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ทรัพย์สินและลูกหลานของเขามีมากมาย  และขอพระองค์ทรงประทานความจำเริญแก่เขาในทรัพย์สินนั้น 


ผลจากดุอาอฺนั้น  ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  มีลูกหลานถึง  125  คน  และสวนผลไม้ของท่านอนัส  (ร.ฎ.)  จะออกผลปีละ  2  ครั้ง ในสวนนั้นมีพืชจำพวกโหระพาที่ส่งกลิ่นหอมเหมือนกลิ่นของชะมดเชียง  หลังจากท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  ได้วะฟาต  ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  ก็พำนักอยู่ที่นครม่าดีนะฮฺและเข้าร่วมการพิชิตดินแดนต่าง ๆ ต่อมาท่านได้ลงพำนักอยู่ที่นครอัลบัศเราะฮฺ  และเสียชีวิตที่นั่น  ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  เป็นผู้ที่ถูกตอบรับคำวิงวอน  ครั้งหนึ่งท่านเคยละหมาดและขอดุอาอฺให้พระองค์อัลลอฮฺ  (ซ.บ.)  ทรงประทานฝนเนื่องจากความแห้งแล้งในฤดูร้อน  คำวิงวอนของท่านก็ถูกตอบรับ,  การละหมาดของท่านอนัส  (ร.ฎ.)  คล้ายคลึงหรือเหมือนกับการปฏิบัติละหมาดของท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เป็นที่สุด 


ท่านมีชีวิตอยู่ หลังจากท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  เป็นเวลาถึง  83  ปี  ท่านรายงานหะดีษจากท่านร่อซู้ล  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  จำนวน  1,286  บท  โดยอิหม่ามอัลบุคอรีย์และมุสลิมรายงานพ้องกันจำนวน  168  บท  และอิหม่ามอัลบุคอรีย์รายงานเอาไว้เฉพาะจำนวน  83  บท  และอิหม่ามมุสลิมรายงานเอาไว้เฉพาะจำนวน  71  บท,  ท่านอนัส  (ร.ฎ.)  เสียชีวิตนอกนครอัลบัศเราะฮฺห่างไปราว  1  ฟัรซัคครึ่ง  และถูกฝังอยู่  ณ  สถานที่อันเป็นที่รู้จักกันว่า  ปราสาทของอนัส  (อัลหะดีษ  วัลมุ่ฮัดดิซูน  ;  มุฮำหมัด  อบูซะฮฺว์  หน้า  137) 


ท่านอ นัส  (ร.ฎ.) เคยเข้าร่วมในสมรภูมิพร้อมกับท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)  8  ครั้งด้วยกัน  ท่านเสียชีวิตในปีฮ.ศ.ที่  93  ตามทัศนะที่ถูกต้องของปวงปราชญ์  บ้างก็ว่าปีฮ.ศ.91  ขณะมีอายุได้  100  ปี  บ้างก็ว่า  101  ปี  บ้างก็ว่า  107  ปี  (ดูอัลอิซอบะฮฺฯ  อ้างแล้ว  เล่มที่  1  หน้า  72  /  อัลหะดีษ  วัลมุฮัดดิซูน  อ้างแล้ว  หน้า  137) 


ขอพระองค์อัลลอฮฺ  (ซ.บ.)  ทรงโปรดพึงพอพระทัยแก่ท่านอนัส  อิบนุ  มาลิก  ด้วยเทอญ
 
   والله أعلم بالصواب
 
http://www.alisuasaming.com/qa/index.php?topic=961.0
 



<a href="http://www.cutielayouts.com/fish.swf" target="_blank" class="new_win">http://www.cutielayouts.com/fish.swf</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 08, 2010, 10:25 AM โดย راجيس »

ออฟไลน์ rayes

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 628
  • Respect: +18
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกผมเอง หุหุ
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: ต.ค. 31, 2009, 12:25 AM »
0
 
   
 
      
::.ท่านอุษมาน ('Uthman).
(ฮศ. 24-36 / คศ. 644-656)

ชีวิตในเบื้องต้น

ท่านอุษมานถือกำเนิดเมื่อปีคศ.573 ในตระกูลกุร็อยช์แห่งเผ่าบนูอุมัยยะฮ์ ท่านเรียนการอ่านการเขียนมาตั้งแต่ในวัยเด็ก เป็นคนซื่อสัตย์และโอบอ้อมอารี ท่านเป็นคนฐานะดีคนหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนในอารเบีย อบูบักร์เป็นเพื่อนสนิทขอท่าน ท่านได้แต่งงานกับบุตรสาวของท่านศาสดาถึงสองคน ท่านเข้ารับอิสลามเมื่ออายุ 34 ปี เมื่อมุสลิมในมักกะฮ์ได้รับการกดขี่ข่มเหงอย่างมาก ท่านศาสดาได้สั่งให้มุสลิมอพยพไปอยู่อบิสสิเนีย ท่านอุษมานกับภภรยาของท่านก็ได้อพยพไปด้วย หลังจากนั้นอีกสองปีต่อมาท่านก็ได้กลับมายังมักกะฮ์และต่อมาก็ได้อพยพไปยัง มะดีนะฮ์อีก

งานที่ทำเพื่อรับใช้อิสลาม

ท่าน เป็นผู้หนึ่งที่เสียสละเงินทองของท่านเพื่อประโยชน์ของอิสลามเป็น อย่างมาก ท่านมีส่วนร่วมในสงครามอุฮุด และมีตำแหน่งในสมัยของท่านอบูบักร์และท่านอุมัร เคาะลีฟะฮ์ทั้งสองท่านมักจะปรึกษาหารือท่านอุษมานในเรื่องต่างๆเสมอ

การเลือกตั้งท่านอุษมาน

เมื่อ ท่านอุมัรใกล้จะสิ้นชีวิต ท่านได้ทิ้งเรืองการหาเคาะลีฟะฮ์สืบต่อไว้ให้สภาที่ปรึกษาอันประกอบด้วยท่าน อะลี อุษมาน ซัยด์ ฏ็อลฮะฮ์ ซุบัยร์และอับดุรเราะฮ์มาน บินเอาฟ์ แต่ในระหว่างท่านเหล่านั้นก็ไม่มีใครดีเด่นยิ่งหย่อนไปกว่าใครอย่างเด่นชัด เหมือนอย่างท่านอบูบักร์และท่านอุมัร ฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะเลือกเอาท่านหนึ่งท่านใดเป็นเคาะลีฟะฮ์ ในขณะที่อุมัรยังมีชีวิตนั้นท่านได้หมายตาเอาไว้ว่าจะให้ อบูอุบัยดะฮ์บินญัรรอห์เป็นผู้สืบตำแหน่งต่อไป แต่ท่านผู้นั้นก็ได้สิ้นชีวิตไปก่อน ผู้ที่ควรจะได้รับเลือกตั้งก็คือ อับดุรเราะห์มาน แต่ท่านผู้นี้ก็ไม่เต็มใจที่จะรับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ ในที่สุดก็เลือกได้ท่านอุษมานโดยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ ในขณะนั้นฏ็อลฮะฮ์ไม่ได้อยู่ในมะดีนะฮ์ เมื่อฏ็อลฮะฮ์กลับมาท่านอุษมานก็ขอร้องให้ท่านรับตำแหน่งแทน แต่เขาปฏิเสธ ดังนั้นท่านอุษมานจึงเป็นเคาะลีฟะฮ์ท่านที่ 3 แห่งอาณาจักรอิสลาม

การพิชิตหัวเมืองตะวันออก

 เมื่อ ท่านอุมัรสิ้นชีวิตได้หกเดือน กษัตริย์ยัซดิเกิร์ตแห่งเปอร์เชีย ซึ่งกำลังถูกเนรเทศได้ยุยงให้เกิดการกบฏขึ้นในประเทศ ท่านอุษมานจึงได้ทำการปราบปรามกบฏลง อาณาจักรเปอร์เชียอื่นๆก็ตกมาอยู่ใต้อำนาจของอิสลาม ผู้ครองนครอิสรัฟ กาบูล กัซนา บัลค์ และเตอรกิสถาน ต่างก็ยอมอ่อนข้อแก่มุสลิม เมืองต่างๆส่วนมากของคูราซานอย่างเช่น นิชาปูร์ ตุส และมาร์ฟ ก็ตกมาอยู่ในมือของมุสลิมในปี คศ.650 หรือ ฮศ. 30

 ท่าน ได้ขยายเขตแดนออกไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออกอย่างมากอีกด้วย ซีเรียทั้งหมดก็ตกมาอยู่ในมือของมุอาวิยะฮ์ซึ่งท่านอุมัรได้มอบตำแหน่งให้ เป็นผู้ครองแคว้นดามัสกัส จักรพรรดิ์แห่งโรมได้จับตาดูดินแดนแห่งนี้ ฉะนั้นในปีที่สองที่ท่านอุษมานขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮ์ มุอาวิยะฮ์จึงได้รับการขู่เข็ญจากกองทัพที่มาจากเอเซียไมเนอร์ซึ่งเขาไม่มี ทางที่จะสู้ได้ ท่านอุษมานจึงส่งกองทัพไปช่วยจนมุอาวิยะฮ์สามารถเอาชนะพวกโรมันได้ และได้เลยไปตีเอเซียไมเนอร์มาได้ด้วย นอกจากนั้นเกาะไซปรัสก็ยังตกเป็นของมุสลิม และประชาชนในเกาะไซปรัสก็ตกลงจะจ่ายค่าบรรณาการให้แก่มุสลิมเหมือนที่เคย จ่ายให้โรมันด้วย

การพิชิตด้านตะวันตก

 มรณะกรรมของท่านอุมัรทำให้เกิดความปั่นป่วนจลาจลขึ้น ชาวโรมันและชาวเปอร์เชียลุกขึ้นแข็งข้อต่อมุสลิม ในปีฮศ.26 หรือคศ.646 ทหารโรมันได้ยกทัพมายังเมืองอเล็กซานเดรียและยึดเมืองนั้นไว้ อัมร์ บินอาสซึ่งเป็นเจ้าเมืองในขณะนั้นได้ขับไล่ทหารโรมันออกไปและตีท่าเรือคืนมา ได้ ในระหว่างนั้นได้เกิดการพิพาทขึ้นระหว่างอัมร์ กับอับดุลลอฮ์ซึ่งเป็นน้องเลี้ยงของท่านอุษมาน ในเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับการบริหารท่านอุษมานได้ถอดอัมร์ออกจากตำแหน่งและ ตั้งอับดุลลอฮ์น้องเลี้ยงของท่านเป็นเจ้าเมืองแทน ต่อมาในปี ฮศ.31หรือ คศ. 651 จักรพรรดิ์โรมันได้ส่งกองทัพเรือประกอบด้วยเรือ 500 ลำ มารุกรานอียิปต์ อับดุลลอฮ์ก็ยกกองทัพเรือของมุสลิมไปตีจนฝ่ายโรมันพ่ายแพ้ ดังนั้นมุสลิมจึงมีชื่อเสียงทางด้านกองทัพเรือด้วย อำนาจของมุสลิมเริ่มเพิ่มขึ้นทั้งทางบกและทางน้ำ

ข้อกล่าวหาท่านอุษมา

 ใน ระหว่างหกปีแรกของการเป็นเคาะลีฟะฮ์ ท่านอุษมานปกครองอย่างมีชื่อเสียงเป็นอย่างดี และเป็นที่รักของฝ่ายกุร็อยช์มากกว่าท่านอุมัร ท่านได้ชัยชนะในการรบหลายต่อหลายครั้ง เขตแดนของมุสลิมก็มีตั้งแตโมร็อคโคมาจนถึงกาบูล แต่ในตอนหลังท่านได้ถูกกล่าวหาในหลายเรื่องซึ่งเราควรจะได้พิจารณาดังนี้

 ข้อ กล่าวหาว่าท่านได้ถอดถอนเจ้าเมืองผู้มีความสามารถออกเพื่อจะแต่งตั้ง ญาติของตนแทนนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ฉกรรจ์ แต่ถ้าพิจารณากันอย่างยุติธรรมแล้วข้อกล่าวหานั้นก็หาความจริงอะไรไม่ได้เลย

 ข้อ กล่าวหาที่ว่าท่านแต่งตั้งมุอาวิยะฮ์เป็นผูปกครองซีเรียนั้น ความจริงมุอาวิยะฮ์ได้รับแต่งตั้งอยู่ก่อนแล้วโดยท่านอุมัร และดำรงตำแหน่งต่อมาจนถึงสมัยท่านอุษมาน ส่วนซะอ์ด์ ผู้พิชิตเปอร์เชียก็ได้รับการแต่งตั้งโดยท่านอุมัรเหมือนกัน แต่ถูกถอดถอนด้วยข้อกล่าวหาเล็กน้อย และมุฆีเราะฮ์ได้เข้ามาแทนที่ แต่ท่านอุมัรได้แสดงความจำนงไว้ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิตว่า ควรจะให้ซะอ์ด์กลับมารับตำแหน่งใหม่ ท่านอุษมานจึงได้แต่งตั้งให้ซะอ์ด์กลับเข้ามารับตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเกิดการพิพาทขึ้นระหว่างซะอ์ด์กับอิบนุมัสอูด เจ้าหน้าที่กองคลังแห่งคูฟะฮ์นั้น ซะอ์ด์ก็ถูกถอดออกจากตำแหน่งอีก และวะลีด บินอัฆบา ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน วะลีด บินอัฆบานั้นเป็นญาติสนิทของท่านอุษมาน แต่ท่านก็ได้แต่งตั้งเขาตั้งแต่ตอนต้นๆที่ท่านเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเคาะ ลีฟะฮ์ใหม่ๆ ซึ่งตอนนั้นท่านยังไม่มีชื่อเสียงด่างพร้อยอะไร และตอนที่วะลีดถูกกล่าวหาว่าดื่มเหล้า เขาก็มิใช่แต่เพียงถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังถูกโบยตามกฏหมายอีกด้วย ถ้าท่านอุษมานเป็นคนลำเอียงเข้าข้างญาติของท่านแล้ว ท่านก็อาจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในเรื่องนี้เสียก็ได้ หลังจากวะลีด บินอาสได้มาเป็นผู้ปกครองคูฟะฮ์แทนแต่ได้ทำผิดบางอย่าง อบูมูซาอัซอะรี ซึ่งไม่ได้เป็นญาติกับท่านอุษมานก็ได้เป็นแทน เมื่อปีฮศ.34 หรือ คศ.654 บุคคลผู้นี้ได้รับการแต่งตั้งโดยท่านอุมัร แต่เมื่อประชาชนในบัศเราะฮ์กล่าวหาว่าท่านลำเอียงเข้าข้างฝ่ายกุร็อยช์ท่าน อุษมานก็ถอดเขาออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งคนที่ท่านเลือกเองแทน ได้เกิดการจลาจลอย่างใหญ่โตขึ้นในอียิปต์ซึ่งอับดุลลอฮ์บินซะอ์ด์ได้รับแต่ง ตั้งแทนอัมร์ บินอาส บุคคลแรกนั้นเป็นน้องชายเลี้ยงของท่านอุษมาน แต่เขาก็ได้ทำประโยชน์ให้แก่อิสลามเป็นอย่างมาก การที่เขาเอาชนะพวกโรมันได้และสร้างกองทัพเรือให้เข้มแข็งขึ้นนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดและกล้าหาญ และการที่ท่านอุษมานแต่งตั้งเขาก็ไม่เป็นการผิดแต่อย่างใด แต่เมื่อฝ่ายกบฏมาถึงเมืองมะดีนะฮ์ และต้องการให้ถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง อับดุลลอฮ์บินซะอ์ด์ก็ยินยอมโดยดี และมุฮัมมัด บินอบูบักร์ก็ได้รับการแต่งตั้งแทน ท่านอุษมานได้ถอดถอนผู้ปกครองเมืองหรือแคว้นคนเก่าๆออกก็จริง แต่ก็ทำไปโดยมีเหตุผล แม้แต่ท่านอุมัรเองก็ยังต้องถอดถอนวีรบุรุษคนสำคัญๆออกเช่น คอลิด มุฆีเราะฮ์และซะอ์ด์บินอบีวักกอสเป็นต้น ท่านต้องทำเช่นนั้นเพื่อประโยชน์ของอิสลามจึงไม่ควรสงสัยว่าท่านทำไปโดยไม่ ซื่อสัตย์เลย

ข้อ กล่าวหาต่อไปก็คือ ท่านใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ท่านเอาเงินของรัฐไปให้ญาติของท่านและใช้จ่ายเงินกองคลังอย่างฟุ่มเฟือย คำกล่าวหานี้ก็ไม่เป็นความจริงเพราะเป็นที่รู้กันว่า ท่านอุษมานเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในอารเบีย ท่านได้สละเงินทองมากมายให้แก่หนทางของอิสลามในสมัยของท่านศาสดา เป็นคนที่เคยสละเงินทองจนกระทั่งเหลือเพียงอูฐสองตัว ท่านได้ให้ทรัพย์หนึ่งในห้าที่ได้มาจากการสู้รบที่ทริโปลีแก่อับดุลลอฮ์บินอ บีซัรฮ์ ก็เพราะท่านได้สัญญาไว้ว่าจะให้ถ้าเขาได้ชัยชนะมา แต่เมื่อมีผู้ร้องทุกข์ขึ้นท่านก็ได้ขอคืนมาจนหมด นอกจากนั้นยังมีผู้กล่าวหาว่าเคาะลีฟะฮ์ได้สงวนทุ่งหญ้าไว้ใช้เองโดยไม่ยอม ให้สาธารณชนเอาม้าและอูฐไปกินหญ้าในนั้น ซึ่งคำสั่งนี้เป็นของท่านอุมัรและท่านอุษมานเป็นผู้ดำเนินการต่อมาเท่านั้น
คำ กล่าวหาที่ว่าท่านได้สั่งเผาคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ความจริงเป็นเพราะสมัยนั้นอัลกุรอานยังไม่เป็นมาตรฐานจึงทำให้เข้าใจผิดได้ ง่าย ท่านอุษมานคิดว่า จำเป็นจะต้องทำให้เป็นมาตรฐานจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการให้รวบรวมข้อความที่ แท้จริงขึ้นเป็นฉบับใหม่ และสั่งให้ทำลายฉบับที่ไม่แท้เสียให้หมด การกระทำของท่านได้รับการยกย่องชมเชยเป็นอย่างมาก แต่ในระยะหลังท่านได้ถูกเข้าใจผิดในหลายข้อ ศัตรูของท่านจึงโฆษณาชวนเชื่อว่าท่านเป็นผู้เผาทำลายอัลกุรอาน
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 03, 2009, 03:30 PM โดย R@ÿÊⓢ »

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
Re: เล่าสู่ - เรียนรู้ เรื่องซอฮาบะฮ์..
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: ต.ค. 31, 2009, 12:29 AM »
0
 salam
ใครรู้ประวัติ มุฮัมมัด อัลมุนกะดีรฺ (محمد المنكدر)บ้าง ไม่แน่ใจว่าเป็นเศาะหาบะฮฺหรือตาบิอีน
ได้โปรดนำเสนอด้วย จะเป็นพระคุณ
جزاك الله خيرا

 

GoogleTagged