بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
รายงานจากท่านอิบนุอุมัรว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لاَ تَحَرَّوْا بِصَلاَتِكُمْ طُلُوعَ الشَّمْسِ وَلاَ غُرُوبَهَا فَإِنَّهَا تَطْلُعُ بِقَرْنَىْ شَيْطَانٍ
"พวกท่านอย่ากำหนดการละหมาดของพวกท่านในช่วงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ ตก เพราะดวงอาทิตย์กำลังขึ้น(ระหว่าง)สองเขาของชัยฏอน" รายงานโดย มุสลิม (1370)
ดังนั้น จะไม่ทำการละหมาดในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้น(หลังละหมาดซุบฮ์)หรือดวงอาทิตย์กำลังตก(หลังละหมาดอิสริ)นอกจากการละหมาดที่มีสาเหตุมาอยู่ก่อน การเช่นละหมาดกอฎอชดใช้ซุฮ์ริ เนื่องจากการพลาดละหมาดซะฮ์ริไปนั้นเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นก่อนถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังตก(ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่ให้ละหมาด) หรือละหมาดสุนัตหลังอาบน้ำละหมาด ซึ่งการอาบน้ำละหมาดนั้นเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นก่อนเข้าเวลาที่ไม่ให้ละหมาด(หลังละหมาดอัสริ) ดังนั้นการละหมาดทั้งสอง(ที่มีสาเหตุอยู่ก่อน)ก็สามารถทำละหมาดในช่วงเวลาต้องห้ามดังกล่าวได้
ท่านอิมามอัลบาญูรีย์ได้กล่าวว่า "ไม่ใช่เป็นการกำหนดเวลาละหมาด(ในช่วงเวลาที่ฮะรอม) หากบนเขายังมีละหมาดที่ต้องกอฎอชดใช้อยู่ แล้วเขาได้ทำละหมาดฟัรดู(ชดใช้)หลังจากละหมาดฟัรดู(ซุบฮ์หรืออัสริ) และไม่ใช่เป็นการกำหนดเวลาละหมาด(ในช่วงเวลาที่ถูกห้าม) ในการล่าช้าละหมาดญะนาซะฮ์หลังจากละหมาดอัสริเพื่อหวังให้คนละหมาดมีจำนวนมาก ๆ และหากแม้นว่าที่ดีแล้วนั้นให้ละหมาดอัสริก่อนละหมาดญะนาซะฮ์ก็ตาม" หนังสือฮะชียะฮ์อัลบาญูรีย์ 1/196
ดังนั้น หากแม้นว่าการละหมาดญะนาซะฮ์ก่อนละหมาดอัสริย่อมดีกว่า แต่ถ้าหากละหมาดอัสริก่อนเพื่อให้ผู้คนมารวมตัวที่มัสยิดกันมาก ๆ แล้วร่วมกันละหมาดญะนาซะฮ์และขอดุอาให้แก่มัยยิด ก็ถือว่าไม่มีผลต้องห้ามแต่ประการใด ยิ่งกว่านั้นยังเกิดผลประโยชน์อย่างยิ่งให้แก่มัยยิดโดยการที่มีพี่น้องมุสลิมมากมายมาร่วมละหมาดและขอดุอาให้แก่มัยยิดนั่นเอง
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ