بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
ให้อ่านเป็นภาษาอาหรับนะครับ กล่าวคือรุ่กุ่นของคุฏบะฮ์นั้น ให้อ่านเป็นภาษาอาหรับ หากหลังจากทำการร่ำเรียนภาษาอาหรับแล้วและไม่มีความสามารถเข้าใจและอ่านภาษาอาหรับได้ ก็ให้อ่านภาษาไทยนอกจากอายะฮ์อัลกุรอานเท่านั้นที่ต้องเป็นภาษาอาหรับ ดังกล่าวก็เพื่อเจริญรอยตามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เจริญรอยตามสะลัฟและค่อลัฟ คือให้กล่าวเป็นภาษาอาหรับในรุ่กุ่นคุฏบะฮ์ทั้ง 5 ประการดังนี้
1. กล่าวอัลฮัมดุลิลลาฮ์
2. กล่าวศ่อลาวาตต่อท่านนบี
3. กล่าวกำชับให้มีความยำเกรง เช่นคำว่า อูซีกุ้มบิตักวัลลอฮ์ (ข้าพเจ้าขอกำชับพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์) หรือกล่าวถ้อยคำอื่นก็ได้ที่กำชับให้มีความยำเกรงและส่งเสริมให้มีการฏออัตต่ออัลเลาะฮ์ เช่นกล่าวว่า อะฏีอุลลอฮ์ (พวกท่านจงภักดีต่ออัลเลาะฮ์) โดยไม่ต้องมีคำว่า "อูซีกุ้ม" ก็ได้
4. อ่านอัลกุรอานสักหนึ่งอายะฮ์เป็นอย่างน้อยที่สามารถให้ความเข้าใจ
5. การขอดุอาให้แก่บรรดามุสลิมีน
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มินฮาจญุฎฎอลีบีนของท่านความว่า
وَيُشْتَرَطُ كُوْنُهَا عَرَبِيَّةً
ً"ถูกวางเงื่อนไขกับการที่คุฏบะฮ์นั้นเป็นภาษาอาหรับ"
ท่านอัชชัยค์ อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวอธิบายว่า "ถูกวางเงื่อนไขให้รุ่กุ่นต่าง ๆ ของคุฏบะฮ์ทั้งสองนั้นเป็นภาษาอาหรับ เพื่อเจริญรอยตามสะลัฟและค่อลัฟ และเพราะคุฏบะฮ์นั้นคือซิกิรที่เป็นฟัรดู จึงถูกวางเงื่อนไขเหมือนกับตักบีร่อตุลเอี๊ยะห์รอม(ซึ่งต้องเป็นภาษาอาหรับ) ดังนั้นหากมีความสามารถร่ำเรียนภาษาอาหรับได้ ก็จำเป็นบนทั้งหมดต้องร่ำเรียนบนหนทางของฟัรดูกิฟายะฮ์ ฉะนั้นจึงถือว่าเพียงพอสำหรับร่ำเรียนเพียงคนเดียวจากพวกเขาตามหลักการของฟัรดูกิฟายะฮ์ ดังนั้นหากคนใดจากพวกเขาไม่กระทำการร่ำเรียน ถือว่าพวกเขาทำการฝ่าฝืนและไม่มีการละหมาดญุมอะฮ์สำหรับพวกเขาแต่ให้ทำการละหมาดซุฮ์ริ และหากมีคำถามขึ้นว่า อะไรคือประโยชน์ของคุฏบะฮ์เป็นภาษาอาหรับในเมื่อผู้คนทั้งหลายไม่เข้าใจภาษาอาหรับ ขอตอบว่า แท้จริงประโยชน์ของการคุฏบะฮ์เป็นภาษาอาหรับนั้น เพื่อให้รู้ว่ามีการตักเตือนโดยแบบสรุป และบรรดาอุลามาอฺได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อพวกเขาได้ยินคุฏบะฮ์โดยไม่เข้าใจความหมายของมัน ก็ถือว่าคุฏบะฮ์ใช้ได้(เซาะห์) แต่ถ้าหากว่าไม่มีความสามารถในการเรียนภาษาอาหรับแล้วจริงๆ ก็ให้เขาทำการคุฏบะฮ์ด้วยภาษาของเขา(ของค่อฏีบ) หากแม้นว่าบรรดาผู้คนไม่เข้าใจภาษาที่ใช้คุฎบะฮ์ก็ตาม ดังนั้น ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถร่ำเรียนพูดภาษาใดให้ดีได้เลย(แม้ภาษาไทยก็ไม่ได้) ก็ไม่ต้องญุมอะฮ์สำหรับพวกเขา เนื่องจากขาดซึ่งเงื่อนไข" หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ : 1/523
ท่านอัชชัยค์มุฮัมมัดสะอีด อัลบาอิชั่น เจ้าของหนังสือชุรออัลก่อรีม กล่าวว่า "รุ่กุ่นของคุฏบะฮ์ทั้งสองนั้นต้องด้วยภาษาอาหรับ หากแม้ว่าทั้งหมดเป็นชนที่ไม่ใช่ชาวอาหรับก็ตาม เพื่อที่จะเจริญรอยตามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่ว่า หากไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเขารู้ภาษาอาหรับได้เป็นอย่างดี และไม่สามารถร่ำเรียนในช่วงเวลาอ่านสั้น ก็ให้เขาทำการอ่านคุฏบะฮ์เป็นภาษาของพวกเขานอกจากอายะฮ์อัลกุรอาน(ต้องเป็นภาษาอาหรับ)...และผลประโยชน์ของการคุฏบะฮ์ด้วยภาษาอาหรับทั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจ ก็เพื่อให้รับรู้โดยสรุปว่ามีการตักเตือนและวายิบต้องรับฟังหากแม้ว่าจะไม่รู้จักภาษาอาหรับก็ตาม" หนังสือบุชรออัลกะรีม บิชัรฮิมะซาอิลิลิตตะลีม : 2/6
ท่านอิมามอัลบาญูรีย์ กล่าวว่า "คุฏบะฮ์นั้นต้องเป็นภาษาอาหรับ และสถานที่ถูกวางเงื่อนไขว่าต้องอ่านคุฏบะฮ์เป็นภาษาอาหรับก็คือ หากในกลุ่มชนนั้นมีชาวอาหรับอยู่ หากไม่มีคนอาหรับเลย ก็ให้อ่านคุฏบะฮ์เป็นภาษาที่อื่นจากอาหรับ นอกจากในอายะฮ์อัลกุรอาน ซึ่งต้องอ่านเป็นภาษาอาหรับ และวายิบให้คนหนึ่งจากลุ่มชนนั้นทำการร่ำเรียนภาษาอาหรับ เพราะหากไม่มีผู้ใดร่ำเรียน ถือว่าพวกเขาทั้งหมดได้ทำการฝ่าฝืน และญุมอะฮ์ของพวกเขาก็ใช้ไม่ได้หากพร้อมกับมีความสามารถที่จะร่ำเรียน" หนังสือฮาชียะฮ์อัลบาญูรีย์ : 1/228
ดังนั้น ผู้บอกว่าอ่านคำว่า อิตตะกุลลอฮ์ ให้อ่านเป็นภาษาไทยว่า จงตักวาต่ออัลเลาะฮ์ นั้น ถือว่ายังไม่รัดกุม เพราะถ้าหากเรารู้ภาษาอาหรับ สามารถอ่านคำว่า อิตตะกุลลอฮ์หรืออะฏีอุลลอฮ์ ได้ ก็จำเป็นต้องอ่านเป็นภาษาอาหรับ แต่หากไม่รู้ภาษาอาหรับกันเลย ฝึกร่ำเรียนแล้วยังอ่านไม่ได้ ก็ให้เป็นภาษาไทยหรือภาษาที่ไม่ใช่อาหรับ นอกจากอ่านอายะฮ์อัลกุรอานเท่านั้นที่ต้องเป็นภาษาอาหรับครับ
และด้วยเหตุนี้แหละ ที่แต่ละหมู่บ้านต่างส่งเสริมลูกหลานให้ร่ำเรียนทางศาสนากัน เพราะหากว่าไม่ส่งให้ร่ำเรียนกันเลย ก็จะวิบัติกันทั้งหมู่บ้าน
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ