ผู้เขียน หัวข้อ: คนตายละหมาดในกุบูร เขาว่าเป็นนิยายปรัมปรา? โดย bos101  (อ่าน 16580 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
ผมขอหลักฐานตรงๆได้ไหมครับ  ไม่เอาหลักฐานอ้อมโลกแล้วมาตีความเข้าข้างความคิดตน  ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย  ขอแบบมะตัน หรืออาะยะฮฺตรงๆเลยว่า คนตายละหมาดในกุโบร์  ไม่ใช่หลักฐานอ้อมโลก



คุณ 0123 พูดมาได้ไงคับ ว่าไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหใดในกุโบร .... นั่นไม่ใช่ว่าคุณไม่เจอหรอกคับ  แต่ว่าคุณนะยังไม่ค้นมากกว่า
เพราะว่าคุณนะไม่รู้ภาษาอาหรับ  อาศัยพูดตามปัญญาคิดของคนเอง  และพูดตามอาจารย์ผู้ไม่รู้ของคุณ  เดี๋ยวผมจะนำมาให้คุณ 0123 อ่านเต็มๆ ครับ แล้วอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือว่า เบี่ยงเบนประเด็นไปไหนนะครับ .....


เป็นที่ทราบกันดีว่าบรรดานบีทั้งหลายนั้นนั้นได้สียชีวิตไปแล้ว ยกเว้นเพียงแค่ไม่กี่ท่าน เช่น นบีอีซา (ที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ)  หรือนบีอิดรีส  หรือ นบีคัยดีร เป็นต้น  ซึ่งนบีบางท่านนั้น อุละมาอฺเองก็ยังมีความเห็นที่ต่างกันในการตายหรือการมีชีวิตของพวกเขา  อาทิเช่น ท่านนบีคัยดีร เป็นต้น   

ส่วนท่านนบีท่านอื่น เช่น ท่านนบีมุหัมมัด (ซ.ล.)  ท่านนบีมูซา  ท่านนบีฮารูน หรือท่านอื่นๆ นั้น ล้วนเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว ตามหลักฐานที่ปรากฏในอัลกุรอานและหะดิษ  แต่ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า ถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นได้เสียชีวิตจากโลกดุนยานี้ไปแล้ว  แต่ในอีกสถานที่แห่งหนึ่งท่านเหล่านั้นยังคงมีชีวิตอยู่  และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเหล่านั้นก็ได้ทำละหมาดต่ออัลลอฮฺด้วยเช่นกัน   ......

เชค มูซา มุหัมมัด อะลีย์  ได้กล่าวไว้ในตำราของท่านที่ชื่อว่า التوسل والوسيلة   ว่า "มีหะดิษที่บ่งชี้ถึงการมีชีวิตอยู่อีกของบรรดานบีในกุโบรของพวกเขาดังที่ปรากฏในตำรา เศาะเฮี๊ยะฮฺมุสลิม  ในบท فضائل موسى عليه السلام  (ความประเสริฐของท่านนบีมูซา) จากท่านอะนัส บิน มะลิก (ร.ด.) เล่าว่า ท่านรสูล (ซ.ล.) กล่าวว่า


مررت على موسى وهو يصلي في قبره

"ฉันได้ผ่านไปยังท่านนบีมูซา (อ.ล.)และท่านกำลังละหมาดอยู่ในกุโบรของท่าน" หะดิษเศาะเฮี๊ยะฮฺ รายงานโดย มุสลิม


และอีกสำนวนนึงที่ถูกรายงานโดย ท่าน อิมามมุสลิม หะดิษเศาะเฮี๊ยะฮฺ  เช่นกัน ว่า  จากท่านอะนัส บิน มะลิก  ว่า.............

أن رسول الله صلى الله عليه وسلم ليلة أسرى به مر بموسى عليه السلام وهو قائم يصلي في قبره

"แท้จริงท่านรสูล (ซ.ล.) ได้เดินทางในคืนอิสรออฺ ผ่านท่านนบีมูซา (อ.ล.) ซึ่งเขา (ท่านนบีมูซา) กำลังยืนละหมาดอยู่ในกุโบรของเขา"

และท่านอิมาม الشنقيطي  อุละมาอฺมัซฮับมาลิกีย์ เสียชีวิตปีที่ 1363 ฮ.ศ. ก็ได้กล่าวอ้างหะดิษนี้ไว้เช่นกันในขณะที่ท่านได้ทำการ
อธิบายตำราของท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ ที่ชื่อว่า دافعة الشقاق والخلاف في حياة الأنبياء في قبورهم  หน้าที่ 23


นอกจากนี้ท่านอบู ยะอฺลา ก็ยังได้บันทึกไว้ในมุสนัดของท่านเอง และ ท่านอิมามอัลบัยหะกีย์เองก็ยังบันทึกไว้เช่นกันใน
ตำราของท่านที่ชื่อว่า حياة الأنبياء ว่า จากท่านอะนัส บิน มะลิก เล่าว่า แท้จริงท่าน รสูล(ซ.ล.) กล่าวว่า

الأنبياء أحياء في قبورهم يصلون

"บรรดานบีทั้งหลายนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในกุโบรของพวกเขา และพวกเขาทั้งหลายก็กำลังละหมาดอยู่" ท่านอิมามอัลบัยหะกีย์กล่าวว่า หะดิษนี้เศาะเฮี๊ยะฮฺ

ท่านอิมาม الشنقيطي  ก็ได้อ้างหะดิษนี้ไว้เช่นกันในขณะที่ท่านได้ทำการอธิบายตำราของท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ ที่ชื่อว่า دافعة الشقاق والخلاف في حياة الأنبياء في قبورهم  หน้าที่ 21

นอกจากนี้ท่าอิมามอัล-บัยหะกีย์ยังอ้างหะดิษอีกมากมายที่บอกถึงการมีชีวิตอยู่ของบรรดานบีในกุโบรของพวกเขาในตำราของท่านที่ชื่อว่า حياة الأنبياء เล่มนี้


นอกจากบรรดานบีแล้ว  บรรดาผู้ที่ตายชะฮีด ก็ยังมีชีวิตอยู่อีกเช่นกันในอีกที่หนึ่งที่อัลลอฮฺได้เตรียมไว้แก่พวกเขา  อัลลอฮฺทรงตรัสว่า


ولا تحسبن الذين قتلوا في سبيل الله أمواتا بل أحياء عند ربهم يرزقون

 
"และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย แต่ทว่า พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ"  آل عمران  : 169


ท่านอิมามอัล-กุรฏุบีย์ ได้ทำการอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่ว่า

أحياء عند ربهم يرزقون 

"พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ"

ท่าน อิมาม กุรฏุบีย์ กล่าวว่า "แน่นอนว่าริสกีนั้นจะไม่ถูกประทานให้  นอกจากคนๆ  นั้นยังมีชีวิตอยู่อีก"

และในตำราอัลกุรอานแปลไทย โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ จัดพิมพ์โดย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด  ก็กล่าวอธิบายเพิ่มเติมเช่นกันว่า "  คือ การมีชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่งในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ ซึ่งเป็นโลกที่ดียิ่งแก่ผู้ที่ตายชะฮีด เนื่องจากพวกเขาได้รับเกียรติจากอัลลอฮ์ และได้รับความเอ็นดู เมตตาจากพระองค์ส่วนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและได้รับปัจจัยยังชีพอย่างไรนั้น เราไม่สามารถจะรู้ความเป็นจริงได้ เพราะเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างอันเร้นลับ เราไม่ควรจะกล่าวอะไรเกินกว่าที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ได้แจ้งให้ทราบ ส่วนความที่ว่า “ในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ” นั้น เป็นการเน้นว่าพวกเขามีชีวิตอยู่จริงๆ 


นี่คือหลักฐานที่บอกให้คุณ 0123  ตาสว่าง สักที่ว่า คนที่ตายไปแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม  เค้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในอีกที่หนึ่งโดยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และบางคน เขาก็ได้ทำการละหมาดในกุโบรเช่นกัน  ดังเช่น กรณีของท่านนบีอีซา (อ.ล.)  และคนที่ตายชะฮีดอัลลอฮฺก็บอกว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่อีกเช่นกัน แล้วมิหนำซ้ำเขาเหล่านั้น ก็ยังได้รับปัจจัยยังชีพอีกต่างหาก  ดังนั้น หากว่าคนใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ให้เค้าทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ในอีกที่นึง  พระองค์ก็ย่อมทำได้ และนี่ก็คือหลักฐานคับ ซึ่งคุณ 0123 บอกว่า ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย    นี่เป็นการโกหกอย่างน่าเกลียดมากคับ หะดิษมีมากมายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในตำรา  حياة الأنبياء  ของท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์  แต่คุณ 0123 กลับบอกว่า "ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย"  ไม่เคยเจอ หรือว่า ไม่เคยค้นหา ครับ ????

นี่คือหลักฐานของผมครับที่บอกว่า  คนตายสามารถละหมาดในกุโบรได้  ต่อไปนี้คุณ 0123 ก็ต้องยกหลักฐานทางฝ่ายคุณมาบ้างละครับ แล้วผมจะรอ  salam
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 29, 2008, 02:30 AM โดย al-fantazy »

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
อิมาม الشنقيطي  ชื่อเต็มๆ ว่า محمد حبيب الله بن عبدالله بن أحمد الشنقيطي  เป็นอุละมาอฺมัซฮับมาลิกีย์ เกิดปีที่ 1295 ฮ.ศ.  เป็นผู้ที่มีความรู้ในทางหะดิษสูง  เกิดและศึกษาที่ เมืองชันกีฏ  ต่อมาท่านก็เดินทางต่อไปยังเมือง มุรอกีช แล้วก็ต่อไปยังมะดีนะฮฺ  แล้วก็มักกะฮฺ หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังอียิปต์ และเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย อัล-อัซฮัร คณะอุศูลุดดีน และเสียที่ชีวิตที่อียิปต์ ในปีที่ 1363 ฮ.ศ.  มีอายุ 68 ปี  และท่านได้แค่งคำรามากมาย อาทิเช่น
1.  زاد المسلم فيما اتفق عليه البخاري ومسلم
2.   إيقاظ الأعلام
3.   إضاءة الحالك
4.   إكمال المنة
5.    الخلاصة النافعة
6.   دليل السالك إلى موطأ مالك
7.   أصح ما ورد في المهدي وعيسى
8.   حياة علي ابن أبى طالب
9.   هدية المغيث في أمراء المؤمنين في الحديث

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
รอไปเถอะพี่ เขาคงกลับไปฟ้องอาจารย์พวกเขา หรือไม่ก็ไม่มาเข้าบอร์ดนี้อีกเลย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

บางครั้งการถามถึงหลักฐาน  มันชี้ว่าผู้ถามยังไม่บรรลุศาสนภาวะในเรื่องศาสนา 
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
^
^
เขายังไม่อาเกบาเละหรือ 55555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ 0123

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
แล้วซูเราะ อิสรอเอลอายะ85 นั่นล่ะ  ที่ความหมายว่า(ประมาณนี้นะ)เจ้ารู้เรื่องวิญญาณนั้นเป็นแค่ส่วนที่น้อยนิดมาก เสมือนเอานิ้วจุ่มลงไปในมหาสมุทรมีอะไรติดขึ้นมาบ้างนั่นและคือส่วนที่เจ้ารู้
แล้วอายะนี้ลงมาที่มาดีน่ะตอนที่นบีอยู่ยามเฝ้าแนวป้อมปราการพอดี  แล้วมียิวเข้ามาถามนบีเกียวกับวิญญาณ แล้วนบีก็กล่าวอายะนี้ลงมา บอกว่าเรื่องวิญญาณนั้นเรารูแค่นิดเดียวแต่คนที่รู้มากที่สุดนั่นน่ะคือพระองค์
แล้วเรารูได้ไงเล่าว่าคนตายละหมาดได้เราเห็นหรือ
ในทัศนะของผมน่ะครับการอมะนั่นน่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่พ้นญาณวิสัย เหนื่อธรรมชาติแต่สติปัญญารับได้รูได้ว่ามันไม่ธรรมดา เช่นเรื่องราวที่นบีฟันฝ่าสุปสรรคมาทั้งหมดไม่ว่าเรื่องแยกทะเล อยู่ในท้องปลาวาฬ  เหตุหารณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ญาณวิสัยของมนุษย์รับรู้ได้นั่นจึงจะใช้إن الله علي كل شيء قدير

"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงสามารถเหนือทุกๆ สิ่ง"ตัวนี้ได้
 

ออฟไลน์ 0123

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 02, 2008, 09:19 AM โดย قطوف من أزاهير النور »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
*************

อีเมล์ดังกล่าวนั้น  มันเป็นเรื่องบุคคล  ไม่ใช่ส่วนรวมหากจะเสวนากันก็แค่ 2 คนก็พอมั้ง  ส่วนผมตัวเองนั้นก็มีกลุ่มวะฮาบีย์ส่งอีเมล์มาเช่นนี้เยอะเหมือนกัน  แต่ผมไม่อยากนำเสนอประจานในกระทู้  แต่วะฮาบีย์บางคนทนกันไม่ไหว  ก็เล่นผมกันหน้าเว็บกระทู้นี้เลยล่ะครับ  ดังนั้นเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ  เคลียร์กันส่วนตัวแล้วกันน่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 02, 2008, 09:18 AM โดย قطوف من أزاهير النور »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

แล้วเรารูได้ไงเล่าว่าคนตายละหมาดได้เราเห็นหรือ
ในทัศนะของผมน่ะครับการอมะนั่นน่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่พ้นญาณวิสัย เหนื่อธรรมชาติแต่สติปัญญารับได้รูได้ว่ามันไม่ธรรมดา เช่นเรื่องราวที่นบีฟันฝ่าสุปสรรคมาทั้งหมดไม่ว่าเรื่องแยกทะเล อยู่ในท้องปลาวาฬ  เหตุหารณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ญาณวิสัยของมนุษย์รับรู้ได้นั่นจึงจะใช้إن الله علي كل شيء قدير

"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงสามารถเหนือทุกๆ สิ่ง"ตัวนี้ได้
 

แล้วเรื่องที่คนตายแล้ววิญญาณกลับคืนร่างฟื้นขึ้นมาล่ะครับ  มันอยู่เหนือธรรมชาติแต่สติปัญญารับรู้ได้และเกิดขึ้นในลักษณะที่ญาณวิสัยของมนุษย์รับรู้ได้หรือเปล่าครับ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ 0123

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ผมไม่ได้ประจานน่ะครับแต่ผมอยากรู้มันผิดหรือครับ แล้วคำ คำนั้นมันสมควรออกจาปากของมุสลิมด้วยกันหรือป่าว

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ผมไม่ได้ประจานน่ะครับแต่ผมอยากรู้มันผิดหรือครับ แล้วคำ คำนั้นมันสมควรออกจาปากของมุสลิมด้วยกันหรือป่าว

โดยส่วนตัวผมแล้ว ไม่สมควรแน่นอนครับ แต่จะเป็นอย่างไรก็ไปเคลียร์กันสองคนครับ  เพราะเขาไม่ได้โพสต์ถึงคุณในกระทู้ที่เป็นสาธารณะเช่นนี้  เมื่อเขาส่งถึงคุณทางอีเมล์  คุณก็ตอบถึงเขาทางอีเมล์ครับ 

ดังนั้น  โปรดเข้าเรื่องที่ผมถามต่อดีกว่า

"แล้วเรื่องที่คนตายแล้ววิญญาณกลับคืนร่างฟื้นขึ้นมาล่ะครับ  มันอยู่เหนือธรรมชาติแต่สติปัญญารับรู้ได้และเกิดขึ้นในลักษณะที่ญาณวิสัยของมนุษย์รับรู้ได้หรือเปล่าครับ"

วัสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ cocorock

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam ผม นายcocorock ก็ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวจากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณ0123 และถึงตรงนี้ผมก็ขอให้คุณ0123แยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมด้วยนะครับ และเรื่องนี้ผมก็ชี้แจงคุณ0123ผ่านทางเมล์แล้วนะครับ ยังไงถ้าคุณ0123มีข้อข้องใจประการใดก็ติดต่อผมทางเมล์ได้ 24ช.ม.นะครับ ผมคอยอยู่ แล้วเจอกัน อินชาอัลลอฮ์
    ป.ล.ขอโทษแทนทุกคนในกระทู้นี้ด้วยนะครับ                       

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
แล้วซูเราะ อิสรอเอลอายะ85 นั่นล่ะ  ที่ความหมายว่า(ประมาณนี้นะ)เจ้ารู้เรื่องวิญญาณนั้นเป็นแค่ส่วนที่น้อยนิดมาก เสมือนเอานิ้วจุ่มลงไปในมหาสมุทรมีอะไรติดขึ้นมาบ้างนั่นและคือส่วนที่เจ้ารู้
แล้วอายะนี้ลงมาที่มาดีน่ะตอนที่นบีอยู่ยามเฝ้าแนวป้อมปราการพอดี  แล้วมียิวเข้ามาถามนบีเกียวกับวิญญาณ แล้วนบีก็กล่าวอายะนี้ลงมา บอกว่าเรื่องวิญญาณนั้นเรารูแค่นิดเดียวแต่คนที่รู้มากที่สุดนั่นน่ะคือพระองค์
แล้วเรารูได้ไงเล่าว่าคนตายละหมาดได้เราเห็นหรือ

ในทัศนะของผมน่ะครับการอมะนั่นน่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่พ้นญาณวิสัย เหนื่อธรรมชาติแต่สติปัญญารับได้รูได้ว่ามันไม่ธรรมดา เช่นเรื่องราวที่นบีฟันฝ่าสุปสรรคมาทั้งหมดไม่ว่าเรื่องแยกทะเล อยู่ในท้องปลาวาฬ  เหตุหารณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ญาณวิสัยของมนุษย์รับรู้ได้นั่นจึงจะใช้إن الله علي كل شيء قدير

"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงสามารถเหนือทุกๆ สิ่ง"ตัวนี้ได้
 


อ๋อ นี่ตกลงหะดิษ เศาะเฮี๊ยะฮฺ  ที่อุตส่าห์ยกมาให้อ่าน  ที่บอกว่า  ถึงแม้ว่าท่านนบีมูซา (อ.ล.) จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ท่านก็ยังละหมาดที่กุโบรได้  ขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่ออีกหรอ และเรื่องนี้ท่านบีเป็นคนที่เห็นด้วยตัวท่านเอง  แต่คุณกลับบอกว่ามันพ้นญาณวิสัยของคุณที่จะเชื่ออีกอย่างนั้นหรือ  .........       
นักมูหัดดิษีน  กล่าวว่า  "ผู้ใดที่ปฏิเสธหะดิษเศาะเฮี๊ยะฮฺ  ผู้นั้นเป็นกาฟิร"  เนื่องจากเท่ากับปฏิเสธคำพูดของนบี 

คุณ 0123 บอกว่า  " ในทัศนะของผมน่ะครับการอมะนั่นน่ะ ต้องไม่ใช่เรื่องที่พ้นญาณวิสัย เหนื่อธรรมชาติ"   คุณ 0123 ครับ  คุณอย่าเอาปัญญาของมนุษย์มาคิดกับความสามารถของอัลลอฮฺซิครับ   ปัญญาของมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด  อย่างเช่น  ตาของคุณสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคุณได้  แต่ตาของคุณกลับไม่สามารถมองเห็นในสิ่งที่ห่างออกไปอีก 5 หรือ 10 กิโลเมตร ได้  ดังนั้น  คุณต้องเข้าใจว่า ญาณวิสัยมันมีขีดจำกัด ไม่ใช่ว่าพอพ้นญาณวิสัย เหนื่อธรรมชาติ  คุณ ก็ไม่เชื่อ  ตอนนี้ความคิดของคุณ 0123  กำลังเหมือนกับความคิดของกาฟิรในสมัยนบี 

ตอนที่นบีออกมาประกาศแก่ชาวมักกะฮฺ หลังจากที่ท่านอิสรออฺ เมี๊ยะรอจญ์ ว่า   "ท่านได้เดินทางไปกลับจาก มัสญิดอัลหะรอม สู่ ยังมัสญิดอักซอ โดยใช้เวลาแค่ 1 คืน"   แล้วรู้ไหมครับว่าชาวกาฟิรมักกะฮฺก็มีความคิดคล้ายๆ กับ คุณ  0123 นี่แหละครับ  คือ พวกเขาบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหนือญาณวิสัย  เพราะการเดินทาง จากมัสญิดหะรอม  ไปสู่ มัสญิดอักซอ  ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ ไม่ใช่แค่หนึ่งคืน  บางคนก็บอกว่า มุหัมมัด บ้าไปแล้ว  .... แต่มีคนเดียวที่เชื่ออย่างไม่ต้องพิจารณา นั่นก็คือ ท่านอบูบักร (ร.ด.)  ดังนั้นนี่แหละ ครับ  สิ่งที่อยู่เหนือญาณวิสัยไม่ใช่สิ่งที่ไม่อาจเชื่อได้  เพราะอัลลออฺทรงทำได้ทุกอย่าง  หากว่า คุณ 0123 ยังดึงดันที่จะไม่ยอมรับว่าคนตาย ละหมาดที่กุโบรไม่ได้ (ทั้งๆ ที่ท่านนบีมูซา และท่านนบีคนอื่นๆ ก็ละหมาดในกุบูรของพวกเขา)  นั้นก็เท่ากับว่าคุณไม่เชื่อว่าอัลลอฮฺสามารถทำได้  ดังนั้นความคิดของคุณก็ไม่ต่างไรกับความคิดของกาฟิรในสมัยนบีเลยครับ  ผมไม่ได้ว่าคุณ 0123 เป็นการฟิรนะครับ  แต่ผมจะบอกว่า คุณ กำลังมีความคิดที่เหมือนกับกาฟิรครับ..... myGreat: happy2: hehe
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 01, 2008, 03:44 PM โดย al-fantazy »

ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
คุณ 0123 ครับ  ผมว่า คุณ พอเถอะครับ  อย่าดึงดันต่อไปอีกเลย  เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวคุณเอง  หากคุณยังไม่เชื่ออีก  ผมเองก็ไม่รูว่าจะพูดกับคุณอย่างไรแล้วละครับ....  วัลลอฮุอะอฺลัม       

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ลองปล่อยให้พูดอีกสิครับ อยู่ดูว่าจะพูดแก้ตัวยังไงต่อ หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้แล้ว
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

GoogleTagged