ผมขอหลักฐานตรงๆได้ไหมครับ ไม่เอาหลักฐานอ้อมโลกแล้วมาตีความเข้าข้างความคิดตน ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย ขอแบบมะตัน หรืออาะยะฮฺตรงๆเลยว่า คนตายละหมาดในกุโบร์ ไม่ใช่หลักฐานอ้อมโลก
คุณ 0123 พูดมาได้ไงคับ ว่าไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหใดในกุโบร .... นั่นไม่ใช่ว่าคุณไม่เจอหรอกคับ แต่ว่าคุณนะยังไม่ค้นมากกว่า
เพราะว่าคุณนะไม่รู้ภาษาอาหรับ อาศัยพูดตามปัญญาคิดของคนเอง และพูดตามอาจารย์ผู้ไม่รู้ของคุณ เดี๋ยวผมจะนำมาให้คุณ 0123 อ่านเต็มๆ ครับ แล้วอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หรือว่า เบี่ยงเบนประเด็นไปไหนนะครับ .....
เป็นที่ทราบกันดีว่าบรรดานบีทั้งหลายนั้นนั้นได้สียชีวิตไปแล้ว ยกเว้นเพียงแค่ไม่กี่ท่าน เช่น นบีอีซา (ที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ) หรือนบีอิดรีส หรือ นบีคัยดีร เป็นต้น ซึ่งนบีบางท่านนั้น อุละมาอฺเองก็ยังมีความเห็นที่ต่างกันในการตายหรือการมีชีวิตของพวกเขา อาทิเช่น ท่านนบีคัยดีร เป็นต้น
ส่วนท่านนบีท่านอื่น เช่น ท่านนบีมุหัมมัด (ซ.ล.) ท่านนบีมูซา ท่านนบีฮารูน หรือท่านอื่นๆ นั้น ล้วนเสียชีวิตกันไปหมดแล้ว ตามหลักฐานที่ปรากฏในอัลกุรอานและหะดิษ แต่ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า ถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นได้เสียชีวิตจากโลกดุนยานี้ไปแล้ว แต่ในอีกสถานที่แห่งหนึ่งท่านเหล่านั้นยังคงมีชีวิตอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเหล่านั้นก็ได้ทำละหมาดต่ออัลลอฮฺด้วยเช่นกัน ......
เชค มูซา มุหัมมัด อะลีย์ ได้กล่าวไว้ในตำราของท่านที่ชื่อว่า التوسل والوسيلة ว่า "มีหะดิษที่บ่งชี้ถึงการมีชีวิตอยู่อีกของบรรดานบีในกุโบรของพวกเขาดังที่ปรากฏในตำรา เศาะเฮี๊ยะฮฺมุสลิม ในบท فضائل موسى عليه السلام (ความประเสริฐของท่านนบีมูซา) จากท่านอะนัส บิน มะลิก (ร.ด.) เล่าว่า ท่านรสูล (ซ.ล.) กล่าวว่า
مررت على موسى وهو يصلي في قبره
"ฉันได้ผ่านไปยังท่านนบีมูซา (อ.ล.)และท่านกำลังละหมาดอยู่ในกุโบรของท่าน" หะดิษเศาะเฮี๊ยะฮฺ รายงานโดย มุสลิม
และอีกสำนวนนึงที่ถูกรายงานโดย ท่าน อิมามมุสลิม หะดิษเศาะเฮี๊ยะฮฺ เช่นกัน ว่า จากท่านอะนัส บิน มะลิก ว่า.............
أن رسول الله صلى الله عليه وسلم ليلة أسرى به مر بموسى عليه السلام وهو قائم يصلي في قبره
"แท้จริงท่านรสูล (ซ.ล.) ได้เดินทางในคืนอิสรออฺ ผ่านท่านนบีมูซา (อ.ล.) ซึ่งเขา (ท่านนบีมูซา) กำลังยืนละหมาดอยู่ในกุโบรของเขา"
และท่านอิมาม الشنقيطي อุละมาอฺมัซฮับมาลิกีย์ เสียชีวิตปีที่ 1363 ฮ.ศ. ก็ได้กล่าวอ้างหะดิษนี้ไว้เช่นกันในขณะที่ท่านได้ทำการ
อธิบายตำราของท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ ที่ชื่อว่า دافعة الشقاق والخلاف في حياة الأنبياء في قبورهم หน้าที่ 23
นอกจากนี้ท่านอบู ยะอฺลา ก็ยังได้บันทึกไว้ในมุสนัดของท่านเอง และ ท่านอิมามอัลบัยหะกีย์เองก็ยังบันทึกไว้เช่นกันใน
ตำราของท่านที่ชื่อว่า حياة الأنبياء ว่า จากท่านอะนัส บิน มะลิก เล่าว่า แท้จริงท่าน รสูล(ซ.ล.) กล่าวว่า
الأنبياء أحياء في قبورهم يصلون
"บรรดานบีทั้งหลายนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในกุโบรของพวกเขา และพวกเขาทั้งหลายก็กำลังละหมาดอยู่" ท่านอิมามอัลบัยหะกีย์กล่าวว่า หะดิษนี้เศาะเฮี๊ยะฮฺ
ท่านอิมาม الشنقيطي ก็ได้อ้างหะดิษนี้ไว้เช่นกันในขณะที่ท่านได้ทำการอธิบายตำราของท่านอิมาม อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ ที่ชื่อว่า دافعة الشقاق والخلاف في حياة الأنبياء في قبورهم หน้าที่ 21
นอกจากนี้ท่าอิมามอัล-บัยหะกีย์ยังอ้างหะดิษอีกมากมายที่บอกถึงการมีชีวิตอยู่ของบรรดานบีในกุโบรของพวกเขาในตำราของท่านที่ชื่อว่า حياة الأنبياء เล่มนี้
นอกจากบรรดานบีแล้ว บรรดาผู้ที่ตายชะฮีด ก็ยังมีชีวิตอยู่อีกเช่นกันในอีกที่หนึ่งที่อัลลอฮฺได้เตรียมไว้แก่พวกเขา อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
ولا تحسبن الذين قتلوا في سبيل الله أمواتا بل أحياء عند ربهم يرزقون
"และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย แต่ทว่า พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ" آل عمران : 169
ท่านอิมามอัล-กุรฏุบีย์ ได้ทำการอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่ว่า
أحياء عند ربهم يرزقون
"พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ"
ท่าน อิมาม กุรฏุบีย์ กล่าวว่า "แน่นอนว่าริสกีนั้นจะไม่ถูกประทานให้ นอกจากคนๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่อีก"
และในตำราอัลกุรอานแปลไทย โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ จัดพิมพ์โดย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด ก็กล่าวอธิบายเพิ่มเติมเช่นกันว่า " คือ การมีชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่งในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ ซึ่งเป็นโลกที่ดียิ่งแก่ผู้ที่ตายชะฮีด เนื่องจากพวกเขาได้รับเกียรติจากอัลลอฮ์ และได้รับความเอ็นดู เมตตาจากพระองค์ส่วนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและได้รับปัจจัยยังชีพอย่างไรนั้น เราไม่สามารถจะรู้ความเป็นจริงได้ เพราะเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างอันเร้นลับ เราไม่ควรจะกล่าวอะไรเกินกว่าที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ได้แจ้งให้ทราบ
ส่วนความที่ว่า ในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ นั้น เป็นการเน้นว่าพวกเขามีชีวิตอยู่จริงๆ นี่คือหลักฐานที่บอกให้คุณ 0123 ตาสว่าง สักที่ว่า คนที่ตายไปแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เค้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในอีกที่หนึ่งโดยพระประสงค์ของอัลลอฮฺ และบางคน เขาก็ได้ทำการละหมาดในกุโบรเช่นกัน ดังเช่น กรณีของท่านนบีอีซา (อ.ล.) และคนที่ตายชะฮีดอัลลอฮฺก็บอกว่าเค้ายังมีชีวิตอยู่อีกเช่นกัน แล้วมิหนำซ้ำเขาเหล่านั้น ก็ยังได้รับปัจจัยยังชีพอีกต่างหาก ดังนั้น หากว่าคนใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ให้เค้าทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ในอีกที่นึง พระองค์ก็ย่อมทำได้ และนี่ก็คือหลักฐานคับ ซึ่งคุณ 0123 บอกว่า
ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย นี่เป็นการโกหกอย่างน่าเกลียดมากคับ หะดิษมีมากมายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในตำรา حياة الأنبياء ของท่านอิมาม อัล-บัยหะกีย์ แต่คุณ 0123 กลับบอกว่า "ผมไม่เคยเจอหลักฐานที่ว่าด้วยคนตายละหมาดในกุโบร์เลย" ไม่เคยเจอ หรือว่า ไม่เคยค้นหา ครับ

?
นี่คือหลักฐานของผมครับที่บอกว่า คนตายสามารถละหมาดในกุโบรได้ ต่อไปนี้คุณ 0123 ก็ต้องยกหลักฐานทางฝ่ายคุณมาบ้างละครับ แล้วผมจะรอ salam