ผู้เขียน หัวข้อ: คนตายละหมาดในกุบูร เขาว่าเป็นนิยายปรัมปรา? โดย bos101  (อ่าน 15562 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 0123

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เรียนถามบังคุณILHAM   คุณบอกว่าผมไม่รู้ภาษาอาหรับไม่รู้เรื่องฮาดิษคุณจะว่าอย่างไรผมไม่ว่าน่ะครับ แต่เพิ่งรู้มาว่าคนที่มีทัศฯคติต่างกับเราต้องเป็นคนโง่เท่านั้นหรือครับบัง ILHAM    ผมอาจจะมีอายุน้อยกว่าก็จริงแต่ก้ไม่ได้ความว่าผมจะโง่กว่าบังILHAM  คนเราเกิดมารู้ไม่เท่ากัน  แน่นอนอยู่แล้ว   และกรณีที่มีคนฮุก่มผมเป็นกาเฟรนั้นผมไม่ได้พูดตรงน่ะครับ  ไม่ได้บิดเบือนด้วย  เพราะมีคนบอกผมว่าถ้าไม่เชื่อเรื่องคนตายละหมาดในกุโบร์ไม่เชื่อในความสามารถเหนือธรรมชาติของอัลลอฮ นั้นเป้นการเฟร  และเขาบอกว่าให้ผมกลับไปกล่าวกาลีมะชาฮาดะใหม่ นี่หรือที่ไม่ได้ฮุกม่ผมเป้นการเฟร  ไม่ต้องไปหาให้ลำบากอยู่ในกระทู้นี้แหละครับ   นี่หรือที่มได้ฮุก่มผมเป็นการเฟรเพียงแค่ไม่ได้เชื่อเหมือนเขา   อย่ามั่วน่ะ  ดูเอาเองแล้วกันน่ะว่าใครเป้นคนพูดพรรคพวกคุณนั่นแหละ ผมไม่ได้มั่วน่ะครับ 

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ในส่วนความสามารถของนบีต่างนั้นๆผมไม่เถียงเพราะหลักฐานชัดเจนนี่ครับ  ถึงนบีจะมีชีวิตหลังความตายนั้น ยังไงก็ต้องอยู่ในบัรซัคไม่ใช่ดุนยา  แต่ถ้านบีมูฮัมมัดจะเห็นเช่นนั้นก็ไม่แปลก  ท่านคือนบีเราเป็นใครล่ะ   ไม่ใช่ว่าผมศึกษาไม่หมดน่ะครับ แต่ไม่มีแม้แต่อายะเดียวที่ว่าคนตายละหมาดในกุโบร์  อายะนั้นที่ผมยกมาก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่มีใครรู้เรื่องวิญญาณมากกว่าพระเจ้าแล้วแล้วเราเป็นใครที่จะเห็นวิญญาณคนตายละหมาด  ถ้าเห็นก็คงเป็นญินบัดดี้ที่มาแปลงร่างเป็นคนที่ตายไปแล้ว ทำให้เราคิดว่าเป็นวิญญาณ  และอีกอย่างไม่ได้เอาอายะนั้นมาสนับสนุนแนวคิดของผม  แต่อายะก็บอกอย่างชัดเจนแล้วหรือคุณจะเก่งกว่าพระเจ้า รุ้ว่าวิญญาณเป็นไง  อยู่แบบใหนในบัรซัค  ส่วนการที่นบีจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างที่ท่านอ้างมานั้น เป็นเรื่องมหัสจรรย์ของนบีท่าน ไม่ของเรา  

คุณILHAM  คุณทราบได้อย่างไรว่าผมไม่มีความรู้  ผมก็ศึกษาเพราะเป็นวายิบ  

เรื่องวิญญาณกลับมาในดุนยานั้น  คุณลองอ่านสิ่งที่พี่น้องเขาชี้แจงตรงนี้ก่อนดีไหม

salam

เท่าที่ผมได้อ่านรายละเอียดอีกครั้ง  ผมได้เข้าใจตัวบทหลักฐานที่อ้างอิงมาหน้าแรกของกระทู้นี้ว่า  หลักฐานรายงานโดยมุสลิมที่ระบุว่ามีนบีละหมาดในกุบูร  หรือหลักฐานของท่านอัลบุนานีย์ที่ระบุว่าเป็นคนเห็นผู้ตายละหมาดในกุบูร  ซึ่งหลักฐานเหล่านี้  ไม่ได้ระบุเลยว่า  อัลเลาะฮ์ทรงทำให้ผู้ตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกแล้วทำการละหมาด ดังกล่าวคือเท่าที่ผมอ่านจากตัวบทนะครับ  ส่วนการบอกว่าฟื้นคืนชีพขึ้นมานั้น  เป็นความเข้าใจจากตัวบทเท่านั้นเองไม่ได้ระบุชัดไว้ในตัวบทที่รายงานมา 

ก่อนอื่นเราน่าจะมาพิจารณาถึงรูปแบบการมีชีวิตของนบีและทำการละหมาดในกุบูรว่า  มันมีสภาพอยู่ในรูปแบบใด  รูปร่างที่เห็นละหมาดอยู่เป็นรูปร่างดั่งเดิมที่เคยเป็นอยู่ในดุนยาหรือไม่? และการที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ผู้ตายกลับมาละหมาดในกุบูรนั้น  เป็นลักษณะการให้หวนกลับมาแบบฟื้นคืนชีพหรือหวนกลับมาแบบอื่น? 

ตรงนี้เราสามารถที่จะมาพิจารณากัน  เพื่อจะสามารถสร้างความเข้าใจได้ตรงประเด็นกันยิ่งขึ้น  ไม่ต้องมาเสวนากันซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ครับ

วัสลาม


       ใช่แล้วครับ  มองได้ลึกซึ้งดีครับ  กล่าวคือเมื่อได้ยินว่าคนตายละหมาดในกุบูรได้  วะฮาบีย์ก็จะคิดค้านขึ้นมาทันทีว่าคนตายฟื้นคืนชีพมาในกุบูรอีกครั้งหนึ่งเหมือนที่เคยมีชีวิตมาก่อนหน้านี้  คือทั้งร่างกายและวิญญาณกลับมาดังเดิม  ซึ่งวะฮาบีย์จะตั้งโจทก์ขึ้นมาคัดค้านว่าคนตายไปแล้วอยู่คนละโลกกันแล้วจะกลับมาได้อย่างไร  เพราะไม่เคยเห็น  ไม่มีวีดีโอมายืนยันเป็นหลักฐานให้เห็น  ไม่มีรถเมล์ที่วิ่งไปมาระหว่างโลกดุนยากับโลกบัรซัก  ตามทั้งคุณ 0123 สันหามาอ้างอิงเพื่อสนับสนุนแนวคิดตนเอง

       ท่านษาบิต อัลบุนานีย์   รายงานจากท่านอะนัส รอฎิยัลลอฮุอันฮุว่า

‏عَنْ ‏ ‏ثَابِتٍ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ ‏أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏قَالَ ‏ ‏أَتَيْتُ لَيْلَةَ أُسْرِيَ بِي عَلَى ‏ ‏مُوسَى ‏ ‏عَلَيْهِ السَّلَام ‏ ‏عِنْدَ ‏ ‏الْكَثِيبِ ‏ ‏الْأَحْمَرِ وَهُوَ قَائِمٌ ‏ ‏يُصَلِّي فِي قَبْرِهِ ‏

       "แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า   ในค่ำคืนอิสรออฺฉันได้ไปที่มูซา อะลัยฮิสลาม  ณ  ที่กองทรายสีแดง  ซึ่งมูซากำลังละหมาดอยู่ในกุบูร" รายงานโดยมุสลิม , ท่านอันนะซาอีย์

       ท่านอิมามอัสซินดีย์ และท่านอิมามอัสสะยูฏีย์ ผู้อธิบายสุนันอัลนะซาอีได้อธิบายว่า

‏قَالَ الشَّيْخ بَدْر الدِّين الصَّاحِب هَذَا صَرِيح فِي إِثْبَات الْحَيَاة لِمُوسَى فِي قَبْره فَإِنَّهُ وَصَفَهُ بِالصَّلَاةِ وَأَنَّهُ قَائِمٌ وَمِثْل ذَلِكَ لَا يُوصَف بِهِ الرُّوح  .......... وَقَالَ الشَّيْخ تَقِيُّ الدِّينِ السُّبْكِيّ فِي هَذَا الْحَدِيث أَنَّ الصَّلَاة تَسْتَدْعِي جَسَدًا حَيًّا وَلَا يَلْزَم مِنْ كَوْنِهَا حَيَاةً حَقِيقَةً أَنْ تَكُون لَا بُدّ مَعَهَا كَمَا كَانَتْ فِي الدُّنْيَا مِنْ الِاحْتِيَاج إِلَى الطَّعَام وَالشَّرَاب وَغَيْر ذَلِكَ مِنْ صِفَات الْأَجْسَام الَّتِي نُشَاهِدُهَا بَلْ يَكُون لَهَا حُكْمٌ آخَرُ

       "ท่านชัยค์บัดรุดดีนกล่าวว่า  ฮะดิษนี้บ่งชัดเจนว่าท่านนบีมูซามีชีวิตอยู่ในกุบูรของเขา  และฮะดิษได้พรรณานบีมูซาด้วยการละหมาดและทำการยืนละหมาดและเฉกเช่นดังกล่าวนี้ไม่จำเป็นที่นบีมูซาต้องอยู่ในลักษณะที่มีวิญญาณ.....ท่านชัยค์ตะกียุดดีนอัซซุบกีกล่าวว่า  ในฮะดิษนี้นั้น  กล่าวคือแท้จริงการละหมาดนั้นเรียกร้องไปยังการมีการร่างกายที่มีชีวิต แต่ไม่จำเป็นว่าลักษณะการละหมาดต้องมีชีวิตแบบจริงๆ ที่ว่าจำเป็นต้องมีชีวิตแบบตอนอยู่ในโลกดุนยาที่ต้องการอาหาร  เครื่องดื่มและอื่นๆ ที่เป็นคุณลักษณะของร่างกายที่เราได้เห็นกัน  แต่ทว่าให้กับการมีชีวิตนี้  มันเป็นลักษณะอื่นอีก"

       จากการอธิบายของอุลามาอ์ฮะดิษตรงนี้คือ การมีชีวิตอยู่ในกุบูรและทำการละหมาดนั้น  ไม่จำเป็นที่วิญญาณต้องกลับเข้ามาในเรือนร่าง  ซึ่งการมีชีวิตกล่าวนี้  คือการมีชีวิตอีกมิติหนึ่งที่ไม่เหมือนกับการมีชีวิตในดุนยาที่มีทั้งร่างกายและวิญญาณที่ต้องการอาหารเครื่องดื่มและอื่นๆ

       ดังนั้น  สายรายงานที่ท่านษาบิต อัลบุนานีย์ได้ทำการรายงานว่า  เห็นชายคนหนึ่งทำการละหมาดในกุบูรเพราะเขาขอต่ออัลเลาะฮ์ให้เขาได้ละหมาดกุบูร แล้วพระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เขาทำการละหมาดในกุบูรได้เพื่อเป็นเกียตริหรือกะรอมัตให้กับเขามีคุณธรรมผู้นั้น  และลักษณะที่ที่เขาได้ละหมาดนั้น  คือมีชีวิตขึ้นมาอีกมิติหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีวิญญาณกลับเข้ามาในร่างตามนัยยะที่นักปราชญ์ฮะดิษได้อธิบายไว้   วัลลอฮุอะลัมบิสศ่อวาบ

คุณ 0123 ก็อ้างว่า  ละหมาดในกุบูรได้ก็แค่นบี  แต่นักวิชาการที่วะฮาบียอมรับบอกว่าผู้ศรัทธาก็ละหมาดในกุบูรได้(เพื่อเป็นกะรอมัต)ได้เช่นกัน

เชคอัลอัลบานีย์ รอหิมะหุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ใน อะห์กามุลญะนาอิซ วะบิดะอุฮา ว่า

وقول ابن التين : ( هو من شراح (( صحيح البخاري )) واسمه عبد الواحد ) (( الموتى لا يصلون )) . ليس بصحيح ،

 لانه لم يرد نص في الشرع بنفي ذلك ، وهو من الامور الغيبية التي لا ينبغي البت فيها إلا بنص ، وذلك مفقود ،

بل قد جاء ما يبطل إطلاق القول به ، وهو صلاة موسى عليه الصلاة والسلام في قبره كما رآه رسول الله صلى الله عليه وسلم

 ليلة أسري به على ما رواه مسلم في(( صحيحه)) ، وكذلك صلاة الانبياء عليهم الصلاة والسلام مقتدين به

 في تلك الليلة كما ثبت في (( الصحيح)) بل ثبت عنه صلى الله عليه وسلم أنه قال: (الانبياء أحياء في قبورهم يصلون)

أخرجه أبو يعلى باسناد جيد ،وقد خرجته في ( الاحاديث الصحيحة ) (622) . بل قد جاء عنه صلى الله عليه وسلم ما هو أعم مما ذكرنا ،

 وذلك في حديث أبي هريرة في سؤال الملكين للمؤمن في القبر  فيقال له اجلس ، فيجلس قد مثلت له الشمس وقد آذنت للغروب ،

 فيقال له : أرأيتك هذا الذي كان فيكم ما تقول فيه ؟ وماذا تشهد عليه ؟ فيقول : دعوني حتى أصلي ، فيقولان : إنك ستفعل ) .

 أخرجه ابن حبان في ( صحيحه) (781) والحاكم (1/379-380) وقال ( صحيح على شرط مسلم ) ووافقه الذهبي ! وإنما هو حسن فقط ، لان فيه محمد بن عمرو ولم يحتج به مسلم وإنما روى له مقرونا أو متابعة .

فهذا الحديث صريح في أن المؤمن أيضا يصلي في قبره ، فبطل بذلك القول بأن الموتى لا يصلون

เชคอัลอัลบานีย์กล่าวว่า

"คำกล่าวของอิบนุตตีนที่ว่าคนตายจะไม่ละหมาดนั้นไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีหลักฐานในศาสนาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว เรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือการรับรู้ที่หากจะฟันธงต้องมีหลักฐานเท่านั้นซึ่งมันไม่มี(หมายถึงหลักฐานที่ว่าคนตายจะไม่ละหมาด-ผู้แปล) ตรงกันข้ามกลับมีหลักฐานที่มาหักล้างคำพูดดังกล่าว นั่นก็คือท่านนบีมูซาที่ละหมาดในหลุมศพของท่านที่ท่านรอซูล ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวัซัลลัม ได้เห็นในคืนอิสรออ์ซึ่งบันทึกอยู่ในศอเฮียฮ์มุสลิม และการที่บรรดาอัมบิยาอ์ละหมาดตามหลังท่านนบีในคืนเดียวกันที่ถูกบันทึกอยู่ในศอเฮียฮ์

ยิ่งกว่านั้นยังมีรายงานจากท่านที่ว่า "บรรดานบีนั้นมีชีวิตอยู่ในหลุมศพของพวกท่านและละหมาดอยู่" บันทึกโดยอบู ยะอ์ลา เป็นสายสืบที่ดี...ยิ่งกว่านั้นยังมีรายงานจากท่านอีกที่กว้างกว่าที่ได้เสนอไว้ข้างต้น นั่นก็คือหะดีษท่านอบู ฮุรอยเราะฮ์ ในเรื่องที่มะลาอิกะฮ์ทั้งสองได้มาสอบสวนมุอ์มินในกุบูร...(หะดีษที่อ้างไว้แล้ว-ผู้แปล)...หะดีษนี้ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามุอ์มินทั่วไปก็สามารถละหมาดในกุบูรได้เช่นกัน ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าคนตายจะไม่ละหมาดนั้นถือเป็นอันตกไป"

อะห์กามุลญะนาอิซ

ดังนั้นนักวิชาการ  เขาอธิบายไว้แล้ว  เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณคาดการณ์เข้าใจเอาเองนั้น  ถือว่าฟังไม่ขึ้นและมันอัตรายในความเชื่อที่ตามมา  หากคุณเป็นวะฮาบีก็จงตระหนักไว้  หากเป็นชีอะฮ์ก็แล้วไปเพราะพวกเขาไม่เชื่อเรื่องกะรอมัต
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ AhlZran

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam  ครับ ก่อนอื่นกระผม อยากจะขอแสดงความคิดเห็นที่เป็นกลางนะครับ     กระผมได้ฟัง อุลามะฮฺ  หลายท่าน ทั้งโต่ะครู  และ อาจารย์ ต่างๆ
กระผมอยากทราบว่า   หน้าที่ของ  อุลามะฮฺ  ผู้รู้นั้น  คือ?
มิใช่ เป็นการให้ความชัดเจน  ในเรื่องของ ศาสนา แก่ ผู้ที่ไม่รูหรอก หรือ ?
และ หากพูด ถึงความรู้  (อินมู) แล้ว  ท่านร่อซูลุลลอฮ์มิได้ ตรัสดอกหรือ ครับ  ว่า " ให้ศึกษาตั้งแต่ในแปลจนถึงหลุมฝังศพ"  
ถ้าพูดถึง ฮะดิษ นี้แล้ว จะเห็นได้ ว่าความรู นั้นไม่สามารถเรียนได้หมด  จะเห็นได้ว่า  หากเรารวบรวมความรู้ทั้งหมดบนโลกดนยา และไปเปรียบเทียบกับความรู้อันยิ่งใหญ่ ของ อ.ล  แล้วนั้น  อุลามฮฺ บอกว่า  เปรียบเสมือนการที่เราเอานิ้วของเรา จุ่มลงไปในมหาสมุทรแล้วหยดน้ำที่ติดนิ้วมือเรานั้น ก็คือความรู้ในโลกดนยา  
และหากเปรียบเปรย  จะเห็นได้ว่าผู้ที่จบ ปริญญา  จบด็อกเตอร์  (เปรียบเสมือนผู้อาเล่ม)  ด้านใดด้านหนึ่ง  แต่มิได้หมายความว่าผู้นั้น มีความรู้ในทุกๆเรื่อง " ผู้เป็นนายช่าง(วิศวกร) ใช่ว่าจะ ฉาบปูน ก่ออิฐ  ได้"  
ที่กระผม ตั้งกระทู้นี่เพื่อที่ จะอยากบอกว่า  หน้าที่ของผู้รู้นั้น ควรให้ความกระจ่างชัด แก่ผู้ที่มาซัก ถาม และ หากไม่รู้หรือ ไม่แน่ใจ ก็มิควร ตัดสินว่าสิ่งนั้นไม่มี  และกระผมคิดว่า  ซอฮาบะฮฺ  มีจำนวนมาก  อิบาดะ ของแต่ละคน อาจจะไม่เหมือนกัน  และอินมู ความรู้ในเรื่อง (ลี้ลับ)  นั้น พระองค์ อ.ล เท่านั้นที่ ทรงรอบรู พระองค์จะทรง เปิดเผยแก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ดังเช่น นบี เคาะฎิร  และบรรดา ผู้ที่พระองค์ ทรงพอพระทัย พวกเขา
และ บางสิ่งบางอย่างไม่มีหลักฐานชัด เจน  และ มิใช่ซุนนฮฺ ที่นบี ปฎิบัติ แต่ เป็น สิ่งที่ ซอฮาบะ ปฎิบัติ  เช่นท่าน อบูบู ฮูรอยเราะห์  ในเรื่องการอาบน้ำละหมาดของท่าน   ท่านนบีจะ ล้างมือถึงข้อศอก  แต่ท่าน จะล้างทั้งท่อนแขน  เพราะท่านเชื่อ ว่า  ร่องรอยจากการทำน้ำละหมาด จะเป็น นูร  รัศมีในวันกียามะ (เพราะท่านได้ฟังผลบุญคุณค่า ก็เลยมีความต้องการที่จะอาม้าล)     และในหลายๆเรื่อง ราวมากมาย ครับผมแค่ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้พี่น้องได้คิด และ เพราะผมก็มีความสงสัย
ใน สิ่งที่ อุลามะ อาจาร์ย  โต่ะครู บากท่าน บอกว่า ต้องตามนบี สิ่งใดที่นบีไม่ปฎิบัติ ใช้ไม่ได้      แต่กระผมมีความคิดเห็นว่า ถึงไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่สิ่งที่ซอฮาบะ ปฎิบัติ นั้นล้วนแล้วแต่ กระทำเพื่อ  อ.ล ทั้งสิ้น  และบรรดา บุคคลเหล่านั้น พระองคฺ ทรงรับรองพวกเค้าเป็นชาว สวรรค์ของ พระองค์  หากเราตามบรรดาผู้ที่พระองค์ รับรองแล้วว่าเค้านั้นคือชาว สวรรค์เรากระทำ ไม่ถูกต้องหรือใช่มิได้  หรือ?
และหากท่านทั้งหลายได้ศึกษา   การที่เราจะตัดสินสิ่งใด หรือผู้ใดว่าเป็นสิ่งผิด เพียงเพราะไม่ตรงตาม นัฟซูของตน นั้น  เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหัน
และหาก ท่านทั้งหลาย ได้ศึกษา แม้แต่ท่าน อิหม่าม ชาฟีอี ฮานาฟี หรือ  บุคลอื่นๆ  ทุกท่าน ก็ได้ย้ำ ว่าหากสิ่งใดในความรู้ของท่านที่ผิดพลาด ก็ให้พิจารณา เลือกในสิ่งที่ดีกว่า (ขนาดท่านทั้งหลายยังยอมรับฟัง ความรู้ของท่านอื่นๆ)
กระผมมีความอยากรู้ และสงสัย ในหลายๆอยากจะแสดงให้ พี่น้องที่รักของ อ.ล ทุกท่านได้ สั่งสอนและแนะนำ อิชาอัลลอฮฺ ขอเป็นโอกาสหน้านะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 06, 2008, 03:45 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
เรียนถามบังคุณILHAM   คุณบอกว่าผมไม่รู้ภาษาอาหรับไม่รู้เรื่องฮาดิษคุณจะว่าอย่างไรผมไม่ว่าน่ะครับ แต่เพิ่งรู้มาว่าคนที่มีทัศฯคติต่างกับเราต้องเป็นคนโง่เท่านั้นหรือครับบัง ILHAM    ผมอาจจะมีอายุน้อยกว่าก็จริงแต่ก้ไม่ได้ความว่าผมจะโง่กว่าบังILHAM  คนเราเกิดมารู้ไม่เท่ากัน  แน่นอนอยู่แล้ว   และกรณีที่มีคนฮุก่มผมเป็นกาเฟรนั้นผมไม่ได้พูดตรงน่ะครับ  ไม่ได้บิดเบือนด้วย  เพราะมีคนบอกผมว่าถ้าไม่เชื่อเรื่องคนตายละหมาดในกุโบร์ไม่เชื่อในความสามารถเหนือธรรมชาติของอัลลอฮ นั้นเป้นการเฟร  และเขาบอกว่าให้ผมกลับไปกล่าวกาลีมะชาฮาดะใหม่ นี่หรือที่ไม่ได้ฮุกม่ผมเป้นการเฟร  ไม่ต้องไปหาให้ลำบากอยู่ในกระทู้นี้แหละครับ   นี่หรือที่มได้ฮุก่มผมเป็นการเฟรเพียงแค่ไม่ได้เชื่อเหมือนเขา   อย่ามั่วน่ะ  ดูเอาเองแล้วกันน่ะว่าใครเป้นคนพูดพรรคพวกคุณนั่นแหละ ผมไม่ได้มั่วน่ะครับ 

งานเข้าแล้ว ผมไปว่าใครที่ไหนเมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
 salam

ก่อนหน้านี้ท่าน 0123 ได้สั่งลาเอาไว้ดังนี้

กรณีที่ผมมาตอบโต้ในกระทุ้นี้  ผมก็ต้องจากเว็บนี้ไปละกันน่ะครับในเมื่อคิดว่าหลักฐานที่ผมถือกับคุณมันไม่ เหมือนกันพูดก็เปล่าประโยชน์ ขืนอยู่ไปก็เสมือนกับเป้นผู้ร้ายที่ไม่ยอมรับผิดแถมเป้นคนโง่อีกต่างหาก   หรือผมอาจจะมีความรู้น้อยเกินไปที่จะมาแลกเปลี่ยนในเว็บนี้  หรือโง่เกินที่จะทำได้  ไงก็ขอมาอัฟทุกๆคนด้วยน่ะครับ  ผมคงคิดว่า สังคมมุสลิมในปัจจุบันคงแบ่งพรรคแบ่งพวกชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ถ้าไม่ตรงกับตนก็ไม่ใช่พวกตน  และการรายงานหลักฐานนั้นก็แบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจนในปัจจุบัน  ดังนั้นคนที่ไม่รู้จะไปทางใหนนี้นคงต้องไปหาแนวทางอื่นอีกมั้งเผื่อพระเจ้า จะดลใจให้ตามแนวคิดนั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักฐาน  เพราะยกมาคุณก็ไม่ดู แถมยังโดนว่าไม่รู้เรื่องแล้วมาเถียง  ไม่เรียนใหม่ดีกว่า     ผมคงต้องเดินทางไปหาพรรคพวกของกระมังครับถึงจะอยู่ในแวดวงศาสนาแล้วคุย เรื่องศาสนาได้  จะได้ไม่โง่เหมือนบัง(บางคน)เข้าใจ  หรืออาจจะโง่จริง  ผมมาเพื่อศึกษาด้านอัชชาอีเราะ จึงเข้ามาในเว็บนี้ แต่ก็คงไปไม่รอดกระมังครับ  ตอนนี้คงเหลือตัวเลือกให้ผมอีกสอง คือชีอะ กับกับวะฮบี  วะฮบีน่าจะเป็นทางที่ผมควรอยู่กระมัง  เพราะเท่าที่มาคุยที่นี่ก้มีแต่คนว่าผมเป็นวะฮบี   ไงก็ต้องขอยาซกุมุลลอฮสำหรับความรู้ที่ได้มาทั้งหมดถึงจะไปไม่ตลอดรอดฝั่ง  ครับ  มาอัฟบังๆทุกคนด้วยน่ะครับ อีกอย่างถ้าเว็บนี้คนที่มีแนวคิดอื่นเข้ามาไม่ได้ก็ต้องขอโทษจริงๆผมไม่ทราบมาก่อนครับ  วัซซาลามครับ

เพราะฉะนั้นขออนุญาตระงับการเป็นสมาชิกของคุณ 0123 เลยแล้วกัน
ส่วนท่านอื่นขอให้เสวนากันตามกรอบวิชาการนะคะ

วัสลาม
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ก่อนอื่นต้องขอสลามพี่น้องที่รักของ อ.ล ทุกท่านจากการที่ได้อ่านกระทู้นี้ แล้ว

โปรดอย่าใช้คำย่อกับพระนามของอัลลอฮฺได้ไหมครับ มันดูไม่ดีอะครับ เขียนให้เต็มจะดีกว่า ไม่ว่าในภาษาไหนก็ตาม รวมทั้งชื่อของบรรดานบีย์ และผู้ทรงเกียรติอื่นๆ ด้วย - วัลลอฮุ อะอฺลัม

อ้างถึง
ก่อนอื่นเราน่าจะมาพิจารณาถึงรูปแบบการมีชีวิตของนบีและทำการละหมาดในกุบูรว่า  มันมีสภาพอยู่ในรูปแบบใด  รูปร่างที่เห็นละหมาดอยู่เป็นรูปร่างดั่งเดิมที่เคยเป็นอยู่ในดุนยาหรือไม่? และการที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ผู้ตายกลับมาละหมาดในกุบูรนั้น  เป็นลักษณะการให้หวนกลับมาแบบฟื้นคืนชีพหรือหวนกลับมาแบบอื่น?

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะรู้สึกว่าจะนอกประเด็นออกไปพอควรแล้ว และส่วนตัวเองก็อยากรู้ว่าการกลับมาละหมาดที่ว่านั้น เป็นในรูปแบบใดกัน และที่ว่าเห็นคนตายนั้น เห็นตัวตน หรือเห็นวิญญาณ - วัลลอฮุ อะอฺลัม

อ้างถึง
กรณีที่ผมมาตอบโต้ในกระทุ้นี้  ผมก็ต้องจากเว็บนี้ไปละกันน่ะครับในเมื่อคิดว่าหลักฐานที่ผมถือกับคุณมันไม่ เหมือนกันพูดก็เปล่าประโยชน์ ขืนอยู่ไปก็เสมือนกับเป้นผู้ร้ายที่ไม่ยอมรับผิดแถมเป้นคนโง่อีกต่างหาก

หากเสวนากันแบบวิชาการ และไม่มีอารมณ์ฉุนและอคติ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ เพราะมันธรรมดาอยู่ที่คนเราจะมองอะไรต่าง แม้จะหลักฐานจากตัวบทเดียวกันก็ตาม ขนาดหลักฐานที่ว่า "...สูเจ้าจงเช็ดศีรษะของสูเจ้า..." ในการทำวุฎูอ์ เฉพาะการพิจารณาที่นิยามของคำว่า "ศีรษะ" ก็กินไปหลายทัศนะแล้วละครับ - วัลลอฮุ อะอฺลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
หากเสวนากันแบบวิชาการ และไม่มีอารมณ์ฉุนและอคติ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหานะครับ เพราะมันธรรมดาอยู่ที่คนเราจะมองอะไรต่าง แม้จะหลักฐานจากตัวบทเดียวกันก็ตาม ขนาดหลักฐานที่ว่า "...สูเจ้าจงเช็ดศีรษะของสูเจ้า..." ในการทำวุฎูอ์ เฉพาะการพิจารณาที่นิยามของคำว่า "ศีรษะ" ก็กินไปหลายทัศนะแล้วละครับ - วัลลอฮุ อะอฺลัม

มันต้องดูมาแตครับ มีแถวด้วย มีคีลาฟว่าแถวบนหรือแถวล่าง เลยทำให้มีแบบล้างทั้งหัวด้วย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ คนอยากรู้

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 621
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salam

เข้ามาอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ครับ ในฐานะเราเป็นผู้หนึ่งที่ด้อยในวิชาการและสิ่งเร้นลับ   

ก็ค่อยๆกันคุยและเสวนากันให้ดีๆนะครับ ตอนนี้เรายังถือศีลอดกันยังไม่ครบหนึ่งปีกันเลยนะครับ    loveit:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
salam

เข้ามาอ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ครับ ในฐานะเราเป็นผู้หนึ่งที่ด้อยในวิชาการและสิ่งเร้นลับ   

ก็ค่อยๆกันคุยและเสวนากันให้ดีๆนะครับ ตอนนี้เรายังถือศีลอดกันยังไม่ครบหนึ่งปีกันเลยนะครับ    loveit:

ใช้บาลาฆอฮได้ดีครับ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ไปเจอแบบนี้มาครับ


อ้างถึง
No. : 35873
ข้อความ: http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=3425.0

อยากให้ผู้รู้ท่านนี้เตาบัตด่วน(ด้วยความจริงใจ)
ผู้ส่ง: SaLaFi : IP : 124.157.235.251
วันที่ส่ง: 10/6/2008 1:16:54 PM



คงไม่ต้องบอกว่าจากไหน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ AhlZran

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัซตักฟีรุ้ลลอฮฺ  ขอบคุณท่าน   Al Fatoni  ที่ตักเตือนครับ
ก่อนอื่นต้องขอสลามพี่น้องที่รักของ อ.ล ทุกท่านจากการที่ได้อ่านกระทู้นี้ แล้ว

โปรดอย่าใช้คำย่อกับพระนามของอัลลอฮฺได้ไหมครับ มันดูไม่ดีอะครับ เขียนให้เต็มจะดีกว่า ไม่ว่าในภาษาไหนก็ตาม รวมทั้งชื่อของบรรดานบีย์ และผู้ทรงเกียรติอื่นๆ ด้วย - วัลลอฮุ อะอฺลัม



ครับกระผมจะปรับปรุง แก้ไขครับ    ยาซากั้ลลอฮฺ  ขอบคุณท่านจริงๆ
และขอ มาอัฟทุกท่านด้วยนะครับ กระผม ยังใช้ภาษาไม่ถูก ต้อง ต้องขอ มาอัฟ จริงๆ บางคำกระผมก็พิม ผิด ครับ

ลาอีลาฮะอิ้ลลาอันตะ ซุบฮานะกะอินนีกุน ตุ มีนัซซอลิมีน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ผู้ลืมและไม่รู้ย่อมไม่ผิด
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ผมลองก๊อบเนื้อหาจากกระทู้นี้ลงเวิร์ดดูแล้ว โดยที่ยังไม่ได้แต่งอะไร ก็กินไปประมาณ 120 กว่าหน้าครับ และคิดว่าหากแต่ง หรือเรียบเรียงเสร็จแล้วคงจะเหลือแค่ประมาณ 50-60 กว่าหน้า หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้ หากมีข้อมูลใหม่ๆ (เน้นที่เกี่ยวข้องและมีประโยชน์นะครับ นอกเรื่องหรือไม่มีประโยชน์จะขอตัดออก และบางคำก็ขอปรับให้ถูกด้วย ขออนุญาตผู้นำเสนอทุกท่านด้วยนะครับ เพื่อผู้อ่านคนอื่นๆ จะได้ไม่งง) - วัสสลามุ อลัยกุม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 08, 2008, 04:36 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ AhlZran

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 20
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam  บังๆครับ  ผมอยาก ทราบว่า ที่  อาวุโส และ อมีร บางท่าน ใน ญามาอะ  ตอนผม ออก ดาวะหฺ อะ ครับ
เค้า พูดถึงการ อามั้ล  ซูเราะหฺ  อัลมุลกฺ ด้วยการอ่าน ทุกๆวัน  อัลเลาะห์ จะป้องกันเรา จากไฟนรก และ จะสามารถละหมาดในกุบุรฺ ด้วยครับ
และ  อยากถาม ท่านผูรูและบังๆ เกี่ยวกับฮะดิส  ที่บอกว่า ครั้งหนึ่งท่านนบี กำลังเศร้า และ ปวดร้าว เพราะเป็นห่วง อุมมัต ของท่านในยุค หลังๆ
และว อัลเลาะฮฺ ได้ทรงให้ญิบรีล มาหาท่านนบี  และนำท่านไปยังกุบูร  และสบัดปีกข้างหนึ่งไปยังหลุมกุบูร และขณะนั้นเองท่านนบีได้เห็น
ชาวกุบูร ลุกขึ้นมา อยู่ในสภาพ สูยุด รูกั้วและเอี้ยติดาน (กำลังทำละหมาด) และจากนั้น ญิบรีล ก็สบัดปีก ไปยังหลุมกุบูรอีกหลุมหนึ่งซึ่ง
หลังจากนั้น ท่านนบีก็ได้เห็น ชาวกุบูร คนนั้นกำลังถูก อาซาบ(การลงโทษ) อยู่ และหลังจากนั้น ญิบรีลก็ได้ อธิบายเกี่ยวกับ สภาพที่ ท่านบีได้เห็น(กระผม จำไม่ค่อยได้นะครับเคยได้ฟัง จากการบายาน และ ตะเล็ม )ผมจึงอยาก ทราบถึงความชัดเจนในสายการรายงาน และอยากรู้ว่า
ตัวฮะดิษจริงๆ เป็นยังไง 

วัสลาม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
โดยส่วนตัวผมนั้น หลักการทำงานของญมาอะฮ์ตับลีฆนั้นดีมากครับ เห็นเป็นรูปธรรมได้เร็วและชัดเจน อีกทั้งมั่นคง แต่ก็น่าเสียดายที่ชาวตับลีฆบางคน โดยเฉพาะในประเทศไทยเรา ที่ยังไม่เข้าใจหลักการทำงานและการพูดเชิญชวนของตับลีฆที่ท่านเมาลานาอิลยาสฯ และผู้อาวุโสแห่งญมาอะฮ์ตับลีฆต้องการ เพื่อให้สอดคล้องกับศาสนามากที่สุด สิ่งที่ผมหมายถึงคือ "การพูดเรื่องศาสนาในการบะยาน" บางครั้งผมนั่งฟัง ผมกลัวแทนอะครับ กลัวว่าที่ว่า คนที่บะยานนั้นจะต้องรับผิดในสิ่งที่ตนกระทำ ผมหมายถึง การยกอายะฮ์อัลกุรฺอานมาอ้าง พร้อมทั้งตัฟสีรฺ ผิดๆ ถูกๆ ที่ผมต้องการตักเตือนคือ เรื่องการตัฟสีรฺสดๆ โดยที่ไม่ได้เรียนมาอย่างเข้าใจและแม่นยำในความหมายพอ และบางครั้งก็ยกหะดีษพร้อมทั้งอธิบายตามความหมายของตน (พูดง่ายๆ คือพูดจนหรอยปากโดยไม่ตรอง หมายถึงบางคนนะครับ ซึ่งมันไม่น่าจะอภัย เพราะเกินไป) ฝากไว้ด้วยนะครับชาวตับลีฆแห่งประเทศไทย ศึกษาศาสนาให้แตกฉานเป็นเรื่องๆ ไป ใครที่ติดนิสัยเวลามีบรรยายศาสนาที่มัสญิดแล้วไม่ยอมเข้าไปฟัง เพราะไม่เข้ากับโต๊ะครูคนนั้นคนนี้ เพราะเขาไม่ชอบดะอฺวะฮ์ อะไรอย่างนี้เป็นต้น ผมว่าปรับตัวเองได้แล้วนะครับ เพราะคนที่เสียหาย ท้ายสุดก็คือท่าน เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาโจมตีก็จริง แต่เราก็อย่าแสดงบางอย่างเพื่อให้เขาเข้าใจว่าเราเป็นอย่างนั้นจริง ผมหมายถึงบางคน และบางพื้นที่นะครับ ขอร้องจริงๆ เขามองเราลบอยู่ ทั้งโจมตี หากไม่อยากจะโต้ เพื่อเลี่ยงคิลาฟ ก็จงปรับพฤติกรรมบางอย่างได้แล้วนะครับ จะอาศัยความรูจากการออกดะอฺวะฮ์เพียงอย่างเดียว คงไม่พอเป็นแน่ครับ เพราะการออกดะอฺวะฮ์นั้น อย่างหนึ่งคือการออกไปทำอมัลอิบาดะฮ์เชิญชวนผู้คนสู่ความดีละเว้นความชั่ว และวันนี้ยังเราสูบบุหรี่ ทั้งๆ ที่โพกสาระบันใหญ่โต ละหมาดยังไม่ถูกจนแม้แต่ชาวบ้านยังมองออก อาบน้ำละหมาดแบบมักง่าย ใช้สอยมัสญิดอย่างไม่มีมารยาท และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งที่ผมพูดนั้น แม้แต่อมีรฺดะอฺวะฮ์ก็เน้นหนักหลายต่อหลายครั้ง ที่น้อยคนมากที่จะใส่ใจ อยากให้รอเข้าแต่การบอกว่า คุณไม่เข้าใจดะอฺวะฮ์ คุณต้องมาลองเอง คุณถึงจะรู้  เขาจะเข้าใจดะอฺวะฮ์อย่างไรเล่า ในเมื่อเราเองยังเข้าใจดะอฺวะฮ์อย่างไม่ถ่องแท้เสียมี เพราะติดนิสัยเดิม ผมหมายถึงบางคนนะครับ -  ฝากไว้พิจารณาด้วยนะครับ พี่น้องของผมทั้งหลาย - วัสสลามุ อลัยกุม 
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged