ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัตินักปราชญ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  (อ่าน 27761 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
^
^
^

ก่อนที่ บังอัลฯ จะสรุป...

ขอรบกวนถามหน่อยว่า มีแบบ file .pdf ให้โหลดไหมครับ

อยาก save ไว้เพื่ออ่านครับ ^^

ชอบของฟรี - -'

ญาซากูมุลลอฮ ฮุ ค็อยร็อน

ออฟไลน์ yaseen

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 36
  • ชีวิตนักเดินทาง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า   ท่านอัชชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์ นั้น  เป็นอุลามาอ์ที่ดำรงค์ตนตามหลักของอัลกุรอานและซุนนะฮ์  วิถีการดำเนินชีวิตของท่านน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง  และสมควรนำไปเป็นแบบอย่างและอุทาหรณ์สอนใจ   ท่านเป็นคนยากจนที่ต้องเผชิญความยากลำบาก แต่ท่านฝากให้กับอัลเลาะฮ์เสมอ  พระองค์ไม่เคยทิ้งท่าน หากเต็มเปี่ยมไปด้วยอีหม่านความศรัทธาอย่างแท้จริง
เรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน อัชชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์ นี้   ท่านชัยค์  ด๊อกเตอร์  มุฮัมมัด สะอีด ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์  บุตรชายคนเดียวของท่าน  ได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ ของบิดาท่านไว้เป็นอย่างดีและน่าสนใจ  และชีวประวัติ เรื่องราวต่าง ๆ นั้น  ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด สะอีด  ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์  ได้ถ่ายทอดเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง  ซึ่งมีชื่อว่า هذا والدى  "นี้คือบิดาของฉัน"  มี 200 หน้า
 
    


ดังนั้น ผมจะนำเสนอสรุปไปเรื่อย ๆ จนจบเล่ม  และหวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่พี่น้องทั้งหลาย  อินชาอัลเลาะฮ์   

والسلام

จะรอติดตามอ่านนะขอรับ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทน
แค่เกริ่นๆยังรู้สึกว่าท่านอัชชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์ เป็นผู้ที่มีอิหม่านเป็นอย่างยิ่ง แค่ฟังชื่อหนังสือก็พอทำให้รู้ว่าบุตรชายของท่านเองนั้น (ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด สะอีด  ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์)  ต้องภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่านเป็นแน่แท้
+ในร่างกายนั้นมีก้อนเนื้อหนึ่ง เมื่อมันดี ร่างกายทุกส่วนก็จะดี เมื่อมันเสีย ทุกส่วนของร่างกายก็จะเสีย จงจำไว้เถิด เนื้อก้อนนั้นคือหัวใจ+

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بسم الله الرحمن الرحيم

ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์  มุฮัมมัด  สะอีด  ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์   ได้กล่าวไว้ในบทนำของท่านว่า

ฉันมีความลังเลเป็นอย่างมากที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้   ฉันเฝ้าถามตลอดเวลาว่าถึงแรงผลักดันที่ทำให้ฉันต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา  บางครั้งฉันเฝ้าถามตนเองว่า   การเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา  มันเป็นความพอใจของบิดาหรือเปล่า?   กาลเวลาผ่านไปสี่ครึ่งหลังจากบิดาเสียชีวิต  ฉันก็ยังไม่มั่นใจที่จะเขียนชีวประวัติของบิดา  จนกระทั่งถึงเช้าของวันนี้ 


ชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์  ช่วงวัย 60 ปี   


สาเหตุสำคัญที่ทำให้ฉันต้องลังเลใจเป็นเวลานาน  ก็คือ  ฉันเห็นผู้คนในปัจจุบันมีความปรารถนาที่จะนำเสนอผลงาน ๆ ต่างของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว  พวกเขาต่างพรรณายกย่องกันอย่างเลยเถิด  พยายามประดิษฐ์ประดอยนำเสนอเพื่อแสวงหาเป้าหมายทางดุนยาด้วยกับงานของศาสนา

ดังนั้นการที่ฉันจะนำเสนอชีวประวัติของบิดา   ฉันรู้สึกไม่สบายใจและมีความครางแครงว่า  บางครั้งฉันอาจจะมีเป้าหมายดังกล่าวก็ได้  ทั้งที่ทราบกันดีว่าบิดาของฉันเป็นผู้ที่สมถะ  รังเกียจการยกยอสรรเสริญ  ไม่รู้ว่าท่านจะพอใจในการกระทำของฉันอันนี้หรือเปล่า?  ซึ่งบางครั้งฉันอาจเป็นเหตุให้ท่านเจ็บปวดและโกรธ  เพราะฉันรู้ว่าคนตายก็เหมือนคนเป็นซึ่งพวกเขาสามารถประสบกับความพึงพอใจและความโกรธได้  เสมือนกับที่พวกเขาได้ประสบปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้มีความสุขสบายและเจ็บปวด

ในขณะเดียวกันมีเพื่อนมิตรสหายมากมายที่รู้จักบิดาของฉัน  ซึ่งพวกเขาได้ยื่นข้อเสนอและรับเร้าฉันให้เขียนชีวประวัติบิดา (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์)  พวกเขาได้ให้การผลักดันฉันด้วยแรงสนับสนุนมากมาย  แต่ทว่า  ความหวั่นเกรงของฉันที่จะกระทำผลงานการเขียนนี้มีน้ำหนักมากกว่าที่จะปรารถนาย่างก้าวเข้าไปกระทำ  จนกระทั่งวันหนึ่ง  ฉันได้หวนรำลึกคำพุดบิดาที่เคยบอกเล่าเกี่ยวกับบรรดาอุลามาอ์ชาวกุรดีย์ (เคริ๊ต) ผู้มีความโดดเด่นในด้านความรู้  เป็นที่เลื่องลือในความมีคุณธรรมและความยำเกรง  บิดาเคยเล่าประวัติและคุณความดีของพวกเขาเหล่านั้นแก่ฉัน  หลังจากนั้น  ปรากฏว่าท่านรู้สึกเสียใจที่ประวัติคุณความดีของพวกเขาได้ลืมเลือนไปจากความทรงจำบ้าง  ซึ่งเป็นการสมควรอย่างยิ่ง  ในการที่จำเป็นต้องขีดเขียนบันทึกไว้เพื่อเป็นบทเรียนสอนใจแก่ชนรุ่นหลัง

ฉันได้พูดกับตัวเองว่า  ฉันไม่คิดว่าบิดาของฉันจะเสียใจไปมากกว่าฉันหรอก! ดังนั้น  บิดาของฉันน่าจะความรู้สึกว่า  มีความจำเป็นที่จะต้องเขียนบันทึกชีวประวัติของอุลามาอ์ผู้มีคุณธรรมเหล่านั้น   เพื่อผู้คนทั้งหลายจะได้รับผลประโยชน์และนำมาเป็นแบบอย่างในการดำนเนินชีวิต  ดังนั้นจึงสมควรสำหรับฉันที่ต้องมีแรงผลักดันให้เกิดความรู้สึกตระหนักถึงความจำเป็นดังกล่าวที่มีต่อบรรดาอุลามาอ์  และไม่สงสัยเลยว่าบิดาของฉันก็คือหนึ่งจากพวกเขาเหล่านั้น

ขอยืนยันว่า  ฉันไม่มีโอกาสเลยที่จะเขียนชีวประวัติของบรรดาอุลามาอ์รุ่นก่อน ๆ เนื่องจากฉันไม่เคยได้พบและไม่รู้ถึงวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขา  ดังนั้น   ความสามารถของฉันในเวลานี้ คือเขียนชีวประวัติของผู้เป็นบิดา  เนื่องจากฉันรู้ดี  ยิ่งกว่านั้น  ฉันยังเป็นผู้ที่รู้ดีถึงวิถีการดำเนินชีวิตของบิดามากกว่าบุคคลอื่น ๆ
 

ชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์  ช่วง 3 วันก่อนท่านจะเสียชีวิต

หลังจากนั้น  ฉันได้ขอคำปรึกษากับท่านผู้รู้บางส่วนในประเทศซีเรียแห่งนี้ที่ฉันคิดว่าพวกเขามีคุณธรรมและความยำเกรง  โดยฉันชี้แจงว่า  บิดาของฉัน (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ได้เคยห้ามฉันจากการบอกเล่ากับผู้คนทั้งหลายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวและคุณลักษณะเฉพาะที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานให้  ดังนั้น  ฉันจึงได้รับความเห็นจากพวกเขาว่า  มันเป็นการกระทำที่ดีและมีประโยชน์หากมีเจตนาเพื่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ด้วยการอธิบายและพรรณาสภาพการณ์ที่ตรงกับความเป็นจริงไม่มีการตัดทอนหรือเพิ่มเติมหรือยกย่องจนเลยเถิด  และพวกเขาได้ให้คำปรึกษาแก่ฉันว่า  การที่บิดาของท่านได้เตือนให้ระวังเกี่ยวกับการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้นระหว่างบิดาของท่านกับอัลเลาะฮ์นั้น  คือในขณะที่ท่านมียังมีชีวิตอยู่  แต่ในปัจจุบันท่านได้ล่วงลับไปแล้ว  ดังนั้นจึงไม่นับว่าการถ่ายทอดเรื่องราวของท่านนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้ามแต่ประการใด

ดังนั้น  ฉันจึงน้อมรับความปรารถนาดีอันนี้  ฉันจึงรีบทำการละหมาดอิสติคอเราะฮ์ตามที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้สอนแก่เรา  โดยทำการละหมาด  วอนขอดุอาและขอให้พระองค์ทรงชี้นำให้ฉันไปสู่ความดีงามและดลใจให้ฉันดำเนินตามแนวทางที่ทำให้พระองค์ทรงพึงพอพระทัย

และอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังของเจตนานี้  และความดีทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของพระองค์  และพระองค์เท่านั้น ที่มีการมอบหมาย

ดิมัชก์ 21  รอเบี๊ยะอุษษานีย์ ฮ.ศ. 1415
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
จะรอติดตามอ่านนะขอรับ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทน
แค่เกริ่นๆยังรู้สึกว่าท่านอัชชัยค์ มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์ เป็นผู้ที่มีอิหม่านเป็นอย่างยิ่ง แค่ฟังชื่อหนังสือก็พอทำให้รู้ว่าบุตรชายของท่านเองนั้น (ท่านชัยค์ ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด สะอีด  ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์)  ต้องภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่านเป็นแน่แท้

หนังสือเล่มนี้  มีความประทับใจที่เราสมควรเอาเยี่ยงอย่าง  โดยเฉพาะคนที่ลำบากอย่างผม  อ่านหนังสือเล่มนี้แบบเร็ว ๆ ส่วนมากจะอ่านจบบนรถเมล์หรือรถราง   อ่านตอนจบรู้สึกประทับใจน้ำตาคลอในความผูกพันระหว่างผู้เป็นลูกกับบิดา   ท่านชัยค์ มุฮัมมัด สะอีด อัลบูฏีย์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

"บางครั้งท่านอาจจะหวนรำลึกสิ่งที่ท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้ว่า  บิดาของฉัน (ขออัลเลาะฮ์ทรงประทานความเมตตาท่านด้วยเถิด) มักกล่าวถ้อยคำสรรเสริญอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ในวโรกาศต่าง ๆ บ่อยครั้ง  ท่านสรรเสริญอัลเลาะฮ์  ด้วยใบหน้าที่ปิติยินดี  อิ่มเอิบ  ว่า "มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์  ผู้ทรงกำเนิดจากมาจากสองบิดามารดาที่เป็นมุสลิมเป็นผู้ศรัทธา  ทั้งสองได้สอนฉันเกี่ยวกับคำภีร์และบทบัญญัติของอัลเลาะฮ์  และพระองค์ผู้ซึ่งประทานให้ฉันอพยพมาสู่แผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์(ซีเรีย)ที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ทรงประทานเกียรติ  และพระองค์ผู้ซึ่งให้เกียรติฉันได้ลูกหลานที่ดี  ทรงประทานจากบุตรชายคนเดียวของฉันกับบรรดาลูกหลานและหลาน  ผู้ทรงประทานการคุ้มครองโดยที่ไม่สามารถคณานับได้"

ดังนั้น  ย่อมเป็นสิทธิ์แก่ฉันเช่นกันที่จะกล่าวว่า

"มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์  ผู้ซึ่งให้ฉันเกิดมาจากสองบิดามารดาที่เป็นมุสลิมเป็นผู้ศรัทธา  ทั้งสองได้สอนฉันเกี่ยวกับคำภีร์และบทบัญญัติของพระองค์  และมวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์  ผู้ซึ่งให้เกียรติฉันด้วยกับมีบิดาผู้ดำเนินชีวิตในโลกดุนยาเพื่อน้อมให้เกียรติต่อพระองค์  โดยฉันหวังว่าอัลเลาะฮ์จะทรงนำฉันและบรรดาบุตรของฉันเข้าไปอยู่ในความเมตตาของพระองค์  ด้วยการชะฟาอัตของผู้เป็นบิดา หลังจากการชะฟาอัตของท่านนบี (ซ.ล.)  ด้วยข่าวดีจากคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "เราได้ให้ผู้สืบทอดตระกูลของพวกเขาได้ติดต่อกับพวกเขา (เข้าไปในสวรรค์)" อัฏฏูร 22 ... หนังสือ นี้คือบิดาของฉัน  หน้า 195 - 196
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
ท่านสมาชิกทุกท่านคะ  พวกคุณคิดว่าจะดีไหมถ้าคนเดินดิน1อยากเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองอาจจะไม่น่าสนใจเท่าหนังสือคือปวงปราชญ์ทั้งหลายแต่ก็คิดว่าน่าจะให้ข้อคิดที่ดี ๆ ให้กับคนที่ได้อ่านบ้าง  เพราะว่าสิ่งที่คนเดินดินได้เจอนั้นมันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของคนเดินดินมั่ก ๆ เฮ้อยากเกินจะบรรยาย :) :)
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ท่านสมาชิกทุกท่านคะ  พวกคุณคิดว่าจะดีไหมถ้าคนเดินดิน1อยากเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของตนเองอาจจะไม่น่าสนใจเท่าหนังสือคือปวงปราชญ์ทั้งหลายแต่ก็คิดว่าน่าจะให้ข้อคิดที่ดี ๆ ให้กับคนที่ได้อ่านบ้าง  เพราะว่าสิ่งที่คนเดินดินได้เจอนั้นมันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของคนเดินดินมั่ก ๆ เฮ้อยากเกินจะบรรยาย :) :)
   

เขียนชีวประวัติของตนเองได้เลยนะครับ  แต่ต้องไปตั้งกระทู้ไหม่ให้เป็นเอกเทศน์น่ะครับ    ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
^
^
^

ก่อนที่ บังอัลฯ จะสรุป...

ขอรบกวนถามหน่อยว่า มีแบบ file .pdf ให้โหลดไหมครับ

อยาก save ไว้เพื่ออ่านครับ ^^

ชอบของฟรี - -'

ญาซากูมุลลอฮ ฮุ ค็อยร็อน

ตอนนี้ยังไม่มีนะครับน้อง อับดุลมาลิก  ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
 งั้นเปลี่ยนใจไม่เขียนแล้วดีกว่า  เก็บไว้เล่าให้คนที่เค้าอยากฟังดีกว่าเอย ;D ;D ;D
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
งั้นเปลี่ยนใจไม่เขียนแล้วดีกว่า  เก็บไว้เล่าให้คนที่เค้าอยากฟังดีกว่าเอย ;D ;D ;D

อยากฟัง  ;D ;D ;D

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
งั้นเปลี่ยนใจไม่เขียนแล้วดีกว่า  เก็บไว้เล่าให้คนที่เค้าอยากฟังดีกว่าเอย ;D ;D ;D

อยากฟัง  ;D ;D ;D

ผมก็อยากฟังเหมือนกันครับ  แต่กระทู้นี้น้องเขาต้องการนำเสนอประวัติอุลามาอ์  งั้นผมขอเสนอคุณ konderndin1 ครับว่า  ให้ไปเล่าให้พวกเราฟังที่กระทู้ "ร้านน้ำชาออนไลน์" ครับ  จะเล่าอะไรที่กระทู้ร้านน้ำออนไลน์รองรับได้ทุกสภาพการณ์เชื่อผม  ;D

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ตอนนี้ยังไม่มีนะครับน้อง อับดุลมาลิก  ;D

งั้นรออ่านของ บัง ^^

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
งั้นรออ่านของ บัง ^^

งั้นวันนี้  จะนำเสนอต่อครับ  อินชาอัลเลาะฮ์ 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

SaFinah

  • บุคคลทั่วไป
งั้นรออ่านของ บัง ^^

งั้นวันนี้  จะนำเสนอต่อครับ  อินชาอัลเลาะฮ์ 

ชอบกระทู้นี้มากครับ...เพราะทำให้เราทราบว่า...ระดับอีมานและความตักวาของเรามีแค่ไหน...

โอ้โห...ขนาดอุลามาอ์ในสมัยนี้เค้าขนาดนี้...แล้วบรรดาซอฮาบะฮ์นั้นเค้าจะขนาดไหนกัน!...แล้วเราหล่ะ...? :'(

กำลังรอด้วยใจจดจ่อครับผม... :o

ญาซากัลลอฮ์ฮูคอยร็อน

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
بسم الله الرحمن الرحيم

การเกิด

บิดาของฉันเกิดในปี ค.ศ. 1888  ตามที่ได้ถูกบันทึกไว้ในทะเบียนบ้าน  ท่านถือกำเนิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า เจลิกา  อยู่ในเขตคาบสมุทร บูฏอน  ซึ่งเรียกเป็นภาษาอาหรับว่า คาบสมุทรอุมัร

บิดาของท่านชื่อ อุมัร  และปู่  ชื่อ  มุร๊อด  และเรื่องเชื้อสายของเรา  ฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก  ฉันเคยถามบิดาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว  ปรากฏว่าท่านไม่ให้ความสำคัญมากนัก  โดยท่านชี้แจงว่า  มันเป็นความยากลำบากที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถแจกแจงเชื้อสายวงศ์ตระกูลของตนในอดีตที่ผ่านมาโดยไม่เกิดความผิดพลาด  และท่านคิดว่าเป็นการดีสำหรับการไม่สืบเสาะรายละเอียดของเชื้อสายอันนี้  ซึ่งท่านได้อ้างอิงบทกวีของท่าน อิบนุ วัรดี  อันเลื่องลือที่ว่า

لا تقل أصلى وفصلى أبدا    إنّما أصل الفتى ما قد حصل

"ท่านอย่ากล่าวว่าเชื้อสายของฉันและตระกูลของฉันเลย    เพราะแท้จริงสายตระกูลของชายหนุ่มนั้นคือสิ่งที่ได้เกิดขึ้น(แก่ตัวเขา)"

(หมายถึง หากคนหนึ่งปฏิบัติตนดีมีคุณธรรมให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาก็ย่อมทำให้ตระกูลดีและมีเกียรติ)

ช่วงในวัยเด็ก

ปู่ของบิดาเป็นชาวนา  เวลาส่วนมากทุ่มเทให้กับเรือกสวนไร่นาและการเพาะปลูก  ซึ่งไม่มีงานใดที่จะดีสำหรับพวกเขายิ่งกว่างานนี้  หากแม้นว่าหลานคนเล็กยังอยู่ในวัยเด็ก  แต่ทว่าสามารถทำภาระหน้าที่บางอย่างด้วยตนเองได้  จนกระทั่งสามารถเริ่มช่วยปู่ทำนาเพาะปลูก  บิดาของฉันเห็นว่า  ดังกล่าวเป็นโอกาสที่สามารถจะทำงานได้อย่างเพลิดเพลินได้สำหรับวัยเด็ก  แต่ทว่ามารดาเป็นผู้ที่เคร่งครัดและมีความยำเกรงเป็นอย่างมาก  นางจึงส่งเสริมยืนหยัดให้บิดาของฉันทำการเล่าเรียนและแสวงหาความรู้  และนางสามารถทำให้ผู้เป็นสามีคล้อยตามและเห็นด้วยในสิ่งดังกล่าวโดยดี

บิดาของฉันกล่าวว่า "ฉันยังคงลังเลในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  ระหว่างความปรารถนาของปู่ที่จะให้ฉันช่วยทำงานสวนและเพาะปลูก  กับเรื่องที่บิดามารดาของฉันยืนกรานที่จะให้ทำการศึกษาเล่าเรียน  แต่ฉันพบว่าความสุขในช่วงระยะเวลานั้นคงหมดหวังจากการเล่าเรียน  ฉันจึงหมดเวลาไปกับการวิ่งเล่นในเรือกสวนพร้อมกับเพื่อน ๆ  ด้วยสาเหตุการตอบสนองความต้องการของปู่ในการช่วยเหลือท่านทำนา  ความตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนจึงเป็นไปได้ยาก  สิ่งจูงใจที่จะทำให้ฉันอยากเล่าเรียนจึงริบหรี่  แต่ทว่าบิดาของฉันได้ฝากคนที่ไปคาบสมุทรอิบนุอุมัร  เพื่อทำการซื้อปากกา  น้ำหมึก  และกระดาษให้กับฉัน  แล้วฉันก็เฝ้ารออย่างไร้ความหวัง  ทันใดนั้น   มีบุคคลหนึ่งนำปากกาที่ทำมาจากต้นอ้อย  นำน้ำหมึก  และกระดาษมาให้  ฉันจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเครื่องเขียนที่หายากในเวลานั้น  ดังนั้นในช่วงวัยเด็กฉันก็ได้อยู่ในสถานที่ศึกษาแล้ว

ในบรรดาหมู่บ้านของชาวกุรดีย์  เขตอัล-อะนาฏูล  ได้รับความทุกข์ระทมกับความโง่เขลาที่แผ่ขยาย  ซึ่งนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการประสิทธิ์ประสาทความรู้และได้รับขนบธรรมเนียมที่ดีงาม  พร้อมทั้งโรงเรียนของทางการก็มีน้อยมาก  แม้ว่าชาวกุรดีย์ต้องเผชิญกับสิ่งดังกล่าว  พวกเขาก็ยังอนุรักษ์การเรียนรู้ภาษาอาหรับและเน้นหนักวิชาการแขนงต่าง ๆ ของอิสลาม  ดังนั้น  พวกเขาจึงช่วยเหลือกันสร้างห้องเรียนติดกับมัสยิด  ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า "มัดร่อซะฮ์" (โรงเรียน)  และห้องเรียนเหล่านี้ต้อนรับผู้ที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนวิชาการศาสนาและภาษาอาหรับเท่านั้น  และมีบรรดาอุลามาอ์อาสาทำการสอนให้บรรดานักเรียนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่ประการใด  บรรดาผู้คนในหมู่บ้านจะคอยให้การอุปถัมป์เลี้องอาหารแก่บรรดานักศึกษา  ซักเสื้อผ้าให้  และบริการสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็น  เนื่องจากชาวบ้านมีจิตสำนึกว่า  พวกนักศึกษาเหล่านั้น  กำลังแบกรับภาระกิจจำเป็นที่อยู่บนต้นคอของพวกเขาอยู่ (หมายถึงนักศึกษาเหล่านั้นได้เล่าเรียนศึกษาฟัรดูกิฟายะฮ์ซึ่งทำให้ชาวบ้านพ้นฟัรดูกิฟายะฮ์ด้วย)  ชาวบ้านพยายามผลัดเปลี่ยนให้การดูแล  โดยจิตใจของพวกเขาไม่คิดทวงบุญคุณและสอยากได้สิ่งตอบแทนแต่ประการใด

เช่นนี้แหละ  ที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ให้บิดาของฉันที่อยู่ในช่วงเยาว์วัยได้ปลีกตัวออกจากการช่วยทำงานและเพาะปลูกกับปู่   โดยมุ่งตั้งใจร่ำเรียนหนังสือ  อ่านอัลกุรอาน  และทำการศึกษาในบรรดาโรงเรียนดังกล่าวข้างต้น

ปัจจุบันฉันจำชื่ออาจารย์ 3 ท่าน  ที่บิดาของฉันได้รับความรู้จากพวกเขา คือหนึ่งท่าน ชัยค์  มุฮัมมัด สะอีด  ซัยยิดา  ซึ่งท่านจะเป็นที่รู้จักในนาม  ชัยค์  ซัยยิดา , สอง  ท่านชัยค์  ซัยยิด มุฮัมมัด อัลฟันซะกีย์  ซึ่งบิดาบอกว่าท่านมีวิชาความรู้และมีความนอบน้อมถ่อมตน  ซึ่งฉันได้มีโอกาสเห็นท่านชัยค์ในช่วงปลายอายุ 40 ของฉัน   และชัยค์ท่านนี้เคยเดินเท้าไปทำฮัจญ์จากดิมัชก์จนถึงบัยตุลลอฮ์ ,  ท่านที่สาม  คือท่านชัยค์ มุลลา  อับดุสลาม  ซึ่งบิดาของฉันเรียกท่านเสมอว่า  ซัยยิดาย่า มุลลา อับดุสลาม  หมายถึง ท่านอาจารย์ของฉัน มุลลา อับดุสลาม นั่นเอง
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บรรดาผู้คนในหมู่บ้านจะคอยให้การอุปถัมป์เลี้องอาหารแก่บรรดานักศึกษา  ซักเสื้อผ้าให้  และบริการสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็น  เนื่องจากชาวบ้านมีจิตสำนึกว่า  พวกนักศึกษาเหล่านั้น  กำลังแบกรับภาระกิจจำเป็นที่อยู่บนต้นคอของพวกเขาอยู่ (หมายถึงนักศึกษาเหล่านั้นได้เล่าเรียนศึกษาฟัรดูกิฟายะฮ์ซึ่งทำให้ชาวบ้านพ้นฟัรดูกิฟายะฮ์ด้วย)  ชาวบ้านพยายามผลัดเปลี่ยนให้การดูแล  โดยจิตใจของพวกเขาไม่คิดทวงบุญคุณและสอยากได้สิ่งตอบแทนแต่ประการใด

เขาเรียกว่า ความตำหนักในเรื่องการศึกษาที่เป็นฟัรดูกิฟายะฮ์   พวกเขาให้ความสำคัญกับนักเรียนศาสนา  เพราะพวกเขาถือว่านักเรียนศาสนาทำให้พวกเขาพ้นบาปในเรื่องฟัรดูกิฟายะฮ์   เพียงมีบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งที่มีวิชาความรู้ระดับฟัรดูกิฟายะฮ์  สามารถเป็นผู้นำพวกเขาได้เกี่ยวกับการกิจการของศาสนา 

ผมประทับใจชาวบ้านที่ให้ความสำคัญและเอาใจใส่กับบรรดานักเรียนศาสนาที่เคยแบกรับฟัรดูกิฟายะฮ์เอาไว้  ในปัจจุบันเมืองไทยบ้านเรานั้น  หากหมู่บ้านใดไร้ซึ่งคนมีความวิชารู้แล้ว  แน่นอนว่า  พวกเขาต้องทุกข์ระทมที่ความโง่เขลาไม่รู้เรื่องศาสนาเข้ามาครอบงำและกำลังแผ่ขยาย   สภาวะขาดผู้รู้ ทำให้การขาดละหมาด การทำซินา  การกินเหล้า  เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมมุสลิมอาจเป็นได้ 

แล้วปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับนักศึกษาเยาว์ชนที่มุ่งเรียนศาสนากันมากน้อยแค่ใหนครับ??
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged