ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัตินักปราชญ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  (อ่าน 28648 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
บิดากล่าวว่า ที่จริงแล้วฉันใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการอ่านอัลกุรอาน ท่องบทซิกิร บทวิริด ทำอิบาดะฮ์ที่เป็นสุนัต ทำการละหมาดสุนัตในยามค่ำคืน ในขณะที่บรรดานักศึกษาคนอื่น ๆ มุ่งเน้นท่องจำมะตันและบทเรียนอื่นซ้ำไปซ้ำมา...และตามนัยดังกล่าวนั้น ทำให้ฉันด้อยกว่าพวกเขาในแง่ของวิชาการ ท่องจำฮุกุ่มและมัสอะละฮ์(ประเด็น)ต่าง ๆ ของฟิกฮ์...บิดากล่าวว่า ฉันเชื่อมั่นว่าฉันจะทำอย่างนั้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งอย่างจริงจัง แล้วฉันก็เฝ้าคอยวันที่บรรดาอาจารย์จะทดสอบบรรดานักศึกษาทั้งหลาย..ในวันหนึ่ง มีชัยค์(อาจารย์)คนหนึ่งได้มาหาพวกเรา เพื่อทำการถามและทดสอบทีละคน ๆ เมื่อถึงฉัน อาจารย์จึงตั้งคำถามต่าง ๆ ที่ยาก ๆ ตามที่อาจารย์ต้องการ แต่แล้วอัลเลาะฮ์ก็ทรงดลใจให้ฉันตอบได้อย่างถูกต้อง อาจารย์จึงมองมายังฉันแล้วกล่าวว่า "ที่จริงแล้วท่านไม่ใช่เป็นคนมีความรู้มากนัก แต่อัลเลาะฮ์ทรงกล่าวแก่ท่านว่า ท่านจงเป็นคนที่มีความรู้ แล้วท่านก็รู้!.. บิดาของฉันเล่าเรื่องราวในการศึกษาความรู้เช่นนี้ให้ฟังเสมอ เพื่อให้ฉันตระหนักต่อคำตรัสของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ที่ว่า

وَاتَّقُواْ اللّهَ وَيُعَلِّمُكُمُ اللّهُ

"และพวกเจ้าจงยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์เถิด และอัลเลาะฮ์ก็จักทรงสอนพวกเจ้า" อัลบะกอเราะฮ์ 282

ชอบมากเลย

ออฟไลน์ คนจำเป็น

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิดาของฉันเห็นว่า  ดังกล่าวเป็นโอกาสที่สามารถจะทำงานได้อย่างเพลิดเพลินได้สำหรับวัยเด็ก  แต่ทว่ามารดาเป็นผู้ที่เคร่งครัดและมีความยำเกรงเป็นอย่างมาก  นางจึงส่งเสริมยืนหยัดให้บิดาของฉันทำการเล่าเรียนและแสวงหาความรู้  และนางสามารถทำให้ผู้เป็นสามีคล้อยตามและเห็นด้วยในสิ่งดังกล่าวโดยดี

เรามาดูบทเรียนชีวประวัติของท่านท่านชัยค์มุลลา ร่อมะฏอน อัลบูฏีย์ นั้น  ท่านผู้เป็นมารดาจะมีบทบาทและเป็นแรงผลักดันในการศึกษาของท่าน  นางไม่ยอมให้บุตรตนทำงาน  เพราะอยากให้ร่ำเรียน  โดยคำนึงถึงอนาคตของลูก  จนกระทั่งท่านเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมและยำเกรง  บอกตรง ๆ ว่า มารดาเป็นผู้ที่มีบทบาทอันยิ่งใหญ่สำหรับลูกๆ ครับ  อิมามชาฟิอีย์กำพร้าบิดามาตั้งแต่เด็ก  แต่ผู้เป็นมารดาสนับสนุนส่งเสริมให้กำลังใจบุตรของตน(คืออิมามชาฟิอีย์) ทำการร่ำเรียนจนเป็นนักปราชญ์ของโลก  อิมามมาลิกได้รับแรงผลักดันจากกมารดาให้ไปร่ำเรียนหนังสือ  มารดาของท่านจะแต่งตัวให้อิมามมาลิกอย่างเรียบร้อยโพกสะบันให้ตั้งแต่ในวัยเด็ก  แล้วนางก็กล่าวกับท่านอิมามมาลิกว่า "ลูกจากไปเถิด  ไปร่ำเรียนกับท่าน ร่อบีอะฮ์ อัรเราะอ์"  กำลังใจของมารดาผลักดันให้อิมามมาชิกเป็นนักปราชญ์ของโลกอิสลามอีกเช่นเดียวกัน , ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนุหะญัร  อัสก่อลานีย์  นักปราชญ์หะดิษผู้อัจฉริยะแห่งยุค  กำพร้ามารดาตั้งแต่เยาว์วัย  มารดาของท่านจึงเป็นผู้เลี้ยงดู  คอยอบรมสั่งสอน  และสนับสนุนให้ทำการเล่าเรียนศึกษา  จนกระทั่งได้เป็น  อะมีรุลมุอ์มุนีนฟิลหะดิษ (หัวหน้าแห่งปวงปราชญ์หะดิษ) ที่ไม่มีผู้ใดให้การปฏิเสธในความอัจฉริยะของท่านเลย ,   ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์  ก็กำพร้าบิดาตั้งแต่เยาว์วัยเช่นกัน  แต่ผู้เป็นมารดาได้ให้แรงสนับสนุนกำลังใจให้ท่านทำการร่ำเรียน  จนกลายเป็นนักปราชญ์แห่งยุค และเป็นนักปราชญ์หะดิษท่านหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า "อะมีรุลมุอ์มินีนฟิลหะดิษ" (หัวหน้าแห่งปวงปราชญ์นักหะดิษ) เช่นเดียวกัน   

ครับ  แรงผลักดันที่สำคัญ สู่การเป็นผู้มีบทบาทยิ่งใหญ่ นั้น คือ จากครอบครัว
เราจะได้เห็นและทราบจากประวัติ ของนักปราชญ์ ต่างๆ ว่า แท้จริงกำลังใจและแรงขับเคลื่อนสู่
การเป็นศึกษา ร่ำเรียน นั้น หาก พ่อแม่ นิ่งเฉย แม้ตัวเด็ก จะมีอัจฉะริยะ มากไหวพริบ แค่ไหน
หาก ไม่ได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง จากครอบครัว ก็จะไม่เกิดปรากฎชื่อ บรราดา นักปราชญ์ มากมาย ให้เรา ได้ชื่นชม
และ เก็บสอย ความรู้ จากท่านเหล่านั้น เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ในหนทางแห่งอิสลาม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การเดินทางไปทำฮัจญ์

ฉันเกิดได้ไม่ถึงปี  บิดาเฝ้าคำนึงถึงเรื่องไปทำฮัจญ์และเยี่ยม(กุบูร)ของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นบิดาจึงตระเตรียมเสบียงตั้งแต่เนิ่น ๆ และเดินทางไปฮัจญ์จากคาบสมุทรบูฏอน  ซึ่งไปกลับโดยใช้ระยะเวลาไม่เกิน 5 เดือน  ไม่ว่าผู้ทำฮัจญ์จะเดินทางโดยเรือหรือขี่อูญก็ตาม

ความปรารถนาของบิดาได้บรรลุผลในการได้ไปบำเพ็ญฮัจญ์ในปีดังกล่าว   ทั้งที่มารดาของฉันหวังและขอร้องให้บิดาอยู่เคียงข้างนางในช่วงเวลาดังกล่าวนี้  และไม่ต้องการให้บิดาปล่อยนางเผชิญกับลิขิตของอัลเลาะฮ์ที่มีต่อชะตากรรมของลูกน้อยคนเดียวที่เพิ่งคลอดมาได้ไม่นาน

ปรากฏว่าการเดินทางมีความยากลำบากเป็นอย่างมาก  และส่วนหนึ่งจากความยากลำบากที่บิดาทนทุกข์อยู่ก็คือ   เจ้าของอูฐที่ทำการตกลงกับบิดาว่าจะให้โดยสารเดินทางไปจนถึงมักกะฮ์และให้เงินตามอัตราที่ได้ตกลงมาก่อนหน้านี้แล้ว  แต่เขากลับพาอูฐหนีไปก่อนที่จะถึงมักกะฮ์  ซึ่งระยะกว่าจะถึงก็อีกยาวไกล  ดังนั้นการเดินทางของบิดาในระยะทางดังกล่าวจึงเป็นไปโดยเดินทางเท้า!... แต่ในขณะที่บิดาเล่าเรื่องราวนี้ให้เราฟัง  ท่านได้แสดงถึงความพึงพอใจและมีความสุขด้วยกับสิ่งที่ท่านได้ทำสำเร็จ  เนื่องจากท่านเคยมีความหวังว่าจะทำการเข้ามักกะฮ์ไปยังบัยตุลลอฮ์โดยเดินทางด้วยเท้า  ดังนั้น  บิดาจึงกล่าวว่า  แท้จริงอัลอลาะฮ์ทรงให้เกียรติฉัน ด้วยกับสิ่งที่ฉันเคยใฝ่ฝันไว้โดยฉันไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้วางแผนมาก่อนเลย

ช่วงที่บิดาไปบำเพ็ญฮัจญ์หรือหลังจากทำฮัจญ์เสร็จแล้ว - ซึ่งฉันจำไม่ได้ - บิดาได้ฝันว่าลูกน้อยของท่านที่อายุยังไม่ถึงขวบปีได้เสียชีวิตแล้ว!... และเมื่อท่านตื่นขึ้นมา  ปรากฏว่าความฝันนั้นมีอิทธิพลแก่ท่านเป็นอย่างมาก  โดยจินตนาการไปว่ามันคือความฝันที่เป็นความจริง  เพราะปกติแล้วความตายจะมาพรากเด็กอายุเท่านี้เหมือนกับที่ได้พรากพี่สาวของเด็กคนนี้มาแล้ว  ดังกล่าวจึงทำให้ท่านมีความโศรกเศร้า  ดังนั้น  ท่านจึงมีครุ่นคิดจะกลับบ้านเกิดที่ท่านจากมาอีกทั้งยังทิ้งภรรยาและครอบครัวเอาไว้  โดยท่านกำลังอาศัยอยู่ที่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์  และสิ่งที่ฉันเข้าใจจากบิดาก็คือ  ความคิดของบิดานั้นเกือบจะตัดสินใจเด็ดขาดอย่างแน่นอนแล้วว่าจะต้องเดินทางกลับ  แต่ทว่าอัลเลาะฮ์ทรงกอบกู้ให้ท่านได้พ้นจากความเคลือบแคลงของความฝันและท่านได้ล้มเลิกความคิดที่มาครอบงำอยู่ในเวลานั้น  ดังนั้น  ท่านจึงบำเพ็ญฮัจญ์เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์และทำการเยี่ยม(กุบูร)ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้น  ท่านจึงมุ่งหน้ากลับบ้านเกิด 

ในระหว่างเดินทางกลับนั้น  ปรากฏว่าสัมภาระต่าง ๆ ทั้งหมดที่จะนำมาเป็นของฝากให้แก่เครือญาติและเพื่อนมิตรสหายได้สูญหายไปโดยโดยถูกโยนลงในเรือลำอื่นที่จะเดินทางสู่อินเดีย  และเมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านญีลีกา  ท่านก็เห็นว่าลูกน้อยของท่านปลอดภัยดี  และทุกอย่างยังคงปกติตามที่ได้หวังไว้  แต่ท่านกลับมาโดยไม่มีอะไรติดมือมาฝากครอบครัวและเครือญาติเลยหลังจากหายไปห้าเดือน...   
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การป่วยที่ต้องทำให้ประพันธ์คำสั่งเสีย

เกือบยังไม่หายเหนื่อยจากการเดินทางที่แสนลำบากก็ต้องมาป่วยหนักที่ทำให้บิดาต้องนอนอยู่บนเสื่อเป็นระยะเวลานาน  ความพะวงที่วนเวียนอยู่ในขณะที่ป่วยนั้น  คือกลัวว่าความตายจะมาคร่าชีวิตเขาไป  โดยทิ้งลูกน้อยคนนี้ไว้เบื้องหลังให้เจริญเติบโตในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความไม่รู้  ห่างไหลจากหลักการของศาสนาและจริยะธรรม  โดยไร้คนอบรมสั่งสอนเขา

ในขณะที่อาการป่วยทุเลาลงและหายเป็นปกติ  ปณิธานอันยิ่งใหญ่ของบิดาอันดับแรกก็คือ  ทำการเขียนสิ่งที่บิดาต้องการจะชี้นำแก่ลูกน้อยไม่ว่าจะเป็นคำตักเตือนและคำสั่งเสียที่ตัวของลูกเองจะสามารถนำไปปฏิบัติเมื่อสองดวงตาได้เปิดและพร้อมที่จะเผชิญต่อการดำเนินชีวิตในโลกดุนยา  และการเขียนสิ่งดังกล่าวก็เพราะกลัวว่าการป่วยจะหวนกลับมาอีกและอาจจะไม่สามารถหนีจากความตายไปได้ในครั้งนี้...ท่านบิดาเห็นว่าหากท่านได้เขียนหลักการจริยธรรมต่าง ๆ ที่ท่านใฝ่ฝันว่าจะนำมาใช้เลี้ยงดูบุตรน้อยให้เจริญเติบโตนั้น  ต่อไปสิ่งดังกล่าวก็จะเป็นหลักการที่ลูกน้อยสามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานได้

ดังนั้นบิดาจึงกระทำการเขียนคำตักเตือนและคำสั่งเสียต่าง ๆ โดยมุ่งเขียนสนทนาถึงลูกน้อยที่ยังไม่รู้เดียงสาเลยในขณะนั้น...โดยหวังว่าลูกน้อยจะได้เห็นมันภายภาคหน้าซึ่งหากแม้นว่าเขาจะไม่ได้เห็นพ่อในตอนเติบใหญ่ก็ตามแล้วเขาก็จะได้นำมันมาอ่านโดยยึดมาเป็นบรรทัดฐานและนำมาปฏิบัติกับตัวเขาเอง...อัลฮัมดุลิลลาฮ์  ที่บิดาได้กระทำภาระกิจอันนี้โดยสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ท่านได้บันทึกสิ่งที่ปรารถนาจะกล่าวให้กับลูกน้อยไว้ในหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยมือของท่านเอง  หลังจากนั้นอัลเลาะฮ์ทรงโปรดปรานโดยให้หนังสือสั่งเสียเล่มเล็กนั้นคงอยู่ที่ลูกของท่านจนกระทั่งเติบใหญ่
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บทสรุปคำสั่งเสีย

บทสรุปการสั่งเสียของบิดาที่เขียนยามวัยหนุ่มให้แก่บุตรชายคนเดียวของท่าน

โอ้  ลูกเอ๋ย  ฉันขอสั่งเสียเจ้าให้พิจารณาในตัวของเจ้าเอง  ว่าแท้จริงเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ถูกทำให้บังเกิดขึ้น  เจ้าถูกสร้างมาจากน้ำอสุจิที่ต่ำต้อย  ด้วยสื่อกลางของบิดามารดา  เสมือนที่ทั้งสองได้ถูกสร้างมาเฉกเช่นนั้น  จนถึงบิดาของเรา  คืออาดัม  ซึ่งพระองค์ทรงสร้างเขาจากดินด้วยอานุภาพของพระองค์  เหมือนที่ได้ประทานลงมาในคำภีร์ของพระองค์ที่ชัดแจ้งยิ่ง  พระองค์ทรงตรัสความว่า "แท้จริงข้อเปรียบเทียบของอีซา ณ อัลเลาะฮ์นั้น  ก็เปรียบได้ดังอาดัม  พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน" (อาลิอิมรอน : 59) และพระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า "แท้จริงข้าจะบันดาลมนุษย์ผู้หนึ่งมาจากดิน" (ซ๊อด : 71) ดังนั้นเมื่อเจ้ารู้แล้วว่า  เจ้านั้นคือสิ่งที่ถูกทำให้บังเกิดขึ้นมา  เจ้าก็จะทราบว่าสิ่งอื่นจากเจ้าไม่ว่าจะมาจากบรรดาชั้นฟ้า , แผ่นดิน  และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง  ก็คือสิ่งที่ถูกทำให้บังเกิดขึ้นมาใหม่เช่นกัน  เพราะสิ่งดังกล่าวไม่มีความแตกต่างระหว่างเจ้ากับมันเลย  นอกจากพระองค์ผู้ทรงเกรียงไกร  ทรงปรีชาญาณ  อีกทั้งทรงเดชานุภาพยิ่ง  ดังนั้นพระองค์คือพระเจ้าผู้สร้างไม่ใช่ผู้ที่ถูกสร้าง  เป็นผู้ให้บังเกิดไม่ใช่เป็นผู้ถูกทำให้บังเกิด  พระองค์ไม่มีผู้ใดเป็นบุคคลและสุดท้ายที่อยู่พร้อมพระองค์  ไม่มีสิ่งใดที่เป็นคุณลักษณะที่บังเกิดใหม่สำหรับพระองค์  ดังนั้นหากมีสิ่งใดจากสิ่งดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับพระองค์แล้ว  แน่แท้ว่าพระองค์ไม่เหมาะสมสำหรับการเป็นพระเจ้า  ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ซ่อนเร้นใด ๆ สำหรับผู้มีสติปัญญา

เมื่อเจ้ารู้ถึงการบังเกิดใหม่ของเจ้าและบรรดาสิ่งอื่นในโลกทั้งหลาย  เจ้าก็จะรู้ว่าโลกย่อมมีผู้สร้าง  ผู้ให้บังเกิดที่พระองค์ทำให้มันมีขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีที่ไร้มวลสาร  พระองค์คืออัลเลาะฮ์ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ  ผู้ทรงทำให้มีชีวิต  ผู้ทรงทำให้ตาย  ผู้ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์  ไม่มีภาคีใด ๆ ให้กับพระองค์เลย  ไม่ว่าจะเกี่ยวกับซาตของพระองค์  - หมายถึงพระองค์ไม่ทรงมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง -  และไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับคุณลักษณะ(ซีฟาต)ต่าง ๆ ของพระองค์  โดยไม่มีสิ่งใดมาเสมอเหมือน

ในบัดนั้น  เจ้าก็จะรู้ว่าพระเจ้าของเจ้าคืออัลเลาะฮ์ผู้ทรงเอกกะ  ทรงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น  ทรงเป็นผู้นิรันดร์  ไม่มีมาเทียบเคียงกับพระองค์  ไม่มีผู้ใดที่เป็นสิ่งแรกและสุดท้ายคู่กับพระองค์  อีกทั้งพระองค์ทรงปราศจากจำนวน  วิธีการ  ไม่รู้อยู่ใหน  และมีเมื่อไหร่  ผู้ทรงสร้างและบริหารสรรพสิ่งทั้งหมดเหมือนกับที่พระองค์ทรงสร้างเจ้ามา  และจำเป็นที่พระองค์ทรงสร้างสำหรับสิ่งดังกล่าวมานั้นจากวิทยปัญญา  ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากการที่พระองค์ทรงกระทำอย่างไร้สาระ  เสมือนที่พระองค์ทรงตรัสความว่า "แล้วพวกเจ้าคิดหรือว่า  เราบันดาลพวกเจ้ามาอย่างไรสาระ? และ (พวกเจ้าคิดหรือว่า) แท้จริงพวกจ้านั้น  จะไม่ถูกส่งคืนมายังเรา?" (อัลมุมินูน : 115) และทรงตรัสเช่นกันว่า "และเรามิได้บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินรวมทั้งสรรพสิ่งระหว่างมันทั้งสองโดยการเล่น(อย่างไร้สาระ)" (อัลอัมบิยาอฺ : 16)

และวิทยปัญหาดังกล่าวคือจำเป็นต้องมีการทดสอบสำหรับผู้ที่เสมือนกับเจ้าจากบรรดาผู้ที่ถูกตกหนักในเรื่องของศาสนา  เพราะองค์ทรงตรัสความว่า "พระผู้ทรงบันดาลความตาย  และการมีชีวิต (ของพวกเจ้า) เพื่อทดสอบพวกเจ้าว่า  ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าบ้างที่มีผลงานอันดีงาม"
ดังนั้นผู้ใดที่ศรัทธาในพระองค์และปฏิบัติสิ่งดีงาม  พระองค์ก็จะทำให้เขาได้เข้าสวรรค์ด้วยความโปรดปรานของพระองค์  ซึ่งเป็นสวรรค์ที่มีบรรดาแม่น้ำทางด้านล่างไหลผ่านเสมือนที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ในคำภีร์อันชัดแจ้ง  และผู้ทรงเผื่อแผ่นั้นเมื่อทรงสัญญา  พระองค์ก็จะทรงกระตามสัญญา  ยิ่งกว่าพระองค์ก็ยังจะเพิ่มให้อีก  และผู้ใดปฏิเสธพระองค์ - ขออัลเลาะฮ์ทรงคุ้มครองเราและบรรดาพี่น้องของเรา - แน่นอน  พระองค์ก็จะทรงทำให้เขาเข้าไปอยู่ในนรกตลอดกาล

เมื่อเจ้าพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับตัวของเจ้าและสิ่งอื่นจากบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ  เจ้าก็จะทราบว่าทุกสิ่งที่อื่นจากอัลเลาะฮ์คือบรรดาเครื่องหมายที่ยืนยันถึงการมี(อัลเลาะฮ์ซึ่งเป็น)ผู้ที่จำเป็นต้องมี  และแท้จริงโลกดุนยานี้มิใช่สิ่งที่เป็นเอกเทศให้กับตัวมันเอง  แต่ทว่ามันคือสื่อกลาง  และจุดมุ่งหมายของคำว่า ตัวของมันเองนั้น  คืออัลอาคิเราะฮ์  และเจ้าก็จะรู้ว่าอาคิเราะฮ์นั้นคือความผาสุกอันนิรันดร์สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธาและเป็นความทุกข์ระทมตลอดกาลสำหรับผู้ปฏิเสธ  ซึ่งมันเป็นผลมาจากโลกดุนยาโดยพิจารณาถึงปัจจัยภายนอก   ดังนั้นเจ้าจงเอาจริงเอาจังสำหรับการสร้างความพึงพอพระทัยและปฏิบัติตามคำสั่งของพระผู้อภิบาลของเจ้า  และเจ้าอย่าปฏิบัติการอันใดสำหรับดุนยานอกจากเสียว่าทำให้มันเป็นสื่อที่อยู่บนครรลองของหลักศาสนา

โอ้ลูกเอ๋ย  เมื่อเจ้าได้เข้าใจสิ่งที่เราได้กล่าวมาแล้ว  เจ้าก็จงสะดับฟังคำพูดต่อไปนี้โดยเจ้าเป็นผู้ประจักพยานและจงใคร่ครวญอย่างแท้จริงเถิดโอ้ผู้ที่ผาสุดเอ๋ย  และเจ้าจงปฏิบัติมันเถิดเพราะว่ามันคือมูลเหตุสำหรับการมีชีวิตที่นิรันดร์และเป็นคำสั่งที่ดีงาม  และนี้ก็คือสิ่งที่ฉันจะกล่าวแก่เจ้า :

โปรดติดตามต่อไป....
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะไลกุ้ม....ล่าสุดนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นห่วงของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูกน้อยตั้งแต่เยาว์วัย.....เพราะผู้เป็นบิดาไม่รู้ว่าความตายจะมาเยือนเมื่อใด....เนื่องจากผู้เป็นบิดาได้ป่วยหนักมาแล้วเหมือนกับว่าอัลเลาะฮ์กำลังเรียกเขาให้กลับไปสู่พระองค์ยังไงอย่างงั้น.....ความที่บิดาเกรงว่าจะป่วยอีกครั้งซึ่งอาจจะเป็นไม่รอดชีวิตอีกก็เป็นได้....บิดาจึงทำการเขียนคำสั่งเสียให้บุตรน้อยของตน....เท่าที่ได้อ่านคำสั่งเสียที่นำเสนอมาบางส่วนนั้นชี้ให้เห็นว่าบิดามีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะให้บุตรน้อยของตนเติบโตอย่างผู้มีวิชาความรู้....มีอีหม่านต่ออัลเลาะฮ์อย่างแท้จริง....อันเนื่องจากในสังคมหมู่บ้านเวลานั้นเต็มไปด้วยความโง่เขลาไม่อยู่ในครรลองคลองธรรม.....แบบอย่างของผู้เป็นบิดาเช่นนี้เราสมควรนำมาเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ ของเรา...จะมีใครบ้างที่คิดทำอย่างนี้บ้าง...บางคนหรือส่วนมากทำงานหาเงินสะสมเพื่อซื้อบ้านและที่ดินเพื่อให้เป็นมรดกแก่ลูกๆ ได้อยู่สบายหลังจากไป....แต่มีใครบ้างไหมครับเคยเขียนคำสั่งเสียโดยตักเตือนสั่งสอนบทของตนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเป็นข้อเตือนใจและเป็นบรรทัดฐานในการยึดมาปฏิบัติ....??  นี่แหละครับที่เขาว่าประวัติของนักปราชญ์มันมีประโยชน์และเป็นแบบอย่างสำหรับชนรุ่นหลังจริง....

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
โดยหวังว่าลูกน้อยจะได้เห็นมันภายภาคหน้าซึ่งหากแม้นว่าเขาจะไม่ได้เห็นพ่อในตอนเติบใหญ่ก็ตามแล้วเขาก็จะได้นำมันมาอ่านโดยยึดมาเป็นบรรทัดฐานและนำมาปฏิบัติกับตัวเขาเอง

โอ้  ลูกเอ๋ย  ฉันขอสั่งเสียเจ้าให้พิจารณาในตัวของเจ้าเอง  ว่าแท้จริงเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ถูกทำให้บังเกิดขึ้น  เจ้าถูกสร้างมาจากน้ำอสุจิที่ต่ำต้อย 

มันเป็นการเผยความห่วงใยและความรักอันบริสุทธิ์ที่พ่อมีให้แก่ลูก  :'(

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
  :-[ :-[ :-[

อ่านบทความข้างต้นแล้ว

รู้สึกเหมือนน้ำตาตกใน

หลายครั้งที่ทำให้พ่อเป็นห่วง

เป็นกังวลกับความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากเกินไป

แต่สุดท้ายท่านก็ยอมรับในสิ่งที่เราทำทุกครั้ง

บางทีความรักที่มีให้กับพ่อมันถูกเก็บไว้ข้างในมากกว่าการแสดงออกมา

ญะซากัลลอฮูคอยร็อนสำหรับบทความดี ๆ ข้างต้น

 ::) ::) ::)

หากผิดพลาดประการใดจงอภัยให้ด้วยนะพี่น้อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 10, 2007, 04:16 AM โดย al-azhary »
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

นำเสนอต่อครับ....กำลังคอยติดตาม...วัสลาม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การมุ่งมั่นทำอิบาดะฮ์

ฉันได้ทราบจากสิ่งที่มารดาได้เล่าให้ฟังนานแล้วว่า  การเดินทางกลับมาจากทำฮัจญ์ของบิดา  ทำให้จิตใจเกิดความเกรงขามและให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิทธิของอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัลล่า  ทำให้เพิ่มความมุ่งมั่นในการทำอิบาดะอ์ต่ออัลเลาะฮ์  มุ่งเน้นการซิกรุลลอฮ์และอ่านอัลกุรอาน  นอกเหนือจากนั้น  ยังคงพากเพียรในการสอนหนังสือและดูแลนักศึกษา

มารดาเล่าให้ฉันฟังว่า  บางช่วงที่บิดาได้ปลีกตนเองเพื่อทำอิบาดะฮ์เป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น  ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าทึ่งระหว่างเขากับอัลเลาะฮ์   มารดาเล่าให้ฉันฟังถึงความหวาดกังวลที่ได้เกิดขึ้นในวันหนึ่ง  คือขณะที่บิดาได้ออกจากบ้านโดยไม่ยอมพูดจากับใครและไม่สนใจสิ่งใดเลย  ซึ่งเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นกับบิดานั้น  มารดาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย  ดังนั้นมารดาจึงเหลียวตามมองเพื่อจะดูว่าบิดาจะไปใหนกัน  ทันใดนั้น  ปรากฏว่าบิดาได้เร่งรีบไปยังป่าละเมาะ ณ ภูเขาหนึ่ง  ฉะนั้นมารดาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากไปตามบรรดานักเรียนที่อยู่ในมัสยิด  เพื่อให้พวกเขารีบตามไปดูอาจารย์ของพวกเขา  ซึ่งกำลังมีสภาวะที่คล้ายกับคนเสียสติ !

ฉันจึงถามบิดาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องราวดังกล่าว   บิดาของฉันยิ้ม  พลางกล่าวว่า  ใช่แล้ว  มารดาของเจ้าน่ะพยายามบอกผู้คนว่าฉันเป็นบ้าไปแล้ว ! บิดาเล่าว่า  เรื่องราวนั้นไม่มีอะไรหรอก  นอกจากว่า  มันเป็นสถาวะหนึ่งของจิตใจที่มีความรู้สึกด้วยกับซีฟัตอัลเลาะฮ์ตาอาลาบางอย่างที่กำลังมีอยู่ล้นหัวใจฉันอย่างอิ่มเอิบและเบิกบานใจ  ซึ่งในเวลานั้นฉันกลัวว่าความรู้สึกดังกล่าวจะหายไปจากฉันด้วยเรื่องราวของดุนยาและเรื่องของครอบครัว  ฉันจึงออกไปเพื่อให้ห่างไกลจากสิ่งที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้น  เพื่อให้ฉันยังคงอยู่ในสภาวะความรู้สึกดังกล่าวให้เป็นเวลานานที่สุดเท่าที่จะทำได้  ดังนั้น  ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  จึงทำให้ถูกกล่าวหาว่าฉันเสียสติไปแล้ว

ตอนนี้ฉันไม่สามามารถจำได้ถึงภาพฝาผนังร้างสี่ด้านที่ไม่มีหลังคาของที่อยู่อาศัยโทรม ๆ แห่งหนึ่ง  ซึ่งตอนนี้คงเหลือแค่ซากประรักหักพัง  ตรงกลางเป็นพื้นโล่งที่ไม่มีสิ่งก่อสร้างล้อมรอบใด ๆ  บางเวลาบิดาได้นำฉันติดตามไปที่นั่นด้วย  บิดาจึงปล่อยให้ฉันวิ่งเล่นรอบ ๆ ในขณะที่เขาขมักขเม้นกับการอ่านอัลกุรอานโดยนั่งบนเสื่อผืนเล็ก ๆ บนพื้นเรียบภายในฝาผนังบ้านร้างนั้น  และฉันก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่บิดาปลีกตนทำอิบาดะฮ์ที่นั่น  เพราะฉันทราบภายหลังว่า ช่วงนั้นฉันอายุเพียงแค่ระหว่าง 2 ถึง 3 ขวบ  แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุ้นคิด  คือนาฬิกาเรือนหนึ่ง  ตอนที่บิดาจะกลับท่านก็ได้มองดูเวลา  ปรากฏว่าบางครั้งเวลาไม่ค่อยตรง  ครั้งหนึ่งฉันจึงเห็นบิดาหมุนลานนาฬิกาเพื่อให้เดินได้ใหม่อีกครั้ง  ฉันจึงถามในสิ่งที่บิดากำลังทำอยู่  บิดากล่าวว่า  "แท้จริงนาฬิกามันหิว"  เขาจึงต้องทำการให้อาหารเย็นกับนาฬิกาในรูปแบบนี้  ดังนั้น  คำตอบดังกล่าวได้อยู่ในสมองของฉันจนถึงทุกวันนี้  โดยที่ขณะนั้นฉันไม่ทราบถึงความหมายของคำพูดนั้นเลย!

ตอนนี้ฉันจึงตั้งคำถามขึ้นว่า : อะไรคือจุดผันเปลี่ยนในการดำเนินชีวิตของบิดา (ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อท่าน)  ต่อการดื่มด่ำความรู้สึกอันบริสุทธิ์และสูงส่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหน้านี้ ? คือตั้งแต่ในตอนที่บิดาได้ร่ำเรียนและเป็นนักศึกษาที่มีความโดดเด่นเหนือคนอื่น ๆ  ด้วยการเน้นทำอิบาดะฮ์  โน้มเองไปยังการศึกษาเกี่ยวกับตะเซาวุฟ  และเอาจริงเอาจังกับการท่องจำอัลกุรอาน - ตามที่ฉันได้กล่าวมาแล้วข้างต้น -  แต่ทว่าสถาวะทางจิตใจที่แปลก ๆ  ที่เกิดขึ้นจากการตั้งจิตมั่นอยู่กับอัลเลาะฮ์นั้น   ได้เกิดขึ้นกับบิดาในบางเวลา  ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของบิดาเลย  นอกจาก ช่วงหลังของการกลับมาจากทำฮัจญ์  ซึ่งฉันคิดอย่างนั้น
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ดังนั้น  การทำฮัจญ์ของบิดา ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนนี้หรือเปล่า?

บางครั้งคำตอบที่ละเอียดละออจากคำถามนี้  เอามาจากเรื่องราวที่บิดาเล่าให้ฉันฟังแล้วครั้งแล้ว  ท่านกล่าวว่า : ฉันได้ทำการสอนนักเรียนในวันหนึ่ง  ทันใดนั้นได้เกิดสภาวะจิตใจหนึ่งเกิดขึ้นมากับฉัน  ซึ่งเป็นสถาวะจิตใจครั้งแรกที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันที่เป็นแบบนี้  มันทำให้ฉันหมดความสามารถที่จะทำการสอนต่อไปได้  ยิ่งกว่านั้น  ยังรวมถึงการพูดจาของฉันด้วยที่ไม่สามารถจะเอ่ยพูดออกมาได้เลย  แต่หลังจากนั้นเล็กน้อย  ฉันรู้สึกว่ามีน้ำเย็น ๆ รดลงมาในหัวใจของฉัน  และตั้งแต่วันนั้น  ฉันได้ประสบกับความโชติช่วงแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่ได้เกิดขึ้นในห้วงความรู้สึกของฉันและมีผลกระทบต่อหัวใจของฉันในบางเวลา  ซึ่งบางทีสิ่งดังกล่าวนั้นทำให้ฉันมีความเจ็บปวดและเจ็บป่วยตามมาซึ่งทำให้ฉันต้องนอนบนเตียงหลายวัน

ฉันขอกล่าวว่า :  ความเจ็บป่วยปริศนานี้  ได้เกิดขึ้นกับบิดาในบางเวลา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีอาการวิตกกังวลอันเนื่องจากมีความกลัวเป็นอย่างมากหรือจากความนอบน้อมยอมจำนนท์ที่เข้ามามีครอบงำในจิตใจของท่าน   ฉันนึกขึ้นได้ว่า บิดาได้ไปหาแพทย์บางท่านหลายครั้ง  หลังจากที่ท่านได้อาศัยอยู่ที่ดิมัชก์  แพทย์ท่านนั้นบอกบิดาว่า  โรคของท่านนั้นไม่สามารถเยียวยาได้เพราะไม่สามารถทราบชื่อของโรคได้อย่างชัดเจน  นอกจากต้องงดเว้นรับประทานอาหารหลายอย่าง  และเขาย้ำว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป  บิดาคงต้องเสียชีวิตในที่สุด

แต่ความจริง  บิดาของฉันได้หายจากโรคที่เกิดขึ้นในบางช่วงเวลานี้ก่อนเสียชีวิตถึง 30 ปี  โดยที่สภาวะความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้หายเลย  ซึ่งเหมือนกับว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยนี้  ดังนั้น  โรคปริศนาดังกล่าวยังคงมีอยู่ในตัวของบิดาเป็นระยะเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ  ต่อมาความเจ็บป่วยก็หายไปโดยไม่รู้สาเหตุเช่นกัน           
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
 :jazakallah
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ปราชญ์เหล่านี้แหละ สมควรที่จะเลียนแบบ

 ;D

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุ อลัยกุม

            บังครับ ไม่ทราบว่ามีประวัติของท่านอิม่ามอัลหะเราะมัยนฺ บ้างไม๊ครับ อยากทราบประวัติและกะรอมะฮฺที่เลื่องลือเป็นอย่างมากของท่าน ที่ว่า ท่านสามารถอ่านคุฏบะฮฺ และนำละหมาดวันศุกร์ โดยประชาชนที่อยู่ทั้งที่มักกะฮฺ และมะดีนะฮฺเห็นท่านในเวลาเดียวกัน ช่วยเอามานำเสนอหน่อยนะครับ เพราะประวัติท่าน สำหรับผมแล้ว คงจะหายากน่าดู และที่เจอก็มักเป็นภาษาอังกฤษ กับมาเลย์ และอาหรับ แบบสั้นๆ 2-3 บรรทัดเท่านั้นเอง

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

อยากจะรู้  หลักการปฏิบัติอิบาดะฮ์ของท่านอุลามาอ์เหล่านั้น  ซึ่งถือว่าเป็นกะรอมัตที่แท้จริง  oh:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

 

GoogleTagged