เห็นด้วยว่าคณะใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน แต่คณะเก่าลดลงเรื่อยๆ
ไม่ใช่เห็นด้วยว่าเพิ่มขึ้นทุกๆ วันจากศูนย์
...ใครบอกว่าลดลงเรื่อยๆ ในเมื่อประชากรของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ก็เพิ่มขึ้นทุกวัน บางครั้งในประเทศนี้วะฮาบีเพิ่ม แต่อีกประเทศหนึ่งวะฮาบีลด ที่มหาลัยมะดีนะฮ์มีนักเรียนแค่เป็น 1000 คน แต่อัลอัซฮัรในนามอัลอะชาอิเราะฮ์มีนักศึกษา 500000 (ห้าแสนคน) ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน โดยการเพิ่มแต่ของละกลุ่มนั้นวะฮาบียังถือว่าเป็นชนกลุ่มน้อยอัตตราเพิ่มต่ำ
....คำว่ามาจากศูนย์นั้น หมายถึงเป็นชนกลุ่มน้อย การเพิ่มขึ้นจึงสังเกตุได้ง่าย แต่คนส่วนมากนั้นการสังเกตุว่าเพิ่มขึ้นมันสังเกตได้น้อย เหมือนแนวทางวะอาบีย์จุดศูนย์กลางของพวกเขาคือยึดมักกะฮ์มาดีนะฮ์ได้หลังจากที่คอยต่อต้านระบบคอลีฟะฮ์อิสลามอุษมานียะฮ์โดยอังกฤษรู้เห็นเป็นใจ ยุคนั้นวะฮาบีในมักกะฮ์และมะดีนะฮ์น้อย พอวะฮาบีมีอิทธิพลวะฮาบีในมักกะฮ์และมะดีนะฮ์ก็เพิ่มขึ้น วะฮาบีจึงทำการทุ่มทุนมหาศาลในการเผยแพร่มัซฮับของตนเองตามประเทศ ซึ่งเหมือนกับอิหร่านที่เดิมทีนั้นส่วนมากคือชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ แต่หลังจากชีอะฮ์เข้ามาปกครองชีอะฮ์ก็กลายเป็นส่วนมาก แล้วพวกเขาก็ทุ่มทุนอันมหาศาลในการเผยแพร่แนวทางของพวกเขา สรุปคือทั้งชีอะฮ์และวะฮาบีต่างก็เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นทั้งสองแนวทางนี้ไม่ได้อยู่บนสัจธรรมเสมอไป....
....ปัจจุบันศาสนาคริสต์เขาก็มีอัตราเพิ่มในบางประเทศซึ่งพวกเขาก็ภูมิใจเหมือนกับวะฮาบีและชีอะฮ์ พวกเขาได้เผยแพร่ทุ่มทุนอันมหาศาลเหมือนกับวะฮาบีและชีอะฮ์ หากจะอยากถามว่าเหตุใดชีอะฮ์และวะฮาบีเพิ่มขึ้น เราก็ขอตอบว่า เหตุที่เพิ่มขึ้นมันก็เหมือนกับที่คนเข้าคริสต์เพิ่มขึ้นนั่นเอง....
ส่วนในยุคหนึ่งมั๊วะตะซิละฮ์เพิ่มขึ้นโดยมีกษัตริย์มะมูนหนุนหลัง...มันก็ต่างอะไรกับวะฮาบีที่เพิ่มขึ้นในยุคหนึ่งที่มีกษัตริย์ซาอุหนุนหลังโดยร่วมมือกับโองการวะฮาบีและเป็นที่ทราบดีว่าราชวงศ์ซาอูดที่หนุนหลังวะฮาบีนั้นไม่ใช่อยู่ยืนยงเดี๋ยวไม่นานก็มีวันล่มสลายวะฮาบีก็ต้องล่มตามไปด้วยเหมือนพวกมั๊วะตะซิละฮ์...ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นแหละครับ...ซึ่งมันไม่แปลกอะไรในเมื่อยุคสุดท้ายคนญาแฮจะมากขึ้น จะหลงทางมากขึ้น...