salam
ได้นั่งคิดว่า คือ พูด แบบวัยรุ่นเลยนะคับ จะได้เข้าใจง่าย เดี๋ยวนี้ มีคนคนะเก่าอะ รับ คนะใหม่ เยอะเหลือเกิน แต่ไม่เหนเลยว่าจะมีจากคนะใหม่รับคนะเก่า มันแปลกดี ที่ว่า นับวัน คนะใหม่ ยิ่ง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ผมยกมานี้นะคับ ไม่ได้แบ่งแยกเปนกลุ่มๆ นะคับ แต่มันเปนจากการสังเกตดูของผม ผมจึงเข้ามาเขียน
คุณ M. Rodee รู้จัก
ท่านอาจารย์อิสมาแอล วิสุทธิปราณี ไหมครับ ท่านคือคนที่เคยเป็นคณะเก่า แล้วเข้าเป็นคณะใหม่ หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นคณะเก่าอีก และตอนนี้
ท่านอาจารย์ชาฟิอี นภากร ก็เคยเป็นคณะเก่า แล้วเข้าเป็นคณะเก่าใหม่ หลังจากนั้นก็เริ่มกลับมาเป็นคณะเก่าอีกแล้วเริ่มทำเมาลิดกันแล้ว ซึ่งโต๊ะครูวะฮาบีย์รุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยชอบหน้า ท่านอาจารย์ชาฟิอี นภากร สักเท่าไหร่แล้ว
แต่การเพิ่มปริมาณขึ้นนั้นไม่ได้ชี้แจงสัจธรรม เพราะบางพื้นที่ก็มีคนเข้าเป็นคริสต์เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นสัจธรรม ส่วนวะฮาบีย์ก็มีคนเข้าเป็นวะฮาบีเพิ่มขึ้นบ้างก็ไม่ได้หมายความว่ามันคือสัจธรรม ชีอะฮ์ก็มีคนเข้าเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันคือสัจธรรม ดังนั้นทั้งคริสต์ วะฮาบีย์ และชีอะฮ์ แม้จะเพิ่มขึ้นจากเดิมก็ไม่ได้หมายถึงมันคือสัจธรรม เพราะปัจจัยหลักการเผยแพร่แนวทางเหล่านี้ คือ ดุนยา นั่นก็คือ เงิน
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่มีคนเข้าไปอยู่แนวทางอื่นเพราะอะกีดะฮ์ปัจจุบันตกต่ำ คนญาแฮมีมากขึ้นครับ ดังนั้นหากวะฮาบีเอาอัตราการเพิ่มาอ้างซึ่งสัจธรรม พวกชีอะฮ์ก็มีความชอบธรรมที่จะนำการเพิ่มอัตราคนเข้ามาชีอะฮ์มาอ้างเหมือนกัน พวกคริสต์ก็อ้างได้เหมือนกัน
ท่านอิมามอะลี รอฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
انظروا عمن تأخذون هذا العلم فإنما هو الدين
"พวกท่านต้องพิจารณาผู้ที่พวกท่านได้เอาความรู้นี้(มาจากผู้ใด) เพราะแท้จริงความรู้มันคือศาสนา"
ท่านอิมามมาลิก ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ และท่านอิบนุซีรีน กล่าวว่า
إن هذا العلم دين؛ فانظروا عمن تأخذون دينكم
"แท้จริงความรู้นี้ เป็นเรื่องศาสนา ดังนั้นพวกท่านจงพิจารณาใคร่ครวญจากผู้ที่พวกท่านได้เอาเรื่องศาสนามาจากผู้?"
ดังนั้นในปัจจุบัน ทั้งอุลามาอฺวะฮาบีและไม่ใช่วะฮาบีต่างก็ยอมรับแล้วว่า เรื่องของศาสนาในทุกยุคที่ผ่านมานั้น ประชาชาติได้รับความรู้ถ่ายทอดมาจากอัลอะชาอิเราะฮ์และอัลมะตูรียะฮ์เป็นส่วนใหญ่อย่างแท้จริง