ผู้เขียน หัวข้อ: สะลัฟและค่อลัฟ ระหว่าง ความเหมาะสมและความจำเป็น  (อ่าน 6162 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกู้มฯ

       ไปอ่านกระทู้เก่าๆ ที่ทางเราได้ตอบโต้พวกชีอะฮ์ในเรื่องอะกีดะฮ์

2. คำวิจารณ์หะดีษ ที่ 1
" นรกจะยังไม่เต็มจนกว่า พระองค์อัลลอฮฺจะทรงวางพระบาทของพระองค์" ปรากฎในบุคอรีและมุสลิม(ผมตรวจดุแล้วว่าหะดีษเหล่านี้มีจริงแต่จำเล่มและหน้าไม่ได้)
ชาราฟุดดีนได้วิจารณ์ว่า "ดูเหมือนว่า อบูฮุรอยเราะฮฺ มีความเชื่อว่าจะไม่มีคนบาปเพียงพอที่จะบรรจุนรกให้เต็มที่ในขณะที่อัลลอฮฺ ได้ทรงตรัสไว้ในกุรอานว่า "เป็นสัจธรรมโดยแท้ และข้าจะไม่พูดสิ่งใดนอกจากสัจจะ ข้าจะบรรจุนรกให้เต็มด้วยกับพวกเจ้าและผู้ใดก็ตามที่ตามเจ้าจากมวลหมู่พวกเขาทั้งหมด"  ย่อมเห็นได้ชัดว่าในความคิดของอบูฮุรอยเราะฮฺ นั้นพระบาทของอัลลอฮฺต้องมีขนาดใหญ่ ซึ่งมันขัดกับกุรอานที่ได้ยกไปแล้วข้างต้น เหนืออื่นใด หะดีษนี้ยอมรับไม่ได้ทั้งหมดทั้งด้านสติปัญญา มุสลิมจะเชื่อหรือว่าอัลลอฮฺมีเท้า จะมีใครรับรองว่าอัลลอฮฺจะวางเท้าในนรก แล้วใครจะเชื่อว่านรกและสวรรค์โต้เถียงกันและกัน"
 กรุณาชี้แจงด้วยครับ

อับดุลฮุเซน  พยายามเข้าใจว่าความหมายของฮะดิษอยู่บนความเข้าใจแบบฮะกีกัต (คำแท้)  คือพระบาทที่เป็นอวัยวะ  ดังนั้นเมื่อเขาเข้าใจแบบคำแท้(ฮะกีกัต)นี้  ก็จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น(อัลละวาซิม) คืออัลเลาะฮ์ทรงมีอวัยวะที่ชื่อว่า พระบาท  เมื่อพระองค์ทรงมีเท้าพระบาทแล้ววางลงไปนรก  ก็แสดงว่าเท้าพระบาทของพระองค์ทรงใหญ่กว่านรก  แล้วอับดุลฮุเซน  ก็ทำการยัดเยียดความเข้าใจนี้ให้กับท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์และยัดเยียดให้กับแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

ตัวบทฮะดิษที่รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้   คือ

 فيضع قدمه عليها

"ดังนั้น  พระองค์ทรงวาง กอดัม (แปลคำตรงและคำแท้ว่า เท้าพระบาท) บนนรก"

อีกสำนวนหนึ่งรายงานว่า

 يضع الله فيها رجله

"พระองค์ทรงวาง ริจล์ (แปลคำตรงและคำแท้ว่าเท้าพระบาท) ของพระองค์ในนรก"

อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  มีจุดยืนต่อฮะดิษนี้ว่า    ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวฮะดิษเป็นภาษาอาหรับในเชิงเปรียบเปรยอุปมา (มะยาซฺ)  ดังนั้น  การที่ฮะดิษได้ให้สำนวนที่ว่า  อัลเลาะฮ์ทรงวางเท้าพระบาทลงไปนรกญะฮันนัมขณะนั้นนรกได้กล่าวว่ายังมีเพิ่มอีกใหมนั้น  หมายถึง  พระองค์ทรงประสงค์ที่จะทำให้นรกที่เต็มไปด้วยบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นมีความต่ำต้อย  เหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ภายใต้ฝ่าเท้า  ไม่ใช่หมายความว่า อัลเลาะฮ์มีเท้าพระบาทในเชิงภาษาคำแท้ที่เป็นอวัยวะแบบจริง ๆ   อนึ่ง  ชาวอาหรับมักจะใช้อวัยวะต่าง ๆ ในเรื่องของการยกตัวอย่างอุทาหรณ์  เช่นคำว่า      رغم أنفه   "จมูกของเขาติดฝุ่น(คว่ำหน้า)"  ซึ่งหมายถึง  ต้องการให้เขาต่ำต้อย  หรือคำว่า  سقط في يده  "บุคคลนั้นได้ตกอยู่ในมือของเขา"  หมายถึง  บุคคลนั้นได้อยู่ภายใต้อำนาจของเขาแล้ว  (สรุปคำอธิบายของท่าน อัลฮาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์  จากหนังสือ ฟัตหุลบารีย์)

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  อธิบายฮะดิษดังกล่าวว่า   จุดยืนในฮะดิษนี้มีอยู่  2  แนวทาง (ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์)

‏أحدهما : وهو قول جمهور السلف وطائفة من المتكلمين : أنه لا يتكلم في تأويلها بل نؤمن أنها حق على ما أراد الله , ولها معنى يليق بها , وظاهرها غير مراد . ‏

1. ทัศนะคำกล่าวของสะลัฟส่วนมากและกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลาม  ว่า  ไม่มีการพูดถึงการตีความฮะดิษซีฟาต  แต่ทว่า  เราขอศรัทธาว่าฮะดิษนี้เป็นความจริงตามความหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ (ไม่ใช่มนุษย์)  และให้กับซีฟาตนี้  มีความหมายที่เหมาะสมยิ่งสำหรับพระองค์  และความหมายแบบผิวเผิน(ฮะกีกัตคำแท้)นั้น  ไม่ใช่จุดมุ่งหมายแน่นอน

‏والثاني : وهو قول جمهور المتكلمين أنها تتأول بحسب ما يليق بها

2. ทัศนะคำกล่าวของนักปราชญ์มุตะกัลลิมีนส่วนมาก  ที่ว่า  ฮะดิษซีฟาตนี้ถูกตีความ(ตะวีล) ตามความสิ่งที่มีความเหมาะสมด้วยกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตะอาลา

ส่วนการตีความนั้น  พวกเขามีการขัดแย้งกันไป    บ้างก็กล่าวว่า

المراد بالقدم هنا المتقدم , وهو شائع في اللغة ومعناه : حتى يضع الله تعالى فيها من قدمه لها من أهل العذاب , قال المازري والقاضي : هذا تأويل النضر بن شميل , ونحوه عن ابن الأعرابي

"จุดมุ่งหมายคำว่า  กอดัม  ณ  ที่นี้  คือ   المتقدم  "ผู้ที่ถูกยื่นเสนอส่งไป(ในนรก)"  ซึ่งเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลักภาษาอาหรับ  ดังนั้น  ความหมายของฮะดิษ

فيضع قدمه عليها

ก็คือ  "จนกระทั่งอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ได้วาง  ผู้ที่พระองค์ทรงยื่นส่งไปให้กับนรกจากผู้ที่ถูกลงโทษ"   ท่านอัลมาซิรีย์และท่านอัลกอฏี กล่าวว่า  นี้คือการตีความ(ตะวีล)ของท่าน  อันนัฏร์ บิน ชะมีล (ซึ่งเป็นสะละฟุศศอลิห์)  และคนอื่น ๆ  จากท่านอิบนุ อัลอะรอบีย์

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้นำเสนอการตีความอีกเช่นกันว่า

ويجوز أيضا أن يراد بالرجل الجماعة من الناس , كما يقال : رجل من جراد , أي : قطعة منه

"และอนุญาตเช่นกันว่า  จุดมุ่งหมายคำว่า  الِرجْلُ  หมายถึง  กลุ่มหนึ่งจากมนุษย์  เช่นคนอาหรับกล่าวว่า   رجل من جراد  "กลุ่มหนึ่งจากตั๊กแตน"

يضع الله فيها رجله

"อัลเลาะฮ์ทรงวางกลุ่มหนึ่งจากมนุษย์ลงในนรก"  (สรุปจากหนังสือ ชัรห์ซอฮิห์มุสลิม  ของท่านอิมามอันนะวาวีย์)

จากสิ่งที่ผมได้นำเสนอไปนั้น   ก็ขอกล่าวว่า   แนวทางที่หนึ่งในการมอบหมายต่ออัลเลาะฮ์ย่อมดีกว่า  และหนทางที่สองในการตีความนั้นย่อมดีกว่าสำหรับการตอบโต้พวกนอกลู่  วัลลอฮุอะลัม

ดังนั้น  การที่อับดุล หุเซน  เข้าใจความหมายฮะดิษแบบ ฮะกีกัต คำตรงคำแท้ นั้น  ถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดและไม่บังควร  เพราะเป็นความเข้าใจที่ไม่ใช่แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ผู้สัจจริง

       นี่คือการอธิบายตอบโต้ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ที่มีต่อพวกชีอะฮ์นอกลู่  เพราะพวกชีอะฮ์พยายามเข้าใจซีฟัตของอัลเลาะฮ์ที่ระบุไว้ในฮะดิษซอฮิห์ที่มีความหมายคลุมเครือ  พวกชีอะฮ์เข้าใจฮะดิษแบบฮะกีดะฮ์คำตรงคำแท้ (ซึ่งเป็นหลักความเข้าใจพื้นฐานของอะกีดะฮ์วะฮาบีย์) จึงทำให้ชีอะฮ์ต้องนำมันมาโพทนาว่าฮะดิษที่รายงานโดยท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์บิดเบือนอย่างนั้นอย่างนี้

แต่ถ้าหากอธิบายตามหลักอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ที่ว่า

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  อธิบายฮะดิษดังกล่าวว่า   จุดยืนในฮะดิษนี้มีอยู่  2  แนวทาง (ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์)

‏أحدهما : وهو قول جمهور السلف وطائفة من المتكلمين : أنه لا يتكلم في تأويلها بل نؤمن أنها حق على ما أراد الله , ولها معنى يليق بها , وظاهرها غير مراد . ‏

1. ทัศนะคำกล่าวของสะลัฟส่วนมากและกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลาม  ว่า  ไม่มีการพูดถึงการตีความฮะดิษซีฟาต  แต่ทว่า  เราขอศรัทธาว่าฮะดิษนี้เป็นความจริงตามความหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ (ไม่ใช่มนุษย์)  และให้กับซีฟาตนี้  มีความหมายที่เหมาะสมยิ่งสำหรับพระองค์  และความหมายแบบผิวเผิน(ฮะกีกัตคำแท้)นั้น  ไม่ใช่จุดมุ่งหมายแน่นอน

‏والثاني : وهو قول جمهور المتكلمين أنها تتأول بحسب ما يليق بها

2. ทัศนะคำกล่าวของนักปราชญ์มุตะกัลลิมีนส่วนมาก  ที่ว่า  ฮะดิษซีฟาตนี้ถูกตีความ(ตะวีล) ตามความสิ่งที่มีความเหมาะสมด้วยกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์ตะอาลา

       เมื่อเราใช้หลักอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์มาอธิบายตอบโต้  ก็จะสามารถปิดประตูพวกชีอะฮ์จากการแอบอ้างและละเมิด่ต่อความเข้าใจที่มีให้กับฮะดิษของท่านนบี(ซ.ล.)ได้อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว

       และนี่แหละครับที่พวกเราบอกว่าแนวทางอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์เหมาะสมในทุกยุคสมัย

วัลลอฮุอะลัมบิสศ่อวาบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 20, 2008, 12:58 PM โดย นูรุ้ลอิสลาม »
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       นี่คือกระทู้จากพันทิป

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7110431/Y7110431.html

       ที่พวกนอกลู่ได้ทำภาพขึ้นมาอย่างนี้  เพราะสืบเนื่องมาจากตำราอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ที่เขาตีพิมพ์เผยแพร่  ความเชื่ออะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์จะเชื่อแบบในรูปธรรม  ภาพแบบนี้จึงออกมา  แต่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์เชื่อต่ออัลเลาะฮ์ในเชิงนามธรรมไม่สามารถสัมผัสถึงอัลเลาะฮ์ได้หรอก  จึงไม่มีผู้ใดที่สามารถจะมาจินตนาการได้ถึงขนาดนี้  เพราะการจินตนาการนั้นจะเกิดขึ้นเพราะเหตุการเชื่อแบบรูปธรรม   



เอามาให้ดูเลยครับ 5555
จะว่าไปไอคนวาดเนี่ยคงจะเรียนมาเยอะแน่ๆ รู้ตำแหน่งว่าอะไรอยู่ตรงไหนยังไง คล้ายกับที่เรียนมาเลย ตลกดี และเขาคิดว่าคงวาดเพื่อล้อเลียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 20, 2008, 01:59 PM โดย ILHAM »
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

คุณอิลฮามลองดูที่กระทู้ซิครับ 

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2953.30

มีใจความว่า

ใช่แล้วครับ  หากเราศึกษาเกี่ยวกับอะกีดะฮ์วะฮาบีในเชิงลึกนั้น  จะพบว่าอะกีดะฮ์ของพวกเขาจะมีอิสรอีลียาตเยอะพอควร ขอยกตัวอย่าง จากหนังสือ "อัซซุนนะฮ์"  ที่วะฮาบีย์อ้างว่า  มันคือหนังสือของ อับดุลลอฮ์ บุตร อิมามอะห์มัด  มีตัวบทอธิบายถึงฮะดิษท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า

رآه على كرسي من ذهب يحمله أربعة من الملائكة : ملك في صورة رجل ، وملك في صورة أسد ، وملك في صورة ثور ، وملك في صورة نسر ، في روضة خضراء دونه فراش من ذهب

"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นอัลเลาะฮ์(นั่งประทับ)อยู่บนเก้าอี้ที่ทำมาจากทอง  มีมะลาอิกะฮ์ 4 ท่านที่กำลังแบกมันอยู่  มะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่งอยู่ในรูปของผู้ชาย  มะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่งอยู่ในรูปของสิงค์โต  มะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่งอยู่ในรูปของวัว  และมะลาอิกะฮ์ท่านหนึ่งอยู่ในรูปนกอินทรีย์ (ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงนั่งประทับอยู่) ในสวนสีเขียน นอกจากว่ามีพรมปูที่ทำมาจากทอง" หนังสือ อัซซุนนะฮ์ รายงานลำดับที่ (217)

เอาไปโหลดอ่านหนังสือ "อัซซุนนะฮ์" ดังกล่าวเพื่อศึกษาอะกีดะฮ์เพี้ยน ๆ ของวะฮาบีย์กันได้ http://www.almeshkat.net/books/open.php?cat=10&book=1430

       จากตำราอะกีดะฮ์ที่วะฮาบีเผยแพร่แหละครับ  ทำให้ต้องเป็นอย่างนี้  หากจากตำราอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ไม่มีทางเด็ดขาดที่พวกนอกลู่จะมาบังอาจทำเช่นนี้  เพราะอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ปิดประตูในการทำให้เกิดจินตนาการในทุกรูปแบบ
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ในอดีตใครที่กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงอยู่ ณ สถานที่หนึ่งๆ ก็จะถูกสั่งประหารตัดคอ ต่อหน้าผู้คน เพราะถือเป็นอะกีดะฮ์ที่อันตราย - วัลลอฮุ อะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ในอดีตใครที่กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงอยู่ ณ สถานที่หนึ่งๆ ก็จะถูกสั่งประหารตัดคอ ต่อหน้าผู้คน เพราะถือเป็นอะกีดะฮ์ที่อันตราย - วัลลอฮุ อะอฺลัม - วัสสลามุอลัยกุม

ไม่ทราบว่าสมัยไหนหรือครับ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
ไม่ทราบว่าสมัยไหนหรือครับ

              สมัยที่อุละมาอ์ท่านหนึ่งถูกตัดคอเนื่องจากบอกว่า อัลลอฮฺอยู่ในแขนเสื้อของท่าน การประหารท่านถือเป็นความเข้าใจผิด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็บ่งชี้ว่า ผู้ที่แม้แต่กล่าวว่า อัลลอฮฺทรงมีสถานที่ (ไม่ได้คำนึงที่จิตใจเขานะ เพราะเรื่องจิตใจไม่มีใครรู้ได้นอกจากอัลลอฮฺ) ก็จะถูกลงทัณฑ์ ซึ่งบ่งชี้อีกว่า ในอิสลามไม่ยอมรับอะกีดะฮ์การเชื่อว่าอัลลอฮฺทรงมีสถานที่สำหรับพระองค์ - วัลอิยาฑุบิลลาฮฺ - วัสสลาม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged