ผู้เขียน หัวข้อ: มุมมองท่านอาจารย์อะลี เสือสมิง เรื่องสังกัดมัซฮับ,ซิกิรล้อมวง,การฮุกุ่มผู้อื่น  (อ่าน 2535 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

เรียน ท่านอาจารย์อาลี เสือสมิง

ช่วยตอบคำถามให้ด้วย หากเป็นไปได้หากพูดบรรยายที่ไหนก็ช่วย แถลงการณ์ให้พี่น้องมุสลิมได้เข้าใจในหลักการที่ถูกต้องด้วย มีพวกว่าได้มี ไม่ได้ก็มี หลักฐานไหนถูกล่ะ
(1. การอ่านอัลกรุอ่าน การกล่าวซิกรุลลอฮ์ การดุอา โดยมีผู้นำกล่าวนำ ผู้ตามกล่าวอามีน การกระทำเช่นนี้เป็นบิดอะฮ์ดอลาละกระนั้นหรือ จากหลักฐานที่รายงานโดยท่านอับดุลลอฮ์บอิบนุมัสอูดที่เจอกลุ่มซอฮาบะนั่งจับ กลุ่มทำซิรุลลอฯลฯ)

(2. การสังกัดมัซฮับจำเป็นหรือไม่ เพราะมีผู้รู้บางท่านบอกให้ตามกิตาบุลลอฮ์เท่านั้น)

(3. การฮูก่ม พวกโน้นบิดอะอ์ พวกนั้นกาเฟิร ศาสนาอนุญาตหรือไม่)

(4. แค่คิด หากเป็นไปได้ ) ผมมีความประสงค์ไขข้อข้องใจโดยให้พวกผู้รู้ทั้งหลายนำตำหรับตำรามาพูดกัน อาจารย์กอเซ็ม มูฮำหมัดอาลี อาจาร์อาลี เสือสมิง อาจารย์มุรีด ทีมะเสน อาจารย์ฟาริด เฟ้นดี้ โดยเชิญเช็คจากมหาวิทยาลัยฮัรฮาดมารับฟังในตัวบทหลักฐานด้วย )

ท่านอาจารย์ อะลี เสือสมิง ตอบ :

الحمدلله حمداكثيراوصلاة وسلامًا الداﺋﻤﻴﻦ علىنبينا محمد وبعد  ؛

1. การอ่านอัลกุรอานในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น อ่านคนเดียว อ่านพร้อมกัน อ่านตามคนนำ ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเพื่อเอาผลบุญหรืออ่านเพื่อศึกษาเรียนรู้ทำความ เข้าใจกับความหมายของอัลกุรอานก็ตาม และไม่ถือว่ามักรูฮฺแต่อย่างใดในการอ่านอัลกุรอานเวลาใด ๆ จากช่วงเวลาทั้งหลาย แม้กระทั่งในเวลาที่ห้ามละหมาด

ท่านอิบนุ อบีดาวูดได้รายงาน 2 รายงานที่ซอฮีฮฺจากท่านกอตาดะฮฺ ตาบิอีย์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยอยู่กับท่านอะนัส (ร.ฎ.) กล่าวว่า : ท่านอะนัส อิบนุ มาลิก (ร.ฎ.) เมื่อท่านจบอัลกุรอาน (ค็อตมะฮฺ) ท่านจะรวมครอบครัวของท่านและขอดุอาอฺ (อัลอัซก๊ารฺ หน้า 102)

ส่วน การซิกรุลลอฮฺก็เช่นกันสามารถทำการซิกรุลลอฮฺได้ทั้งในส่วนตัวและซิกรุลลอฮฺ รวมกันเป็นหมู่คณะ โดยส่งเสริมให้นั่งร่วมในวงของผู้ที่ทำการซิกรุลลอฮฺ มีหลักฐานต่าง ๆ ที่บ่งชี้ถึงสิ่งดังกล่าวปรากฏชัด ดังเช่น หะดีษของอิบนุ อุมัร (ร.ฎ.) และหะดีษในซอฮีฮฺมุสลิมจากท่านมุอาวียะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านอบูสะอีด อัลคุดรี่ย์และอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) เป็นต้น (อ้างแล้ว หน้า 14-15) การดุอาอฺโดยมีผู้นำกล่าวดุอาอฺ และผู้ตามกล่าวอามีนก็เช่นกันเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ในหลาย ๆ โอกาส ดังนั้นการกระทำทั้งหมดที่กล่าวมาจึงไม่ใช่เป็นการกระทำบิดอะฮฺแต่อย่างใด?

2. การสังกัดมัซฮับนั้น  นักวิชาการมีความเห็นต่างกันว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่?  ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักและเห็นพ้องกัน  ก็คือ  กรณีของบุคคลทั่วไป (เอาวาม) นั้นถือว่าจำเป็นต้องสังกัดมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง  และการสังกัดมัซฮับก็มิได้ขัดกับหลักการของศาสนาและมิได้หมายความว่าเป็นการ ขัดกับกิตาบุลลอฮฺแต่อย่างใด  การตามกิตาบุลลฮฺและซุนนะฮฺเป็นสิ่งจำเป็นโดยเด็ดขาด  ผู้ใดไม่ตามกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺผู้นั้นเป็นกาฟิร (มุรตัด) วัลอิยาซุบิลลาฮฺ

ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อเราจะตามกิตาบุลลอฮฺและ ซุนนะฮฺนั้นเราจะตามอย่างไร เพียงความรู้เท่าหางอึ่งของเรานั้นสามารถวิเคราะห์และตรวจสอบความถูกต้องของ ตัวบทและทำความเข้าใจกับหลักการในกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺโดยไม่ต้องอาศัยผู้ รู้และนักวิชาการระดับมุจญ์ตะฮิด  ซึ่งมีความชำนาญการเหล่านั้นเลยกระนั้นหรือ?  แม้ผู้รู้ที่พูดว่า  เราต้องตามกิตาบุลลอฮฺเองนั้นพวกเขาก็ต้องอาศัยตำรับตำราของนักวิชาการมา ประกอบคำอธิบายและวิเคราะห์หลักการเช่นกัน  คงมิได้หยิบอัลกุรอานขึ้นมาแล้วก็อธิบายเอาเองหรอก

ไป ๆ มา ๆ คนที่พูดว่าไม่ต้องสังกัดมัซฮับหรอก  เอาแต่กิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺเพียว ๆ เลย  ฟังดูก็ถูกต้อง  แต่ในมุมกลับก็คือ  ให้เชื่อที่ฉันพูดหรือสังกัดตามความเห็นของฉันนั่นเอง! ซึ่งบางทีสิ่งที่ผู้รู้นั้นพูดอาจจะผิดพลาดก็ได้  เนื่องจากเข้าใจและวิเคราะห์ตัวบทผิดนั่นเอง  กล่าวคือ  อัลกุรอานและซุนนะฮฺนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องเสมอเป็นสัจธรรม  แต่คนที่ถ่ายทอดและอธิบายนั้นอาจจะเข้าใจผิดก็ได้  อย่างนี้มีถมเถไป  และคนประเภทนี้แหล่ะที่กลายเป็นกลุ่มชนที่สร้างฟิตนะฮฺให้กับสังคมของเรา لاحول ولاقوة إلابالله

3. การฮุ่ก่มชี้ขาดโดยขาดหลักวิชาการนั้นเป็นการอาจหาญและกล้าในสิ่งที่ไม่ควร กล้า  และชาวสะลัฟซอลิฮฺนั้นจะหลีกห่างจากการตอบปัญหาศาสนาในกรณีที่มีผู้รู้คน อื่นที่อาจจะรู้มากกว่า   ท่านอุตบะฮฺ อิบนุ มุสลิม  กล่าวว่า : ฉันเคยอยู่กับอิบนุ อุมัร 34 เดือน โดยมากเมื่อท่านอิบนุ อุมัร ถูกถาม  ท่านจะกล่าวว่า : ฉันไม่รู้! ท่านอิบนุ อบี ฮัซซาน กล่าวว่า ท่านมาลิก (อิหม่ามมาลิกีย์) ถูกถามปัญหา 22 ข้อ  ท่านไม่ตอบนอกจาก 2 คำถามหลังจากที่ท่านเพียรกล่าวประโยคที่ว่า لاحول ولاقوة إلابالله

นี่ เป็นเพียงตัวอย่างของนักวิชาการในยุคสะลัฟซอลิฮฺ  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เที่ยวฮุ่ก่มสุ่มสี่สุ่มห้าแบบทั่วรั่ว  การจะฮุ่ก่มคนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่งนั้นต้องมีความชัดเจนในข้อมูลที่จะ กล่าวหานั้นเสียก่อน  นี่เป็นหลักอะกีดะฮฺของอะฮฺลิสซุนนะฮฺ วัลญ่ามาอะฮฺ  เพราะผู้ฮุ่ก่มต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนฮุ่ก่มออกไป  หากผู้ที่ถูกฮุ่ก่มไม่เป็นกาฟิร  ข้อหาดังกล่าวก็จะย้อนกลับไปหาตัวผู้ที่ฮุ่ก่มเอง

ดังปรากฏในหะดี ษของร่อซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ส่วนการฮุ่ก่มการกระทำว่าเป็นบิดอะฮฺ หรือเป็นกุฟร์โดยหลักการหรือตัวบทที่ชี้ชัดอย่างนี้ไม่เป็นไร?  สามารถทำได้แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นการชี้ขาดที่เกิดจากตัวบทหรือความเห็น ที่มีน้ำหนักของเหล่านักวิชาการที่เชื่อถือได้

4. ข้อเสนอแนะสุดท้ายที่กล่าวมานั้น  ถ้าทำได้ก็คงเยี่ยมเลยทีเดียว  แต่ก็นั่นแหล่ะ คงเป็นแค่ความคิดที่ยากจะเกิดขึ้นได้  เข็นครกขึ้นภูเขาอุหุดยังง่ายกว่าด้วยซ้ำไป  เอาเป็นว่า อาจารย์แต่ละท่านที่ระบุชื่อมานั้นล้วนแล้วแต่ได้รับอิญาซะฮฺ อาลียะฮฺ จากมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น  ก็จำต้องให้เกียรติในความรู้ของแต่ละท่าน และแต่ละท่านก็คงต้องรับผิดชอบในอามานะฮฺทางวิชาการที่นำเสนอ

การ มุนากอชะฮฺ (ถกทางวิชาการ) ในบ้านเรานั้นไม่ค่อยมีจะมีก็แต่การโต้วาทีเอาชนะกันเสียส่วนใหญ่  ใครฝีปากดีมีลูกล่อลูกชน  ลื่นไหลกว่าก็ชนะไป  ทำให้คนบางคนเข้าใจว่าฝ่ายชนะในญัตติคือฝ่ายถูก  ซึ่งอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้  คนสิ้นคิดเท่านั้นที่แสวงหาสัจธรรมจากการโต้วาที

ส่วนการเชิญชัยค์ จากอัลอัซฮัรมานั้นก็คงลำบากเพราะอัลอัซฮัรสอนคนให้มาเผยแพร่ศาสนาและสร้าง ความเข้าใจแก่ผู้คน  แกคงไม่มานั่งดูลูกศิษย์ทะเลาะกันหรอก  ที่สำคัญแกพูดและตัดสินอะไรลงไป  ลูกศิษย์ 2 ฝ่ายจะฟังหรือเปล่าขนาดนักวิชาการนามอุโฆษในยุคสะลัฟเองยังไม่อยากจะนำพา  สำหาอะไรกับชัยค์อัซฮัรเล่า  อะไรที่เป็นความเห็นเป็นมุมมองก็คงต้องปล่อยวางให้มันเป็นไปเช่นนั้น  มองต่างมุมกันได้เป็นเรื่องปกติธรรมดาซึ่งมีมาแล้วนับร้อยนับพันปี  ว่าแต่ว่าใครจะออกตั๋วค่าเครื่องบินของชัยค์อัลอัซฮัรล่ะ  อาจารย์กอเซ็ม หรือ อาจารย์ฟาริด  ส่วนผมเองน่ะบอกตามตรงเลยนะว่าตังค์ไม่มีหรอก ขอสารภาพ! ---> คำตอบปัญหาศาสนาโดยอาจารย์อะลี
والله ولي التوفيق
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ M. Rodee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 108
  • Oh ! My Lord...........
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam

               ชอบ อ อาลี มากเลยคับ  ญาซากัลลอฮูค็อยรอน
'การสรรเสริญนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และได้ทรงให้มีความมืดและแสงสว่าง แต่แล้วบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
ก็ยังให้มีสิ่งอื่นเท่าเทียมกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา'
                                                                       (  อัล อันอาม  1 )

  !..... หัวใจที่รำลึก.....!
 1000 - (1) = 999

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

ท่านอาจารย์อะลีย์   ตอบปัญหาศาสนาแจ่มครับ  เพราะตอบแต่ละครั้งท่านไม่ได้ไปเซริทตามเน็ตมาตอบ  แต่ท่านทำการค้นคว้าและมีการอ้างอิง  ซึ่งเป็นการตอบปัญหาศาสนาที่น่าเชื่อถือและเป็นวิธีการตอบตามหลักของวิชาการศาสนาที่อุลามาอ์ทุกยุคสมัยเขาทำกัน 

ผมคิดว่า  ความจริงแล้วถ้าหากท่านอาจารย์อะลีไปค้นคว้า  แล้วตอบโดยขโมยคำวินิจฉัยของอุลามาอ์ไม่ต้องอ้างอิงโดยคนอ่านคิดว่ามันเป็นความคิดและความเข้าใจของท่านอาจารย์อะลีเองนั้น  ผมว่าอาจารย์ก็ทำได้  แต่ท่านไม่ทำเนื่องจากท่านรู้ดีถึงเกียรติภูมิของอุลามาอ์ เมื่อไปค้นคว้าของตำราของอุลามาอ์แล้ว  ก็ต้องมอบความประเสริฐหรือความดีงามให้แก่พวกเขา  ด้วยการอ้างอิงไปยังเจ้าของคำพูดหรือคำวินิจฉัยนั้น  นั่นแหละครับ  คือธรรมเนียมปฏิบัติของผู้รู้อย่างแท้จริง

วัสลามนะคร๊าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 01, 2008, 01:35 AM โดย งานเข้า »
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เห็นด้วยครับ
ญะซากัลลอฮฺฮุคอยรอ
วัสลาม...

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ได้อ่านคำตอบของ อ.อาลี ในหลายๆ คำตอบ แอบอมยิ้มครับ ...

ครบทุกรส


ปล. โหลดคุตบะฮวันอีดหน้าเวบแล้วด้วย ^^

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
การฮุ่ก่มชี้ขาดโดยขาดหลักวิชาการนั้นเป็นการอาจหาญและกล้าในสิ่งที่ไม่ควร กล้า  และชาวสะลัฟซอลิฮฺนั้นจะหลีกห่างจากการตอบปัญหาศาสนาในกรณีที่มีผู้รู้คน อื่นที่อาจจะรู้มากกว่า   ท่านอุตบะฮฺ อิบนุ มุสลิม  กล่าวว่า : ฉันเคยอยู่กับอิบนุ อุมัร 34 เดือน โดยมากเมื่อท่านอิบนุ อุมัร ถูกถาม  ท่านจะกล่าวว่า : ฉันไม่รู้! ท่านอิบนุ อบี ฮัซซาน กล่าวว่า ท่านมาลิก (อิหม่ามมาลิกีย์) ถูกถามปัญหา 22 ข้อ  ท่านไม่ตอบนอกจาก 2 คำถามหลังจากที่ท่านเพียรกล่าวประโยคที่ว่า لاحول ولاقوة إلابالله

ชอบตรงนี้มากเลย เพราะแสดงให้เห็นอะไรได้หลายอย่าง

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
salam

ท่านอาจารย์อะลีย์   ตอบปัญหาศาสนาแจ่มครับ  เพราะตอบแต่ละครั้งท่านไม่ได้ไปเซริทตามเน็ตมาตอบ  แต่ท่านทำการค้นคว้าและมีการอ้างอิง  ซึ่งเป็นการตอบปัญหาศาสนาที่น่าเชื่อถือและเป็นวิธีการตอบตามหลักของวิชาการศาสนาที่อุลามาอ์ทุกยุคสมัยเขาทำกัน 

ผมคิดว่า  ความจริงแล้วถ้าหากท่านอาจารย์อะลีไปค้นคว้า  แล้วตอบโดยขโมยคำวินิจฉัยของอุลามาอ์ไม่ต้องอ้างอิงโดยคนอ่านคิดว่ามันเป็นความคิดและความเข้าใจของท่านอาจารย์อะลีเองนั้น 

อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       แสดงว่ายังมีโต๊ะครูที่ชอบอ้างว่าตามอัลกุรอานซุนนะฮ์ไม่เอาอุลามาอฺ  อยู่ในคราบโจรโขมยหลักวินิจฉัยจากอุลามาอฺคนอื่น  เขาเรียกว่าโจรเชิงวิชาการ (ดูดีชะมัดแฮ่ะ)
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

       ผมคิดและเชื่อว่า  อาจารย์อะลี  นี่แหละครับที่สายกลางของแท้  สายกลางยิ่งกว่าบางเว็บที่มีสโลแกนว่าสายกลาง  เช่นบางมัสอะละฮ์ปลีกย่อยอาจารย์อะลีมีทัศนะต่างจากเรา  เช่นการกล่าวซัยยิดินา  แต่อาจารย์เขาก็เพียงให้แค่น้ำหนักเท่านั้น  ไม่ใช่ฟันธงว่าของตนนี่แหละถูกเพราะต่างฝ่ายก็มีหลักฐานต่างกันไป  นี่แหละครับสายกลางของแท้

       ผมเองก็ยังคิดเลยนะครับว่า  หากประเด็นใดหรือมัสอะละฮ์ใดที่อาจารย์อะลี  ค้นคว้าตัดสินว่ามันเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง  ผมเชื่อว่าประเด็นนั่นแหละบิดอะฮ์ของแท้  ซึ่งต่างกับบางกลุ่มที่บิดอะฮ์เรี่ยราดฮุกุ่มบิดอะฮ์กันจนผู้คนไม่ให้ความสนใจและไร้น้ำหนักไปเสียแล้ว 

อ้างถึง
ไป ๆ มา ๆ คนที่พูดว่าไม่ต้องสังกัดมัซฮับหรอก  เอาแต่กิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺเพียว ๆ เลย  ฟังดูก็ถูกต้อง  แต่ในมุมกลับก็คือ  ให้เชื่อที่ฉันพูดหรือสังกัดตามความเห็นของฉันนั่นเอง! ซึ่งบางทีสิ่งที่ผู้รู้นั้นพูดอาจจะผิดพลาดก็ได้  เนื่องจากเข้าใจและวิเคราะห์ตัวบทผิดนั่นเอง

      เขาเรียกว่าเอาอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาบังหน้าและโฆษณาทัศนะของตนเอง  บรราดาลูกศิษย์ที่เป็นคนเอาลามก็หลงไปเชื่อว่าทัศนะที่ครูตนเองบอกนี่แหละคือตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ความที่ไม่รู้เลยนึกไปว่าหากทัศนะของคนอื่นมันต่างกับสิ่งที่อาจารย์ตนเองบอก  ก็ไม่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์เสียอย่างงั้นไป  นอกจากผู้ที่อัลเลาะฮ์ทรงเมตตาเท่านั้น
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อินชาอัลลอฮฺ จะพยายามเอาอย่างท่าน อ.ครับ มีสิ่งที่หนึ่งที่มีผมชอบในสิ่งเดียวกับ อ.อาลี คือ การศึกษาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์อิสลาม ผมซื้อหนังสือแกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หลายเล่มเลยครับ - วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ปล. โหลดคุตบะฮวันอีดหน้าเวบแล้วด้วย ^^


 salam

เพิ่งลง คุตบะหฺ ของเมื่อเช้านี้ ไว้หน้าเว็บแล้ว สดๆ ร้อนๆ

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
การ มุนากอชะฮฺ (ถกทางวิชาการ) ในบ้านเรานั้นไม่ค่อยมีจะมีก็แต่การโต้วาทีเอาชนะกันเสียส่วนใหญ่ ใครฝีปากดีมีลูกล่อลูกชน  ลื่นไหลกว่าก็ชนะไป  ทำให้คนบางคนเข้าใจว่าฝ่ายชนะในญัตติคือฝ่ายถูก  ซึ่งอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้  คนสิ้นคิดเท่านั้นที่แสวงหาสัจธรรมจากการโต้วาที

ชัดเจน.....

 

GoogleTagged