ผู้เขียน หัวข้อ: วิจารณ์หนังสือ"มุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่?  (อ่าน 11725 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
al-azhary

อ้างอิงจากคุณ u

อ้างจาก: u ที่ 25 สิงหาคม 49 , 06:16
คำถามซื่อๆ น่ะครับ
ถ้าการสังกัดมัซฮับเป็นวาญิบ
แล้วบรรดาซอฮาบะฮฺ ตาบิอีนที่เกิดก่อนยุคมัซฮับก็ไม่ได้ปฏิบัติวาญิบในเรื่องนี้สิครับ
อย่าหาว่าทวงนะครับ... แต่อยากรู้น่ะ

ตอบ

แสดงว่าคุณ ยู ไม่ได้อ่านสิ่งที่ผมนำเสนอมาเลย ถึงมาทวงคำถามอย่างนี้ และคนที่อ่านสิ่งที่ผมนำเสนอมา ก็ทราบได้ทันทีว่าคุณไม่ได้อ่านและไม่ต้องการทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมนำเสนอ คนเอาวามนั้นต้องมีมัซฮับ เพราะมัซฮับเขาของนั้น คือ มัซฮับของมุฟตีผู้เป็นมุจญฮิด และหากว่า มุฟตีมุจญฮิดไม่มี มัซฮับของคนเอาวามก็คือมุจญฮิดผู้ทรงธรรมในยุคที่ผ่านมาโดยผ่านการบอกเล่าของผู้รู้ หนึ่งในนั้น คือ อิมามทั้งสี่ คนเอาวามปัจจุบันที่รับแนวทางคิดว่าตนเองไม่มีมัซฮับนั้น ถือว่าไม่เข้าใจต่อหลักการของชาริอะฮ์ ตนเองอ้างว่าไม่มีมัซฮับ แต่ตามหลักฮะกีกัต แก่นแท้ของนิติศาสตร์อิสลามนั้น คนเอาวามต้องมีมัซฮับ ซึ่งหากว่าเอาวามมีความสามารถวินิจฉัยเกี่ยวกับนิติศาสตร์อิสลามได้จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์โดยตรง แน่นอนว่าเขาไม่ต้องมีมัซฮับ

และการมีมัซฮับนั้น จะสังกัดแบบมัซฮับ หรือหลาย ๆ มัซฮับพร้อมกัน ก็เรียกเขามีมัซฮับแล้ว หากคนเอาวามทั่วไปไม่สามารถวินิจฉัยได้ แล้วไปถามผู้รู้มัซฮับอิมามทั้งหนึ่ง แล้วผู้รู้คนก็บอกชี้แจงปัญหาศาสนาตามหลักวินิจฉัยของอิมามคนนั้น แน่นอนว่า คนเอาวามมีมัซฮับตามอิมามคนนั้นในปัญหานั้น ๆ

คนเอาวามที่ไปรับหลักการไม่มีมัซฮับมักแอบอ้างตนเองว่า ฉันไม่ตามมัซฮับ แต่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ นั้น ถือว่าเป็นการอวดอ้างตนเองอย่างฉาบฉวย เพราะว่าการตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ในแง่ของนิติศาสตร์อิสลามนั้น คนเอาวามที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ต้องพึ่งพอนักปราชญ์มุจญฮิด ซึ่งหากว่าคนเอาวามไม่สามารถวินิจฉัยได้โดยต้องพึ่งพอมุจญฮิด แน่นอนว่า เขามีมัซฮับแล้ว คือมีมัซฮับ(แนวทาง)ที่อุลามาอ์มุจญฮิดผู้นั้นได้ทำการวินิจฉัย

ดังนั้น คนเอาวามที่วินิจฉัยไม่ได้วายิบมีมัซฮับ ส่วนจะมีมัซฮับการสังกัดมัซฮับหนึ่งเป็นการเฉพาะนั้น ไม่เป็นวายิบ แต่แค่อนุญาติ ซึ่งในกรณีนี้ ผมได้เกริ่นไปแล้ว และจะนำมาอธิบายอย่างรายละเอียดอีกครั้ง เมื่อถึงประเด็นของมันในวันข้างหน้า อินชาอัลเลาะฮ์

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ผมได้ยกเอาข้อความตอนหนึ่งที่คุณโพสต์มา ไม่ใช่จะวิจารณ์ คุณมุสตะกีม แต่ต้องการให้พี่น้องมุสลิมเห็นว่า ความเห็นอุลามาอฺข้างต้น คือ กำแพงปิดกั้น การอิจญติฮาด โดยเชื่อว่า คนรุ่นก่อนฉลาดกว่าคนยุคปัจจุบัน จึงบังคับให้คนยุคปัจจุบันตักลิดมัซฮับรุ่นก่อน อย่างหูหนวกตาบอด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะความเจริญก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้มุสลิมหูตาสว่างและเข้าถึงแก่นแท้และแก่นธรรมมากขึ้น

ตอบ

อุลามาอ์ข้างต้นนั้นที่บังอะสันกล่าวหาว่าความคิดเห็นของพวกเขาเป็นกำแพงปิดกั้น การอิจญฮาดโดยเชื่อว่าคนรุ่นก่อนฉลาดว่าคนยุคปัจจุบันนั้น คืออุลามาอ์ท่านใหนบ้างครับ แต่อุลามาอ์ข้างต้นที่บังอะสันกล่าวหาพวกเขานั้น มี ท่านอิบนุก๊อยยิม ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ท่านอิบนุรอญับ ท่านอัชชาฏิบีย์ ท่าน อิซซุดีน บิน อับดุสลาม เป็นต้น ใช่ไหมครับ ? ท่านอิบนุตัยมียะฮ์บอกว่าอนุญาติให้คนเอาวามสังกัดมัซฮับเป็นการเฉพาะได้นั้น จะเข้าข่ายการกล่าวหาของบังอะสันด้วยหรือเปล่าครับ? และแบบนี้ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ได้บอกให้คนเอาวามตามอิมามคนเดียวได้เป็นการเฉพาะถือว่าเป็นการใช้ให้ตักลีดตามโดยหูหนวกตาบอดหรือเปล่าครับ?

แล้วความเจิรญก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้คนเป็นมุจญฮิดหรือครับ ? ซึ่งผมว่าไม่จริงหรอก แม้กระทั้งบังอะสันอ้างหะดิษเดียวที่เกี่ยวกับละหมาดญุมอะฮ์ต้องครบ 40 คน แล้วมากล่าวว่าหะดิษฏออีฟโดยยึดหนังสือสุบุลุสลาม โดยไม่ไปพิจารณาตำราเล่มอื่นอีก ๆ เช่นหนังสือนัยลุลเอาฏอร หนังสือมัจญมั๊วะ หนังสือสุนันอัลบัยฮะกีย์ เป็นต้น ผมจึงคิดลึก ๆ ในใจว่า บังอะสันก็คนไม่ได้มีความรู้อะไรสักเท่าไหร่ หยิบโน้นนิด ฉวยนี่หน่อย แล้วก็มาโพทนาทัศนะของตน แบบนี้แหละครับเขาเรียกว่าคนเอาวามที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ เอาหะดิษแต่ต้นเดียวมาแล้วทำรู้และตัดสิน ท่านอุมัรบอกว่า ความผิดพลาดของอุลามาอ์นั้นทำลายศาสนา แต่ข้อผิดพลาดของคนเอาวามหรืออวดอ้างว่าตนเองรู้อย่างบังอะสันนั้น...มันคงจะมากไม่รู้กี่เท่า

Salafy

อ้าง ที่ว่า
คนเอาวามที่ไปรับหลักการไม่มีมัซฮับมักแอบอ้างตนเองว่า ฉันไม่ตามมัซฮับ แต่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ นั้น ถือว่าเป็นการอวดอ้างตนเองอย่างฉาบฉวย เพราะว่าการตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ในแง่ของนิติศาสตร์อิสลามนั้น คนเอาวามที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ต้องพึ่งพอนักปราชญ์มุจญฮิด ซึ่งหากว่าคนเอาวามไม่สามารถวินิจฉัยได้โดยต้องพึ่งพอมุจญฮิด แน่นอนว่า เขามีมัซฮับแล้ว คือมีมัซฮับ(แนวทาง)ที่อุลามาอ์มุจญฮิดผู้นั้นได้ทำการวินิจฉัย
---------------------------------
คืออยากถามว่า ถ้าผม..ซึ่งไม่เคยคิดว่าต้องสังกัดมัซฮับอะไรและเป็นคนเอาวามด้วยน่ะครับ แล้วผมไปอ่านหนังสือศึกษาศาสนาไปเรื่อย....ปรากฎว่าในหนังสือเล่มนั้นเค้ายกตัวอย่างมาจากฮะดีษและ อายะฮ์จากอัลกุรอ่านมาประกอบการอ้างอิง....แต่ไม่ได้บอกว่าแนวคิดแบบนี้มาจากมัซฮับใด?..แต่เป็นผู้รู้ท่านนึงแต่งหนังสือขึ้นมา...ยังงี้เพียงพอรึยังครับที่ผมจะสามารถวินิจฉัย(ส่วนตัว) ว่าจะทำตาม หรือจะเชื่อตามที่เค้าเขียนขึ้นมาได้รึป่าวครับ? แล้วยังงี้แสดงว่าผมยึดมัซฮับตามแนวทางของผู้รู้ท่านนั้นด้วยรึเปล่า??.....แล้วถ้าเราไม่รุ้ว่าเค้ามัซฮับอะไร...แล้วเราจะยึดตามที่เค้าเขียนมาได้มั๊ยครับ??
(ไม่ได้ตั้งใจมากวนน้ำให้เรือเสียนะครับ....เพียงแต่อยากทราบแนวคิดที่คุณ azhary นำเสนอมา..และผมยังเป็นคนเอาวาม..เลยไม่สามารถจะเข้าใจบางอย่างที่คุณนำเสนอมานะครับ....ขอมาอัฟด้วย)

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

เพราะฉะนั้น การที่น้องบ่าวที่รักของผม al-azhary วิจารณ์ หนังสือ มุสลิมต้องสังกัดมัซฮับด้วยหรือ ก็เพราะน้องบ่าวเรายังยึดติดอยู่ว่า คนปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นคนอาวาม และคนปัจจุบันไม่สามารถจะรู้เทียบเท่าคนในสมัยอดีตได้ จึงต้องพึ่งมัซฮับ หรือ สังกัดมัซฮับ คนมีความรู้เทียบเท่าอิหม่ามชาฟิอีไม่มีแล้ว ดังนั้น ถ้าบังอะสันเข้าใจผิดก็ต้องขอมาอัฟน้องบ่าวที่รักด้วย

ตอบ

ผมจะอ้างอิงข้อความที่อยู่ในประเด็นเท่านั้น ส่วนอายะฮ์อัลกุรอานหรือหะดิษที่บังอะสันยกมาประดับคำพูดนั้น ผมไม่ขอนำมาอ้างอิงนะครับ เพราะว่านอกประเด็นในกระทู้นี้ และผมก็เชื่อว่า บังอะสันไม่สามารถวิจารณ์หลักการที่ผมนำเสนอให้ตรงประเด็นได้เลย เพราะว่ามันเป็นสัจจะธรรม การที่ผมนำการวิจารณ์หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่นั้น ? ไม่ใช่เพราะผมจะมาเรียกร้องให้คนอื่นทำการสังกัดมัซฮับหรือวายิบต้องสังกัดมัซฮับ แต่ผมต้องการอธิบายและนำเสนอการแก้ต่างของ ผู้แหน่งหนังสือที่ล่วงละเมิดต่อผู้ที่มีมัซฮับ วิจารณ์และกล่าวหาผู้มีมัซฮับนั้นเป็นบิดอะฮ์ ซุบหานัลลอฮ์!! หากไม่มีคำพูดแบบนี้ ผมไม่ทำการนำเสนอวิจารณ์หรอกครับ

บังอะสันลองพิจารณาคำพูดของ คุณ sunshine ที่เขาตะอัศศุบและพยายามหนุนเรื่องการไม่สังกัดมัซฮับและปกป้องหนังสือเล่มนี้ซิครับ เขากล่าวว่า

"ก็ถ้าเขาอ่านแล้วเค้าเข้าใจผิด ก็เรื่องของเค้า ปล่อยเค้าไป"

คนแบบนี้แหละครับ ที่ตักลีดตาบอดไม่เห็นสัจจะธรรม แม้กระทั้งรู้ว่าในหนังสือเล่มนั้นมีหลักการที่ผิดพลาดอยู่ด้วย แต่ก็ยังบอกว่าปล่อยเขาไป เรื่องของเขา

al-azhary

คุณ Salafy

หากคุณอ่านสิ่งที่ผมนำเสนอไปแล้วคุณจะไม่ถามอย่างนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมนำเสนอไปนั้น สำหรับคนเอาวาม และผมนำเสนอไปซึ่งพอสรุปได้ว่า หากอัลกุรอานและหะดิษมีความหมายชัดเจน ก็ไม่ต้องไปถามผู้รู้ แต่หากความหมายคลุมเคลือหรือไม่สามารถเข้าใจตัวบทได้ ก็ให้ถามผู้รู้ที่เป็นนักมุจญฮิดหรือทัศนะของนักมุจญฮิด ตอบแค่นี้ หวังว่าคุณคงเข้าใจ

Salafy

ยะซากัลลอฮฮุคอยร็อน คุณ azhary

จาก"หากอัลกุรอานและหะดิษมีความหมายชัดเจน ก็ไม่ต้องไปถามผู้รู้ แต่หากความหมายคลุมเคลือหรือไม่สามารถเข้าใจตัวบทได้ ก็ให้ถามผู้รู้ที่เป็นนักมุจญฮิดหรือทัศนะของนักมุจญฮิด"

พอคุณสรุปมาแบบนี้ทำให้เข้าใจได้ง่ายเลย....ขอบคุณครับ...ขอให้อัลลอฮทรงตอบแทน.

บอกแล้วครับว่าผมเป็นคนเอาวาม...บางครั้งอ่านๆ อะไรที่มันยาวๆก็ทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไป...ขอมาอัฟคุณ azhary ด้วยครับ....เชิญนำเสนอต่อได้เลยครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
asan

وقال أبو عبد الله بن خويز منداد البصري المالكي : التقليد معناه في الشرع الرجوع إلى قول لا حجة لقائلة عليه , وذلك ممنوع منه في الشريعة , والاتباع : ما ثبت عليه حجة . وقال في موضع آخر من كتابه : كل من اتبعت قوله من غير أن يجب عليك قبوله بدليل يوجب ذلك فأنت مقلده , والتقليد في دين الله غير صحيح , وكل من أوجب الدليل عليك اتباع قوله فأنت متبعه , والاتباع في الدين مسوغ , والتقليد ممنوع

และอบูอับดุลลอฮ บุตร คุวัยซฺ มันดาด อัลบะเศาะรี อัล-มาลิกีย์ กล่าวว่า " การตักลีด ความหมายในทางศาสนาคือ การกลับไปหาคำพูดใดๆ ที่ไม่หลักฐานสำหรับผู้ที่กล่าวคำพูดนั้น และดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งถูกห้ามในศาสนาบัญญัติ และคำว่า"อิตบาอฺคือ (การตาม)สิ่งที่ปรากฏหลักฐานยืนยัน และเขา(อบูอับดุลลอฮ)ได้กล่าวเอาไว้ในที่อื่นจากหนังสือของเขาว่า
" ทุกๆผู้ที่ท่านได้ตามคำพูดของเขา โดยไม่ได้จำเป็นแก่ท่านจะต้องรับรองเขา ด้วยหลักฐานว่าจำเป็นดังกล่าว ท่านก็คือ มุกอ็ลลิด(ผู้เชื่อตาม)เขา และการตักลีดในศาสนาของอัลลอฮนั้น ไม่ถูกต้อง และทุกผู้ที่ทำถูกต้องตามหลักฐาน ก็จำเป็นแก่ท่านต้องตามคำพูดของเขา ท่านก็คือ ผู้ที่เจริญรอยตามเขา และการอิตติบาอ(เจริญรอยตาม)ในศาสนานั้น เป็นสิ่งอนุญาต และการตักลิด(การเชื่อตาม)นั้น เป็นสิ่งต้องห้าม

- อะลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 138 อัตตักลิด วัลอิตติบาอฺ ฟิดดีน

asan

ومن ادعى وجوب تقليد العامي للمفتي فقد ادعى الباطل وقال قولا لم يأت به قط نص قرآن ولا سنة ولا إجماع ولا قياس , وما كان هكذا فهو باطل لأنه قول بلا دليل , بل البرهان قد جاء بإبطاله , قال تعالى ذاما لقوم قالوا : { إنا أطعنا سادتنا وكبراءنا فأضلونا السبيلا

และผู้ใดอ้างว่า คนอาวาม(คนทั่วไป)ต้องตักลิดตามมุฟตี แท้จริง เขาได้อ้างเรื่องเท็จ และเขาได้กล่าวคำพูด ที่ไม่ปรากฏหลักฐานจาก อัลกุรอ่าน อัสสุนนะฮ ,อิจญมาอฺและกิยาส แม้แต่น้อย และสิ่งที่ปรากฏเช่นนี้ มันเป็นเท็จ เพราะว่า แท้จริงมันเป็นคำพูดโดยปราศจากหลักฐาน แต่ตรงกันข้าม มีหลักฐาน ที่มาหักล้างมัน ,อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงตรัสไว้เป็นการตำหนิคนพวกหนึ่ง ซึ่งพวกเขากล่าวว่า(แท้จริงพวกเราได้เชื่อฟังหัวหน้าของเราและผู้อวุโสของเรา แล้วพวกเขาทำให้เราหลงทาง) - อัลมะหัลลา บิลอะษัร เล่ม 1 หน้า 85

asan

وقد نهى الأئمة الأربعة عن تقليدهم , وذموا من أخذ أقوالهم بغير حجة ; فقال الشافعي : مثل الذي يطلب العلم بلا حجة كمثل حاطب ليل , يحمل حزمة حطب وفيه أفعى تلدغه وهو لا يدري , ذكره البيهقي

และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้
- อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139
.............
ระวังงูจะกัดเอานะท่านผู้อาวามทั้งหลาย

คิดนอกละหมาด

ขออัลลอฮฺ {ซบ} ทรงโปรดให้ความเข้าใจที่เที่ยงแท้แก่ผมและทุกท่านด้วย

asan

وقد فرق أحمد بين التقليد والاتباع فقال أبو داود : سمعته يقول : الاتباع أن يتبع الرجل ما جاء عن النبي صلى الله عليه وسلم وعن أصحابه , ثم هو من بعد في التابعين مخير , وقال أيضا : لا تقلدني ولا تقلد مالكا ولا الثوري ولا الأوزاعي , وخذ من حيث أخذوا

และความจริง อิหม่ามอะหมัด ได้แบ่งแยกระหว่าง การตักลิด(การเชื่อตาม)และ การอิตติบาอฺ(การเจริญรอยตาม) โดยที่ท่านอบูดาวูดได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยินเขา(อะหมัด)กล่าวว่า "อัลอิตติบาอฺ คือ การที่คนนั้น เขาได้ตามสิ่งที่มาจากท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และจากบรรดาสาวกของท่าน หลังจากนั้น คือ ผู้ที่อยู่สมัยหลังจากนั้น ในการตามนั้น ให้มีทางเลือก และเขา(อะหมัด)ได้กล่าวไว้อีกว่า"อย่าตักลีดตามข้าพเจ้า,อย่าตักลิดตามมาลิก,อย่าตักลิดตามอัษเษารีย์และอย่าตักลิดตามอัลเอาซาอีย์ และให้เอา ตามที่พวกเขาเอามา -อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139

abdulmalik

ขออัลลอฮฺ {ซบ} ทรงโปรดให้ความเข้าใจที่เที่ยงแท้แก่ผมและทุกท่านด้วย
อามีน ยารอบบัลอาละมีน

aswar

1.

وقد فرق أحمد بين التقليد والاتباع فقال أبو داود : سمعته يقول : الاتباع أن يتبع الرجل ما جاء عن النبي صلى الله عليه وسلم وعن أصحابه , ثم هو من بعد في التابعين مخير , وقال أيضا : لا تقلدني ولا تقلد مالكا ولا الثوري ولا الأوزاعي , وخذ من حيث أخذوا

..............................
2.

وقد نهى الأئمة الأربعة عن تقليدهم , وذموا من أخذ أقوالهم بغير حجة ; فقال الشافعي : مثل الذي يطلب العلم بلا حجة كمثل حاطب ليل , يحمل حزمة حطب وفيه أفعى تلدغه وهو لا يدري , ذكره البيهقي

คุณ al-azhary ข้อความที่ 1-2จากหนังสือเอี๊ยะลามนี้ แสดงว่าเจ้าของหนังสือ อิบนุ กอยยิมไม่ยอมรับการตักลีดใช่หรือไม่ครับ???

.................................
3.

هل يجوز للحي تقليد الميت و العمل بفتواه من غير اعتبارها بالدليل الموجب لصحة العمل بها؟ فيه وجهان لأصحاب أحمد، فمن منعه قال: يحوز تغيير اجتهاده لو
كان حيا، فإنه كان يجدد النظر عند نزول النازلة... و الثاني الجواز، و عليه عمل جميع المقلدين في أقطار الأرض، و خيار ما بأيديهم تقليد الأموات

.................................
4.

وقد ذم الله سبحانه من أعرض عما أنزله إلى تقليد الأباء، وهذا القدر من التقليد هو مما إتفق السلف، والأئمة الأربعة على ذمه وتحريمه، وأما تقليد من بذل جهده فى إتباع ما أنزل الله، وخفى عليه بعضه ، فقلد فيه من هو أعلم منه، فهذا محمود غير مذموم ، ومأجور غير مأزور

บังอะสันครับ ข้อความที่ 3-4 จากหนังสือเอี๊ยะลามนี้ แสดงว่าเจ้าของหนังสือเห็นด้วยกับการตักลีดใช่หรือไม่???

ถามทั้งสองคนว่าข้อความทั้งสองหมวดค้านกันเองหรือไม่ และจะอธิบายข้อความทั้งสองหมวดให้ไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างไร???

............................

บังอะสัน

"และตอนนี้อยู่ในประเด็นหรือเปล่า พวกคุณส่งเสริมให้เกาะติดมัซฮับ ส่วนผมส่งเสริมให้คนหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ โดยให้เขาพยายามถอดแวนดำออกเพื่อให้ตาสว่างขึ้น เขาอ่าน เขามีวิจารณญานในการเลือก มีอะไรอีกไหมท่าน"

1.ผมจะถือว่านี่คือการยอมรับนะศีหะฮ์อย่างมีมารยาทนะครับ
2.ข้อความส่วนไหนที่บอกว่าผมส่งเสริมให้เกาะติดกับมัซฮับเหรอครับ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ

วัสสลาม

al-azhary

ถึงคุณ aswar

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

จริง ๆ แล้ว คำกล่าวของท่านอิบนุก๊อยยิมนั้น ไม่ได้ค้านกันเองหรอกครับ แต่บังอะสันเขาไม่แยกแยะว่า ท่านอิบนก๊อยยิมพูดถึงคนประเภทใหน? อะไรที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการละก็ เอาหมด โดยไม่แยกแยะอะไรทั้งนั้น เมื่อที่ผ่านมา ยกคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ ที่บอกว่า คนเอาวามอนุญาติให้สังกัดมัซฮับได้ พอไม่ตรงประเด็น ก็มายกคำกล่าวของท่านอิบนุก๊อยยิมที่กล่าวเกี่ยวกับประเด็นอื่น ๆ มาอีก เพราะเป็นอย่างนี้แหละครับ เราจึงต้องมาชี้แจง เดี๋ยวคนอ่านจะหลงเชื่อผิดประเด็น

แต่ที่แน่ ๆ หนังสือที่ผมนำเสนอวิจารณ์นี้ บอกว่าการสังกัดมัซฮับทั้ง 4 นั้นบิดอะฮ์และหะรอม แต่เราบอกว่า ไม่หะรอมและไม่วายิบ เพียงแค่อนุญาติ และเรามักจะใส่ร้ายเสมอว่าวายิบต้องสังกัดมัซฮับเดียว ทั้งเราบอกว่า ไม่วายิบ นั่นคือสิ่งที่เราได้นำเสนอไปครับ ส่วนคนที่ยังคงยึดติดอยู่กับพันธนาการในแนวคิดของตนนั้น ก็มักจะไม่ยอมฟังและไม่ยอมทำความเข้าใจกับใครทั้งสิ้น

u

อ้างจาก: al-azhary ที่ 31 สิงหาคม 49 , 22:12
แต่ที่แน่ ๆ หนังสือที่ผมนำเสนอวิจารณ์นี้ บอกว่าการสังกัดมัซฮับทั้ง 4 นั้นบิดอะฮ์และหะรอม แต่เราบอกว่า ไม่หะรอมและไม่วายิบ เพียงแค่อนุญาติ และเรามักจะใส่ร้ายเสมอว่าวายิบต้องสังกัดมัซฮับเดียว ทั้งเราบอกว่า ไม่วายิบ นั่นคือสิ่งที่เราได้นำเสนอไปครับ

สำหรับทัศนะนี้ของคุณ al-azhary ผมเห็นด้วยครับ

al-azhary

อ้างอิงจากคุณคุณ u

อ้างจาก: al-azhary ที่ 31 สิงหาคม 49 , 22:12

แต่ที่แน่ ๆ หนังสือที่ผมนำเสนอวิจารณ์นี้ บอกว่าการสังกัดมัซฮับทั้ง 4 นั้นบิดอะฮ์และหะรอม แต่เราบอกว่า ไม่หะรอมและไม่วายิบ เพียงแค่อนุญาติ และเรามักจะถูกใส่ร้ายเสมอว่าวายิบต้องสังกัดมัซฮับเดียว ทั้งเราบอกว่า ไม่วายิบ นั่นคือสิ่งที่เราได้นำเสนอไปครับ

สำหรับทัศนะนี้ของคุณ al-azhary ผมเห็นด้วยครับ

ตอบ

เรานำเสนอหลักการอิสลามมานำเสนอโดยไม่คลั้งไคล้นะครับ แต่กระนั้น ก็ยังไม่พอใจกับคนบางคนที่อยู่ในแนวคิดหนึ่งที่สุดโต่งจนเกินไป แม้กระทั้งสังกัดมัซฮับของคนเอาวามโดยอนุญาต(ไม่ใช่วายิบ) พวกเขายังจะจ้องหุกุ่มว่าเป็นบิดอะฮ์อยู่อย่างนั้น โดยยกหลักฐานและการหลักการที่ไม่ถูกกับเรื่อง ไม่ถูกกับเหตุการณ์และบุคคล และขอกล่าวว่าอัลหัมดุลิลาห์ที่คุณ ยู เข้าใจสิ่งที่ผมนำเสนอไปบ้างครับ

aswar

คุณ al-azhary กำลังจะบอกว่า ข้อความในหมวดแรก 1-2 นั้นเป็นการสนับสนุนคนที่อิจติฮาดได้ ให้อิจติฮาดใช่หรือเปล่าครับ ส่วนหมวดที่ 2 ข้อ 3-4 หรือข้อความของท่าน อิบนุตัยมียะฮ์ก็ดี เป็นการกล่าวถึงผู้ที่ไม่มีความสามารถจะวิเคราะห์วิจัยได้ ผมเข้าใจถูกรึเปล่าครับ

ส่วนบังอะสันเข้าใจอย่างไรครับ ข้อความในหมวดที่ 2 หรือข้อความของท่านอิบนุ ตัยมียะฮ์หมายความว่าอย่างไร และขัดกับข้อความในหมวดแรกหรือไม่อย่างไร??

ไม่ทราบว่าบังอะสันเป็นสมาชิกห้องนี้หรือเปล่า แต่ก็ถามทิ้งไว้ละกันครับ ยังรออยู่

วัสสลาม

al-azhary

وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

ถูกต้องแล้วครับคุณ aswar เพราะเราต้องแยกประเด็น อย่าพยายามสับสนกับตนเองหรือทำให้ผู้อื่นสับสนและรู้เท่าไม่ถึงการโดยทำให้หลงเชื่อกับสิ่งที่บางท่านนำเสนอ

والسلام

muddee

ซอฮาบะฮฺคือผุ้ที่เกิดทันนะบีและศรัทธาต่อนะบีดังนั้นแล้วเมื่อมีนะบีมีกิตาบุ้ลลอฮฺฉนั้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องมีมัซฮับให้ยึดตามเนื่องจากทุกสิ่งนั้นย้อนกลับไปหาอ.ล.หานะบีมันพอแล้วไม่ใช่หรือมันก็เหมือนกับตอนนี้ที่ขัดแย้งกันอย่าบอกน่ะว่าไม่ได้ตามใครคิดแบบใครนี่แหละเป็นสาเหตุที่เกิดมัซฮับไม่อย่างนั้นคงไม่มีคณะเก่าคณะใหม่

al-azhary

คุณ muddee ครับ

หากคุณอ่านประเด็นที่ผมนำเสนอมาอย่างเข้าใจ คุณจะพบว่า ซอฮาบะฮ์นั้นมีระดับที่แตกต่างกัน มีทั้งซอฮาบะฮ์ที่มีความโดดเด่นในการวินิจฉัยซึ่งเป็นส่วนน้อย และบรรดาซอฮาบะฮ์ทั่วไปที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้ซึ่งเป็นชนส่วนมาก การที่ซอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งได้ทำการวินิจฉัยหุกุ่มขึ้นมา นั่นย่อมถือว่าเป็นมัซฮับของซอฮาบะฮ์ท่านนั้น และการที่มีซอฮาบะฮ์ที่ไม่สามารถวินิจฉัยประเด็นหนึ่งประเด็นใดได้แล้ว พวกเขาก็ขอคำฟัตวาจากซอฮาบะฮ์มุจญฮิดและทำตามฟัตวานั้น ๆ และสถานภาพอย่างนั้น ก็มีมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงยุคของอิมามทั้ง 4 และหลังจากยุคของอิมามทั้ง 4 ก็ไม่มีมัซฮับใดที่มีความโดดเด่นและบันทึกหลักการเอาไว้และมีบรรดาสานุศิษย์ให้การสืบทอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มัซฮับทั้งสี่มีความโดดเด่นนั้น ผมก็ได้นำเสนอรายละเอียดไปแล้วครับ

ดังนั้น หากมีคนเอาวามที่ไม่สามารถวินิจฉัยหุกุ่มหนึ่งใดได้ เขาก็ต้องผู้รู้(มุฟตี)ที่เป็นมุจญฮิด ซึ่งการตามมุฟตี(มุจญฮิด) ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือว่าเสียชีวิตไปแล้ว ก็ถือว่าคำฟัตวานั้น ย่อมเป็นมัซฮับของคนเอาวาม ดังนั้น คนเอาวามต้องมีมัซฮับ เพราะมัซฮับคนเอาวามคือมัซฮับของมุฟตี ตามที่ผมได้อธิบายไปแล้วในเชิงหลักมูลฐานของนิติศาสตร์อิสลาม

และการเรียกว่า คณะเก่าและคณะไหม่นั้น เป็นแค่ชื่อเรียกครับ อย่าไปซีเรียสกับมันเลย

konyakroo

บังหะสันยกคำพูดอันนี้มาเพื่อหวังที่จะคัดค้านการอนุญาติให้ตามมัสหับกระนั้นหรือ.
--ทำไมหรือครับ.ตั้งแต่น้องอัลอัชฮารีย์ เสนอการเผยแพร่หนังสือที่ชื่อว่า..มุสลามต้องสังกัดมัสหับหรือไม่ ผมเห็นบังหะสัน เดือดร้อนมากกว่าเพื่อน รองลงมาก็คือไออาเอฟหรือคุณซันชายส์ เห็นบังกวนไปกวนมาจนน้ำขุ่น ทางที่ดีให้น้องเขาเสนอให้หมดก่อนซิครับ...ตรงไหนที่ผิดหรือใส่ร้าย.....ก็น่าจะติเตียนที่หลัง....ไม่ใช่โวยวายแบบเด็กๆ

وقد فرق أحمد بين التقليد والاتباع فقال أبو داود : سمعته يقول : الاتباع أن يتبع الرجل ما جاء عن النبي صلى الله عليه وسلم وعن أصحابه , ثم هو من بعد في التابعين مخير , وقال أيضا : لا تقلدني ولا تقلد مالكا ولا الثوري ولا الأوزاعي , وخذ من حيث أخذوا

และความจริง อิหม่ามอะหมัด ได้แบ่งแยกระหว่าง การตักลิด(การเชื่อตาม)และ การอิตติบาอฺ(การเจริญรอยตาม) โดยที่ท่านอบูดาวูดได้กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยินเขา(อะหมัด)กล่าวว่า "อัลอิตติบาอฺ คือ การที่คนนั้น เขาได้ตามสิ่งที่มาจากท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และจากบรรดาสาวกของท่าน หลังจากนั้น คือ ผู้ที่อยู่สมัยหลังจากนั้น ในการตามนั้น ให้มีทางเลือก และเขา(อะหมัด)ได้กล่าวไว้อีกว่า"อย่าตักลีดตามข้าพเจ้า,อย่าตักลิดตามมาลิก,อย่าตักลิดตามอัษเษารีย์และอย่าตักลิดตามอัลเอาซาอีย์ และให้เอา ตามที่พวกเขาเอามา -อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139

...สิ่งที่บังนำมาเสนอนี้มันเป็นการเสริมในการให้ผู้ที่ตักลีดได้คิดนะบังว่า การที่อีหม่ามอะหมัด พูดนั้นเพียงบอกว่าอย่าได้ตักลีดหรือตามแบบคนตาบอด คือตามแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะครับ อันนี้เราก็ไม่สนับสนุน แต่บังไม่อธิบายให้กับพี่น้องทั้งหลายได้กระจ่างก่อน นี้คือข้อเสียของบังที่ ตะอัศสุบอย่างน่าเกลียดกับทัศนะของบัง..5555

......น้องอัลอัชฮารีย์เสนอต่อไปครับ

asan

อัลมะอศูมีย์ กล่าวว่า

واتباع المذاهب الفقهية الأربعة لا حرج فيه إذا كان المسلم ليس عنده من العلم ما يستطيع به استنباط الأحكام من الكتاب والسنة , لكن متى ظهر له أن الصواب خلاف مذهبه فالواجب عليه اتباع الصواب وترك مذهبه

การตามบรรดามัซฮับฟิกฮทั้งสี่ นั้นไม่เป็นไร เมื่อปรากฏว่า มุสลิมคนนั้นไม่มีความรู้ ที่สามารถ ค้นคว้า หุกุมต่างๆจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ได้ แต่.....เมื่อความถูกต้อง ได้ปรากฏแก่เขา ซึ่งขัดแย้งกับมัซฮับของเขา ดังนั้น วายิบแก่เขาต้องตามความถูกต้อง และให้ทิ้งมัซฮับของเขา
- มุสลิมต้องตามมัซฮับหรือไม่ หน้า 38
..............................
นี้คือ การส่งเสริมให้ตามความถูกต้อง ไม่ใช่การยึดติดกับมัซฮับ โดยไม่ยอมปลดลอ็คตัวเอง เมื่อเห็นว่ามัซฮับของตนไม่หลักฐานที่ถูกต้องในประเด็นนั้นๆ

asan

อิบนุตัยมียะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

" قد ذم الله تعالى في القرآن من عدل عن اتباع الرسل إلى ما نشأ عليه من دين آبائه وهذا هو التقليد الذي حرمه الله ورسوله وهو : أن يتبع غير الرسول فيما خالف فيه الرسول ، وهذا حرام باتفاق المسلمين على كل أحد ; فإنه لا طاعة لمخلوق في معصية الخالق , والرسول طاعته فرض على كل أحد من الخاصة والعامة في كل وقت وكل مكان ; في سره وعلانيته وفي جميع أحواله . . . . وقد أوجب الله طاعة الرسول على جميع الناس في قريب من أربعين موضعا من القرآن .
وتقليد العاجز عن الاستدلال للعالم يجوز عند الجمهور . . . والتقليد المحرم بالنص والإجماع : أن يعارض قول الله ورسوله بما يخالف ذلك كائنا من كان المخالف لذلك " انتهى .

แท้จริงอัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตำหนิผู้ที่หันเหออกจากการปฏิบัติตามบรรดารอซูล ไปสู่สิ่ง เขาได้รับการปลูกฝังบนมัน จากศาสนาของบรรพบุรุษของเขา และนี้คือ การตักลิด(การเชื่อตาม)ที่อัลลอฮและรอซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ กล่าวคือ การตามอื่นจากรอซูล ในสิ่งที่ขัดแย้งกับรอซูล และกรณีนี้ เป็นสิ่งต้องห้ามแก่ทุกคน โดยมติเห็นฟ้องของบรรดามุสลิม แท้จริง ไม่มีการเชื่อฟังมัคลูค(มนุษย์) ในการฝ่าฝืนต่อพระผู้สร้าง(อัลลอฮ) และการเชื่อฟังต่อรอซูลนั้น เป็นข้อบังคับแก่ทุกคน ทั้งที่เป็นบุคคลเฉพาะ หรือคนทั่วไป(คนอาวาม) ในทุกเวลาและสถานที่ ,ในที่ลับและที่เปิดเผย และในทุกสภาพการณ์ .......และความจริงอัลลอฮได้ทรงกำหนดให้ การตามรอซูล เป็นหน้าที่ แก่มนุษย์ทุกคน ซึ่งระบุไว้ประมาณ สี่สิบแห่ง จากอัลกุรอ่าน

และการตักลิด ของผู้ที่ไม่สามารถอ้างอิงหลักฐาน ต่อผู้มีความรู้นั้น เป็นที่อนุญาตในทัศนะนักปราชญ์ส่วนใหญ่ .....และการตักลิดที่ต้องห้าม โดยหลักฐาน จากตัวบทและ อัลอิจญมาอฺนั้น คือ การปฏิบัติที่สวนทางกับคำพูดของอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ด้วยสิ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งนั้น (การตักลิดนั้นต้องห้าม)ตราบใดเที่เขาเป็นผู้ขัดแย้งดังกล่าวนั้น
- มัจญมัวะฟะตาวา เล่ม 19 หน้า 260-266
.....................
เพราะฉะนั้นใครจะตามมัซฮับใหนก็ตาม ต้องตามในสิ่งที่ไม่ขัดแย้งกับคำพูดของอัลลอฮและรอซูล ไม่ใช่เชื่อตามสิ่งที่ปู่ยาตายายนับถือมาโดยอ้างมัซฮับ ที่ไม่ตรงกับคำสอนอัลลอฮและรอซูล

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

และการตักลิดที่ต้องห้าม โดยหลักฐาน จากตัวบทและ อัลอิจญมาอฺนั้น คือ การปฏิบัติที่สวนทางกับคำพูดของอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ด้วยสิ่งที่ขัดแย้งกับสิ่งนั้น (การตักลิดนั้นต้องห้าม)ตราบใดเที่เขาเป็นผู้ขัดแย้งดังกล่าวนั้น

นี้คือ การส่งเสริมให้ตามความถูกต้อง ไม่ใช่การยึดติดกับมัซฮับ โดยไม่ยอมปลดลอ็คตัวเอง เมื่อเห็นว่ามัซฮับของตนไม่หลักฐานที่ถูกต้องในประเด็นนั้นๆ

ตอบ

ครับบังอะสัน การตักลีดตาม ส่งที่ขัดกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ และอิจญมาอ์ นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อุลามาอ์แต่ละมัซฮับนั้น มีการกลั่นกลองกันมาทุกยุคทุกสมัย โดยมีมุจญฮิดหลายระดับทำการวินิจกันมา โดยไม่มีอุลามาอ์มัซฮับท่านใดหรอก ที่จะให้มีสิ่งที่ขัดกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ และอิจญฺมาอ์ เข้ามาอยู่ในแนวทางของตน อย่างเช่นมัซฮับ ชาฟิอีย์นั้น ก็มีอุลามาอ์มัซฮับมุจญฮิด อย่างเช่นอิมาม นะวาวีย์ อิมามอัรรอฟิอีย์ อิมามอิบนุหะญัร อิมามรอมลี เป็นต้น ต่างก็เป็นนักหะดิษ กันทั้งนั้น โดยไม่ยอมปล่อยให้มัซฮับของตนต้องมีสิ่งที่ขัดกับหลักการหรอก

แต่มายุคหลัง ๆ มีแนวทางหนึ่ง ที่ยึกหลักการของตนเอง แล้วมาฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมมัซฮับอื่นด้วยหลักการของตน ซึ่งแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากหลักอุซูล(มูลฐานนิติศาสตร์อิสลามแตะละมัซฮับนั้นย่อมแตกต่างกัน) แต่ทั้ง 4 มัซฮับนั้น ก็ไม่ออกนอกหลักฐานของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์

บางครั้งมัซฮับใช้หลักการมูลฐานนิติศาสตร์อย่างนี้ แต่อีกมัซฮับใช้หลักมูลฐานนิติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ในการวินิฉัยตัวบท จึงไม่สิทธิ์ที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า มัซฮับนี้ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์

แต่เสียดายที่บางกลุ่มที่อ้างตนเองว่าไม่มีมัซฮับ แล้วแอบอ้างว่า พวกเขาตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ซึ่งหากเราได้ตรวจสอบตามหลักนิติศาสตร์จริง ๆ แล้ว กลุ่มนี้ก็แค่ผู้แอบอ้างเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยกยึดติดในอุลามาอ์ของตนเอง แม้จะขัดแย้งกับหะดิษที่ซอฮิหฺสักทีก็ตาม!!

asan

ข้อความของ อัลอัซฮารีย
แต่เสียดายที่บางกลุ่มที่อ้างตนเองว่าไม่มีมัซฮับ แล้วแอบอ้างว่า พวกเขาตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ซึ่งหากเราได้ตรวจสอบตามหลักนิติศาสตร์จริง ๆ แล้ว กลุ่มนี้ก็แค่ผู้แอบอ้างเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยกยึดติดในอุลามาอ์ของตนเอง แม้จะขัดแย้งกับหะดิษที่ซอฮิหฺสักทีก็ตาม!!

.............
อย่ารำพึงรำพันและกล่าวหาผู้อื่น ใหนบอกว่าวิชาการมาดิ.. ใหนลองยกหลักฐาน อุลามมัซฮับต่างๆไม่ผิดมาซิครับ

เห็นกล่าวว่า

อุลามาอ์แต่ละมัซฮับนั้น มีการกลั่นกลองกันมาทุกยุคทุกสมัย โดยมีมุจญฮิดหลายระดับทำการวินิจกันมา โดยไม่มีอุลามาอ์มัซฮับท่านใดหรอก ที่จะให้มีสิ่งที่ขัดกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ และอิจญฺมาอ์ เข้ามาอยู่ในแนวทางของตน อย่างเช่นมัซฮับ ชาฟิอีย์นั้น ก็มีอุลามาอ์มัซฮับมุจญฮิด อย่างเช่นอิมาม นะวาวีย์ อิมามอัรรอฟิอีย์ อิมามอิบนุหะญัร อิมามรอมลี เป็นต้น ต่างก็เป็นนักหะดิษ กันทั้งนั้น โดยไม่ยอมปล่อยให้มัซฮับของตนต้องมีสิ่งที่ขัดกับหลักการหรอก ..........
เอาหลักฐานมารับรองดีกว่า อย่าเที่ยวกล่าวหาผู้อื่นอีก
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
asan

ข้อความเมื่อ: วันนี้ เวลา 00:54ข้อความโดย: al-azhary
ใส่การอ้างถึงคำพูด
แต่หากแนวทางของบังอะสันที่นับถืออยู่นั้น จะผิดหรือไม่ผิด เราจะตั้งกระทู้ให้นะครับ รอหน่อย บังอะสันจะได้สมหวัง แต่อย่าเอาปนกับประทู้นี้นะครับ แล้วจะรู้ว่าใครที่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์ และเราไม่เคยทำให้บังอะสันแลพรรคพวกต้องผิดหวังอยู่แล้วนี่ครับ
..............
เอ้า..ท้าอีกแล้ว เขาบอกให้เอาหลักฐานมายืนยันรับรองว่า อุลามาอฺมัซฮับชาฟิอีไม่ผิด มาให้ดู กลับเฉไปอื่น เฮ้อ..ไม่สมราคาคุย นี้เขาเข้ามาเรียนกับ อาจารย์แห่งอัลอัซฮัรนะครับ

al-azhary

ผู้แต่งหนังสือกล่าวว่า

"จากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ว่า อุตริกรรมแนวความคิด(มัซฮับ) การสังกัดอยู่ในแนวความคิด(มัซฮับ)ความหลงผิดของหนทางและแนวทางปฏิบัติต่างๆ นั้นมันอยู่ในแนวทางของฟิรอูนและนโยบายของเขาชั้วช้าเหมือนกับที่มันเป็นสิ่งแพร่หลายที่ชัดแจ้งจากนโยบายรัฐบาลต่างๆที่มีลักษณะของพวกหัวหน้าซาตานของประเทศยุโรปอัลลอฮ์" ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? ฉบับแปลไทย หน้า 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110

ตอบ

เราขอกล่าวว่า ในอิสลามนั้น อนุญาตหรือไม่ที่ท่านจะทำให้อิมาม อบูหะนีฟะฮ์ อิมามชาฟิอีย์ อิมามมาลิกและอิมามอะหฺมัด เหมือนกับฟิรอูนและอยู่ในแนวทางของเขาที่สกปรก ซึ่งเป็นที่ทราบว่าอิมามทั้งสี่นั้นก็มีมัซฮับเป็นของตนเองในการวินิจฉัยฮุกุ่มและหลักการของศาสนา ทั้งที่อิมามทั้งสี่นั้น เป็นผู้ที่มีความยำเกรง มีความเคร่งครัด และอิบาดะฮ์เป็นเยี่ยม แต่ถ้าหากผู้แต่งหมายถึงบรรดาสานุศิษย์หรืออุลามาอ์ นักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามที่อยู่ในมัซฮับทั้ง 4 ละก็ เราขอถามว่า เป็นที่อนุญาตในอิสลามหรือไม่ ที่ผู้แต่งหนังสือกล่าวว่า ศิษย์ทั้งสองของท่านอบูหะนีฟะฮ์ คือท่านอบูยูซุฟ และมุหัมมัด บิน อัลหะซัน ท่านอัฏเฏาะหาวีย์ ท่านอิบนุอัลฮุมาม ท่านอัซซัยละอีย์ ท่านอัรร๊อมลีอัลหะนะฟีย์ ท่านอัลกาซานีย์ ท่านอัซซั๊รกาชีย์ และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ หรือท่านอิบนุ อัลอะรอบีย์ อัลมาลิกีย์ ท่านอิบนุอับดุรบัรริ ท่านอัชชาฏิบีย์ ท่านอัลกุรฏุบีย์ และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์มัซฮัลมาลิกีย์ หรือท่านอัลบุวัยฏีย์ ท่านอัลมุซะนีย์ ท่านอัลก๊อฟฟาล ท่านอัดดะรอกีย์ ท่านอัรรอฟิอีย์ ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ท่านอัสศะยูฏีย์ ท่านอิบนุหะญัร และอื่นๆ จากมัซฮับชาฟิอีย์ หรือท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ท่านอิบนุรอญับ และท่านอื่นๆ จากมัซฮับหัมบาลีย์ คือผู้ที่ผู้แต่งหนังสือบอกว่าพวกเขาอยู่ในแนวทางมัซฮับที่เสมือนกับแนวทางของฟิรอูนและตามแนวทางของเขาอันสกปรกโสมม ซึ่งการที่ผู้แต่งพูดอย่างนั้น มันเป็นสิ่งที่อนุญาตตามหลักการของอิสลามแล้วกระนั้นหรือ ? ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้น ก็กล่าวว่า พระเจ้าของเราคืออัลเลาะฮ์ ร่อซูลของเราคือ ท่านนบีมุฮัมมัด(ซ.ล.) และอัลกุรอานคืออิมามของเรา ซึ่งมันจะไปเหมือนกับแนวทางของฟิรอูนที่กล่าวว่า ฉันคือพระเจ้าผู้สูงส่ง ? หรือกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดแล้วนอกจากฉัน ได้อย่างไร? ดังนั้น จึงเป็นที่อนุญาตหรือ ที่จะไปกล่าวว่า พวกเขาเหล่านั้น ที่เป็นนักปราชญ์ นักทำอิบาดะฮ์ นักซิกรุลลอฮ์ ไปเหมือนกับฟิรอูนที่อ้างตนเป็นพระเจ้า ? อิสลามอนุญาตหรือที่ไปกล่าวถึงอุลามาอ์ผู้มีมัซฮับเหล่านั้น ที่ทุ่มเทเวลาในการับใช้อิสลามและบรรดามุสลิมีน ไปเหมือนกับฟิรอูนผู้ฝ่าฝืนและกบฏต่ออัลเลาะฮ์? แล้วต่อไปผู้แต่งหนังสือจะไปตอบกับอัลเลาะฮ์ว่าอย่างไร เมื่อเขาได้กล่าวแบบนี้?? แล้ววันกิยามะฮ์ผู้แต่งหนังสือจะตอบอัลเลาะฮ์ว่าอย่างไร ในเมื่ออุลามาอ์ผู้มีมัซฮับ ก็กล่าวคำว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ มุฮัมมัด ร่อซูลุลลอฮ์ พวกเขาทำการละหมาด ทำอิบาดะฮ์ สละเวลาในการหาความรู้และสั่งสอน ? หรือว่าท่านผู้แต่งหนังสือจะกล่าวหาว่าอุลามาอ์ผู้มีมัซฮับ ที่กล่าวสองเกาะลิเมาะฮ์ ทำละหมาด ทำฮัจญ์ ถือศีลอด ออกซะกาต ละหมาดสุนัตยามค่ำคืน ทำการสอนศาสนา และทำการซิกรุลลอฮ์อันมากมาย แล้วพวกเขาก็ตาย ในสภาพของผู้ที่ดื้อดึง กุฟุร ตามแนวทางของฟิรอูนอันสกปรกกระนั้นหรือ?

al-azhary

นั่นไงครับบังอะสัน หนังสือที่บังอะสันเทิดทูนและผู้แต่งที่บังอะสันพยายามปกป้อง เราเริ่มเผยให้เห็นของหลักการของเขาแล้วนะครับ ที่ผ่านมาบังอะสันพยายามปกป้องผู้แต่งหนังสือว่า เขาเพียงแค่พยายามบอกว่าการสังกัดมัซฮับไม่วายิบ แต่ที่ใหนได้ ไม่เพียงเท่านั้นครับ ยังบอกว่ามัซฮับและการมีมัซฮับนั้น เป็นแนวทางของฟิรอูน อันชั่วร้ายและสกปรก??!!

เพราะฉะนั้น บังอะสันคงทราบแล้วนะครับว่า ทำไมเราต้องนำหนังสือดังกล่าวที่บังอะสันนับถือมาวิจารณ์??

al-azhary

มัซฮับทั้ง 4 เป็นปัจจัยที่สร้างความเป็นเอกภาพหรือสร้างความแตกแยก

บางกลุ่มกล่าวว่า "มัซฮับทั้งสี่นั้น คือ สาเหตุของการแตกแยก เพราะได้แบ่งผู้คนทั้งหลายออกเป็นสี่พวก แล้วอ้างว่า ทุกๆ กลุ่มกล่าวว่า นี้คือตำราของพวกเขาและนี้คือตำราของพวกเรา นี้คืออิมามของพวกเขาและนี้คืออิมามของพวกเรา นี้คือมัซฮับของพวกเขาและนั่นคือมัซฮับของพวกเรา แล้วจะอนุญาตให้มีสี่แนวทางได้อย่างไร? ในเมื่อ นบีของพวกเราคือคนเดียวกัน อัลกรุอานของเรานั้นเล่มเดียวกัน และศาสนาของเราก็หนึ่งเดียวกัน และพวกเขายังกล่าวอีกว่า "มนุษย์ที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุดคือนักปราชญ์หะดิษ"

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำกล่าวอ้างเช่นนี้ ย่อมขัดกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ยืนยันในหนทางที่กลับกันเลยทีเดียว เนื่องจากผู้มีใจเป็นธรรม จะทราบว่า ความขัดแย้งอันมากมายนั้น ไม่ใช่มาจากการตักลีด แต่การตัดลีกนั้นกลับทำให้เกิดความกลมเกลียวไม่ใช่ความแตกแยก เพราะท่านคงทราบถึงประเทศใหญ่ๆ อย่างประเทศอินเดีย ที่ดำเนินตามมัซฮับของอิมามอบูหะนีฟะฮ์(หะนะฟีย์) โดยไม่มีความขัดแย้งและเกิดความแตกแยกในหมู่พวกเขาเลย และท่านจะพบว่าประเทศมอร๊อคโค ญะซฺาอิร และตูนิส ได้ดำเนินตามมัซฮับอิมามมาลิกโดยที่ไม่มีความขัดแย้งและเกิดความแตกแยกในหมู่พวกเขาเลย แต่ความเป็นจริงการขัดแย้งได้เกิดขึ้น เพราะมีการวินิจฉัยมากขึ้น บรรดาความเห็นมีการขัดแย้งกัน เพราะหากทุกคนเป็นมุจญฮิด(นักวินิจฉัย)และปฏิบัติตามความเห็นของตนในการเข้าใจอัลกุรอานและหะดิษเอง แน่นอนว่า ท่านจะไม่เห็นแม้กระทั่งคนสองคนจะมีความกลมเกลียวกันเลย ด้วยเหตุนี้ ท่านจะพบว่า บรรดาบุคคลที่ต่อต้านมัซฮับทั้งสี่คือกลุ่มที่สร้างความแตกแยกมากที่สุดทุกๆ วัน ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในความแตกแยกและแบ่งพรรคแบ่งพวก

แท้จริง ความขัดแย้งอันมากมายที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ผู้มีชีวิตอยู่หลังจากฉันนั้น แน่นอน เขาจะได้เห็นความขัดแย้งอันมากมาย" ซึ่งหมายถึง มาจากสาเหตุที่ทุกคนอวดอ้างว่าความเห็นของตนเองเท่านั้นที่ดีและถูกต้อง

เพราะฉะนั้น จึงไม่บังควรที่จะแอบอ้างว่า การตักลีดตามบรรดาอิมามที่อยู่ในทางนำ เช่น อิมามอบูหะนีฟะฮ์ อิมามมาลิก อิมามชาฟิอีย์ และอิมามอะหฺมัด เป็นการสร้างความแตกแยกในศาสนาและทำให้มุสลิมแตกออกเป็นหลายกลุ่ม เพราะว่าผู้ที่ตามอิมามที่อยู่ในทางนำนั้น แน่นอนว่า เขาก็คือผู้ที่อยู่ในทางนำด้วย

และคำกล่าวที่ว่า การตามบรรดาอิมามแห่งทางนำนั้น คือการสร้างความแตกแยกในศาสนา ย่อมเป็นคำกล่าวที่มาตำหนิบรรดาปวงปราชญ์ในศาสนา ตำหนิบรรดาซอฮาบะฮ์ ตาบิอีน เนื่องจากว่าพวกเขาเหล่านั้น ก็มีการขัดแย้งกันในหลายทัศนะ ส่วนคนมุก๊อดลิดหรือคนเอาวามทั่วไป ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดและไม่ได้สร้างทัศนะขึ้นมาใหม่ แต่พวกเขาตามบรรดาอิมามที่อยู่ในทางนำและได้ยึดเอาบรรดาทัศนะคำกล่าวของพวกเขาที่วินิจฉัยมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ซึ่งคำกล่าวนี้ ย่อมมีความชัดเจนสำหรับผู้ที่มีใจเป็นธรรมและไร้ความทิฐิ

และบรรดาผู้ตักลีดตามบรรดาอิมามที่อยู่ในทางนำนั้น ก็ไม่ได้อวดอ้างว่า มัซฮับของพวกเขาถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวและมัซฮับอื่นนั้นหลงผิด แต่พวกเขามีความเชื่อว่า ทุกๆ มัซฮับของอิมามมุจญฮิดนั้น อยู่บนความดีงามและสามารถเจริญรอยตามได้

ท่าน ชัยค์ สะอีด หะวา (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ "เญาลาต ฟี อัลฟิกฮัยน์" หน้า 126 ว่า "สำหรับบรรดาบุคคลที่ต่อต้านผู้มีมัซฮับ ด้วยการแอบอ้างความเป็นเอกภาพในอิสลามนั้น เราขอกล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริง ในตัวของการมีมัซฮับ ไม่ได้สร้างความแตกแยก แต่การนำมาปฏิบัติแบบผิดๆ ของผู้สังกัดมัซฮับต่างหากที่สร้างความแตกแยก ซึ่งการแก้ไขในกรณีนี้ ไม่ใช่การยกเลิกการมีมัซฮับ แต่การแก้ไขนั้น ต้องด้วยจิตสำนึก มีการอบรมและสั่งสอนอย่างถูกต้อง และเราขอกล่าวว่า แท้จริง ความเป็นเอกภาพของอิสลามในด้านนิติศาสตร์นั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงที่มีการปกครองระบบรัฐอิสลาม เพราะผู้นำหรือตัวแทนของผู้นำสามารถวางกฏหมายอิสลามที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ภายในเมืองหนึ่ง หรือเมืองต่างๆ และก็ทำการกำหนดมันแก่ประชาชาติ และการที่ประชาชาติอิสลามได้ยึดมัซฮับทั้ง 4 นั้น ย่อมเป็นรูปแบบที่สร้างความแตกแยกน้อยที่สุด ซึ่งหากว่าไม่มีมัซฮับทั้งสี่ แน่นอนว่าพวกเราคงมีเป็นล้านๆ มัซฮับเกิดขึ้น (โดยที่ความวุ่นวายต้องเกิดขึ้นในอิสลามเป็นอย่างแน่แท้) และด้วยจิตใจที่เป็นธรรม ไร้ทิฐิ และการนำเสนอความจริงดังเช่นที่มันได้เกิดขึ้นนั้น เราขอกล่าวว่า "ผู้ทีสังเกตุถึงบรรดาบุคคลที่โจมตีต่อบรรดามัซฮับของอิมามมุจญฮิดและต่อผู้ที่ได้ทำการยึดถือและทำการฟัตวาตามการวิเคราะห์ของนักปราชญ์มุจญฮิดเหล่านั้น พวกเขาจะไม่ยอมรับอย่างจริงจังกับตัวอย่างการวินิจฉัยของอิมามอบูหะนีฟะฮ์ อิมามชาฟิอีย์ อิมามมาลิก และอิมามอะหฺมัด (เพราะพวกเขาเหล่านั้นอ้างว่าอิมามทั้งสี่ไมได้ใช้ให้ตาม) แล้วมอบการวินิจฉัยให้กับคนเอาวามทั่วไป และหากว่ามีคนหนึ่งได้ขอให้ฟัตวาตามแนวทางของผู้ไม่มีมัซฮับหรือผู้ที่มีแนวทางเหมือนพวกเขา แน่นอนว่า พวกเขาย่อมไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตำหนิ แต่พวกเขาจะทำการตำหนิต่อผู้ที่ทำการฟัตวาตามอิมามอบูหะนีฟะฮ์ อิมามชาฟิอีย์ อิมามมาลิก และอิมามอะหฺมัด ซึ่งเฉกเช่นดังกล่าวนี้ มันไม่เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงดอกหรือ??!! "

ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ได้ยืนยันแล้วว่า การสร้างความแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างเป็นระบบตามกระแสของผู้ที่ไม่มีมัซฮับนั้น ย่อมมีมากกว่า รุนแรงกว่า และยังความอันตรายมากกว่าแนวทางของผู้ที่ตามอิมามทั้งสี่ และการมีความผิดพลาดบางประการในเชิงการปฏิบัติของผู้มีมัซฮับนั้น จะนำมาเป็นเอกลักษณ์หรือเหมาเป็นภาพรวมของการมีมัซฮับนั้นย่อมไม่ได้อย่างแน่นอนและเด็ดขาด

asan

ข้อความของน้องบ่าว al-azhary
นั่นไงครับบังอะสัน หนังสือที่บังอะสันเทิดทูนและผู้แต่งที่บังอะสันพยายามปกป้อง เราเริ่มเผยให้เห็นของหลักการของเขาแล้วนะครับ ที่ผ่านมาบังอะสันพยายามปกป้องผู้แต่งหนังสือว่า เขาเพียงแค่พยายามบอกว่าการสังกัดมัซฮับไม่วายิบ แต่ที่ใหนได้ ไม่เพียงเท่านั้นครับ ยังบอกว่ามัซฮับและการมีมัซฮับนั้น เป็นแนวทางของฟิรอูน อันชั่วร้ายและสกปรก??!!
?????.
บังอะสันขอกล่าวว่า

นี่คือ การใส่ร้ายแก่ท่านมะอฺศูมีย์ โดยตัดตอนบางส่วนของข้อความ ฉบับแปลภาษาไทย ? ฉบับแปลไทย หน้า 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110 (จริงๆหนังสือเล่มนี้มีแค่ 48 หน้าเท่านั้น ไม่ทราบว่าal-azharyไปได้มาจากใหน)
โดยกล่าวว่า
แต่งหนังสือกล่าวว่า

"จากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ว่า อุตริกรรมแนวความคิด(มัซฮับ) การสังกัดอยู่ในแนวความคิด(มัซฮับ)ความหลงผิดของหนทางและแนวทางปฏิบัติต่างๆ นั้นมันอยู่ในแนวทางของฟิรอูนและนโยบายของเขาชั้วช้าเหมือนกับที่มันเป็นสิ่งแพร่หลายที่ชัดแจ้งจากนโยบายรัฐบาลต่างๆที่มีลักษณะของพวกหัวหน้าซาตานของประเทศยุโรปอัลลอฮ์" ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? ฉบับแปลไทย หน้า 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110
..................
ทำไมไม่กล่าวถึงต้นเรื่องของข้อความนี้ ในหน้า 76 โดยผู้เรียบเรียงหนังสือได้กล่าวว่า
?แท้จริงในวันศุกร์ ที่10 ของเดือนรอมฏอน ปี 1360 (ฮ.ศ)ฉันได้อยู่ที่ฏออีฟ ที่มัสญิดอับดุ้ลลอฮ อิบนุอับบาส (ขออัลลอฮทรงพอใจต่อเขาทั้งสองด้วยเถิด) อ่านคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก เมื่อนั้นได้ปรากฏแก่ฉันว่า ฟิรเอาน์ (ขอการสาปแช่งได้มีแก่เขาด้วย) เขาเป็นผู้ทำให้ผู้คนทั้งหลาย เป็นกลุ่มต่างๆมากมาย ได้กระจายพวกเขา ไปอยู่ในแนวความคิดต่างๆ และหนทางต่าง
..........................
พอมาหน้าที่ 77 ที่ al-azhary ตัดมาอ้างเพื่อโจมตีอัลมะอศูมีย์คือ
จากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ว่า อุตริกรรมแนวความคิด(มัซฮับ) การสังกัดอยู่ในแนวความคิด(มัซฮับ)ความหลงผิดของหนทางและแนวทางปฏิบัติต่างๆ นั้นมันอยู่ในแนวทางของฟิรอูนและนโยบายของเขาชั้วช้าเหมือนกับที่มันเป็นสิ่งแพร่หลายที่ชัดแจ้งจากนโยบายรัฐบาลต่างๆที่มีลักษณะของพวกหัวหน้าซาตานของประเทศยุโรปอัลลอฮ์" ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? ฉบับแปลไทย หน้า 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110
.............
ข้อความข้างต้น ท่านหมายถึง การสังกัดมัซฮับแบบหลงผิด นั้น อยู่ในแนวทางของฟีรอูนและ พวกหัวหน้าซาตานของประเทศยุโรป โดยท่านได้อ้างหลักฐานดังนี้
إِنَّ فِرْعَوْنَ عَلَا فِي الْأَرْضِ وَجَعَلَ أَهْلَهَا شِيَعاً يَسْتَضْعِفُ طَائِفَةً مِّنْهُمْ

[28.4] แท้จริงฟิรเอาน์หยิ่งผยองในแผ่นดิน และทำให้ประชาชนนั้นแตกแยกเป็นกลุ่ม ๆ

وَلَا تَكُونُوا مِنَ الْمُشْرِكِينَ
และอย่าอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี
مِنَ الَّذِينَ فَرَّقُوا دِينَهُمْ وَكَانُوا شِيَعاً كُلُّ حِزْبٍ بِمَا لَدَيْهِمْ فَرِحُونَ
[30.32] (คือ) ในหมู่ผู้แบ่งแยกศาสนาของพวกเขาออกเป็นนิกายต่าง ๆ และแต่ละหมู่คณะก็พอใจต่อสิ่งที่พวกเขามีอยู่ - " ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? ฉบับแปลไทย หน้า 77
?????.
ดังนั้นน้องบ่าว al-azhary ควร อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยใจ อิคลาศต่ออัลลอฮ และไม่อคติ ต่อผู้ที่เรียบเรียงหนังสือที่มีทัศนไม่ตรงกับตน ท่านมะฮศูมีย์ไม่ได้โจมตีอิหม่ามทั้งสี่ เพราะท่านเหล่านี้ไม่ได้ก่อตั้งมัซฮับแล้วปรากาศให้คนมาสังกัด ท่านได้ตำหนิพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่ยึดติดกับมัซฮับด้วยความคลั่งไคล้งมงาย ทำไมไม่นำข้อความหนังสือทั้งเล่มให้ผู้อ่านอ่านละครับ น้องบ่าวจะใช้เว็บบอร์ดมุสลิมไทยเพื่อทำลายความเชื่อถือของอุลามาอฺอย่างไม่เป็นธรรม ในที่สุด ความอคติที่มีในตัวของน้องบ่าว ก็จะทำลายตัวของน้องเอง ขอเตือนไว้ และน้องบ่าวเว็บมาสเตอร์กรุณาอย่าลบ เพราะบังอะสัน ต้องการสอนเด็ก ให้จักตัวเองให้มากกว่านี้ นี้หรือ ห้องเสวนาวิชาการในเชิงลึก

asan

ท่านอิบนุกอ็ยยิม (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
إن العامي لا يتصور أن يصح له مذهب ، ولو تصور ذلك لم يلزمه ولا لغيره ، ولا يلزم أحد قط أن يتمذهب بمذهب رجل من الأمة بحيث يأخذ أقواله كلها ويدع أقوال غيره ،وهذه بدعةٌ حدثت في الأمة لم يقل بها أحد من أئمة الإسلام ، وهم أعلى رتبة وأجل قدراً وأعلم بالله ورسوله من أن يلزموا الناس بذلك ،وأبعد منه قول من قال يلزمه أن يتمذهب بمذهب عالم من العلماء وأبعد منه قول من قال يلزمه أن يتمذهب بأحد المذاهب الأربعة . أعلام الموقعين 4/ 262

แท้จริง คนทั่วไป(คนอาวาม)นั้น อย่าได้คิดไปว่า มัซฮับของเขาถูกต้อง และถ้าเขาคิดไปอย่างนั้น เขาก็ไม่ยึดติดกับมันและไม่ยึดติดอื่นจากมัน และคนหนึ่งคนใด จะไม่ยึดติด โดยการสังกัดมัซฮับ ของคนใดจากจากอุมมะฮเท่านั้น โดยที่ยึดเอาคำพูดของเขาทั้งหมด และทิ้งบรรดาคำพูดของผู้อื่น และนี้คือ ?บิดอะฮ? ที่เกิดขึ้นในประชาชาตินี้ ,ไม่มีคนใดจากบรรดาผู้นำ(อิหม่าม)แห่งอิสลาม กล่าวอย่างนั้น (หมายถึงสังกัดมัซฮับโดยเฉพาะ) และพวกเขา คือผู้ที่อยู่ในฐานะที่สูงส่งและมีความเป็นเลิศ ในบารมี และมีความรู้ ในอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ยิ่งกว่า การทีพวกเขายึดติดอยู่กับมนุษย์ ด้วยดังกล่าวนั้น และ คำพูดของผู้ที่กล่าวว่า จำเป็นต้องสังกัดมัซฮับอุลามาอฺ ห่างใกลจากเขา(อิหม่ามแห่งอิสลาม) ยิ่งนัก และคำพูดของผู้ที่กล่าวว่า ต้องสังกัดมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดจากสี่มัซฮับ ก็ห่างใกลจากเขายิ่งนัก(เช่นกัน) - ดูหนังสือ อะอฺลามุ้ลมุวักกิอีน เล่ม 4 หน้า 262
......................
สรุปจากคำพูดของท่านอิบนุกอ็ยยิม คือ การยึดติดกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งโดยเฉพาะนั้น เป็น บิดอะอ

asan

ส่วนน้องคนอยากรู้ บังอะสันขอร้องเถอะ ถ้าไม่เป็นหลักวิชาการที่ตนเองค้นคว้ามา อย่าเอามาให้มันกลบวิชาการที่น้องบ่าวอัลอัซฮารีย์และบังอะสันคนหล่อของน้องบ่าวเลยน่ะ

konyakroo

บังหะสันโดนใจ..กล่าวว่า
อัลหั้มดุลิ้ลละฮ ตอบถูกใจจัง..

ผมกล่าวว่า อย่าเอาแค่ให้ถูกใจอย่างเดียวเลยครับ แต่มันต้องถูกต้องด้วยนะครับ การถูกใจเอามาวัดความถูกต้องไม่ได้ครับ..อย่างเช่นการนำเสนอคำใส่ร้ายของท่านอัลมะซุมีย์นั้นบังหะสันไม่ถูกใจใช่ไหมครับเพราะเป็นทัศนะเดียวกับบังหะสันตักลีดอยู่ ..แต่ผมว่ามันถูกต้องที่น้องอัลอัชฮารีย์นำมาเปิดเผยธาตุแท้ของผู้ตักลีดแบบตาบอดกับทัศนะใหม่อันนี้.0.
.
บังกล่าวต่อว่า..
...ก็บอกแล้วไง ว่าตามผู้รู้หรือตามมัซฮับนั้น คือ การตามหลักฐาน ไม่ใช่ ตามโดยตัวบุคคลเป็นหลัก

นี้คือคำพูดของผู้ที่ไม่รู้เลย แก่จนปูนนี้แล้ว.. คนอาวามก็ต้องศึกษา ตามความสามารถของเขาที่จะเรียนรู้ได้ .
อัลลออ์ตะอาลาทรงชีวิตการเกิดแก้เจ็บตายของมนุษย์ การมรโชคลาภรีสกีความดีความจนความรวยโอกาสนั้นย่อมไม่เหมือนกัน คนอาวามคนที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินทองพอแต่เขามีกะลีมะเหมือนกันนี่ บังอย่าเอาโทษหรือบังคับซิครับ..การศึกษานั้นมันจำเป็นกันทุกคนแต่ปัจจัยและโอกาสนั้นเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ต้องคิด..พิเคราะห์ไม่ใช่ว่าต้องเอาผิดกับเขา..ณ.อัลลออ์นั้นทรงอภัยยิ่ง แต่การตักลีดหรือมัสหับมุฟตีนั้นเป็นทางออกสำหรับคคนแบบนี้นะครับ..บังหะสันอย่าเอาซีฟัตของอัลลออ์มาลงโทษเอาผิดหรือบังคับคนอาวามเลยครับ..ไม่ใช่งานของบัง..ระวังตัวเองให้มากดเถอะครับที่พูดอะไรไปผิดพลาด เช่นกีดกันในการนำเสนอความจริงที่ถูกต้อง..แต่ไม่ถูกใจนั้นตามอารมณ์นั้นมันอันตรายยิ่ง..

.บังครับ
..ก็เพราะมุสลิมทุกคนต้องเรียน สิ่งที่เป็นข้อบังคับพื้นฐานในทางศาสนา เขาจะต้องรู้ว่า สิ่งที่ตนเองเชื่อและปฏิบัตินั้น เป็นคำสอนของพระเจ้าของเขา หรือ เป็นคำสอนของศาสนทูต แน่นอนอยู่แล้วแต่สิ่งใดเขาไม่รู้เขาก้ต้องค้นคว้า แต่เมื่อเขาไม่ความสามารถตรงนั้นได้เช่นปัญหาอุปสรรคที่อัลลออ์ให้ประสฟกับเขาไม่ว่าแขนขาดหูหนวกเป็นใบ้ยากจน เขาก็ต้องต่ามผู้ที่รู้มากกว่าเขา ที่เห็นว่าผู้รู้นั้นถูกต้องแล้วในการตาม.สิ่งใดๆ
.แต่ไม่อาจจะไม่ถูกใจทัศนะของบังใช่ปะ ไม่ว่าการแนะนำสิ่งใดที่ไม่อยู่ในแนงวทางบังในคือ..ผิดหมด..

บังพูดว่า..ที่เขาได้กล่าวชะฮาดะฮรับรองเอาไว้

การกล่าวชาฮาดะนั้นเป็นการสัญญาตต่อพระองค์ว่าเขายอมรับศาสนาอิสลาม...ไม่ใช่จะบังคับแบบตายตัวแบบที่พี่น้องบางคนยังขาดความเข้าใจในการศึกษาอย่างถูกต้อง..ดังนั้น การตามผู้ที่มีความรู้นั้นไม่ผิดแต่อย่างใด
บังกล่าวว่าเขาจะตามแบบคนไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ คนไม่รู้ ก็เหมือนคนตาบอด ดังที่อัลลออ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ตรัสว่า

قُلْ هَلْ يَسْتَوِي الأَعْمَى وَالْبَصِيرُ أَفَلاَ تَتَفَكَّرُونَ
จงกล่าวเถิด คนตาบอดกับคนตาดีนั้นจะเท่าเทียมกันหรือ? พวกท่านไม่ใคร่ครวญดอกหรือ?

.............บังครับไม่มีใครหรอกครับที่โง่จนไม่รู้อะไรเลยเพียงแต่รู้มากหรือน้อยเท่านั้น..
อายะนี้เห็นไหมละครับ..ว่าพระองค์ให้เราถามสิ่งที่เราไม่รู้ การถามก๋คือการอยากรู้สิ่งนั้นแล้วนำมาปฏิบัติไม่ใช่ถามแล้วทิ้งหรือไม่ปฏิบัติ..นั้นและพระองค์ให้เราใคร่ครวญบ้างว่าอย่าได้ดูถูกคนที่เขาขาดโอกาสเช่นคนอาวาม นัก เพราะบางทีคนอาวามนั้นพระองค์ให้เขาเข้าสวรรค์ก่อนบังก็ได้555
....


konyakroo
 
บังหะสันครับ
ผมขอร้องให้บังสนทนาอยู่ในกรอบเถิดครับ..ถ้าไม่สามารถทนสิ่งที่น้องอัลอัชฮารีย์เสนอได้ก็เป็นผู้ฟังที่ดีได้ ก็ขอนั่งเสียดีกว่าครับ เหมือนไออาเอฟนะครับแต่จะแฝงชื่ออื่นมาก็ไม่ว่ากัน

และพยายามนำเสนอให้อยู่ในกรอบครับและยกหลักฐานมาด้วยครับ
อายเด็กนักศึกษานะครับแก่ปูนนี้แล้ว 5555
konyakroo

قُلْ هَلْ يَسْتَوِي الأَعْمَى وَالْبَصِيرُ أَفَلاَ تَتَفَكَّرُونَ

จงกล่าวเถิด คนตาบอดกับคนตาดีนั้นจะเท่าเทียมกันหรือ? พวกท่านไม่ใคร่ครวญดอกหรือ?

บังครับ..จำคำผมไว้นะครับ

ว่าไม่มีใครหรอกครับที่โง่จนไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่รู้มากหรือน้อยเท่านั้น....ดังนั้นพูดอะไรน่าจะใช้สมองหรือสติปัญญาบ้างนะครับ
ผมว่าจะให้น้องอัชฮารีย์นำเสนอให้หมดนะครับแต่บังกับพวกก็กวนน้ำให้ขุ่นเสียทุกที พอเถิดครับ ถ้าบังเข้ามากวน ผมก็จะกวนบังครับ....555

al-azhary

บังอะสันครับ ล่าสุดที่บังอะสันพยายามปกป้องท่านอัลมะอฺซูมีย์ (ผู้ขอใช้เรียกแทนชื่อว่า "ผู้แต่งหนังสือ"นะครับ) และพยายามแก้แต่งนั้น คือการสนทนาที่ตรงประเด็นแล้วครับ และรู้สึกว่าบังอะสันไปหาตำราดังกล่าวจนมาจนได้ ก็ถือว่าเป็นการดีมาก เพื่อบังอะสันจะได้รู้อะไร ๆ ที่อยู่ในนั้นอย่างแท้จริง งั้นขอผมนำเสนอการวิจารณ์ ทีละประเด็น ๆ นะครับ อินชาอัลเลาะฮ์

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

นี่คือ การใส่ร้ายแก่ท่านมะอฺศูมีย์ โดยตัดตอนบางส่วนของข้อความ ฉบับแปลภาษาไทย ? ฉบับแปลไทย หน้า 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110 (จริงๆหนังสือเล่มนี้มีแค่ 48 หน้าเท่านั้น ไม่ทราบว่าal-azharyไปได้มาจากใหน)

ตอบ

ผมไม่ได้ใส่ร้ายท่านมะอฺศูมีย์เลยแม้แต่น้อยครับ เพราะสิ่งที่ผมอ้างอิงไปนั้น ย่อมบ่งชี้ได้อย่างชัดเจน หากแม้นว่ามีส่วนหน้าก่อนจากนั้น ที่บังอะสันนำมาเสนอ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความหมายในสิ่งที่ผมนำเสนอเลยแม้แต่น้อย และเป็นการอ้างอิงที่ถูกต้องตามหลักวิชา مناهج البحث العلمى คือการนำบางส่วนที่เป็นใจความสำคัญโดยไม่ทำให้บิดเบือนเนื้อหาโดยรวม ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ผมได้อ้างอิงฉบับภาษาอาหรับ หน้า 110 บังอะสันก็แปลกใจและสงสัยว่าผมเอามาจากใหน เพราะที่บังอะสันรู้นั้น คือฉบับภาษาอาหรับ 48 หน้า ซึ่งเป็นฉบับเก่า ทั้งที่ผมได้เกริ่นตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมได้นำฉบับภาษาอาหรับ ตีพิมพ์ที่ ดารฺ อิบนุ อัฟฟาน ตีพิมพ์ครั้งแรก ฮ.ศ. 2002 มาเทียบ แล้วทำไมบังอะสันถึงไม่ยอมอ่านให้เข้าใจ หนังสือดังกล่าวนั้น มีชื่อเต็ม ๆ ว่า "มุสลิมต้องสังกัดตามมัซฮับหนึ่งเป็นการเฉพาะจากมัซฮับทั้งสี่ได้หรือไม่?" คือพูดง่าย ๆ ก็คือ หนังสือเล่มนี้ ต้องการจะเน้นวิจารณ์มัซฮับทั้ง 4 โดยตรง ซึ่งหากผู้แต่งหนังสือพูดถึงมัซฮับหรือเกี่ยวข้องกับมัซฮับ(แต่ผู้แปลใช้คำว่า "แนวทาง") นั่นย่อมหมายถึงมัซฮับทั้ง 4 เป็นตัวหลัก หนังสือฉบับภาษาอาหรับที่ผมนำมาเทียบนั้น มี อัลฮิลาลีย์ เป็นผู้ตรวจทานและตรวจสอบหะดิษที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนั้น โดยเขาทำการเขียนบทนำก่อนจะถึงเนื้อหาจริง ๆ จากหน้า 1 - 44 การนำเสนอวิจารณ์หะดิษและตรวจสอบ ทำให้หนังสือเล่มกินเนื้อที่ถึง 130 หน้าอย่างที่ผมได้อ้างอิงให้เห็นกัน

หนังสือฉบับภาษาอาหรับนี้ ผมซื้อที่เทศกาลหนังสือ กัดฟันซื้อนะครับ เพราะเสียดายเงิน คือเอาไปซื้อหนังสือเล่มอื่นจะดีกว่า แต่ไม่นึกว่าจะได้นำมาเป็นคู่มือในการเทียบอ้างอิงในการนำเสนอวิจารณ์ในกระทู้นี้ อัลหัมดุลิลลาห์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ทำไมไม่กล่าวถึงต้นเรื่องของข้อความนี้ ในหน้า 76 โดยผู้เรียบเรียงหนังสือได้กล่าวว่า
?แท้จริงในวันศุกร์ ที่10 ของเดือนรอมฏอน ปี 1360 (ฮ.ศ)ฉันได้อยู่ที่ฏออีฟ ที่มัสญิดอับดุ้ลลอฮ อิบนุอับบาส (ขออัลลอฮทรงพอใจต่อเขาทั้งสองด้วยเถิด) อ่านคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก เมื่อนั้นได้ปรากฏแก่ฉันว่า ฟิรเอาน์ (ขอการสาปแช่งได้มีแก่เขาด้วย) เขาเป็นผู้ทำให้ผู้คนทั้งหลาย เป็นกลุ่มต่างๆมากมาย ได้กระจายพวกเขา ไปอยู่ในแนวความคิดต่างๆ และหนทางต่าง

ตอบ

หากผมไม่กล่าวหน้า 76 มา ก็ไม่ได้ทำให้สิ่งที่ผมได้อ้างอิงต้องเปลี่ยนประเด็นและเปลี่ยนความหมายไปเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากการอ้างอิงสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในประเด็นหรือไม่ใช่ใจความที่สำคัญนั้น ย่อมเป็นข้อตำหนิอย่างหนึ่งในการอ้างอิง เมื่อเป็นแบบนี้ บังอะสันจะมาแอบอ้างว่า ผมใส่ร้ายต่อผู้แต่งหนังสือไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะการใส่ร้ายหรืออ้างอิงแบบตัดตอนส่วนสำคัญและบิดเบือนตำราอุลามาอ์นั้น ไม่ใช่เป็นแบบฉบับของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์มัซฮับทั้ง 4 แต่มันเป็นแนวทางของใครล่ะ? อันนี้บังอะสันคงทราบดีนะครับ แม้กระทั่งผู้แต่งหนังสือ(อัลมะศูมีย์)เอง ก็อ้างคำกล่าวของท่านอัดดิฮ์ลาวีย์ โดยที่ไม่ได้มีระบุยืนยันไว้เลยในตำราของท่านอัดดิฮ์ลาวีย์ ผู้แต่งหนังสือ ได้อ้างคำกล่าวไปยังท่าน อัลกะมาล บิน อัลฮุมาม ทั้งที่ท่าน อัลกะมาล บิน อัลฮุมาม ไม่ได้กล่าวไว้ ผู้แต่งหนังสือ ได้อ้างไปดูคำพูดของท่าน อิซซุดดีน บิน อับดุสลาม แต่เมื่อเรากลับไปพิจารณาดู ปรากฏว่าไม่เป็นความจริง และผู้แต่งหนังสือให้กลับไปดูหนังสือ ของท่านอิบนุค๊อลดูน แต่เมื่อเรากลับไปดู ปรากฏว่าไม่มีระบุตามที่ผู้แต่งหนังสือ(อัลมะซูมีย์) ได้แอบอ้างเอาไว้??!!! ขอมะอัฟด้วยที่ผมนำความจริงมาเสนอและตีแผ่!!

เอาละครับ ผมก็จะทำการนำเสนอเพิ่มมาในข้อความที่บังอะสันหาว่าผมตัดตอน

?แท้จริงในวันศุกร์ ที่10 ของเดือนรอมฏอน ปี 1360 (ฮ.ศ)ฉันได้อยู่ที่ฏออีฟ ที่มัสญิดอับดุ้ลลอฮ อิบนุอับบาส (ขออัลลอฮทรงพอใจต่อเขาทั้งสองด้วยเถิด) อ่านคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก เมื่อนั้นได้ปรากฏแก่ฉันว่า ฟิรเอาน์ (ขอการสาปแช่งได้มีแก่เขาด้วย) เขาเป็นผู้ทำให้ผู้คนทั้งหลาย เป็นกลุ่มต่างๆมากมาย ได้กระจายพวกเขา ไปอยู่ในแนวความคิดต่างๆ และหนทางต่าง จากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ว่า อุตริกรรมแนวความคิด(มัซฮับ) การสังกัดอยู่ในแนวความคิด(มัซฮับ)ความหลงผิดของหนทางและแนวทางปฏิบัติต่างๆ นั้นมันอยู่ในแนวทางของฟิรอูนและนโยบายของเขาชั้วช้าเหมือนกับที่มันเป็นสิ่งแพร่หลายที่ชัดแจ้งจากนโยบายรัฐบาลต่างๆที่มลักษณะของพวกหัวหน้าซาตานของประเทศยุโรปอัลลอฮ์" ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? ฉบับแปลไทย หน้า 76 - 77 และฉบับภาษาอาหรับหน้า 110

นี่คืออ้างอิงแบบเต็ม ๆ ที่บังอะสันต้องการครับ แต่ผมเห็นว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนหน้าที่เพิ่มมานั้น ไม่มีผลต่อสิ่งที่ผมได้อ้างอิง บังอะสันครับ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไรที่มากล่าวหาผมว่า ผมใส่ร้ายอัลมะศูมีย์ สรุปจากสิ่งที่ผมนำมาเสนอข้อความเพิ่มเติมนั้น ก็คือ อัลมะศูมีย์ ผู้แต่งหนังสือ ได้อ่านอัลกุรอานอยู่ในมัสยิด อับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบาส พอเขาอ่านอายะฮ์ที่กล่าวถึงฟิรอูนที่ทำให้คนทั้งหลายแตกออกเป็นกลุ่ม ๆ และกระจายพวกเขาอยู่ในแนวคิด(มัซฮับ)ต่างๆ อัลมะซูมีย์ ก็คิดออกเลยว่า อ๋อ.....ความบิดอะฮ์ของมัซฮับ(แนวคิด) การมีมัซฮับ(แนวคิด) เป็นแนวทางของฟิรอูนที่สกปรก

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ข้อความข้างต้น ท่านหมายถึง การสังกัดมัซฮับแบบหลงผิด นั้น อยู่ในแนวทางของฟีรอูนและ พวกหัวหน้าซาตาน

ตอบ

ใช่อย่างนั้นครับ อัลมะศูมีย์ ไม่ได้บอกว่า การสังกัดมัซฮับแบบหลงผิด เป็นแนวทางของฟิรอูนและพวกหัวซาตาน แต่อัลมะซูมีย์บอกว่า "บิดอะฮ์ของมัซฮับ بدعة المذهب และการสังกัดหรือมีมัซฮับ التمذهب มาจากแนวทางของฟิรอูนและนโยบายอันสกปรก من سنة فرعون وسياسته الخبيثة ซึ่งคำกล่าวของอัลมะศูมีย์นี้ มีความจัดเจนในถ้อยคำในการต่อต้านการมีมัซฮับ

ซึ่งหากอัลมะศูมีย์ ต้องการจะกล่าวตามความหมายที่บังอะสันพยายามปกป้องว่า มันคือการสังกัดมัซฮับแบบหลงผิด อัลมะศูมีย์ ต้องกล่าวว่า

المذاهب المبتدعة والتمدهب بالمذاهب المبتدعة.........من سنة فرعون وسياسته الخبيثة

"บรรดามัซฮับที่บิดอะฮ์ และการสังกัดบรรดามัซฮับที่บิดอะฮ์ เป็นแนวทางของฟิรอูนและนโยบายของเขาที่สกปรก"

แต่อัลมะศูมีย์ กลับกล่าวโจมตีการมีมัซฮับว่า

บอกว่า "บิดอะฮ์ของมัซฮับ بدعة المذهب และการสังกัดหรือมีมัซฮับ التمذهب มาจากแนวทางของฟิรอูนและนโยบายอันสกปรก من سنة فرعون وسياسته الخبيثة ซึ่งคำกล่าวของอัลมะศูมีย์นี้ มีความจัดเจนในถ้อยคำในการต่อต้านและมีอคติต่อการมีมัซฮับ โดยอัลมะศูมีย์เอง ก็ตอกย้ำจุดยืนของตนเองไว้ว่า

"บรรดามัซฮับต่างๆ (ฉบับแปลไทย เขียนว่า แนวทางคิดต่างๆ ) นั้นการเกิดของมันและการแพร่หลายของมันแท้ที่จริงแล้ว มันเกิดขึ้นด้วยสาเหตุนโยบายต่างๆ ที่ป่าเถื่อน(ฉบับแปลไทย เขียนว่า อธรรม) และการยึดครองของพวกต่างชาติที่มีวัตถุประสงค์ต่างๆ ในการครอบครองท่านก็จงระวัง.!!!" (ดู หนังสือมุสลิมต้องสังกัดมัซฮับหรือไม่? "ฉบับแปลไทย หน้า 94 และต้นฉบับภาษาอาหรับ หน้า 125)

นี่คือจุดยืนของ อัลมะศูมีย์ ที่มีต่อมัซฮับและพยายามสอดแทรกอุดมการณ์และความอคติเข้ามาโดยรวมครับ โดยแอบอ้างว่าให้ไปดูหนังสือ มุก๊อดดิมะฮ์ อิบนุ ค๊อลดูน ??!! ทั้งที่ไม่ได้มีกล่าวไว้เลยครับ

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ดังนั้นน้องบ่าว al-azhary ควร อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยใจ อิคลาศต่ออัลลอฮ และไม่อคติ ต่อผู้ที่เรียบเรียงหนังสือที่มีทัศนไม่ตรงกับตน ท่านมะฮศูมีย์ไม่ได้โจมตีอิหม่ามทั้งสี่ เพราะท่านเหล่านี้ไม่ได้ก่อตั้งมัซฮับแล้วปรากาศให้คนมาสังกัด ท่านได้ตำหนิพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่ยึดติดกับมัซฮับด้วยความคลั่งไคล้งมงาย ทำไมไม่นำข้อความหนังสือทั้งเล่มให้ผู้อ่านอ่านละครับ

ตอบ

การอ่านหนังสือดังกล่าวของผม จะด้วยจิตใจที่มีอคติหรือไม่นั้น สิ่งที่ผมได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้น ย่อมชี้ชัดแล้วครับ อ่านแล้วจับประเด็นหลักๆ ที่อัลมะศูมีย์มีความอธรรมต่อแนวทางอื่น การที่ผู้แต่งหนังสือไม่มีทัศนะตรงกับเรานั้น มันไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แต่การแต่งหนังสือขึ้นมาแล้ว ป้ายสีของมัซฮับในแนวทางที่ไม่ถึงต้อง การอ้างอิงคำกล่าวของอุลามาอ์โดยไม่เป็นความจริง อันนี้ต่างหากที่ทำให้เราต้องนำเสนอวิจารณ์

บังอะสันพยายามบอกเสมอว่า อิมามชาฟิอีย์ไม่ได้ก่อตั้งมัซฮับ คำพูดนี้ผิดและเป็นการโพทนาอย่างตบตาผู้อ่าน ว่าอิมามชาฟิอีย์นั้นไม่มีมัซฮับและไม่ได้ใช้ให้คนเอาวามตาม คือคนเอาวามตามไม่ได้!! หากผมเข้าใจความหมายของบังอะสันผิดก็ชี้แจงมาได้เลย เพราะฉะนั้น บังอะสันต้องเข้าใจคำว่ามัซฮับเสียก่อนว่าหมายถึงอะไร

"มัซฮับ ตามหลักภาษา เป็นนามที่ชี้ถึงสถานที่ หมายถึง "ที่ไปหรือหนทางไป" และมัซฮับ ตามหลักวิชาการ หมายถึง "ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมในเชิงปฏิบัติของปวงปราชญ์ ที่ถูกนำมาใช้กับฮุกุ่มต่าง ๆ ซึ่งอิมามที่อยู่ในระดับมุจญฺตะฮิดได้วินิจฉัยออกมา หรือหมายถึงฮุกุ่มต่าง ๆ ที่ได้วินิจฉัยออกมาตรงตามกฏเกณฑ์และหลักการต่าง ๆ ของอิมามที่อยู่ในระดับมุจญฺตะฮิด โดยบรรดาสานุศิษย์ที่อยู่ในระดับมุจญฺฮิดได้ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์และหลักการต่าง ๆ ของอิมามในการวิเคราะห์ วินิจฉัยฮุกุ่มออกมา"

สรุปก็คือ มัซฮับคือ คำวินิจฉัยของนักปราชญ์มุจญฮิดตามหลักการและกฏเกณฑ์ต่างๆ แล้วฮุกุ่มนั้นออกมาตามหลักการและกฏเกณฑ์ในการวินิจฉัยนั้น ดังนั้น คำว่ากฏเกณฑ์และหลักการต่างๆ ในการวินิจฉัยตัวบทนั้น คือหนทางหรือแนวทาง(มัซฮับ) ที่จะนำไปสู่ผลการวินิจฉัยจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่า อิมามชาฟิอีย์ ได้ก่อตั้งหรือวางกฏเกณฑ์และหลักการในการวินิจฉัยเอาไว้ ซึ่งเขาเรียกว่า "มัซฮับ" และบรรดาสานุศิษย์ของอิมามชาฟิอีย์ ก็ตาม(มัซฮับของอิมามชาฟิอีย์คือ)กฏเกณฑ์และหลักการต่างๆ ของอิมามชาฟิอีย์ในการวินิจฉัยอันนี้

การที่มีรายงานจากอิมามชาฟิอีย์ที่บอกว่าไม่ให้ตักลีดคำพูดของท่านที่ขัดกับอัลกุรอานหะดิษนั้น ท่านได้พูดเกี่ยวกับสานุศิษย์ของท่านที่เป็นมุจญฮิด คือกระทำตามสิ่งที่ตนเองวินิจฉัยได้จากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ซึ่งไม่ใช่หมายความว่า อิมามชาฟิอีย์เรียกร้องคนเอาวามทั่วไปให้ทำการวินิจฉัยอัลกุรอานและหะดิษเองโดยอย่าตักลีดตามท่าน

แล้วถ้าหากว่า เราคนเอาวามทั่วไปจะทำการตัดลีดอิมามชาอิฟีย์ได้หรือไม่? เราขอตอบว่า "ไม่วายิบให้ตักลีดตาม แต่อนุญาตให้ตักลีดตามได้" ตราบใดที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและหะดิษอย่างชัดเจน ขอย้ำว่า อย่างชัดเจน เนื่องจากตัวบทที่ยังต้องการไปยังการวินิจฉัยนั้น เราจะบอกว่ามันเป็นตัวบทที่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนไม่ได้

หากใครมาบอกว่า "วายิบต้องสังกัดมัซฮับชาฟิอีย์อย่างเดียวนั้นเราขอคัดค้านด้วย" แต่ปัญหาที่เราวิจารณ์คำกล่าวของ อัลมะศูมีย์ นี้ คือการที่อัลมะศูมีย์เชื่อว่า "แม้การอนุญาต جائز ให้สังกัดมัซฮับเดียว ก็ยังเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง"

บังอะสันพยายามปกป้องอัลมะศูมีย์ว่า เขาไม่ได้พยายามโจมตีอิมามทั้งสี่ แล้วบรรดาอุลามาอ์ที่อยู่ในมัซฮับทั้งสี่ละครับ ทำไมบังอะสันถึงไม่ปกป้อง ซึ่งผมได้ทำการนำเสนอแบบรัดกุมแล้วว่า

"แต่ถ้าหากผู้แต่งหนังสือหมายถึงบรรดาสานุศิษย์หรืออุลามาอ์ นักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามที่อยู่ในมัซฮับทั้ง 4 ละก็ เราขอถามว่า เป็นที่อนุญาตในอิสลามหรือไม่ ที่ผู้แต่งหนังสือกล่าวว่า ศิษย์ทั้งสองของท่านอบูหะนีฟะฮ์ คือท่านอบูยูซุฟ และมุหัมมัด บิน อัลหะซัน ท่านอัฏเฏาะหาวีย์ ท่านอิบนุอัลฮุมาม ท่านอัซซัยละอีย์ ท่านอัรร๊อมลีอัลหะนะฟีย์ ท่านอัลกาซานีย์ ท่านอัซซั๊รกาชีย์ และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ หรือท่านอิบนุ อัลอะรอบีย์ อัลมาลิกีย์ ท่านอิบนุอับดุรบัรริ ท่านอัชชาฏิบีย์ ท่านอัลกุรฏุบีย์ และท่านอื่น ๆ จากนักปราชญ์มัซฮัลมาลิกีย์ หรือท่านอัลบุวัยฏีย์ ท่านอัลมุซะนีย์ ท่านอัลก๊อฟฟาล ท่านอัดดะรอกีย์ ท่านอัรรอฟิอีย์ ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ท่านอัสศะยูฏีย์ ท่านอิบนุหะญัร และอื่นๆ จากมัซฮับชาฟิอีย์ หรือท่านอิบนุ อัลเญาซีย์ ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ท่านอิบนุรอญับ และท่านอื่นๆ จากมัซฮับหัมบาลีย์ คือผู้ที่ผู้แต่งหนังสือบอกว่าพวกเขาอยู่ในแนวทางมัซฮับที่เสมือนกับแนวทางของฟิรอูนและตามแนวทางของเขาอันสกปรกโสมม"

แล้วบังอะสันจะแก้ต่างอย่างไรให้กับผู้ที่แต่งหนังสือเล่มนี้อีก??!!

บังอะสันบอกว่า "ทำไม่นำข้อความทั้งหมดจากหนังสือเล่มดังกล่าวมาเสนอ" บังอะสันครับ ทำไมไม่อ่านคำชี้แจงของผมตั้งแต่แรก ซึ่งผมบอกว่า จะนำเสนอเพียงแค่หลักการที่เป็นข้อต่อหรือจุดเบี่ยงที่สำคัญเท่านั้น โดยที่บางอย่างที่ตรงกันนั้น ผมไม่ขอนำมาเสนอ เพราะไม่รู้จะนำมาเสนอทำไม เนื่องจากไม่ใช่สารัตถะประเด็นที่ผมจะนำมาวิจารณ์และสนทนา คนที่จะอ้างอิงสนทนาในเชิงวิชาการนั้น เขาจะไม่ยกคำพูดมาทั้งหมดแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลง โดยไม่ตรงประเด็นอย่างที่บังอะสันชอบกระทำอยู่ เราต้องนำเสนอแบบเนื้อ ๆ ที่ให้ตรงประเด็นและคนอ่านให้ความสนใจ

al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ในที่สุด ความอคติที่มีในตัวของน้องบ่าว ก็จะทำลายตัวของน้องเอง ขอเตือนไว้

ตอบ

บังอะสันฟังคำเตือนผมเราดีกว่า เพราะสิ่งที่ผมนำเสนอไปนั้น เป็นหลักวิชาการที่บังอะสันหาทางออกไม่ได้ และอย่าพยายามปกป้องในสิ่งที่เป็นธรรม เพราะมันจะทำลายตัวเป็นอะสันเอง ขอเตือนไว้

อ้างอิงจากบังอะสัน

และน้องบ่าวเว็บมาสเตอร์กรุณาอย่าลบ เพราะบังอะสัน ต้องการสอนเด็ก ให้จักตัวเองให้มากกว่านี้ นี้หรือ ห้องเสวนาวิชาการในเชิงลึก

ตอบ

เวปมาสเตอร์เขาไม่ลบหรอกครับ เพราะว่าเขาอุตสาห์ทำห้องสนทนาให้ แล้วจะไปลบทำไม แล้วสิ่งที่ผมนำเสนอไปนั้น ก็ได้รับการตอบรับมากมายและเป็นประโยชน์ต่อบรรดาพี่น้องมุสลิม แต่บังอะสันมาพูดว่าต้องการสอนเด็กให้รู้จักตัวเองมากกว่านี้นั้น กรุณาไปพูดกับบุตรหลานของบังอะสันนะครับ อย่ามาพูดกับพวกเราเลย เพราะเราต้องการสนทนาในเชิงวิชาการเกี่ยวกับวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ หากบังอะสันมาสอนเรานั้น ผมขอบอกว่าเราไม่ได้อะไรจากบังอะสันเลย นอกจากการปกป้องแนวทางของบังอะสันเท่านั้น แต่บังอะสันได้อะไรไปจากเราบ้างครับ อย่างน้อยบังอะสันก็ต้องปั่นป่วนต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะบังอะสันอ้างอะไรมา ถูกเราโต้ตอบอยู่ตลอดเวลาในเชิงวิชาการ หะดิษที่บังอะสันอ้างว่าฏออีฟ กลับซอฮิหฺโดยเราชี้แจง สิ่งที่บังอะสันบอกว่าซอฮิหฺ กลับฏออีฟเพราะเราชี้แจง คำอ้างอิงของอุลามาอ์จากบังอะสัน กลับอยู่ในความหมายของการบิดเบือน โดยผมเราชี้แจงในการตัดตอนข้อความของบังอะสัน นี่คือสิ่งที่บังอะสันได้รับจากเรา แต่กระนั้น เราก็ไม่ได้อ้างว่า "ต้องการสอนบังอะสันให้รู้จักตนเองมากกว่านี้"

al-azhary

ท่านอิบนุกอ็ยยิม (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

إن العامي لا يتصور أن يصح له مذهب ، ولو تصور ذلك لم يلزمه ولا لغيره ، ولا يلزم أحد قط أن يتمذهب بمذهب رجل من الأمة بحيث يأخذ أقواله كلها ويدع أقوال غيره ،وهذه بدعةٌ حدثت في الأمة لم يقل بها أحد من أئمة الإسلام ، وهم أعلى رتبة وأجل قدراً وأعلم بالله ورسوله من أن يلزموا الناس بذلك ،وأبعد منه قول من قال يلزمه أن يتمذهب بمذهب عالم من العلماء وأبعد منه قول من قال يلزمه أن يتمذهب بأحد المذاهب الأربعة . أعلام الموقعين 4/ 262

แท้จริง คนทั่วไป(คนอาวาม)นั้น อย่าได้คิดไปว่า มัซฮับของเขาถูกต้อง และถ้าเขาคิดไปอย่างนั้น เขาก็ไม่ยึดติดกับมันและไม่ยึดติดอื่นจากมัน และคนหนึ่งคนใด จะไม่ยึดติด โดยการสังกัดมัซฮับ ของคนใดจากจากอุมมะฮเท่านั้น โดยที่ยึดเอาคำพูดของเขาทั้งหมด และทิ้งบรรดาคำพูดของผู้อื่น และนี้คือ ?บิดอะฮ? ที่เกิดขึ้นในประชาชาตินี้ ,ไม่มีคนใดจากบรรดาผู้นำ(อิหม่าม)แห่งอิสลาม กล่าวอย่างนั้น (หมายถึงสังกัดมัซฮับโดยเฉพาะ) และพวกเขา คือผู้ที่อยู่ในฐานะที่สูงส่งและมีความเป็นเลิศ ในบารมี และมีความรู้ ในอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ยิ่งกว่า การทีพวกเขายึดติดอยู่กับมนุษย์ ด้วยดังกล่าวนั้น และ คำพูดของผู้ที่กล่าวว่า จำเป็นต้องสังกัดมัซฮับอุลามาอฺ ห่างใกลจากเขา(อิหม่ามแห่งอิสลาม) ยิ่งนัก และคำพูดของผู้ที่กล่าวว่า ต้องสังกัดมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดจากสี่มัซฮับ ก็ห่างใกลจากเขายิ่งนัก(เช่นกัน) - ดูหนังสือ อะอฺลามุ้ลมุวักกิอีน เล่ม 4 หน้า 262
......................
สรุปจากคำพูดของท่านอิบนุกอ็ยยิม คือ การยึดติดกับมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งโดยเฉพาะนั้น เป็น บิดอะอ

ตอบ

ท่านอิบนุก๊อยยิมไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างที่บังอะสันสรุปเอาเอง เพราะท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็ไม่ได้กล่าวว่าบิดอะฮ์ แต่กล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่อนุญาติตามที่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวยืนยันหลักการว่า

واتباع شخص لمذهب شخص بعينه لعجزه عن معرفة الشرع من غير جهته إنما هو مما يسوغ له

"และการที่บุคคลหนึ่ง ปฏิบัติตามมัซฮับ(ทัศนะ)ของบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะเขาไม่มีความสามารถรู้เรื่องศาสนาได้อื่นจากด้านของเขา แท้จริงมันย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาตสำหรับเขา"

โปรดพิจารณาคำพูดของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ครับบังอะสัน การที่คนเอาวามไม่สามารถวินิจฉัยหุกุ่มได้ ก็อนุญาติให้เขาตามมัซฮับของคน ๆ หนึ่งเป็นการเฉพาะได้ นี่แหละเขาเรียกว่า "สังกัดมัซฮับ" ดังนั้นการสังกัดมัซฮับเป็นการเฉพาะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งวายิบ แต่เป็นสิ่งที่ อนุญาติ ดังนั้น เมื่อคนเอาวามที่เมืองไทยสังกัดมัซฮับชาฟิอีย์เพียงอย่างเดียวนั้น ก็เป็นที่อนุญาติ แต่บังอะสันพยายามเข้าใจเอาเองจากคำกล่าวของท่านอิบนุก๊อยยิม ซึ่งผลออกมาก็คือ บังอะสันใส่ร้ายต่อทัศนะของท่านอิบนุก๊อยยิม!!

และยิ่งไปกว่านั้น บังอะสันยังแปลคำพูดของท่านอิบนุก๊อยยิมแบบผิดๆ และแปลให้เข้ากับอารมณ์ที่ตนเองต้องการ ซึ่งบังอะสันแปลว่า

"แท้จริง คนทั่วไป(คนอาวาม)นั้น อย่าได้คิดไปว่า มัซฮับของเขาถูกต้อง และถ้าเขาคิดไปอย่างนั้น เขาก็ไม่ยึดติดกับมันและไม่ยึดติดอื่นจากมัน และคนหนึ่งคนใด จะไม่ยึดติด โดยการสังกัดมัซฮับ ของคนใดจากจากอุมมะฮเท่านั้น โดยที่ยึดเอาคำพูดของเขาทั้งหมด และทิ้งบรรดาคำพูดของผู้อื่น และนี้คือ ?บิดอะฮ? ที่เกิดขึ้นในประชาชาตินี้และนี้คือ ?บิดอะฮ? ที่เกิดขึ้นในประชาชาตินี้ ,ไม่มีคนใดจากบรรดาผู้นำ(อิหม่าม)แห่งอิสลาม กล่าวอย่างนั้น (หมายถึงสังกัดมัซฮับโดยเฉพาะ)..."

แต่ที่ถูกต้อง แปลอย่างนี้

"แท้จริง คนเอาวามทั่วไปนั้น จะไม่ถูกยอมรับว่า การที่เขามีมัซฮับหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง(คือมัซฮับคนเอาวามคือมัซฮับของมุฟตี) และหากเขา(คนเอาวาม)ยอมรับในสิ่งดังกล่าว(คือยอมรับว่าเขามีมัซฮับ) ก็ไม่จำเป็นให้เขายึดมัซฮับนั้นหรือมัซฮับอื่นจากนั้น และถือว่าไม่มีความจำเป็นแก่คนใดเลย ที่จะทำการสังกัดมัซฮับด้วยกับมัซฮับของนักปราชญ์มุจญฮิดคนหนึ่งจากประชาชาตินี้โดยที่เขาได้เขาได้ยึดคำกล่าวของปราชญ์มุจญฮิดทั้งหมดและละทิ้งคำกล่าวของคนอื่น และนี้คือบิดอะฮ์ที่เกิดขึ้นในประชาชาติอิสลามที่ไม่มีนักปราชญ์อิสลามคนใดได้กล่าวไว้อย่างนี้..."

สรุปคำกล่าวของท่านอิบนุก๊อยยิมก็คือ คนเอาวามไม่มีมัซฮับให้กับเขา เนื่องจากมัซฮับของเขานั้นคือมัซฮับของมุฟตีที่ผมได้นำเสนออธิบายไปแล้ว หากคนเอาวามยอมรับว่ามีมัซฮับของอิมามท่านหนึ่ง ก็ไม่จำเป็น(วายิบ)ต้องสังกัดมัซฮับนั้นและมัซฮับอื่นๆ ด้วยการยึดคำกล่าวของนักปราชญ์ท่านนั้นโดยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น(ลาซิม)และคำกล่าวของคนอื่นนำมายึดไม่ได้ ซึ่งแบบนี้ ไม่มีนักปราชญ์คนใดของอิสลามมีทัศนะแบบนี้หรอก

นั่นคือเป้าหมายของท่านอิบนุก๊อยยิม และเราก็เห็นด้วย เนื่องจากการเชื่อว่าวายิบต้องสังกัดมัซฮับหนึ่งมัซฮับใด โดยจะไปยึดมัซฮับนักปราชญ์ท่านอื่นไม่ได้นั้น ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดและเป็นบิดอะฮ์ แต่หากเชื่อว่าการยึดมัซฮับเดียวเป็นสิ่งที่อนุญาตและมัซฮับอื่นก็ถูกต้องโดยยึดตามได้นั้น ย่อมเป็นที่อนุญาตอยู่แล้ว เพราะท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า

"และการที่บุคคลหนึ่ง ปฏิบัติตามมัซฮับ(ทัศนะ)ของบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะเขาไม่มีความสามารถรู้เรื่องศาสนาได้อื่นจากด้านของเขา แท้จริงมันย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาตสำหรับเขา"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 10, 2007, 04:33 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ colidlayla

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 111
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
 salam.
ดีมากเลยที่รวบรวมไว้ไห้ พิจารณากัน
ถ้ามีเรื่องอื่นที่รวมไว้จะได้เข้ามาอ่าน :jazakallah

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
หากจำไม่ผิดรู้สึกว่าเรื่องนี้น้องอัลฯยังนำเสนอมาไม่หมดนี่ขอรับ  ยังไงก็นำเสนอต่อไปให้จบน่ะ myGreat:

Nur-inee

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาดูค่ะ myGreat:

ออฟไลน์ sharifbkd

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เจ้าของมัสฮับแต่ละท่านว่าอย่างไรบ้างล่ะ?? ที่ผมศึกษามา เจ้าของมัสฮับทุกๆมัสฮับต่างก็บอกไว้ว่า "สิ่งไหนที่ไปค้านกับกีตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺ นั่นไม่ใช่มัสฮับฉัน "ใช่หรือเปล่า

 

GoogleTagged