ฟัตวาชัยค์มุห์มูดชัลฏู้ตและศูนย์ปรับมัซฮับระหว่างอะฮ์ลิสซุนนะฮ์และชีอะฮ์

[al-azhary]

Tweet

และหนูก็ไม่คิดว่าคำฟัตวาของ เชค มะฮ์มูด ชัลฏู้ต อดีตอธิการบดีมหาลัยอัลอัซฮัรที่บังเรียนอยู่นั้นจะขัดกับกฏข้อใดๆนะคะ
(และก็ไม่คิดด้วยว่าท่าน เชค ชัลฏูต  จะเข้าใจในอิสลามน้อยกว่าบังนะคะ )

หรือว่าที่มันขัดกฏน่ะ   เพราะว่ามันสวนทางกับทัศนะของบังและพวกวะฮาบี ที่จะเห็น เชค ชัลฏูต หรือใครจะออกมาประกาศความจริงไม่ใด้ว่า แท้จริงแล้วแน้วทางของ ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ นั้นคือแนวทางและมัซฮับหนึ่งของอิสลาม
หรือมันขัด  ที่ใครจะมาพูดจาให้อุมมัตแห่งอิสลามนั้นปรองดองกัน   

 salam

ท่านเชคอิมาม มะหฺมูด ชัลฏู้ต ( رحمه الله ) ฟัตวาออกไป ด้วยเจตนาอันดีของท่าน ในการปรับมัซฮับต่าง ๆ ให้มีความเข้าใจต่อกัน  จริงอยู่ที่ท่านเชค มะหฺมูด ชัลฏู้ต ได้ตอบรับการเรียกร้องของอุลามาอฺชีอะฮฺ ในการตั้งศูนย์ปรับมัซฮับขึ้นมา โดยที่พวกอุลามาอฺชีอะฮฺ นามอายะตุลลอฮ์ ตะกีย์ อัลกุมมีย์  ได้ร้องขอและวางแผนการณ์ก่อตั้งขึ้นที่ ไคโรอียิปต์ ในปี  ฮ.ศ. 1366 และล่มสลายในปี ฮ.ศ. 1392 (ซึ่งถ้าหากศูนย์ปรับมัซฮับระหว่างซุนนะฮฺและชีอะฮฺ ได้ตั้งที่กรุงเตหราน พวกชีอะฮฺมันคงไม่ยอมอย่างแน่นอน) ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ใจ (โดยไม่มี ความเป็นมุนาฟิกอยู่ตามอุปนิสัยของซุนนะฮฺ) เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มีคำถามเรื่องการปฏิบัติ(ไม่ใช่ยึดมั่น)ตามมัซฮับชีอะฮฺขึ้นมาเพื่อให้ท่านเชคฺทำการฟัตวา  ซึ่งแน่นอนว่าท่านเชคฺต้องฟัตวาว่า ปฏิบัติ(ไม่ใช่ยึดมั่น)ตามได้  ด้วยเจตนาอันดีและความบริสุทธิ์ใจของท่านเชคฺ  หากท่านเชคฺฟัตวาว่า ปฏิบัติตามไม่ได้ ก็จะทำให้ศูนย์การปรับมัซฮับ ไร้ความหมายลงไปทันที  ดังนั้นเมื่อท่านเชคฺ ชัลฏู้ต ฟัตวาที่ไคโร ว่า มัซฮับฟิกห์ของชีอะฮฺตามได้  อายาตุลลอฮฺ มุฮัมมัด อัลคอลิซีย์ก็ฟัตวาที่อิหร่านว่า มัซฮับที่ 4 นั้นฮะรอมไม่อนุญาติให้ตาม  ฉะนั้นเมื่อเราวิเคราะห์ดู  ก็จะพบว่าพวกชีอะฮฺไม่ได้ต้องการปรับมัซฮับแต่อย่างใด  แต่พวกเขาพยายามทำให้อะฮ์ลิสซุนนะฮฺกลายเป็นชีอะฮฺหรือเข้ารีดเป็นชีอะฮฺ  โดยใช้ฟัตวาของท่านเชคฺมะหฺมูด ชัลฏู้ต มาโพทนาชวนเชื่อแก่ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮฺ  แต่ในขณะเดียวกันนั้น อุลามาอฺชีอะฮฺ ก็ฟัตวาให้กับพวกชีอะฮฺกันเองว่า มัซฮับทั้ง 4 นั้นฮะรอมไม่อนุญาติให้ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ชีอะฮฺไปเป็นซุนนะฮฺ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะพบว่า คุณลักษณะมุนาฟิก นั้นอยู่ที่ฝ่ายใด

เป็นทีทราบกันว่า หนังสือของท่านอิบนุตัยมียะฮ์และท่านอิบนุก็อยยิมนั้นถูกนำเข้ามาให้ค้นคว้าที่หอสมุดอียิปต์ในปีที่ ค.ศ. 1928-1930 - ฮ.ศ. 1344-1346 สมัยที่ชัยค์ มุฮัมมัด มุสฏอฟา อัลมะรอฆีย์ ดำรงดำแหน่งเป็นชัยคุลอัซฮัรแค่สองปีเท่านั้น  หากผู้ใดเรียนที่อียิปต์ โดยสนใจเข้าห้องสมุดค้นหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ เขาก็จะพบข้อมูลหนึ่งว่า หนังสือต่าง ๆ ของลัทธิชีอะฮฺนั้น เข้ามาอยู่ในหอสมุดต่าง ๆ ของประเทศอียิปต์ ในช่วงที่มีการตั้งศูนย์ปรับมัซฮับ ระหว่างปี  ฮ.ศ. 1366 - ฮ.ศ. 1392   ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยมีมาก่อน แม้กระทั้งหอสมุดของอัล-อัซฮัร ก็เพิ่งมีหนังสือต่าง ๆ ของชีอะฮฺให้ค้นคว้ากัน ในช่วงหลัง ๆ   เท่านั้นเอง  กล่าวคือเข้ามาจากการเผยแพร่ลัทธิชีอะฮฺโดยตั้งศูนย์ปรับมัซฮับเป็นมา จากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น  เราจะพบว่า ท่านเชคฺ ชัลฏู้ต ฟัตวาโดยความบริสุทธิ์ใจ จริงใจและด้วยเจตนาอันดีของท่าน ไม่ใช่ท่านเชคฺได้ศึกษาอะกีดะฮ์ของชีอะฮฺ  แต่ท่านชัยค์มะห์มูด ชัลฏู้ต ได้ทำการสนับสนุนให้ตีพิพม์หนังสือฟิกห์ของชีอะฮ์  ชื่อ "อัลมุคตะซ็อร อันนาเฟี๊ยะ ฟี ฟิกฮิชีอะฮ์"  ซึ่งมีรายละเอียดแบบฟิกห์ธรรมดาทั่วไป  และด้วยหนังสือฟิกห์เล่มนี้  ท่านชัยค์มะห์มูด ชัลฏู้ต จึงนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานในการฟัตวาตามคำเรียกร้องของอุลามาอฺชีอะฮ์  เพราะถ้าหากว่าท่านเชคฺท่านการศึกษาแนวทางอะกีดะฮ์ของชีอะฮฺอย่างท่องแท้แล้ว  จะพบว่า ชีอะฮฺกล่าวว่า นะวาซิบ คือศรัทตรูของอะฮฺลิลบัยตฺนั้น คือซุนนะฮฺ ชาวซุนนะฮฺนั้นเป็นนะยิสสกปรก ผู้ที่ไม่ศรัทธาในอิมาม 12 นั้น ก็ไม่ใช่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ทรัพย์สินของชาวซุนนะฮฺ ขโมยได้โดยชอบธรรม ชีวิตของชาวซุนนะฮฺนั้น ฮะลาล (ซุบฮานัลลอฮฺ!) ฯลฯ หากท่านเชคฺรู้อย่างนี้แล้ว ท่านเชคฺจะฟัตวาอนุญาติให้ตามมัซฮับชีอะฮฺหรือไม่ครับ ?

ในขณะนั้น มุฮัมมัดตะกีย์ อัลกุมมีย์ เลขาธิการ ของศูนญ์ปรับมัซฮับ และแกนนำท่านหนึ่งของอุลามาอฺชีอะฮฺ ได้ทำวารสารขึ้นมาในนามของ ศูนย์ปรับมัซฮับ เพื่อความเข้าใจดีต่อกันระหว่างมัซฮับต่าง ๆ ซึ่งในขณะนั้น ท่านเชคฺ มะหฺมูด ชัลฏู้ต เชคฺอัล-อัซฮัร เป็นแกนนำท่านหนึ่งของอะฮ์ลิสซุนนะฮฺ ได้ให้การสนับสนุน เช่นบทสัมภาษของท่านเชคฺอันมีความว่า “มัศฮับญะฟะรีซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม มัศฮับชีอะห์ 12 อิม่าม เป็นการอนุญาติปฏิบัติ(ตักลีด)ตาม ในทัศนะของท่าน และการปฏิบัติตามนั้นถูกต้อง (บัรอัน) เหมือนกับมัศฮับอื่นๆในอิสลาม ฉะนั้นเป็นการสมควรยิ่งที่มุสลิมทั้งหลายจะนำความเป็นชาตินิยม หรืออคติอันไม่ชอบธรรมเกี่ยวกับมัศฮับนี้ออกไปจากความคิดของเขา ” (วาระสาร ริซาละตุ้ลอิสลาม วันที่ 13 รอบิอุ้ลเอาวาล ปี 1378 ฮ.ศ กอฮีเราะฮ์ (อียิป)

นั่นคือคำกล่าวของท่านเชคฺ ที่ออกมาด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ หลังจากท่านเชคฺเสียชีวิต ศูนย์ปรับมัซฮับก็ยังดำเนินการอยู่จนกระทั่งชีอะฮฺเริ่มเผยหน้ากากและธาตุแท้ออกมา อุดมการณ์ของชีอะฮฺที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในก็เริ่มสำแดงออกมาทีละนิดละน อย โดยเริ่มลามปาม วิจารณ์บรรดาซอฮาบะฮฺ ปัญหามันเกิด เพราะชีอะฮฺเริ่มทำลายพื้นฐานเดิมของการตั้งศูนย์ปรับมัซฮับเสียเอง โดยยึดความอคติและความชาตินิยมในลัทธิของตัวเอง  จึงทำให้ศูนย์ปรับมัซฮับ ต้องพังล้มครืนลงมาในปี ฮ.ศ. 1392 (เพราะพวกชีอะฮฺเอง ทั้งที่พวกชีอะฮฺก็ลงทุนไปมากแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้)

เชคฺ มุฮัมมัด อับดุลละฏีฟ อัสสุบกีย์ ได้กล่าวเกี่ยวกับ ศูนย์ปรับมัซฮับ ซึ่งท่านเชคฺเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมในการจัดตั้งศูนย์นี้ด้วย ท่านกล่าวว่า " อย่างที่เราได้เห็นแล้ว  คณะกรรมการที่บริสุทธิ์ใจทุกคนไม่สงสัยเลยว่า  ศูนย์ปรับมัซฮับนี้  ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้วยความเอื้อเฟื้อ  โดยเราไม่รู้ที่มาของเงินสนับสนุนนั้นเลย และเราก็ไม่ถูกเรียกร้องให้มีส่วนในค่าใช้จ่ายนี้เลย " วารสาร อัล-อัซฮัร เล่มที่ 24

ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด อัลบะฮีย์ ซึ่งท่านเป็นหนึ่งจากผู้จากผู้สนับสนุนศูยน์ปรับมัซฮับ และศูนย์ปรับมัซฮับที่ชีอะฮฺเป็นผู้ริเริ่มมาตั้งแต่ต้นนั้น ได้เผยเป้าหมายธาตุแท้ให้ประจักษ์แก่ท่าน ด๊อกเตอร์ มุฮัมมัด อัลบะฮีย์ ท่านกล่าวว่า " ในกรุงไคโร ได้มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการปรับระหว่างมัซฮับขึ้น....แทนที่ศูนย์นี้จะส่งเสริมการเรียกร้องไปสู่สิ่งที่อัลกุรอานได้เรียกร้อง แต่ศูยน์นี้กลับเน้นเพียงแต่การฟื้นฟูแนวทางของชีอะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟิกห์  อุซูลและตัฟซีร .... " อัลฟิกรฺ อัลอิสลามีย์ วัลมุจญะมะอาตอัลมุอาซิเราะหฺ หน้า493

เชคฺมุฮัมมัด อะร่อฟะฮฺ อุลามาอฺท่านอาวุโสของอัล-อัซฮัร กล่าวว่า " พวกเขาได้เลิกล้มศูยน์ปรับมัซฮับ หลังจากที่พวกเขารู้ว่า เป้าหมายแท้จริงนั้น  คือการแพร่แนวทางชีอะฮฺในหมู่ชนซุนนะฮฺ ไม่ใช่เพื่อปรับให้ใกล้เคียงต่อกัน"

เชคฺอะลี อัฏฏอนฏอวีย์ อุลามาอฺผู้อาวุโสของอัล-อัซฮัร ท่านได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ ซิกรอยาด เล่ม 7 หน้า 132 ว่า" ท่านเชคฺได้กล่าวว่า เขาได้ทำการเยี่ยมเยือนท่านตะกีย์ อัลกุมมีย์ ชาวอิหร่าน ผู้ก่อตั้งศูนย์ปรับมัซฮับ โดยที่ท่านเชคฺมุฮัมมัด อะรอฟะฮฺ อยู่ด้วย ท่านเชคฺอะลี ได้ทำการกล่าวโจมตีท่านตะกีย์ อัลกุมมีย์ เนื่องจาก แก่นแท้ของศูยน์ปรับมัซฮับนั้น เพื่อแพร่ชีอะฮฺไม่ใช่เพื่อปรับเข้าหากัน แต่เชคฺอะรอฟะฮฺ ก็พยายามกล่าวประณีประนอม"

ท่านอิมาม มุฮัมมัด ร่อชีด ริฏอ กล่าวว่า " เขาได้พยายาม ติดต่อกับอุลามาอฺชีอะฮฺ  แต่ไม่ได้คำตอบรับอันใด นอกจากการยืนกรานต่อมัซฮับชีอะฮฺและวิจารณ์ลดเกียรติซอฮาบะฮฺและนักรายงานของซุนนะฮฺ จึงทำให้เผยถึงธาติแท้ของชีอะฮฺ " วารสาร อัลมะนาร เล่ม 31หน้า 191

 ด๊อกเตอร์ มุสฏอฟา อัสสิบาอีย์ กล่าวว่า " เหมือนว่า เป้าหมายของศูนย์ปรับมัซฮับนั้น คือการปรับให้ซุนนะฮฺหให้เข้าหาชีอะฮฺ" อัสซุนนะฮฺ วะมะกานะตุฮา ฟิตตัชเรี๊ยะอัลอิสลาม หน้า 4 ดังนั้นศูยน์ปรับมัซฮับจึงต้องล้มลงไป โดยไม่สามารถหวนกลับมาได้อีก อันเนื่องจากความมุนาฟิกของพวกชีอะฮ์เอง จึงไม่แปลก ที่ท่านอิมามญะฟัร อัศศอดิก กล่าวว่า “ อัลเลาะฮฺ จะไม่ประทานโองการใด ในเรื่องของพวกมุนาฟิก นอกจากโองการนั้น มันจะมีอยู่ในผู้ที่ประกาศตัวเองเป็นชีอะฮฺ “ ริญาล อัลกัชชีย์ หน้า 254

ดังนั้นฟัตวาของท่านเชคมะห์มูด ชัลฏูต  ปัจจุบันชีอะฮ์ต่างนำมาใช้เป็นเครื่องมือเก็บความไม่รู้ของชาวบ้านหรือผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง  และปัจจุบันมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ก็ทราบถึงข้อเท็จจริงนี้ดี  ชีอะฮ์ปัจจุบันต่างก็เรียกร้องให้อัลอัซฮัรร่วมฟื้นฟูศูนย์ปรับมัซฮับขึ้นมาหลายครั้ง  แต่ทุกครั้งก็ไร้ผล  เพราะอุลามาอฺอัลอัซฮัรไม่เคยลืมบทเรียนที่ได้รับจากพวกชีอะฮ์ในอดีต

วัสลาม

[Al Fatoni]

บางครั้งการคุยกับยิว หรือคริสเตียน (ชาวคัมภีร์ หรือมีเชื้อของชาวคัมภีร์อยู่บ้าง หรือพวกที่ไม่ค่อยเคร่งศาสนา แต่ใจเป็นธรรมนิดๆ) เรายังอาจจะคุยกันรู้เรื่องในบางประเด็น หรือประเด็นหลักๆ ส่วนใหญ่ของกันและกัน แต่กับชีอะฮ์ เราค่อนข้างจะต่างกันมาก และเราจะต่างในเกือบทุกประเด็นทั้งหลักใหญ่และหลักเล็ก และมากเสียจนบางครั้งคุยกันอย่างไร เราก็หาข้อปรับต่อกันไม่ได้ เพราะหลักฐานในการอ้างของแต่ละฝ่ายนั้น อีกฝ่ายไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง

           ส่วนตัวผม ผมไม่เห็นด้วยหากจะมีการปรับมัฑฮับระหว่างอะลุสสุนนะฮ์ วัลญมาอะฮ์ กับชีอะฮ์ อย่างมากที่สุดก็สมานฉันท์ได้แค่เรื่องทางโลกเท่านั้น ทางศาสนาไม่มีทางและไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหากเกิดขึ้น แน่นอนต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามชักชวนมวลชนของอีกฝ่าย เพื่อมาเป็นฝ่ายตนจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ใครดีกว่าคนนั้นก็ได้เปรียบกว่า - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม

[Al Fatoni]

ปัจจุบัน การดะอฺวะฮ์ของชีอะฮ์ จะเน้นการใช้หลักจิตวิทยาค่อนข้างสูงมากๆ เพราะชีอะฮ์รู้จุดอ่อนของมวลชนเป็นอย่างดีว่า ผู้คนสมัยนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องทางศาสนาและวิชาการเสียเท่าไร

           การพูดใดๆ ในเชิงวิชาการ หรือศาสนา แม้นักวิชาการท่านนั้นจะพูดเป็นเสียงแข็งว่ามันสำคัญเช่นนั้นเช่นนี้แล้วไซร้ แน่นอนครับ มวลชนส่วนใหญ่ย่อมไม่ค่อยเข้าใจนัก ถึงสิ่งที่นักวิชาการท่านนั้นต้องการสื่อและเรียกร้องอยู่ แต่มวลชนกลับดูในเรื่องของหลักภายนอก ที่ค่อนจะเน้นไปที่ดูเรื่องมารยาทในการพูดจา และกิริยามารยาท มวลชนที่มองหลักๆ ก็เรื่องนี้หละครับ เพราะหากให้พิจารณาที่เนื้อหาวิชาการ คงไม่มีใครเข้าใจ หรือมีเวลาในการตรวจสอบหรอก แต่ชีอะฮ์กลับฉุดความได้เปรียบตรงนี้มาได้ก่อน ทำให้พวกเขาได้เปรียบมากกว่า แม้หลักการจะเน่าเฟะก็ตาม แต่มักจะเชื่อมโยงหลักการทางศาสนากับหลักตรรกะได้อย่างแนบเนียนมากๆ จนเรามองว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และชีอะฮ์เล่นเอาตำราของทางสุนนีย์มาอ้างอิง เพื่อเข้าข้างฝ่ายตนกันอย่างทุเรศที่สุด เพราะเป็นการอ้างที่ตัดทอน และอ้างกึ่งๆ กางๆ เอาเฉพาะบางส่วน

           ดังนั้น พี่น้องจะต้องรู้ชั้นเชิงในการดะอฺวะฮ์ของชีอะฮ์ด้วย เพราะหนังสือหลายเล่มในปัจจุบัน แม้จะเป็นภาษาไทยก็ตาม มักจะอ้างสโลแกนที่อายะตุชชัยฏอน โคมัยนีย์ ว่า "ไม่มีสุนนีย์ ไม่มีชีอะฮ์ มีแต่อิสลาม" อาจจะเป็นถ้อยคำที่น่าสรรเสริญ แต่ก็แฝงไปด้วย ... (มันสุดจะบรรยายอะครับ พี่น้องนึกคำแล้วเติมเองละกัน) - วัลลอฮุอะอฺลัม - วัสสลาม

[Molto]

 salam

พวกชีอะฮ์มันหลอกลวงมาตั้งแต่อดีตแล้ว  พวกเขาคงจะทำทุกอย่างเพื่อแนวทางของตนเอง  ให้เชคมะห์มูดชัลโต้ด  ฟัตวาว่ามัซฮับฟิกห์ชีอะฮ์นำมาปฏิบัติได้ 

พอชีอะฮ์รู้ว่าเข้าทางตูแล้ว  ทางอีหร่านเลยรีบฟัตวาว่ามัซฮับทั้งสี่ฮะรอมนำมาปฏิบัติตามเพื่อกันพวกชีอะฮ์มิให้เข้ามาในแนวทางอะฮ์ลิซซุนนะฮ์

เลห์เหลี่ยมชีอะฮ์ช่างแพรวพราวดีจริงๆ  มันเหมือนเป็นเกมส์ลวงโลกอะน่ะ

[Muftee]

หลังจากที่พวกชีอะฮฺห่างหายไปจากอียิปต์เป็นระยะเวลาอันยาวนานมาก 
หลังจากการเข้ามาปกครองของท่าน เศาะลาหุดดีน อัล-อัยยูบีย์  แต่ตอนนี้
ที่อียิปต์เริ่มปรากฏชีอะฮฺขึ้นมาบ้างแล้วประปรายครับ......และตอนนี้มัสยิด
แถวเมืองอะเล็กซานเดรีย (หรือเมืองที่มีฉายาว่า "เจ้าหญิงแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน")

บรรดาเชคทั้งหลายก็เริ่มมีการสอนตำรา  ที่แสดงถึงความอันตรายของบรรดาชีอะฮฺขึ้นมาบ้างแล้ว
ในตอนนี้......เชคท่านหนึ่ง กล่าวว่า "เมื่อก่อนเราอยู่ที่นี่ด้วยความสงบกายและสงบใจ
แต่ตอนนี้บรรดาผู้คนบางกลุ่มเริ่มมีการด่าทอบรรดาเศาะหาบะฮฺ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจเลย".................

[al-toorab]

 salam

ما شاء اللــــــه

[asmah]

มาหาความรู้

[Al Fatoni]

อ.บางท่านของ วอศ.ก็เริ่มมีการพูดถึงชีอะฮ์และให้ นศ.ระวังภัยของชีอะฮ์กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์อิสลาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่ต้องกล่าวถึงกลุ่มต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มชีอะฮ์  - วัสสลาม

[al-azhary]

 salam

ท่านอิมาม อัชชัยค์ ฮะซะนัยน์ มัคลูฟ (อดีตมุฟตีแห่งประเทศอียิปต์) ร่อฮิมะฮุลลอฮ์  ได้กล่าวว่า

ด้วยพระนามแห่งอัลเลาะฮ์ผู้ทรงเมตตาปราณีเสมอ , แนวคิดปรับระหว่างอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กับชีอะฮ์ได้ริเริ่ม  ขณะที่อียิปต์มีชายคนหนึ่ง  ชื่อ  "มุฮัมมัด อัลกุมมีย์"  เขาได้พยายามก่อตั้งกลุ่ม "คณะปรับมัซฮับ" ขึ้น  และออก "วารสารปรับมัซฮับ"  ซึ่งมีคนบางส่วนได้เขียนขึ้น

"ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นด้วยกับการปรับมัซฮับและทำวารสาร  ด้วยเหตุดังกล่าว  ข้าพเจ้าจึงไม่เคยเขียนลงวารสารเลยและไม่เคยร่วมประชุมพร้อมกับคณะปรับมัซฮับในวาระใดเลย  อัลกุมมีย์มีความพยายามให้ท่านชัยค์ชัลโต๊ดอนุมัตการเรียนการสอนมัซฮับชีอะฮ์อิมามียะฮ็ขึ้นในอัลอัซฮัรเพื่อยังความทัดเทียมมัซฮับทั้งที่ได้ทำการสอนอยู่  ในขณะที่ข้าพเจ้าได้ทราบถึงความพยายามอันนี้  ข้าพเจ้าจึงเขียนคอลั่มเพื่อต่อต้านแนวทางคิดนี้ว่า  ใช้ไม่ได้ที่จะให้ฟิกห์ของชีอะฮ์ได้ถูกดำเนินการสอนในอัลอัซฮัร  พวกท่านไม่รู้ดอกหรือว่า  พวกชีอะฮ์นั้นมีทัศนะอนุญาตให้สมสู่มุตอะฮ์ได้  ทั้งที่ฟิกห์ของเราได้ยืนยันถึงความโมฆะการสมสู่มุตอะฮ์และยังผลที่ใช้ไม่ได้!  ข้าพเจ้าจึงแจ้งทัศนะความเห็นนี้ไปยังคณะผู้เป็นแกนหลักของอียิปต์  ดังนั้นพวกเขาจึงดำริแก่ชัยคุลอัลอัซฮัรว่า  ไม่อนุมัติทำการเรียนการสอนฟิกห์ของชีอะฮ์ในอัลอัซฮัรและแล้วดังกล่าวก็ไม่ถูกดำเนินการ  อัลฮัมดุลิลลาฮ์"  ฟะตาวา อัลอัซฮัร 6/69

[As-Zaleek]

 salam

ต้องรู้ทันชีอะฮ์  ถึงจะไม่ถูกหลอกครับ