ความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของพระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ[
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้านั้น คืออัลลอฮฺผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินภายในหกวันแล้วทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์..................[1]
พระองค์ตรัสว่า
]الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى[
ผู้ทรงกรุณาสถิตอยู่บนบัลลังก์ [2]
พระองค์ตรัสว่า
]إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ يُدَبِّرُ الأمْرَ مَا مِنْ شَفِيعٍ إِلا مِنْ بَعْدِ إِذْنِهِ ذَلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمْ فَاعْبُدُوهُ أَفَلا تَذَكَّرُونَ[
แท้จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้าคืออัลลอฮ.ผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผนดินในเวลาหกวันแล้วพระองค์ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ ทรงบริหารกิจการไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือใดๆเว้นแต่ต้องได้รับอนุมัติจากพระองค์นั้นคืออัลลอฮ.พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า พวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อพระองค์เถิด พวกเจ้าไม่ได้ใคร่ครวญดอกหรือ?[3]
พระองค์ตรัสว่า
]الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأرْضَ وَمَا بَيْنَهُمَا فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَنُ فَاسْأَلْ بِهِ خَبِيرًا[
พระผู้ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นในหกวัน แล้วพระองค์ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ผู้ทรงกรุณา ดังนั้นเจ้าจงถามผู้รอบรู้เกี่ยวกับพระองค์เถิด[4]
มีหลักฐานจากกุรอานหลายโองการที่กล่าวถึงการทรงสถิตบนบัลลังก์ของพระองค์บนฟ้า ดังนั้นไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนคุณลักษณะของพระองค์ที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ด้วยพระองค์เองไปเป็นอีกคุณลักษณะหนึ่ง เรานั้นเป็นใคร?ที่ต้องการเปลี่ยนคำว่า อิสตาวะ( استواء ) ให้เป็น อิสเตาลา( استولا ) เราเป็นคนที่เก่งที่สุดกระนั้นหรือ?ทั้งๆที่เราไม่มีความสามารถ หรือเราคิดว่าสติปัญญาของเราล่ำเลิศสามารถที่จะเปลี่ยนคำของพระองค์อัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ด้วยพระองค์เอง?
งั้นเรามาดูรายละเอียดอัลเลาะฮ์สถิตอยู่บนบัลลังก์ตามหลักอะกีดะฮ์วะฮาบีกันครับ ซึ่งเป็นหลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ที่เราต้องหลีกห่าง และในกระทู้อื่นๆ เราก็ได้ชี้แจงเรื่องอิสติวาอฺในแล้ว ผมขอก็อบมานำเสนอครับ
เช่นเรื่อง "อิสติวาอ์" ตามที่ทางเราได้เคยอธิบายความแตกต่างไว้ในกระทู้อื่นๆ...ผมขอสรุปดังนี้
แนวทางสะลัฟอัลอะชาอิเราะฮ์ : คือ เชื่อในอิสติวาอ์ โดยไม่เจาะจงความหมายแต่ขอมอบความหมายและจุดมุ่งหมายที่แท้จริง และรูปแบบวิธีการนั้นเราไม่รู้ (แนวทางนี้เป็นแนวทางที่หนึ่งของอัลอะชาอิเราะฮ์)
แนวทางวะฮาบีย์ : คือ เชื่อในอิสติวาอ์ แต่ทำการอธิบายความหมาย (ตัฟซีร) ของมันให้อยู่ในเชิงภาษาของคำแท้ตามที่มนุษย์เข้าใจกัน ซึ่งแนวทางนี้เลือกให้อยู่ในความหมายของ "การนั่ง" และ "สถิต" กล่าวคือ อัลเลาะฮ์ทรงเป็นรูปร่างนั่งสถิตอยู่บนบัลลังก์
อธิบายความแตกต่าง
แนวทางอัลอะชาอิเราะฮ์ แนวทางสะลัฟเชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีซีฟัตอิสติวาอ์...และพระองค์ทรงอิสติวาอ์เหนือบัลลังก์...แต่ความหมายของอิสติวาอ์จะเป็นอย่างไรนั้น...สะลัฟส่วนมากรู้ว่ามีความหมายหลายนัย...จึงไม่ทำการเจาะจงเพราะไม่รู้ว่าความหมายตามเป้าหมายของอัลเลาะฮ์...ดังนั้นจึงมอบการรู้ความหมายที่เจาะจงนี้ให้กับอัลเลาะฮ์...ส่วนรูปแบบวิธีการไม่ต้องพูดถึงเพราะขนาดความหมายยังต้องมอบหมายยังอัลเลาะฮ์
แนวทางวะฮาบียะฮ์ เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงเป็นรูปร่างนั่งอยู่บนบัลลังก์...โดยอธิบายตรงกับหลักภาษาอาหรับคำแท้(ฮะกีกัต)...คืออัลเลาะฮ์ทรงนั่งทรงสถิตเป็นรูปร่างอยู่บนบัลลังค์
ท่านอิบนุอะษัยมีนอุลามาอ์วะฮาบีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ شرح عقيدة الواسطية ของท่านว่า...
وَأَمَّا قَوْلُكُمْ: إنَّهُ يَلْزَمُ منْ تَفْسِيْرِ الاِسْتِواَءِ بِالْعُلُوِّ أَنْ يَكُوْنَ اللهُ جِسْماً فَجَوَابُهُ: كُلُّ شَيْءٍ يَلْزَمُ منْ كتَاب الله وَسُنَّةِ رَسُوْلِهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَهُوَ حَقٌّ، وَيَجِبُ عَلَيْنَا أَنْ نَلْتَزِمُ بِهِ،.
สำหรับคำกล่าวของพวกท่านที่ว่า "แท้ริงสิ่งจำเป็นที่ติดตามมาจากการอธิบายคำว่าอิสตะวาอฺว่าอยู่สูงนั้น คืออัลเลาะฮ์เป็นรูปร่าง"...เราขอตอบว่า..."ทุกสิ่งที่เป็นผลตามมาจากกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ของพระองค์นั้น...เป็นความจริง...(คือการที่อัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างนั้นเป็นความจริง) และจำเป็นที่เราต้องยึดมัน(คือยึดว่าอัลเลาะฮ์เป็นรูปร่าง)..." วัลลอฮุอะลัมครับ...
ท่านอิบนุฮัมดาน อุลามาอ์ฮัมบาลีกล่าวว่าถ่ายทอดไว้ในหนังสือ นิฮายะฮ์อัลมุบตะดิอีน ว่า
عن أحمد تكفير من قال عن الله جسم لا كالأجسام
"จากท่านอิมามอะห์มัด คือถือว่าเป็นกุฟรผู้ที่กล่าวว่าอัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างที่ไม่เหมือนกับบรรดารูปร่างทั้งหลาย" หน้า 30
ท่านอิบนุอะบียะลา กล่าวว่า
قال الوالد السعيد: فمن اعتقد أن الله سبحانه جسم من الأجسام وأعطاه حقيقة الجسم من التأليف والانتقال: فهو كافر لأنه غير عارف بالله عز وجل لأن الله سبحانه يستحيل وصفه بهذه الصفات وإذا لم يعرف الله سبحانه: وجب أن يكون كافراً
"บิดาของฉันผู้ได้รับความผาสุข กล่าวว่า ผู้ใดเอี๊ยะอฺติก๊อตว่า อัลเลาะฮ์ ซุบฮานุฮูวะตะอาลา เป็นรูปร่างหนึ่ง จากบรรดารูปร่างทั้งหลาย และทำให้อัลเลาะฮ์เป็นรูปร่างจริงๆ จากประกอบขึ้นและการมีเคลื่อนย้าย เขาย่อมเป็นกาเฟร เพราะเขาไม่รู้จักอัลเลาะฮ์ อัซซ่าวะญัลล่า เพราะอัลเลาะฮ์ทรงมุสตะฮีล(เป็นไปไม่ได้)ที่พระองค์จะมีคุณลักษณะด้วยบรรดาคุณลักษณะเหล่านี้ และเมื่อเขาไม่รู้จักอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮฺ ก็จำเป็นที่เขาต้องเป็นกาเฟร" หนังสือฏ่อบะก็อต อิบนุ อะบี ยะลา หน้า 499