ผู้เขียน หัวข้อ: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?  (อ่าน 21495 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ vrallbrothers

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 498
  • ALLAH MAHA BESAR...
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #60 เมื่อ: ต.ค. 12, 2008, 03:45 PM »
0
 salam

ผมว่าคุณ faiz ลองอ่านหัวข้อที่บังอัลอัซฮารีตอบปัญหาศาสนาลิงค์ข้างล่างนี้ก่อนนะครับ  smile:

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2647.0

แล้วก็อาจจะพอเข้าใจ "กลุ่มซุนนะฮ์"  ตามทัศนะของบังอัลอัซฮารีครับ...ลองเปิดใจให้กว้างนะครับ

"ขออัลลอฮ์ทรงชี้นำแนวทางที่ถูกต้องให้กับผม คุณ faiz และพี่น้องมุสลิมทั้งหลายด้วยเถิด อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน"

วัสสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 12, 2008, 03:47 PM โดย vrallbrothers »


เวลาเปรียบเสมือนคมดาบ...หากท่านไม่ตัดมัน มันจะตัดท่าน



ยะฮูดีใช้ระเบิดฟอสฟอรัส... เลวร้าย ป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #61 เมื่อ: ต.ค. 12, 2008, 08:38 PM »
0
salam
ผมเป็นน้องใหม่ครับ ขอถามพี่ๆคนเก่า อย่าง al-azharyว่า หลักฐานที่พี่กล่าวว่าเป็นของ วาฮาบีนั้น มันเป็น มติเอกฉันท์ของพวกเขาหรือเปล่าครับ ผมเกรงว่าถ้าไม่ คนอื่นที่ไม่ ทำเมาลีด ไม่อ่านกุรอ่านที่กูโบร ไม่ลูบหน้าหลังละหมาดพวกเขาก็ภูกเรียกว่า วาฮะบีจะเสียหายไปด้วย ทางที่ดีคุณควรจะเรียกชื่อเฉพาะอูลามะ ที่คุณกำลังจะพาดพิงเท่านั้นกจะดีกว่านัครับ
ด้วยความหวังดี
วัสสาลาม

ผมรู้สึกว่าพี่ๆเขาชี้แจงแล้วนะ ว่าหมายถึงว่า "วัฮฮาบีย์บางกลุ่ม"
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #62 เมื่อ: ต.ค. 12, 2008, 10:54 PM »
0
 salam

ก่อนอื่นผมขอสร้างความเข้าใจกับท่านพี่น้องในเรื่องหลักอะกีดะฮ์ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ก่อนครับ  คำว่า  فِي السَّمَاءِ  แปลตามตรงตัวคือ  "ในฟ้า"  หากแปลแบบตีความคือ  "บนฟ้า"  หรือคำว่า عَلَي العَرْشِ  "บนบัลลังก์"  หรือ  "เหนือบัลลังก์"  ดังนั้นความหมายคำว่า "บน"  หรือ  "เหนือ"  ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์ที่ใช้กับซีฟัตของอัลเลาะฮ์นั้นมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน

1. วะฮาบีย์เชื่อว่า  คำว่า "บน" หรือ "เหนือ" นี้  คือบนตามนัยยะในรูปธรรมโดยให้ความหมายคำแท้  เช่น  การที่อัลเลาะฮ์สถิตอาศัยอยู่เหนือหรืออยู่บนสถานที่ที่เป็นฟากฟ้าและบัลลังก์

2. อัลอะชาอิเราะฮ์เชื่อว่า  คำว่า  "บน"  หรือ  "เหนือ"  นี้ไม่ได้อยู่ในความหมายผิวเผินแบบคำแท้อย่างแน่นอน  แต่มันอยู่บนความหมายนัยยะของนามธรรม  เช่น  อัลเลาะฮ์สูงส่งเหนือบัลลังก์  และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือชั้นฟ้า  เป็นต้น

ดังนั้นคำว่า فِي السَّمَاءِ  หรือคำว่า  عَلَي العَرْشِ ที่ได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานนั้น  เราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ได้ให้กาขัดแย้งหรือปฏิเสธมันเลย เพราะเราอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ยึดกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์  แต่เราปฏิเสธการให้ความหมายและความเข้าใจตามหลักอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ต่างหาก

ท่านชัยคุลอิสลาม อัลฮาฟิซฺ  อิบนุหะญัร อัลอัสกอลานีย์กล่าวว่า

وَلَا يَلْزَمُ مِنْ كَوْنِ جِهَتَىِ الْعُلُوِّ وَالسُّفْلِ مُحَالاً عَلىَ اللهِ أَنْ لاَ يُوْصَفُ بِالْعُلُوِّ ، لِأَنَّ وَصْفُهُ بِالْعُلُوَّ مِنْ جِهَةِ الْمَعْنَى ، وَالْمُسْتَحِيْلُ كََوْنُ ذَلِكَ مِنْ جِهَةِ الْحِسِّ وَلِذَلِكَ وَرَدَ فِىْ صِفَتِهِ الْعَالِى وَالعَلِىُّ وَالْمُتَعَالِى ، وَلَمْ يَرِدْ ضِدُّ ذَلِكَ ,إِنْ كَانَ قَدْ أَحَاطَ بِكُلِّ شَىْءٍ عِلْماُ جَلَّ وَعَزَّ

ความว่า “ ไม่จำเป็นจากการมีสองทิศสูง(บน)และทิศล่างนั้น เป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ไม่มีคุณลักษณะที่สูงส่ง เพราะลักษณะความสูงส่งของพระองค์นั้น มาจากด้านของนามธรรม(คือสูงส่งมิใช่รูปธรรมที่อยู่ในความหมายที่พระองค์มีสถานที่สถิตอยู่ให้กับพระองค์) และเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ กับ(การมีคุณลักษณะสูงส่ง)ดังกล่าวนั้นมาจากด้าน(ความหมาย)ที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้(คือมีสถานที่อยู่แบบสูงๆขึ้นไป) และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คำว่า العالى والعلى والمتعالى (หมายถึงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง) จึงมีมาอยู่ในลักษณะของพระองค์ และไม่มีระบุมาโดยตรงกันข้ามกับสิ่งดังกล่าวเลย และหากแม้ว่าพระองค์ทรงห้อมล้อมทุก ๆ สิ่งด้วยความรอบรู้ของพระองค์สักทีก็ตาม” ดู ฟัตหฺ อัลบารีย์ เล่ม 6 หน้า 136

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 13, 2008, 07:04 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #63 เมื่อ: ต.ค. 12, 2008, 11:04 PM »
0
เหตุการณ์ดังต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่ฟาโรผู้ถือตัวเองเป็นพระเจ้า เยอะเย้ยนบีมูซา (อ.ล)

พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า

]وَقَالَ فِرْعَوْنُ يَا هَامَانُ ابْنِ لِي صَرْحًا لَعَلِّي أَبْلُغُ الأسْبَابَ ( )أَسْبَابَ السَّمَاوَاتِ فَأَطَّلِعَ إِلَى إِلَهِ مُوسَى وَإِنِّي لأظُنُّهُ كَاذِبًا وَكَذَلِكَ زُيِّنَ لِفِرْعَوْنَ سُوءُ عَمَلِهِ وَصُدَّ عَنِ السَّبِيلِ وَمَا كَيْدُ فِرْعَوْنَ إِلا فِي تَبَابٍ[

และ ฟิรเอาวน์กล่าวว่า โอ้ฮามานเฮ่ยจงสร้างหอส่งให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่ฉันจะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่บรรดาชั้นฟ้าเพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริงฉันแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก เช่นนั้นแหละการงานที่ชั่วช้าของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่ฟิรออาวน์และ เขาถูกปิดกั้นจากแนวทางของอัลลอฮฺ และแผนการของฟิรอาวน์นั้นไม่ใช่อื่นใดนอกจากอยู่ในความหายนะเท่านั้น [15]

ดัง นั้นใครก็ตามที่มีความเชื่อว่าพระองค์อัลลอฮฺไม่ได้อยู่บนฟ้าแน่แท้เขากำลัง ปฏิเสธในสิ่งที่พระองค์ได้แจ้งว่าพระองค์อยู่บนฟ้า พฤติกรรมของเขาไม่ต่างอะไรกับฟิอาวน์ที่เขาได้ปฏิเสธคำพูดของนบีมูซา

วิจารณ์สิ่งที่วะฮาบีย์เข้าใจจากอายะฮ์นี้

1. วะฮาบีย์อ้างว่า นบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า (ทั้งที่ไม่มีตัวบทอัลกุรอานและฮะดิษใดมาระบุเลยว่านบีมูซาพูด)

2. แต่วะฮาบีย์ได้อ้างว่า  ฟิรอูนได้เข้าใจว่านบีมูซาบอกว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

3. ทั้งที่ท่านนบีมูซาไม่เคยพูดเลยว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า  แต่วะฮาบีย์อ้างว่านบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า  เพราะยึดถือตามความเข้าใจหรือการบอกเล่าของฟิรอูนอีกทอดหนึ่งจากคำพูดของนบีมูซาว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

4. พอฟิรอูนขึ้นไปบนหอคอยอันสูงตระหง่าน  ฟิรอูนก็ไม่เห็นอัลเลาะฮ์เลย  แล้วกล่าวว่า "ฉันเข้าใจว่ามูซาเป็นคนโกหกเสียแล้ว"  วะฮาบีย์เลยฟันธงว่า  ฟิรอูนได้ปฏิเสธคำพูดของนบีมูซาที่ว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า

สรุปคือวะฮาบีย์ได้เปลี่ยนเอาความเท็จมาเป็นสัจธรรม โดยเข้าใจว่าฟิรอูนได้ยินนบีมูซาพูดว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า  แล้ววะฮาบีย์ก็ยึดการรายงานบอกเล่าหรือความเข้าใจของฟิรอูน  มาตัดสินว่านบีมูซาได้กล่าวว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า  เราขอถามสักนิดเถอะว่า  การยินฮะดิษ(คำพูด)ของนบีมูซา อะลัยฮิสลาม  ซึ่งได้ทำการถ่ายทอดหรือรายงาน(ริวายะฮ์)โดยคนกาเฟรอย่างฟิรอูนนั้น  มีความเชื่อถือ(ษิเกาะฮ์)หรือไม่?  และถ้าหากมีคนโกหกหรือนักกุฮะดิษได้รายงานคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นพวกท่านจะเชื่อหรือไม่?  แล้วเหตุใดวะฮาบีย์ถึงยอมรับความเข้าใจและการรายงานของฟิรอูนจากท่านนบีมูซา อะลัยอิสลาม อย่างสโรราบและด้วยความยินดี?! หรือว่าฟิรอูนผู้กุฟุรที่สุดในแผ่นดินกลายเป็นคนรายงานที่ษิเกาะฮ์(เชื่อถือได้)ในเรื่องอะกีดะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์เสียแล้ว?!

ความเข้าใจและสาเหตุการกระทำของฟิรอูน

1. ฟิรอูนเข้าใจว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ซึ่งสามารถขึ้นไปถึงได้โดยสร้างหอคอยอันสูงตระหง่านส่งขึ้นไปโดยไม่พ้นชั้นบรรยากาศของโลก

2. การที่ฟิรอูนได้ใช้ให้สร้างหอคอยสูงขึ้นไปบนฟ้านั้น  เพราะมีเป้าหมาย  นั่นก็คือเพื่อจะได้เห็นอัลเลาะฮ์

3. ในตัวบทอัลกุรอานได้ระบุให้เราทราบว่า  ฟิรอูนนั้นเข้าใจและเชื่อว่าสามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้

4. เมื่อฟิรอูนไม่เห็นว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟากฟ้า , ไม่สามารถเห็นอัลเลาะฮ์ได้ , และไม่สามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้นั้น  ฟิรอูนจึงคิดในแง่ลบกับนบีมูซาทันทีแล้วกล่าวว่า وَإِنِّي لأظُنُّهُ كَاذِبًا "ฉันเข้าใจว่าเขานั้นเป็นผู้โกหก" 

ผลลัพธ์ที่ได้รับจากข้างต้น คือ :

1. หากเราเชื่อตามความเข้าใจของฟิรอูนที่ได้ยินมาจากท่านนบีมูซา  ก็แสดงว่าท่านนบีมูซานั้น  บอกฟิรอูนว่า  อัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าชั้นไม่ไกล , สามารถขึ้นไปหาอัลเลาะฮ์ได้ , และสามารถขึ้นไปเห็นอัลเลาะฮ์ได้  ซึ่งเราขอกล่าวว่า  ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลาม ไม่ได้พูดอย่างนั้นแน่นอน  แต่ฟิรอูนมันเชื่อเองและคิดไปเองว่า อัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้า  ขึ้นไปเห็นอัลเลาะฮ์ได้ต่างหาก!

2. เมื่อฟิรอูนไม่มีความษิเกาะฮ์(ไม่มีความเชื่อถือ)ในการเข้าใจหรือรายงานคำพูดของนบีมูซา  เราก็จะไปแอบอ้างบอกว่านบีมูซาพูดไม่ได้จะไปแอบอ้างว่าฟิรอูนปฏิเสธคำพูดนบีมูซาก็ไม่ได้   ดังนั้นเมื่อนบีมูซาไม่ได้พูด  แน่นอนว่าฟิรอูนเชื่อและความเข้าใจไปเองต่างหากที่ว่าอัลเลาะฮ์อยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์  ซึ่งความเชื่อและความเข้าใจของฟิรอูนนี้ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้

สรุปก็คือ

การที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์มีสถานที่สถิตอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรมเองนั้น  ถือว่าเป็นอะกีดะฮ์ของฟิรอูนที่ถูกสาปแช่งนั่นเองครับ

ท่านอิมามฟัครุดดีน อัรรอซีย์ ได้กล่าวอธิบายไว้ในตัฟซีรของท่านว่า

 إن فرعون لما طلب حقيقة الإله من موسى عليه السلام ولم يزد موسى عليه السلام على ذكر صفة الخلاقية ثلاث مرات ، فإنه لما قال " وما رب العالمين " ففي المرة الأولى قال " رب السماوات والأرض وما بينهما إن كنتم موقنين " وفي الثانية قال " ربكم ورب آبائكم الأولين " وفي المرة الثالثة " رب المشرق والمغرب وما بينهما إن كنتم تعقلون " ومثل ذلك إشارى إلى الخلاقية ، وأما فرعون لعنه الله فإنه قال " يا هامان ابن لي صرحا لعلي أبلغ السباب ، أسباب المساوات فأطلع إلى إله موسى " فطلب الإله في السماء فعلمنا أن وصف الإله بالخلاقية وعدم وصفه بالمكان والجهة دين موسى عليه السلام وسائر جميع الأنبياء وصفه تعالى بكونه في السماء دين فرعون وإخوته من الكفرة

"แท้จริงฟิรอูนนั้น  ในขณะที่เขาต้องการทราบถึงแก่นแท้พระเจ้าของนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม  ท่านนบีมูซา อะลัยฮิสสลาม  ก็มิได้กล่าวเพิ่มเติมมากไปกว่า 3 ครั้งจากคุณลักษณะผู้ทรงสร้าง  ดังนั้นในขณะที่ฟิรอูนถามว่า  "อะไรคือผู้อภิบาลแห่งสากลโลก"  ท่านนบีมูซาได้ตอบในครั้งแรกว่า  "พระองค์คือผู้อภิบาลแห่งบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่าง 2 แผ่นดิน  หากพวกท่านเป็นผู้มีความมั่นใจ"  ในครั้งที่สองท่านนบีมูซาตอบว่า  "พระองค์คือผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นผู้อภิบาลของบรรพบุรุษของพวกท่านในยุคแรก"  และตอนในครั้งที่สองว่า  "พระองค์เป็นผู้อภิบาลทั้งตะวันออกและตะวันตกและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง หากพวกท่านใช้สติปัญญาใคร่ครวญ"  และเฉกเช่นดังกล่าวนี้เป็นการชี้ถึงการเป็นผู้ทรงสร้าง(ของอัลเลาะฮ์) สำหรับฟิรอูนนั้น - ขออัลเลาะอ์ทรงสาปแช่งเขา -  เขาได้กล่าวว่า "โอ้ฮามานเฮ่ยจงสร้างหอส่งให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่ฉันจะขึ้นไป ทางที่จะขึ้นไปสู่บรรดาชั้นฟ้าเพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา" ดังนั้นฟิรอูนจึงแสวงหาพระเจ้าบนฟากฟ้า  ฉะนั้นเราจึงรู้เลยว่า  การพรรณาคุณลักษณะของพระเจ้าด้วยคุณลักษณะการเป็นผู้ทรงสร้าง(ฟากฟ้าและแผ่นดิน)และไม่พรรณาคุณลักษณะของพระองค์ด้วยการมีสถานที่และทิศนั้น เป็นศาสนาของนบีมูซาอะลัยฮิสลามและบรรดานบีอื่น ๆ ทั้งหมด  และการพรรณาคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ด้วยคุณลักษณะที่พระองค์อยู่บนฟ้า(แบบฟิรอูนโดยพรรณาว่าพระองค์ทรงอยู่บนฟ้าด้วยซาตของพระองค์ในเชิงรูปธรรม)นั้น  เป็นศาสนาของฟิรอูนและบรรดาวงศ์วานของพวกจากพวกกาเฟร" หนังสืออัตตัฟซีร อัลกะบีร : 14/119

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 20, 2008, 06:37 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #64 เมื่อ: ต.ค. 13, 2008, 06:22 AM »
0
 salam

ก่อนอื่น  อยากให้พี่น้องนักศึกษาเข้าใจจุดยืนของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ที่มีต่อบรรดาอายะฮ์หรือฮะดิษที่เกี่ยวกับซีฟาตของอัลเลาะฮ์  ดังนี้นะครับ

ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวอธิบายว่า

اعلم أن لأهل العلم في أحاديث الصفات وآيات الصفات قولين

"ท่านจงรู้เถิดว่า แท้จริงให้กับนักปราชญ์ เกี่ยวกับบรรดาหะดิษซิฟาตและบรรดาอายาตซีฟาตนั้น มี 2 ทัศนะ" คือ

أحدهما : وهو مذهب معظم السلف أو كلهم أنه لا يتكلم في معناها , بل يقولون : يجب علينا أن نؤمن بها ونعتقد لها معنى يليق بجلال الله تعالى وعظمته مع اعتقادنا الجازم أن الله تعالى ليس كمثله شيء وأنه منزه عن التجسم والانتقال والتحيز في جهة وعن سائر صفات المخلوق , وهذا القول هو مذهب جماعة من المتكلمين , واختاره جماعة من محققيهم وهو أسلم

ทัศนะที่หนึ่ง คือมัซฮับส่วนมากของสะลัฟหรือทั้งหมด กล่าวคือ จะไม่มีการพูดกันในความหมายของมัน แต่พวกเขากล่าวว่า จำเป็นบนเราต้องศรัทธาเชื่อด้วยกับมัน(บรรดาอายะฮ์และหะดิษซีฟาต) และเราเชื่อมันกับความหมายที่เหมาะสมกับความเกรียงไกรและความยิ่งใหญ่ของอัล เลาะฮ์ ตะอาลา พร้อมกับให้เราเชื่อมั่นว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ ตะอาลา "ไม่มีผู้ใดที่มาคล้ายเหมือนกับพระองค์" และพระองค์ทรงปราศจากการเป็นร่างกาย(ตัวตน) ปราศจากการเคลื่อนไหว ปรากจากการอยู่ในทิศใดทิศหนึ่ง และปราศจากการเหมือนบรรดาคุณลักษณะอื่น ๆ ของบรรดามัคโลค และนี้คือทัศนะคำกล่าวของมัซฮับกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลาม และกลุ่มหนึ่งจากอุลามาอ์กะลามที่ทรงความรู้อันแน่นแฟ้นได้เลือกเฟ้น และมันคือทัศนะที่ปลอดภัยกว่า"

والقول الثاني : وهو مذهب معظم المتكلمين أنها تتأول على ما يليق بها على حسب مواقعها , وإنما يسوغ تأويلها لمن كان من أهله بأن يكون عارفا بلسان العرب وقواعد الأصول والفروع , ذا رياضة في العلم

ทัศนะที่สอง คือมัซฮับส่วนมากของอุลามาอ์มากะลาม กล่าวคือ บรรดาอายะอ์และหะดิษจะถูกตีความ(ตะวีล)บนคุณลักษณะที่เหมาะสมตามแต่สถานที่ ของมัน และแท้จริง อนุญาตให้ทำการตีความมันได้ สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติเท่านั้น โดยเขาต้องมีความรู้ภาษาอาหรับและกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ของหลักพื้นฐานและข้อปลีกย่อย อีกทั้งต้องมีความชำนาญปราดเปรื่องในวิชาความรู้"

ท่านอัฏเฏาะฮะวีย์  ได้กล่าวไว้ในอะกีดะฮ์อัฏเฏาะฮะวียะฮ์ของท่านว่า

وتسيره على ما أراده الله تعالى وعلمه وكل ما جاء في ذلك من الحديث الصحيح عن الرسول صلى الله عليه وسلم فهو كما قال ، ومعناه على ما أراد . لا ندخل في ذلك متأولين بآرائنا ولا متوهمين بأهوائنا . فإنه ما سلم في دينه إلا من سلم لله عز وجل ولرسوله صلى الله عليه وسلم ورد ما أشتبه عليه إلى عالمه

"ท่านดำเนินตามสิ่งที่อัลเลาะฮ์อัลเลาะฮ์ประสงค์และสิ่งที่พระองค์ทรงรู้  และทุก ๆ สิ่งที่ได้ระบุมาในสิ่งดังกล่าว(เรื่องการเห็นอัลเลาะฮ์นั้น)ที่มาจากฮะดิษที่ซอฮิห์จากท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  มันก็เหมือนกับสิ่งที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้กล่าวไว้  ความหมายของฮะดิษก็คือสิ่งที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์หมายถึง (มิใช่อย่างที่วะฮาบีย์หมายถึง) และเราจะไม่เข้าไปตีความด้วยความเห็นของเราและเราจะไม่เข้าใจมันด้วยอารมณ์ของเรา  เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะปลอดภัยในเรื่องศาสนาของเขานอกจากผู้ที่มอบ(หมาย)ให้แก่อัลเลาะฮ์ (อัซซะวะญัลล่า) และร่อซูลของพระองค์ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเขาได้นำสิ่งที่คลุมเครือบนเขากลับไปยังผู้ที่มีความรู้ต่อมัน(มอบหมายกลับไปหาอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์"

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร กล่าวว่า

نقول في الصفات المشكلة : إنها حق وصدق على المعنى الذي أراده الله ونسكت

"(ท่านอิบนุดะกีกอัลอีดกล่าวว่า)เราขอกล่าวในเรื่องบรรดาซีฟาตที่ยังมี(ความหมาย)คลุมเคลือว่า  แท้จริงมันเป็นเรื่องสัจธรรมและความจริงตามความหมายที่อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์และเราก็หยุดนิ่ง(โดยมอบหมายไปยังอัลเลาะอ์ตะอาลา)" ฟัตฮุลบารีย์ : 13/183

ท่านอิบนุ รอญับ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ฟัฏลุ อิลมิ อัสสะลัฟ อะลา อัลคอลัฟ ว่า

والصواب ما عليه السلف الصالح من إمرار آيات الصفات وأحاديثها كما جاءت من غير تفسير لها . . ولا يصح منهم خلاف ذلك البتة خصوصا الإمام أحمد ولا خوض في معانيها

"ที่ถูกต้องคือสิ่งที่ สะละฟุศศอลิห์ได้ดำเนินอยู่ จากการทำการผ่านไปกับบรรดาอายะอ์ซิฟาตและหะดิษซีฟัต เหมือนกับที่มันได้มีระบุมา จากการไม่มีการอธิบาย(ตัฟซีรความหมาย)ให้กับมัน...และย่อมใช้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดจากพวกเขา โดยการขัดแย้งกับสิ่งดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามอะหฺมัด โดยที่ไม่มีการเข้ายุ่งเกี่ยวในบรรดาความหมายของมัน" ดูหน้า 30


ด้วยเหตุเช่นนี้ ท่านอิมามอะหฺมัดจึงกล่าวว่า

هذه الأحاديت نؤمن بها ونصدق ، لا كيف ولا معنى ، ولا نصف الله تعالى بأكثر مما وصف به نفسه

"บรรดาหะดิษเหล่านี้ เราได้ศรัทธานั้น และเชื่อ โดยที่ไม่มีวิธีการว่าเป็นอย่างไร และไม่มีความหมาย(ที่เฉพาะเจาะจง) และเราไม่พรรณากับคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ ให้มากกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงพรรณาไว้กับพระองค์เอง" ดู หนังสือ ลุมอะฮ์ อัลเอี๊ยะติก๊อต ของท่าน อิบนุ กุดามะฮ์ หน้า 3

ท่านอิบนุกุดามะฮ์ ได้กล่าวว่า

علموا أن المتكلم به صادق لا شك فى صدقه فصدقوه ، ولم يعلموا حقيقة معناها فسكتوا عما لم يعلموه

" พวกเขา(สะลัฟ)รู้ว่า แท้จริง ผู้ที่พูดกับมันนั้น เป็นผู้สัจจริง โดยไม่ต้องสงสัยในความสัจจริงของเขา ดังนั้น พวกเขาจึงยอมรับกับมัน โดยที่พวกเขาไม่รู้ถึง"ฮะกีกัตความหมายของมัน" ดังนั้น พวกเขาจึงนิ่งจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้" ดู หนังสือ ซัมมฺ อัตตะวีล หน้า 25

ดังนั้นสะลัฟเขาจะทำการมอบหมายการรู้ถึงความหมายนั้นไปยังอัลเลาะฮ์ตะอาลาหรือตามความหมายที่พระองค์ทรงประสงค์  และไม่ทำการอธิบาย(ตัฟซีร) แต่วะฮาบีย์ว่ารู้ความหมายและทำการตัฟซีร(อธิบาย) ซึ่งมิใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิห์โดยรวม ----> อ่านเพิ่มเติมความแตกต่างระหว่างแนวทางของวะฮาบีย์กับแนวทางของสะลัฟได้ที่นี่ครับ


หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? จงตอบเถิดว่า พระองค์อยู่บนฟ้า คำตอบนี้เราได้มาจากตัวบทหลักฐานจากฮาดิษ ซอเฮียะห์ดังนี้

ครั้งหนึ่ง มูอาวียะห์ บุตร อัลฮากัม อัสซูลามี ท่านต้องการที่จะให้อิสรภาพกับ ญารียะห์ทาสของท่าน มูอาวียะห์ได้นำตัวญารียะห์ไปหาท่านรอซูล ซ.ล ท่านรอซูลได้ถามญารียะห์ว่า พระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน? เธอตอบว่า พระองค์อัลลอฮอยู่บนฟ้า ท่านรอซูลได้ถามต่อไปว่า แล้วฉันเป็นใคร? เขาก็ตอบว่าท่านคือศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้นท่านรอซูลได้กล่าวกับมูอาวียะห์ว่า ปล่อยเธอให้เป็นอิสระเถิด เพราะแท้จริงเธอคือผู้ศรัทธา ฮาดิษนี้บันทึกโดยนักบันทึกฮาดิษหลายท่าน เช่น อิหม่ามมาลิก

ความจริงแล้วพระองค์อัลลอฮ.ทรงสถิตอยู่บนบัลลังค์ของพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ถึงความเหมาะสมความมีเกียรติและความเกรียงไกรของพระองค์ ดังหลักฐานต่อไปนี้

ฮะดิษนี้ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้อธิบายจุดยืนหลักอะกีดะฮ์ของ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ความว่า

هذا الحديث من أحاديث الصفات , وفيها مذهبان تقدم ذكرهما مرات في كتاب الإيمان . أحدهما : الإيمان به من غير خوض في معناه , مع اعتقاد أن الله تعالى ليس كمثله شيء وتنزيهه عن سمات المخلوقات . والثاني تأويله بما يليق به , فمن قال بهذا قال : كان المراد امتحانها , هل هي موحدة تقر بأن الخالق المدبر الفعال هو الله وحده , وهو الذي إذا دعاه الداعي استقبل السماء كما إذا صلى المصلي استقبل الكعبة ؟ وليس ذلك ; لأنه منحصر في السماء كما أنه ليس منحصرا في جهة الكعبة , بل ذلك لأن السماء قبلة الداعين , كما أن الكعبة قبلة المصلين , أو هي من عبدة الأوثان العابدين للأوثان التي بين أيديهم , فلما قالت : في السماء , علم أنها موحدة وليست عابدة للأوثان

ًًฮะดิษนี้  เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาฮะดิษซีฟาต  และเกี่ยวกับบรรดาฮะดิษซีฟาตนั้น  มี  2  แนวทาง (ซึ่งทั้ง 2 แนวทางก็คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮ์) ตามที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วในกิตาบอัลอีหม่าน   ก็คือ

(1) ให้ศรัทธาด้วยกับฮะดิษนี้  โดยไม่เข้าใจยุ่งเกี่ยวในความหมายของมัน  พร้อมกับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ตะอาลานั้นไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนกับพระองค์  และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสัญลักษณ์ของบรรดามัคโลค (คือแนวทางสะละฟุศศอลิห์โดยรวม)

(2) ให้ทำการตีความ(ตะวีล) ฮะดิษนี้ด้วยสิ่งที่เหมาะสมต่อพระองค์  (คือแนวทางของค่อลัฟโดยรวม)

ดัง นั้น  ผู้ที่ได้กล่าวด้วยกับการตีความนี้  เขาก็จะกล่าวว่า  จุดมุ่งหมายก็คือ  การทดสอบตัวนาง(ทาสหญิงผิวดำที่เป็นเด็ก)  ว่านางนั้นเป็นผู้ที่เชื่อในอัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่ ยอมรับว่าผู้ทรงสร้าง  เป็นผู้ทรงบริหาร  ผู้ทรงกระทำ(ตามที่พระองค์ทรงประสงค์) คืออัลเลาะฮ์องค์เดียวหรือไม่?  และพระองค์คือผู้ที่ผู้วอนขอต่อพระองค์ได้ทำการผินไปยังท้องฟ้าเหมือนกับที่ ผู้ทำการละหมาดได้ผินไปทางกิบลัตหรือไม่?  ซึ่งดังกล่าวนั้น  ไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงจำกัดอยู่ในฟ้ากฟ้าเฉกที่พระองค์ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ใน ทิศกะบะฮ์  แต่ทว่าสิ่งดังกล่าวเพราะท้องฟ้าเป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่วอนขอดุอา  เหมือนกับ  กะบะฮ์เป็นกิบลัต(ทิศ)ของผู้ที่ทำการละหมาด  หรือว่า(เพื่อสอบว่า)นางเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กราบไว้รูปปั้นที่อยู่ในมือ ของพวกเขาหรือไม่?  ดังนั้นในขณะที่นางได้กล่าวว่า  อยู่ในฟ้า  ก็รู้เลยว่านางเป็นผู้ที่นับถือพระองค์เพียงองค์เดียวไม่ใช่เป็นผู้กราบไหว้ เจว็ด" ดู  ชัรหฺ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม ของอิมาม อันนะวาวีย์ เล่ม 5 หน้า 24

ท่านอัลฮาฟิซฺ  อิบนุ ฮะญัร  ได้กล่าวว่า

قوله " في السماء " ظاهره غير مراد ، إذ الله منزه عن الحلول في المكان لكن لما كانت جهة العلو أشرف من غيرها أضافها إليه إشارة إلى علو الذات والصفات

 "(ท่านอัลกิรมานีย์กล่าวว่า) คำตรัสที่ว่า فِي السَّمَاءِ "ในฟ้า" นั้น  ความหมายผิวเผินของมัน  ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย   เนื่องจากอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ปราศจากการเข้าไปอยู่ในสถานที่  แต่เมื่อทิศสูงมีเกียรติยิ่งกว่าทิศอื่น  พระองค์จึงพาดพิงทิศสูงไปยังพระองค์เอง  เพื่อชี้ถึงว่าซาตและคุณลักษณะของพระองค์นั้นสูงส่ง(ในเชิงนามธรรมมิใช่มีสถานที่อยู่บนที่สูงในเชิงรูปธรรม)"  ฟัตฮุลบานีย์ : 13/412

ส่วนวะฮาบีย์นั้น   กลับเชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่างสถิตนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยซาตของพระองค์ในความเชิงรูปธรรม  ซึ่งมิใช่อะกีดะฮ์สะละฟุศศอลิห์  ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  แต่เป็นอะกีดะฮ์ของพวกอัลกัรรอมียะฮ์

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 19, 2012, 02:41 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #65 เมื่อ: ต.ค. 13, 2008, 06:34 AM »
0
salam
ผมเป็นน้องใหม่ครับ ขอถามพี่ๆคนเก่า อย่าง al-azharyว่า หลักฐานที่พี่กล่าวว่าเป็นของ วาฮาบีนั้น มันเป็น มติเอกฉันท์ของพวกเขาหรือเปล่าครับ ผมเกรงว่าถ้าไม่ คนอื่นที่ไม่ ทำเมาลีด ไม่อ่านกุรอ่านที่กูโบร ไม่ลูบหน้าหลังละหมาดพวกเขาก็ภูกเรียกว่า วาฮะบีจะเสียหายไปด้วย ทางที่ดีคุณควรจะเรียกชื่อเฉพาะอูลามะ ที่คุณกำลังจะพาดพิงเท่านั้นกจะดีกว่านัครับ
ด้วยความหวังดี
วัสสาลาม

وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

อะกีดะฮ์วะฮาบีย์ดังกล่าวนั้น  ผมเอาอะกีดะฮ์ที่วะฮาบีย์ซาอุฯ  มาเป็นตัวบรรทัดฐานสรุปในเรื่องอะกีดะฮ์ของวะฮาบีย์ครับ  ส่วนวะฮาบีย์เมืองไทยที่ยังไม่เข้าใจและยังไม่ศึกษาอย่างท่องแท้ในเรื่องอะกีดะฮ์วะฮาบีย์ของซาอุฯ นั้นโปรดรับฟังเอาไว้  ดังนั้นอะกีดะฮ์ใดของวะฮาบีย์ที่คุณไม่ชอบและคิดว่าไม่ถูกต้อง  คุณโปรดอย่าไปเชื่อตามและจงทิ้งมันไป  นั่นคือเป้าหมายของเราที่จะให้พี่น้องมีอะกีดะฮ์ที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ โดยผมไม่คำนึงว่าเขาจะทำเมาลิดหรือไม่ทำ จะลูบหน้าหรือไม่ลูบหน้า  หรือจะกุนูตหรือไม่กุนูต  นั่นคือเป้าหมายของผมในการนำเสนอกระทู้นี้ 

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #66 เมื่อ: ต.ค. 13, 2008, 07:20 AM »
0
 salam

พี่น้องนักศึกษาครับ  ว่าง ๆ ผมจะนำเสนอวิเคราะห์แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ไปเรื่อย ๆ เมื่อยามว่าง  อินชาอัลเลาะฮ์

ผมอยากจะบอกพี่น้องเอาไว้จุดหนึ่งนะครับ  กล่าวคือเวลาเมื่อวะฮาบีย์เข้ายกอายะฮ์อัลกุรอานและฮะดิษมาประกอบอะกีดะฮ์ของตนเอง  มิใช่หมายความว่าเราชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์จะทำการปฏิเสธอัลกุรอานหรือฮะดิษที่ซอฮิห์เหล่านั้นไม่ เพราะเราก็ยึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์เช่นเดียวกันหรือยิ่งกว่า และเมื่ออ้างอิงอัลกุรอานและฮะดิษเดียวกัน  แต่ที่แตกต่างนั้น  ก็คือ  การเข้าใจตัวบทของอัลกุรอานและซุนนะฮ์ต่างหาก  ดังนั้นเพื่อนนักศึกษาก็ต้องมาเรียนรู้กันครับว่า  ความเข้าใจของกลุ่มใดที่แสดงถึงหลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ต่ออัลเลาะฮ์ยิ่งกว่า  หรือแนวทางใดที่ให้ความหมายที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ยิ่งกว่า

วัสลามครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #67 เมื่อ: ต.ค. 13, 2008, 12:47 PM »
0
"ความเข้าใจของกลุ่มใดที่แสดงถึงหลักอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ต่ออัลเลาะฮ์ยิ่งกว่า  หรือแนวทางใดที่ให้ความหมายที่เหมาะสมกับความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ยิ่งกว่า" แนวทางนั้นย่อมมีอะชาอิเราะฮ์รวมอยู่อยู่อย่างแน่นอน - วัลลอฮุ อะอฺลัม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: ต.ค. 15, 2008, 12:37 PM »
0
 salam

ขอยกหลักอะกีดะฮ์จากตำราที่วะฮาบีย์นำมาตีพิมพ์เผยแพร่สักหน่อยครับ  เพื่อเราจะได้ระวัง

ท่านอุษมาน บิน ซะอี๊ด อัลดารีมีย์  ซึ่งท่านอิบนุตัยมียะฮ์เรียกเขาว่า ชัยคุลอิสลาม

رَأْسُ الْجَبَلِ أَقَْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهِ وَرَأْسُ الْمَنَارَةِ أَقْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهاَ لِأَنَّ كُلَّ مَا كَانَ اِلىَ السَّمَاءِ اَقْرَبَ كَانَ اِلىَ اللهِ أَقْرَبَ فَحَمَلَةُ الْعَرْشِ أَقْرَبُ اِلَيْهِ مِنْ جَمِيْعِ الْمَلاَئِكَةِ

"ยอดเขาย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากกว่าตีนเขา  และยอดประภาคารย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากว่าข้างล่างของมัน  เพราะทุกสิ่งที่(ยื่น)ไปยังท้องฟ้ามากที่สุด  มันย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุด  ดังนั้นบรรดาผู้ที่แบกบัลลังก์ย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุดยิ่งกว่าบรรดามะลาอิกะฮ์ทั้งหมด"  หนังสือ نقض الإمام أبي سعيد عثمان بن سعيد على المريسي الجهمي العنيد فيما إفترى على الله عزوجل من التوحيد หน้า 100  (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของหนังสือฮะดิษสุนันอัดดารีมีย์) 

แสดงว่าอะกีดะฮ์เช่นนี้  ใครอยู่บนเครื่องบิน  ก็จะอยู่ใกล้อัลเลาะฮ์มากกว่า  และใครออกไปนอกโลกอวกาศก็จะได้ใกล้อัลเลาะฮ์มากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก 

แต่หลักอะกีดะฮ์แบบรูปธรรมนี้ขัดกับอัลกุรอานและฮะดิษ  ซึ่งอัลเลาะฮ์ได้ทรงตรัสความว่า

كَلَّا لا تُطِعْهُ وَاسْجُدْ وَاقْتَرِبْ

"หามิได้  เจ้าจงอย่าเชื่อฟังเขา  และเจ้าจงสุยูดกราบกรานและเจ้าจงใกล้(ต่อพระองค์ด้วยการสุยูด)เถิด" อัลอะลัม 19

ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ให้เราสุยูดแล้วเราก็จะใกล้ชิดพระองค์  มิใช่ให้เราขึ้นไปที่สูง ๆ แล้วใกล้ชิดพระองค์

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

أَقْرَبُ مَا يَكُوْنُ الْعَبْدُ مِنْ رَّبِّهِ وَ هُوَ سَاجِدٌ ، فَأكْثِرُوْا الدُّعَاءَ

"บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ" รายงานโดย อิมามมุสลิม

ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ กล่าวว่า " ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศให้กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " (ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 576)

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 20, 2008, 06:40 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #69 เมื่อ: ต.ค. 15, 2008, 04:28 PM »
0
อ้างถึง
"ยอดเขาย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากกว่าตีนเขา  และยอดประภาคารย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากว่าข้างล่างของมัน  เพราะทุกสิ่งที่(ยื่น)ไปยังท้องฟ้ามากที่สุด  มันย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุด  ดังนั้นบรรดาผู้ที่แบกบัลลังก์ย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุดยิ่งกว่าบรรดามะลาอิกะฮ์ทั้งหมด"

           ถ้าอย่างนั้น ใครที่มีตังค์เยอะ ก็สบายดีดิครับ แม้ไม่ได้ทำอมัล แต่ก็สามารถใกล้ชิดอัลลอฮฺได้มากกว่าคนอื่น โดยการสร้างตึกระฟ้า เยียดฟ้า  mycry - วัลลอฮุ อะอฺลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 16, 2008, 04:32 AM โดย al-azhary »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: ต.ค. 15, 2008, 04:58 PM »
0
ตลก
ว่าแต่เขาคิดแบบนั้นกันจริงๆหรือ
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: ต.ค. 15, 2008, 08:53 PM »
0
ข้อความที่คุณอัซฮารีอ้าง

ท่านอุษมาน บิน ซะอี๊ด อัลดารีมีย์  ซึ่งท่านอิบนุตัยมียะฮ์เรียกเขาว่า ชัยคุลอิสลาม

رَأْسُ الْجَبَلِ أَقَْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهِ وَرَأْسُ الْمَنَارَةِ أَقْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهاَ لِأَنَّ كُلَّ مَا كَانَ اِلىَ السَّمَاءِ اَقْرَبَ كَانَ اِلىَ اللهِ أَقْرَبَ فَحَمَلَةُ الْعَرْشِ أَقْرَبُ اِلَيْهِ مِنْ جَمِيْعِ الْمَلاَئِكَةِ

"ยอดเขาย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากกว่าตีนเขา  และยอดประภาคารย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากว่าข้างล่างของมัน  เพราะทุกสิ่งที่(ยื่น)ไปยังท้องฟ้ามากที่สุด  มันย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุด  ดังนั้นบรรดาผู้ที่แบกบัลลังก์ย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุดยิ่งกว่าบรรดามะลาอิกะฮ์ทั้งหมด"  หนังสือ نقض الإمام أبي سعيد عثمان بن سعيد على المريسي الجهمي العنيد فيما إفترى على الله عزوجل من التوحيد หน้า 100  (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของหนังสือฮะดิษสุนันอัดดารีมีย์) 

ข้อความที่มีบันทึกในหนังสือ


  วัลลอฮุอะลัม
แน่นอน อัลลอฮฺ ย่อมทราบดีว่าใครทำอะไรไว้


ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: ต.ค. 15, 2008, 11:17 PM »
0
ตลก
ว่าแต่เขาคิดแบบนั้นกันจริงๆหรือ

...จริงซิครับคุณอิลฮัมเพราะอย่างน้อยก็มีคุณ  Get เข้ามาปกป้องและยอมรับหลักอะกีดะฮ์ดังกล่าวแล้ว...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: ต.ค. 16, 2008, 04:29 AM »
0
ข้อความที่คุณอัซฮารีอ้าง

ท่านอุษมาน บิน ซะอี๊ด อัลดารีมีย์  ซึ่งท่านอิบนุตัยมียะฮ์เรียกเขาว่า ชัยคุลอิสลาม

رَأْسُ الْجَبَلِ أَقَْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهِ وَرَأْسُ الْمَنَارَةِ أَقْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهاَ لِأَنَّ كُلَّ مَا كَانَ اِلىَ السَّمَاءِ اَقْرَبَ كَانَ اِلىَ اللهِ أَقْرَبَ فَحَمَلَةُ الْعَرْشِ أَقْرَبُ اِلَيْهِ مِنْ جَمِيْعِ الْمَلاَئِكَةِ

"ยอดเขาย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากกว่าตีนเขา  และยอดประภาคารย่อมใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากว่าข้างล่างของมัน  เพราะทุกสิ่งที่(ยื่น)ไปยังท้องฟ้ามากที่สุด  มันย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุด  ดังนั้นบรรดาผู้ที่แบกบัลลังก์ย่อมใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากที่สุดยิ่งกว่าบรรดามะลาอิกะฮ์ทั้งหมด"  หนังสือ نقض الإمام أبي سعيد عثمان بن سعيد على المريسي الجهمي العنيد فيما إفترى على الله عزوجل من التوحيد หน้า 100  (ซึ่งเป็นคนละคนก็ท่านอัดดารีมีย์เจ้าของหนังสือฮะดิษสุนันอัดดารีมีย์) 

ข้อความที่มีบันทึกในหนังสือ


  วัลลอฮุอะลัม
แน่นอน อัลลอฮฺ ย่อมทราบดีว่าใครทำอะไรไว้

ผมก็ขอกล่าวว่าอัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับ  ที่คุณเก็ตเขามาปกป้องหลักอะกีดะฮ์ที่เราได้เสนอวิจารณ์  เพื่อพี่น้องท่านผู้อ่านจะได้เห็นว่า  สิ่งที่เรานำเสนอมานั้นไม่ใช่เป็นการกล่าวหาหรืออธรรมแต่อย่างใด แต่นำมาจากตำราที่วะฮาบีย์ปัจจุบันนำมาพิมพ์เผยแพร่นั่นเอง  เกี่ยวกับการอ้างอิงของผมนั้น  ผมขอกล่าวเป็นประเด็น ๆ ดังนี้ครับ

ประเด็นที่หนึ่ง : คุณ เก็ต น่าจะทราบดีกว่า  การอ้างอิงที่มีอะมานะฮ์อยู่ในเชิงวิชาการนั้นมีหลายรูปแบบ  อาทิ  เช่น :

1. อ้างอิงแบบคำต่อคำ บรรทัดต่อบรรทัด 

2. อ้างอิงแบบสรุปหรือแบบ تَصَرُّفٌ (ตะซ็อรรุฟ) นั่นเอง  กล่าวคือ  นำเสนออ้างอิงข้อความที่เจ้าของหนังสือยอมรับ مُقِرٌّ โดยมิได้บิดเบือนตัดทอนข้อความจนทำให้ผิดเป้าหมายของเจ้าของหนังสือ  ดังนั้นหากเราได้อ้างอิงตัดทอนคำพูดแบบในเชิงสรุปแล้วไม่ตรงจุดมุ่งหมายของเจ้าของหนังสือนั้น  ถือว่าเป็นการอ้างอิงบิดเบือน  แล้วสิ่งที่ผมอ้างอิงแบบสรุปมานั้น  บิดเบือนเป้าหมายที่ของเจ้าของหนังสือให้การยอมรับไหมครับคุณ เก็ต?!

3. และอื่น ๆ ซึ่งศึกษาได้จากตำราการเขียนวิทยานิพน บทความ และบทวิเคราะห์เชิงวิชาการ  หรือวิชา البحث العلمي ครับ

แต่ผมสังเกตุว่าคุณจะทักท้วงผมในข้อความดังนี้

رَأْسُ الْجَبَلِ أَقَْرَبُ اِلىَ اللهِ مِنْ أَسْفَلِهِ

ในแต่ตัวบทที่คุณเก็นทำการอ้างอิงมานั้น  ใช้คำว่า

رَأْسُ الْجَبَلِ أَقَْرَبُ اِلىَ السَمَاءِ مِنْ أَسْفَلِهِ

ซึ่งตรงนี้  คุณเก็ตอาจจะกล่าวหาว่าผมบิดเบือนคำพูดที่เป็นเป้าหมายของเจ้าของหนังสือ (คือท่านอุษมาน บิน สะอีด)  แต่จริง ๆ แล้วไม่ผิดเป้าหมายครับของผู้แต่งหนังสือครับ  เพราะยังมีถ้อยคำที่เป็นเป้าหมายของผู้แต่ง  ซึ่งคุณ เก็ต นำเสนอมาไม่หมดก่อนหน้านั้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง (หรือคุณเก็ตจงใจปกปิด)  คือดังนี้ครับ
คุณเก็ต เริ่มนำเสนอคำพูดของท่านอุษมาน บิน สะอีด  ตรงที่ว่า

 إلي الله من أسفله ، لأنه من آمن.....

แต่ถ้อยความก่อนหน้านั้นเล็กน้อยมีดังนี้ครับ

من أنبأك أن رأس الجبل ليس بأقرب إلي الله من أسفله ، لأنه من آمن.....

"ใครกันที่บอกท่านว่า ยอดภูเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์ยิ่งกว่าตีนเขา" (หมายถึง ท่านอุษมาน บิน สะอีด ยอมรับว่ายอดเขาใกล้อัลเลาะฮ์ยิ่งกว่าตีเขานั่นเองครับ  นี่คือเป้าหมายของท่านอุษมาน บิน สะอีด น่ะครับคุณเก็ต  แล้วผมอ้างอิงสรุปบิดเบือนหรือผิดธรรมเนียมปฏิบัติตรงใหนครับ?!)

ประเด็นที่ 2 : คำกล่าวที่ว่า ยอดเขาอยู่ใกล้อัลเลาะฮ์ยิ่งกว่าตีนเขานั้น  ขัดแย้งกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ดังนั้นคำพูดของผู้ที่มิใช่นบี  ถือว่านำมาเป็นหลักฐานไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาขัดแย้งกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์

ประเด็นที่ 3 : การอธิบายจากตำราดังกล่าว  ถือว่า  ซาตฺ (แหวกแนวขัดกับจุดยืนอันถูกต้องจากบรรดาสะละฟุศศอลิห์ทั้งหลาย)  เพราะสะละฟุศศอลิห์โดยรวมนั้นเขาไม่อธิบายสิ่งที่ไม่มีระบุไว้ในอัลกุรอานและซุนนะฮ์  คือไม่ تفسير (ตัฟซีรอธิบาย)  และสะละฟุศศอลิห์โดยรวมจะไม่สร้างรูปแบบวิธีการ الكيف (อัลกัยฟ์) ให้กับคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์

ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้กล่าวเกี่ยวกับ ท่านอุษมาน บิน สะอีด และตำราของท่านเล่มนี้ที่ผมและคุณเก็ตนำมาเป็นประเด็นอยู่นี้ความว่า

فِيْ كِتَابِهِ بُحُوْثٌ عَجِيْبَةٌ مِعَ الْمَرِيْسِي يُبَالِغُ فِيْهَا الإِثْبَاتَ وَالسُكُوْتُ عَنْهَا أَشْبَهُ بِمَنْهَجِ السَّلَفِ فِي الْقَدِيْمِ وَالْحَدِيْثِ

"ในหนังสือของเขา (คือท่านอุษมาน บิน สะอีดเล่มนี้) มีบรรดาบทวิเคราะห์ที่ก่อให้เกิดความประหลาดใจ  (ในโต้ตอบ) อัลมะรีซีย์  ซึ่งในบรรดาบทวิเคราะห์นั้นเขา(คือท่านอุษมาน บิน สะอีด) ได้เลยเถิดในการยืนยัน(บรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์จนทำให้เกิดการตัชบีฮ์ - อธิบายจนคุณลักษณะอัลเลาะฮ์คล้ายคลึงกับมัคโลค - หรือทำให้ตัจญ์ซีม - อธิบายจนทำให้อัลเลาะฮ์ตะอาลามีรูปร่างไม่ว่าในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง -) ทั้งที่การนิ่งจากมัน  ย่อมคล้ายเหมือนยิ่งกว่ากับแนวทางของสะลัฟทั้งในอดีตและปัจจุบัน"  ดู หนังสือ อัลอุลู้ว์ ของท่านอัซซะฮะลีย์  หน้า 214 (ย่อโดยท่านอัลบานีย์) ตีพิมพ์ อัลมักตับอัลอิสลามีย์ ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ปีฮ.ศ. 1412 และหนังสืออัลอุลู้ว์ ของท่านอัซซะฮะบีย์  หน้า 486 ตีพิมพ์ ดารุลอิมามอันนะวาวีย์  ตีพิมพ์ครั้งที่ 1 ปี ฮ.ศ. 1419

เห็นไหมครับคุณเก็ต  แม้ท่านอัซซะฮาบีย์ก็ยังเป็นพยายานยืนยันว่า  ท่านอุษมาน บิน สะอีด ที่ได้แต่งหนังสือเล่มนี้  ได้ออกจากแนวทางของสะลัฟโดยทั่วไป  แต่วะฮาบีย์ก็ยังตีพิมพ์นำมาจำหน่ายเผยแพร่  เพราะยอมรับในหลักอะกีดะฮ์ที่ท่านอัซซะฮาบีย์บอกว่ามันไม่ใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิห์ทั่วไปครับ

วัลลอฮุอะลัม (อย่างแน่นอนว่าใครมีเป้าหมายอย่างไร)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 20, 2008, 06:41 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: หากมีคำถามว่าพระองค์อัลลอฮ.อยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: ต.ค. 16, 2008, 06:08 AM »
0
อ้างถึง
ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้กล่าวเกี่ยวกับ ท่านอุษมาน บิน สะอีด และตำราของท่านเล่มนี้ที่ผมและคุณเก็ตนำมาเป็นประเด็นอยู่นี้ความว่า

فِيْ كِتَابِهِ بُحُوْثٌ عَجِيْبَةٌ مِعَ الْمَرِيْسِي يُبَالِغُ فِيْهَا الإِثْبَاتَ وَالسُكُوْتُ عَنْهَا أَشْبَهُ بِمَنْهَجِ السَّلَفِ فِي الْقَدِيْمِ وَالْحَدِيْثِ

"ในหนังสือของเขา (คือท่านอุษมาน บิน สะอีดเล่มนี้) มีบรรดาบทวิเคราะห์ที่ก่อให้เกิดความประหลาดใจ  (ในโต้ตอบ) อัลมะรีซีย์  ซึ่งในบรรดาบทวิเคราะห์นั้นเขา(คือท่านอุษมาน บิน สะอีด) ได้เลยเถิดในการยืนยัน(บรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์จนทำให้เกิดการตัชบีฮ์ - อธิบายจนคุณลักษณะอัลเลาะฮ์คล้ายคลึงกับมัคโลค - หรือทำให้ตัจญ์ซีม - อธิบายจนทำให้อัลเลาะฮ์ตะอาลามีรูปร่างไม่ว่าในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง -) ทั้งที่การนิ่งจากมัน  ย่อมคล้ายเหมือนยิ่งกว่ากับแนวทางของสะลัฟทั้งในอดีตและปัจจุบัน"  ดู หนังสือ อัลอุลู้ว์ ของท่านอัซซะฮะลีย์  หน้า 214 (ย่อโดยท่านอัลบานีย์) ตีพิมพ์ อัลมักตับอัลอิสลามีย์ ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ปีฮ.ศ. 1412 และหนังสืออัลอุลู้ว์ ของท่านอัซซะฮะบีย์  หน้า 486 ตีพิมพ์ ดารุลอิมามอันนะวาวีย์  ตีพิมพ์ครั้งที่ 1 ปี ฮ.ศ. 1419

เห็นไหมครับคุณเก็ต  แม้ท่านอัซซะฮาบีย์ก็ยังเป็นพยายานยืนยันว่า  ท่านอุษมาน บิน สะอีด ที่ได้แต่งหนังสือเล่มนี้  ได้ออกจากแนวทางของสะลัฟโดยทั่วไป  แต่วะฮาบีย์ก็ยังตีพิมพ์นำมาจำหน่ายเผยแพร่  เพราะยอมรับในหลักอะกีดะฮ์ที่ท่านอัซซะฮาบีย์บอกว่ามันไม่ใช่แนวทางของสะละฟุศศอลิห์ทั่วไปครับ

ขอยกตัวอย่างจากท่านหนังสือของท่านอุษมาน บิน สะอีด  ซึ่งวะฮาบีย์ได้นำเสนอตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องอะกีดะฮ์  ซึ่งได้กล่าวระบุไว้เช่นกันดังนี้ครับ
     
الحَيُّ القَيُّوْمُ يَفْعَلُ مَا يَشَاءُ وَيَتَحَرَّكُ إِذَا شَاءَ وَيَهْبِطُ وَيَرْتَفِعُ إِذَا شَاءَ وَيَقْبِضُ وَيَبْسُطُ وَيَقُوْمُ وَيَجْلِسُ إِذَا شَاءَ لِأَنَّ أَمَارَةَ مَا بَيْنَ الحَيِّ وَالمَيِّتِ التَّحَرُّكُ كُلُّ حَيٍّ مُتَحَرِّكٌ لاَ مَحَالَةَ وَكُلُّ مَيِّتٍ غَيْرُ مُتَحَرِّكٍ لاَ مَحَالَةَ

"อัลเลาะฮ์ผู้ทรงเป็นและผู้ทรงดำรงด้วยพระองค์เองนั้น  กระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์  พระองค์ทรงเคลื่อนไหวเมื่อพระองค์ทรงประสงค์  พระองค์ทรงลงมาและทรงขึ้นไปตามที่พระองค์ทรงประสงค์  พระองค์ทรงกำและทรงแผ่  พระองค์ทรงยืนและนั่งลงตามที่พระองค์ทรงประสงค์  เพราะว่าเครื่องหมายระหว่างสิ่งที่เป็นกับสิ่งที่ตายนั้น  คือการเคลื่อนไหว  ทุก ๆ สิ่งที่เป็น  ย่อมเคลื่อนไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น  และทุกสิ่งที่ตายย่อมไม่เคลื่อนไหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น"  ดู หนังสือ  หน้า 20

จัดเจนครับว่า  การเคลื่อไหว การนิ่ง การยืน การนั่ง  เป็นคุณลักษณะของมัคโลค  และเป็นอย่างที่ท่านอิมามอัซซะฮะบีย์ได้กล่าวไว้เลยครับว่า  ไม่ใช่แนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จากสะละฟุศศอลิห์

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 28, 2008, 05:32 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged