สรุปแล้วการดะวะฮ์แบบปัจจุบัน
1.ท่านนบีไม่เคยทำ
2.คูลาฟาอุรรอชีดีนไม่เคยทำ
3.ซอฮาบะห์ทั้งหลายไม่เคยทำ
4.ชาวสลัฟ ไม่เคยทำ
5.แม้กระทั่งผู้นำ 4 มัซฮับก็ไม่เคยทำเช่นกัน
แล้วรูปแบบการดะวะฮ์เรียกร้องให้เข้าใจเรื่องศาสนาในเชิงการเรียนการสอนที่เปิดเป็นโรงเรียน มีหลักสูตรเป็นชั้นเรียนนั้น มีรูปแบบในยุคสมัยของสะลัฟด้วยหรือไม่ครับ? ดังนั้น การอ้างเหตุผลในการบอกว่ารูปแบบดะวะฮ์ในปัจจุบันในมีในสมัยของท่านนบีจนถึงอิมามทั้ง 4 นั้น จึงถือว่าเป็นหลักฐานที่อ่อน(ฏออีฟ)มากเลยครับ
ชอบถ้อยคำของอ.อารีฟีนนะคะ...
ทำให้เห็นภาพการเผยแผ่ศาสนาที่เราในแต่ยุค
ต่างก็พยายามกระทำเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือ
ประกาศศาสนาออกไป...
เมื่อก่อนข้าน้อยเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบคนที่"ออก"ดะวะห์
เอามากๆค่ะ เพราะเห็นว่าเขาทิ้งลูกเมียเอาไว้ข้างหลัง
ให้ต้องแบกรับภาระในการทำมาหากิน...
และมักจะมองเห็นแต่ข้อเสียๆของคนที่ไป"ออก"ดะวะห์ค่ะ
จนลงความเห็นว่า..."ไม่ไหว ไม่ขอหนับหนุนหรอก"
และจนถึงขั้นไม่ชอบขี้หน้า คนที่ออกดะวะห์ค่ะ
จนวันนึง...เหมือนอัลลอฮฺเปิดตาเปิดใจค่ะ...
ทำให้เห็นอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในการงานนั้น...
เป็นช่วงที่ข้าน้อยไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น...
ประเทศที่คนนับถือศาสนาอิสลามน้อยถึงน้อยมาก
น้อยจนแทบหาไม่ได้เลย...
และเหมือนจะอุ่นใจขึ้นมาเมื่อเห็นกลุ่มคนที่กำลังออกดะวะห์
กำลังทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา ทำให้คนญี่ปุ่นที่เดินผ่านไปมา
มองกันใหญ่ เราก็มองด้วย...ข้าน้อยไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่น
มองแล้วคิดอย่างไร แต่สิ่งที่ข้าน้อยคิดก็คือ...
...อิสลามกำลังเดินทางมาถึงที่นี่...
...ถ้าคนที่มาออกดะวะห์สามารถสะท้อนภาพอันดีงาม
ที่ท่านนาบีของเราได้กระทำไว้เป็นตัวอย่่าง
ระหว่างออกดะวะห์ ข้าน้อยเชื่อเลยว่า มันจะเป็นภาพที่
คนที่มองไปแล้วจะเข้าใจอิสลามในภาพที่สวยงาม
และศาสนาของเราจะเป็นที่จดจำแก่พวกเขา
อะไรที่พวกเขาเคยเข้าใจเราแบบผิดๆ พวกเขาจะได้
เข้าใจถูกต้องกว่าเดิมเสียที...
เพราะการเดินไปโดยนำเอกลักษณ์ของอิสลามติดไปด้วย
ท่ามกลางฝูงชนที่ไม่รู้จักอิสลาม...
ท่านว่า...นั่นคือการงานที่ดีหรือไม่...
ข้าน้อยเลิกอคติต่อคนที่ออกดะวะห์กับงานดะวะห์ในรูปแบบ
ดังกล่าวที่มีกลุ่มคนเดินไปตามหมู่ชน
เพื่อป่าวประกาศศาสนาอิสลามในสถานที่ต่างๆอีกต่อไป...
และอยากจะให้มีมุสลิมเราเดินทางไปออกดะวะห์
ที่ญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ยิ่งมุสลิมที่ยังไม่มีครอบครัวก็จะยิ่งดีค่ะ
เพราะจะได้ไม่มีภาระที่ต้องแบกรับเอาไว้มากมายนัก...
และข้าน้อยเชื่อว่า...หากคนที่ไปออกดะวะห์เหนียตดี
ตั้งใจดีเพื่อต้องการประกาศศาสนาและต้องการ
ฝึกฝนตัวเองให้อยู่กับศาสนา จากที่ไม่เคยได้เข้าใกล้
การละหมาดมาก่อน ข้าน้อยว่ายิ่งดีค่ะ...
เราฝึกตัวเราเสร็จ เราก็กลับไปบ้าน ไปสอนลูก
สอนภรรยาของเราต่อไป...เรื่องริสกีนั้น
หากเรามิได้ตั้งใจละเมิดลูกเมียจริงๆ...
อัลลอฮฺรู้อัลลอฮฺเห็น และอัลลอฮฺจะเป็นผู้เลี้ยงดูเรา
ลูกเมียเราอย่างดี...อินชาอัลลอฮฺ...
ซึ่งพ่อข้าน้อยเคยบอกว่า วิธีการเผยแผ่ศาสนานั้น
มีหลายวิธี เราก็คิดหามาสักวิธีเพื่อจะทำมันให้เหมาะสม
กับสภาพที่อัลลอฮฺมอบให้กับเรา...
อัลลอฮฺรู้ดีว่าเราทำอะไรได้แค่ไหน...
สำคัญ...ขอแค่ให้เราจริงใจ และบริสุทธิ์ใจ
การงานที่เราทำก็จะบริสุทธิ์...
มนุษย์จะตัดสินเราเช่นไร ไม่ใช่ปัญหา
แต่เวลาที่เราอยู่ต่อหน้าอัลลอฮฺในวันพากษาต่างหาก
ที่เราควรจะตระหนักให้มากๆ...
ปล.ไม่อยากให้พี่น้องที่กำลังตั้งใจทำงานเพื่อศาสนา
ด้วยความบริสุทธิ์ใจทดท้อและห่อเหี่ยว...
อยากเป็นหนึ่งกำลังใจให้ค่ะ...
^^
วัสลามค่ะ