ผู้เขียน หัวข้อ: จงฝังการมีอยู่ของท่านเพื่อบ่มเพาะตนเอง(บทเรียนฮิกัมที่11)  (อ่าน 7156 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์  กล่าวว่า

إِدْفِنْ وُجُوْدَكَ فِي أَرْضِ الخُمُوْلِ فَمَا نَبَتَ مِمَّا لَمْ يُدْفَنْ لاَ يَتِمُّ نِتَاجُهُ

“ท่านจงฝังการมีอยู่ของท่านในแผ่นดินที่ไร้ชื่อเสียง  ดังนั้นสิ่งที่งอกเงยขึ้นมาจากเมล็ดพันธุ์ที่มิได้ถูกฝัง(ดิน)  ผลผลิตของมันย่อมไม่สมบูรณ์” 

คำว่า  الْخُمُولُ  (อัลคุมูล)  หมายถึง  ความไร้ชื่อเสียง :  คือการห่างไกลจากความเพริดแพร้วแห่งความมีเชื่อเสียงโด่งดัง  ห่างไกลจากความสับสนวุ่ยวายของสังคม  เพื่อบ่มเพาะ  ขัดเกลาจิตใจ  แสวงหาความรู้ให้กว้างขวาง  และสะสมความชำนาญให้สมบูรณ์พร้อม 

ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์  กล่าวว่า  “ท่านจงฝังการมีอยู่ของท่านในแผ่นดินที่ไร้ชื่อเสียง”  หมายถึงขณะที่ท่านต้องการจะลุกขึ้นมาทำภารกิจในด้านศาสนาหรือดุนยา (แต่จุดมุ่งหมายของท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์หมายถึงภารกิจทางศาสนา)  ก็จำเป็นบนท่าน  ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั้งหลายและก่อนที่พวกเขาจะเห็นท่านอยู่ในสนามแห่งการทำภารกิจด้านศาสนา  ก็ให้ทำการฝังการมีอยู่ของท่านในช่วงระยะเวลาหนึ่งในแผ่นดินที่ห่างไกลจากความมีชื่อเสียงโด่งดัง  และจงให้การปฏิบัติอะมัลของในช่วงดังกล่าวให้เป็นการทุ่มเทความพยายามในการเอาใจใส่ตนเอง  บ่มเพาะสติปัญญา  ขัดเกลาจิตใจ  และทำให้หัวใจของท่านสะอาดจากความมัวหมอง  เพื่อให้ปณิธานความมุ่งมั่นของท่านกำจัดอยู่ในสิ่งดังกล่าว

ดังนั้นท่านก็จะไม่สามารถรักษาตนเองและศักยภาพของท่านได้  นอกจากต้องขัดเกลาตนเองให้ห่างไกลจากความวุ่นวายในสังคมและกระแสต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน

อนึ่ง  ท่านอิบนุอะฏออิลและฮ์กำลังเปรียบเปรยกฎแห่งการขัดเกลาอบรมบ่มจิตใจในตัวของมนุษย์  ด้วยกฎเกณฑ์เดียวกันกับโลกของต้นไม้!  ดังนั้นเมล็ดพืชที่ต้องการจะนำมันไปเพาะปลูกนั้น  มันก็จะตายหากท่านได้โยนมันบนผืนดิน(โดยไม่ได้ฝัง)และปล่อยทิ้งมันไว้กลางแจ้งท่ามกลางดินและกรวดทราย  ดวงอาทิตย์อันร้อนระอุได้สาดส่องลงมาและหมู่เมฆฝนได้แวะเวียนผ่านมายังมันวันแล้ววันเล่า

แต่ทว่าหนทางที่จะให้เมล็ดพืชเจริญงอกงามนั้น  ก็คือการนำไปฝังในดินที่ชื้นและปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง  มันก็จะเกิดปฏิกิริยาเจริญงอกงาม  หลังจากนั้นอัลเลาะห์ก็ให้มันผลิหน่อแตกใบ  มีลำต้นขึ้นชูตระหง่านสู่ภาคพื้นดินโดยสามารถฝ่าลำต้นขึ้นมาบนพื้นดินได้  ยิ่งกว่านั้นยังสามารถฝ่าแทรกกรวดหินขึ้นมาเพื่อสัมผัสอากาศและรับอาหารจากแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจริดจ้านั่นเอง

ดังนั้นการกำเนิดพืชพันธุ์ไม้นั้น  จะผ่าน 2 ช่วงระยะด้วยกัน

1. ระยะเวลาสร้างรากฐาน  คือขณะที่อยู่ในดิน

2. ระยะเวลาของการเจริญเติบโตและออกผล  คือ  ขณะที่เจริญเติบโตภายใต้แสงแดดและปรากฏต่อสายตามนุษย์ทั้งหลาย

ดังนั้นกฎเกณฑ์แห่งพระเจ้า  ย่อมเป็นอันเดียวกัน  ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับเมล็ดพืชที่ต้องการเจริญเติบโตหรือมนุษย์ที่ต้องการปรับเปลี่ยนตนเอง  ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ต้องการดำเนินชีวิตบนแนวทางของอัลเลาะห์  มีความรู้ตามหลักชะรีอะห์  ปกป้องและต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะห์  กำชับในเรื่องความดีงาม  ยับยั้งในเรื่องความชั่ว  และเป็นผู้มีความตื่นตัวในภารกิจต่าง ๆ ของสังคม  ดังนั้นเขาก็จำเป็นต้องดำเนินตามหนทางดังกล่าวเหมือนดั่งเมล็ดพืชในขณะที่มันกำลังบ่มเพาะอยู่ในดินทีละเล็กทีละน้อย  เขาก็ต้องเอาจริงเอาจังในการอบรมบ่มนิสัยขัดเกลาตนเองจากความมัวหมองในช่วงระยะเวลาบ่อเพาะตนเองและห่างไกลจากความสับสนวุ่นวายในสังคม

ดังนั้นหากเขาได้กระโดดข้ามช่วงระยะเหล่านี้  แล้วมุ่งเน้นสู่ภารกิจต่าง ๆ ของสังคม  เข้าไปฟันฝ่ากระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าชะตากรรมของเขาก็จะเหมือนกับชะตากรรมของเมล็ดพืชที่ถูกโยนลงบนพื้นดินท่ามกลางกรวดทราย  รอวันที่มันจะเน่าเสียเท่านั้นเอง!?  ฉะนั้นการที่(ผู้รู้)บุคคลหนึ่งได้ทำภารกิจของเขาบนเวทีแห่งความโด่งดัง  อยู่ภายใต้แสงสีแห่งความมีเชื่อเสียง  เขาย่อมสิ้นหวังและเสียหาย  หากเขาพูดก็จะไม่พูดออกมาด้วยวิชาความรู้ที่ดีมีประโยชน์  หากเขาอ้างว่าต้องการดำเนินตามแนวทางของอัลเลาะฮ์  อารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาก็จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดในการงานจนไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากมันได้  เมื่อเขาได้เข้าสู่ภารกิจของสังคม  แรงความอยากปรารถนาในการอยากได้เป็นผู้นำ  มีตำแหน่ง  อยากได้ในทรัพย์ก็จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น  ดังกล่าวก็เพราะว่าเขาไม่เปิดโอกาสแก่ตนเองในการขัดเกลาจิตใจด้วยปลีกตัววิเวก  บ่มเพาะจิตใจที่บริสุทธิ์ให้เจริญงอกงามเสมือนกับเมล็ดพืชที่ถูกฝังอยู่ในดินรอยคอยที่จะเจริญงอกงามเขียวชอุ่มและออกดอกออกผล

บางครั้งอาจจะมีคำถามว่า : ท่านอิบนุอะฏออิลและห์นำหลักการของฮิกัมนี้มาจากใหน?

ตอบ : ท่านอิบนุอะฏออิลและห์ได้เอามาจากแบบฉบับของท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านนบีเจริญเติบโตบนหลักการดังกล่าว  กล่าวคือได้มีสายรายงานที่ซอฮิห์ระบุว่าอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมีความชื่นชอบในการปลีกวิเวกตนเองตามลำพังในถ้ำฮิรออฺช่วงยามกลางคืนติดต่อกันหลายวัน  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการแบกรับภารกิจที่อัลเลาะห์ทรงมอบให้หลังจากนั้น

เมื่อเราทราบว่าฮิกัมนี้ได้ถูกนำมาจากแบบฉบับของท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์  เราจึงรู้ได้เลยว่า  เมื่อท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ได้ทำการปลีกวิเวกตนเองเพียงลำพังเพื่อเตรียมพร้อมรับภารกิจ  แน่นอนว่าบรรดามุสลิมีนทั้งหลายก็สมควรต้องมีความต้องการไปยังการปลีกวิเวกตนเองยิ่งกว่า  และหลักการนี้ก็คือแนวทางของสะละฟุศศอและห์อีกด้วย  พวกเขาจะไม่ก้าวข้ามกระโดดจากหลักการนี้

ดังนั้นเมื่อเราต้องการที่จะออกสู่สังคมเพื่อปฏิบัติหน้าภารกิจของศาสนาในท่ามกลางผู้คนทั้งหลายนั้น  หลัก 3 ประการที่ต้องมีดังนี้  ก็คือ  :

1. มีความรู้  ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้เราพูดปราศัยและชี้นำพวกเขายังสิ่งที่เป็นสัจธรรมโดยไม่มีความรู้

2. ได้รับการขัดเกลาจิตใจ  ซึ่งเป็นทราบกันดีว่าจิตใจมันจะบงการให้กระทำสิ่งที่ชั่ว(จิตใจใฝ่ต่ำ) พยายามแสวงหาเกียรติตำแหน่ง  พยายามแข่งขันชิงดีชิงเดิ่นให้ตนเองเหนือว่าคนอื่น  จนกระทั่งให้ตนเองเป็นผู้ดีเลิศในการกระทำภารกิจต่าง ๆ ทั้งในด้านศาสนาและดุนยา  เช่น  การตัดสินวินิจฉัยปัญหาศาสนา  มีความสุขที่มีบุคคลอื่นติดตามตน  เมื่อทำการสอนศาสนาและปราศรัยตักเตือนคนอื่น  จิตใจก็อยากให้สิ่งดังกล่าวเป็นสะพานไปสู่ความโด่งดังและได้เป็นแกนนำ  และถ้าหากทำการซิกิรให้มาก ๆ ทำอิบาดะห์ให้มาก ๆ จิตใจก็อยากที่จะให้สิ่งดังกล่าวทำให้ผู้คนทั้งหลายนับหน้าถือตา  ดังนั้นการเยียวยาสิ่งดังกล่าวทั้งหมดนี้จะไม่สามารถหลุดพ้นได้นอจากการนำจิตใจให้อยู่บนแนวทางแห่งการบ่มเพาะหรือขัดเกลาจิตใจตามที่อัลเลาะห์ตะอาลาทรงสั่งใช้

3. การขจัดหัวใจให้พันจากการรักสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะห์  กล่าวคือเราทำอะไรแล้ว  เราจะรักทรัพย์สิน  รักตำแหน่ง  รักภรรยา  รักบรรดาลูก ๆ  รักสิ่งอื่นทั้งหลายพร้อมกับนำมาแข่งขันกับการรักอัลเลาะห์ตะอาลา  แต่ทว่าเราได้ถูกใช้ให้จิตใจขจัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ออกไปทั้งหมด  แล้วทำให้ความรักต่ออัลเลาะห์มาเป็นอันดับหนึ่งและนำมาเป็นตัวขับเคลื่อนในการรักต่อสิ่งอื่นจากพระองค์

ดังนั้น  แนวทางใดบ้างที่สามารถทำให้บรรลุถึงหลักคำสอนสามประการนี้?  การทำให้บรรลุถึงเป้าหมายสามประการนี้จะไม่สมบูรณ์นอกจากให้ตนเองน้อมรับหลักการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)อย่างเป็นระบบขั้นตอน  มีการใคร่ครวญในการรู้จักตนเอง  พยายามทำให้การมีตัวตนเองเรานี้เป็นบ่าวที่ถูกครอบครองและเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะห์ตะอาลา  ดังนั้นเมื่อเราได้รู้จักถึงความเป็นตัวตนของเราเช่นนี้   ก็จะนำไปสู่การซิกรุลลอฮ์  มีการอ่านวิริดเป็นประจำ  อ่านอัลกุรอานอย่างมากมายด้วยการใคร่ครวญทีละนิดละน้อยจนกระทั่งจิตใจได้รับการขัดเกลาจากความมัวหมองและความใฝ่ต่ำ  จากนั้นจิตใจก็ริเริ่มการเดินทางบนแนวทางที่จะนำไปสู่ความพึงพอพระทัยของอัลเลาะห์ตะอาลา

ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง  เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง  ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น  มีความบริสุทธิ์ใจ  จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ  การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น
มีฮะดิษระบุว่า

عَنْ عُقْبَةَ بِنِ أَبِيْ عَامِرٍ أَنَّهُ سَأَلَ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : مَا النَّجَاةُ؟ فَقَالَ لَهُ : أَمْسِكْ لَسَانَكَ، ولْيَسَعْكَ بَيْتُكَ، وَابْكِ عَليَ خَطِيْئَتِكَ

รายงานจากอุกบะห์ บิน อะบี อามิร  เขาได้ถามท่านร่อซูลุ้ลเลาะห์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า  “อะไรคือความรอดพ้นปลอดภัยหรือ?”  ท่านนบีตอบแก่เขาว่า “ท่านจงยังยั้งลิ้นของท่าน  ,  จงทำให้บ้านของท่านกว้างขวางแก่ท่าน(เพื่อปลีกวิเวก) , และท่านจงร้องไห้ต่อความผิดของท่าน”  รายงานโดยอะบูดาวูด , อัตติรมีซีย์ , ท่านอัลบัยฮะกีย์ , และอิบนุอะบิดดุนยา

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 17, 2008, 10:18 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
อ้ลฮัมดุลิลละฮ์

แปะไว้นาน  ได้อ่านเสียที   loveit:

อ้างถึง
กล่าวคือได้มีสายรายงานที่ซอฮิห์ระบุว่าอัลเลาะห์ตะอาลาได้ให้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมีความชื่นชอบในการปลีกวิเวกตนเองตามลำพังในถ้ำฮิรออฺช่วงยามกลางคืนติดต่อกันหลายวัน  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานเพื่อเตรียมพร้อมในการแบกรับภารกิจที่อัลเลาะห์ทรงมอบให้หลังจากนั้น


บรรดาซูฟีนั้น  ส่วนใหญ่ใช้หลักปฎิบัตินี้หรือเปล่า?   เพื่อปลีกวิเวก  ทำการซิเกร  เพื่อเดินทางไปสู่อัลลอฮ์ตะอาลา  ขัดเกลาจิตใจตนเอง.....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 12, 2008, 04:26 PM โดย zaifuddeen »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
บรรดาซูฟีนั้น  ส่วนใหญ่ใช้หลักปฎิบัตินี้หรือเปล่า?   เพื่อปลีกวิเวก  ทำการซิเกร  เพื่อเดินทางไปสู่อัลลอฮ์ตะอาลา  ขัดเกลาจิตใจตนเอง.....

กระทู้นี้  การปลีกวิเวกตนเองทำให้มีประโยชน์แก่หัวใจคือแบบฉบับของท่านร่อซูล จะเป็นส่วนเสริมอธิบายได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับการปลีกวิเวก  ซึ่งความจริงแล้วการปลีกวิเวกมิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด  อย่าไปคิดว่าทำตนเหมือนฤาษี เพียงแต่เราปลีกตนเองมานั่งอ่านอัลกุรอานอย่างใคร่ครวญ  ซิกรุลลอฮ์  ทำละหมาดในยามค่ำคืน  คิดใคร่ครวญทบทวนตนเอง  นั่นแหละคือการวิเวกตนเองอยู่เสมอแล้ว  เพื่อบ่มเพาะตนเองในการรับมือกระแสสังคมปัจจุบันในแต่ละวัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 12, 2008, 05:20 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง  เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง  ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น  มีความบริสุทธิ์ใจ  จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ  การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น

       อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน  เลยอยากอธิบายเสริมด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง   ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้ 
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ดังนั้นหากเขาได้กระโดดข้ามช่วงระยะเหล่านี้  แล้วมุ่งเน้นสู่ภารกิจต่าง ๆ ของสังคม  เข้าไปฟันฝ่ากระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าชะตากรรมของเขาก็จะเหมือนกับชะตากรรมของเมล็ดพืชที่ถูกโยนลงบนพื้นดินท่ามกลางกรวดทราย  รอวันที่มันจะเน่าเสียเท่านั้นเอง!?  ฉะนั้นการที่(ผู้รู้)บุคคลหนึ่งได้ทำภารกิจของเขาบนเวทีแห่งความโด่งดัง  อยู่ภายใต้แสงสีแห่งความมีเชื่อเสียง  เขาย่อมสิ้นหวังและเสียหาย  หากเขาพูดก็จะไม่พูดออกมาด้วยวิชาความรู้ที่ดีมีประโยชน์  หากเขาอ้างว่าต้องการดำเนินตามแนวทางของอัลเลาะฮ์  อารมณ์ใฝ่ต่ำของเขาก็จะเข้ามาเป็นตัวกำหนดในการงานจนไม่สามารถหลุดพ้นออกไปจากมันได้ 

       อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน  เลยอยากอธิบายเสริมให้เห็นภาพ ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้
لا إله إلا الله محمد رسول الله

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
 salam

ฝังการมีอยู่ของตัวเอง

(เหมือนจะเข้าใจยากนะ  แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)

ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ

 ::)
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

ฝังการมีอยู่ของตัวเอง

(เหมือนจะเข้าใจยากนะ  แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)

ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ

วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์

ความจริงแล้วเข้าใจไม่อยากหรอก  แต่ฮิกัมนี้จะจำกัดวงแคบไปสักนิดหนึ่ง  กล่าวคือ  ฮิกัมนี้ต้องการจะบอกให้ผู้ที่จะออกสู่สังคมเพื่อทำงานอัลอิสลาม  ต้องบ่มเพาะตนเองด้วยการมีความรู้อย่างแท้จริง  รู้ถึงวิธีการขัดเกลาจิตใจตนเองในเรื่องอัคลาค  ฝึกในเรื่องการสร้างความอิคลาศต่ออัลเลาะฮ์จะได้ไม่หลงดุนยาไม่ต้องการแสวงหาชื่อเสียงเมื่อเข้าสู่สั่งคมเพื่อเข้ามาทำงานศาสนา

สังเกตได้ง่าย ๆ นะครับ  การที่ครอบครัวหนึ่งได้ส่งบุตรของตนเองไปเรียนวิชาการศาสนาสักระยะหนึ่งเพื่อกลับมาพัฒนาสังคม  นั่นหมายถึงพวกเขากำลังส่งบุตรหลานไปเรียนวิชาการศาสนาแขนงต่าง ๆ เพื่อไปบ่มเพาะตนเองดั่งเมล็ดพืชชั้นดีที่พร้อมเจริญงอกงามและจะได้กลับมาพัฒนาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของอิสลามนั่นเองครับ

วัลลอฮุอะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 15, 2008, 07:43 PM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สังเกตได้ง่าย ๆ นะครับ  การที่ครอบครัวหนึ่งได้ส่งบุตรของตนเองไปเรียนวิชาการศาสนาสักระยะหนึ่งเพื่อกลับมาพัฒนาสังคม  นั่นหมายถึงพวกเขากำลังส่งบุตรหลานไปเรียนวิชาการศาสนาแขนงต่าง ๆ เพื่อไปบ่มเพาะตนเองดั่งเมล็ดพืชชั้นดีที่พร้อมเจริญงอกงามและจะได้กลับมาพัฒนาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานของอิสลามนั่นเองครับ

ส่วนมากสำเร็จในการบ่มเพาะร่างกาย(วิชาฟิกห์)....สำเร็จในการบ่มเพาะสติปัญญาและหัวใจ(วิชาอะกีดะฮ์)....แต่ไม่ค่อยเสร็จในการบ่มเพาะจิตวิญญาณในการเข้าอัลเลาะฮ์(อัคลาคที่ดีงาม)...เนื่องจากเห็นกันง่ายๆ บรรดาผู้ที่ขึ้นเวที...หรืออกรายการวิทยุแล้วด่าทอกัน...เพราะขาดการบ่อเพาะทางด้านอัคลาคอย่างแท้จริง...

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด

วะอะลัยกุมุสลามวะเราะห์มะตุลลอฮ์วะบะรอกาตุฮ์
  ฝึกในเรื่องการสร้างความอิคลาศต่ออัลเลาะฮ์จะได้ไม่หลงดุนยาไม่ต้องการแสวงหาชื่อเสียงเมื่อเข้าสู่สั่งคมเพื่อเข้ามาทำงานศาสนา

วัลลอฮุอะลัม

[/quote]

 salam

ประมาณว่าถึงเขาจะถูกทดสอบด้วยกับการมีชื่อเสียง

เป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม

เขาก็จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างให้เกียรติ  และให้ความยุติธรรม

โดยไม่เลือกว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  งั้นเหรอคะ?

 ::)
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

ประมาณว่าถึงเขาจะถูกทดสอบด้วยกับการมีชื่อเสียง

เป็นที่นับหน้าถือตาและเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม

เขาก็จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างให้เกียรติ  และให้ความยุติธรรม

โดยไม่เลือกว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  งั้นเหรอคะ?

 ::)

ส่วนหนึ่ง  เป็นเช่นนั้นแหละครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ mjehoh

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 45
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
วะอลัยกุมุสสล่ามครับ
จากนูรุ้ลอัซฮัร
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง

(เหมือนจะเข้าใจยากนะ  แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)

ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ

ตัวอย่างการเอี๊ยะติกาฟของท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)ผมว่าน่าเป็นตัวอย่างได้น๊ะครับทบทวนตัวเอง  ทบทวนกุรอ่าน  ทำอิบาดะห์ ได้ไหมครับ

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
วะอลัยกุมุสสล่ามครับ
จากนูรุ้ลอัซฮัร
ฝังการมีอยู่ของตัวเอง

(เหมือนจะเข้าใจยากนะ  แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจใช่ไหมคะ?)

ช่วยยกซักตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับการฝังการมีอยู่ของตัวเองได้ไหมคะ

ตัวอย่างการเอี๊ยะติกาฟของท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.)ผมว่าน่าเป็นตัวอย่างได้น๊ะครับทบทวนตัวเอง  ทบทวนกุรอ่าน  ทำอิบาดะห์ ได้ไหมครับ

ตัวอย่างที่ยกมาก็โอเคนะคะ

แต่ว่ามันเข้าข่ายปลีกวิเวกเลยรึเปล่าหล่ะคะ

อยากได้ตัวอย่างแบบที่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คน

แต่ฝังการมีอยู่ของตนเองน่ะค่ะ
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ตัวอย่างที่ยกมาก็โอเคนะคะ

แต่ว่ามันเข้าข่ายปลีกวิเวกเลยรึเปล่าหล่ะคะ

อยากได้ตัวอย่างแบบที่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คน

แต่ฝังการมีอยู่ของตนเองน่ะค่ะ

ตัวอย่างเช่นนั้น ยกยากครับ  แต่มีแบบใกล้เคียง

คำว่า  عُزْلَةٍ (อุซฺละห์)  คือการวิเวกอยู่ตามลำพัง  หมายถึงปลีกตนเองออกจากมนุษย์ทั้งหลายเพื่อพวกเขาจะได้ปลอดภัยจากความชั่ว ของเขาและเขาจะได้ปลอดภัยความชั่วของพวกเขา  แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว  การ  อุซฺละห์  คือการปลีกตนเองจากบรรดาคุณลักษณะที่น่าตำหนิ (แม้จะอยู่กับผู้คนทั้งหลายก็ตาม) ดังนั้นผลสะท้อนที่ได้รับก็คือมีการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ(ที่ดี)มิใช่ห่าง ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน” หนังสือมั๊วะอฺญัม มุศฏ่อละฮาต อัศศูฟียะห์ ของท่านชัยค์อับดุลมุนอิม อัลฮัฟนีย์ หน้า 184

ดังนั้น  การ  “อุซฺละห์”  บางครั้งก็คือการปลีกตนเองทั้งหัวใจและร่างกายด้วยการห่างไกลจากผู้คนทั้งหลาย  แต่บางครั้งปลีกตนด้วยหัวใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  คือร่างกายอยู่ร่วมกับผู้คนทั้งหลายแต่หัวใจสนใจอยู่กับอัลเลาะห์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
 salam

ญะซากัลลอฮูค็อยร็อน

พอจะเข้าใจแล้วหล่ะค่ะ

เชื่อว่าถึงไม่ขออัลลอฮ์ก็ต้องตอบแทนทุกการกระทำ

วัลลอฮูอะลัม

 myGreat:
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ดังนั้นสิ่งดังกล่าวก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้นอกจากการฝังตนเองด้วยการปลีกวิเวก(ค็อลวะห์)สักช่วงเวลาหนึ่งในแต่ละวันเพื่อใคร่ครวญตนเอง  เมื่อออกไปสู่สังคมเราก็จะปราศจากความโอ้อวดตนเอง  ไม่คิดว่าตนเองนั้นดีกว่าคนอื่น  มีความบริสุทธิ์ใจ  จะแสดงออกซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงามต่อตนเองและผู้อื่นทั้งในคำพูดและการกระทำ  การด่าทอเหยียดหยามผู้อื่นก็จะไม่เกิดขึ้น

       อธิบายฮิกัมได้ตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน  เลยอยากอธิบายเสริมด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง   ดูตัวอย่างได้ในกระทู้นี้ 

ส.ส. มุสลิมก็เช่นกัน  หากบ่มเพาะตนเองไม่เพียงพอแล้ว  ก็ต้องระวังหากได้อ่านฮิกัมนี้
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم