بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
ฮะดิษในบุคอรีและมุสลิมนั้นซอฮิห์ แต่มิได้หมายความว่านักรายงานทุกคนจะอยู่ในระดับษิเกาะฮ์ ซึ่งรายละเอียดมีมากมาย ซึ่งผมขอยกตัวอย่างแบบสรุป ๆ ดังนี้
1. บางครั้งนักรายงานฮะดิษอยู่ในระดับษิเกาะฮ์ตามทัศนะของท่านบุคอรีและมุสลิม แต่ไม่ษิเกาะฮ์ตามทัศนะของนักฮะดิษคนอื่น และนักรายงานที่ไม่ษิเกาะฮ์ดังกล่าวนั้นก็มิได้ถูกอธิบายสาเหตุว่าเหตุใดถึงไม่ษิเกาะฮ์ ซึ่งหลักการตรงนี้ การชมเชยว่าษิเกาะฮ์ ต้องนำมาอยู่ก่อน เช่นท่านบุคอรีย์ได้รายงานจากนักรายงานกลุ่มหนึ่งที่ได้รับการวิจารณ์ เช่น อิกริมะฮ์ , อิสมาอีล บิน อะบีอุวัยส์ , อาซิม บิน อะลี , อัมร์ บิน มัรซูก , เป็นต้น ส่วนท่านมุสลิมก็รายงานจาก ซุวัยด์ บิน สะอีด เป็นต้น
2. บางฮะดิษในบุคอรีและมุสลิมนั้น รายงานมาเพื่อมาสนับสนุนเกลื้อกูลกันโดยมีนักรายงานที่ไม่ษิเกาะฮ์อยู่ด้วย กล่าวคือ ในบทหนึ่ง ๆ นั้น ท่านบุคอรีและมุสลิม จะทำการรายงานฮะดิษหลัก ๆ ที่ซอฮิห์ชัดเจนไว้ก่อน แล้วหลังจากนั้นก็รายงานฮะดิษบทเดียวกันหรืออยู่ในเรื่องเดียวกันมาเสริมซึ่งอาจจะมีนักรายงานที่ฏออีฟอยู่ด้วย แต่ฮะดิษที่มีนักรายงานไม่ษิเกาะฮ์อยู่ด้วยนี้ ถือว่าซอฮิห์เพราะว่ามีฮะดิษที่เป็นตัวหลักข้างต้นมาสนับสนุนรับรองไว้อยู่แล้ว
3. การเกิดความไม่ษิเกาะฮ์ของนักรายงานฮะดิษนั้น เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ท่านบุคอรีและมุสลิมได้รายงานไปก่อนหน้านั้นแล้ว เช่นท่านมุสลิมได้รายงานฮะดิษจากอะห์มัด บิน อับดุรเราะห์มาน บิน วะฮ์บิน ก่อนปีที่ 250 ฮ.ศ. ซึ่งถือว่าซอฮิห์ เพราะหลังจากปีที่ 250 ฮ.ศ. นั้น อะห์มัด บิน อับดุรเราะห์มานมีความสับสนในด้านความจำ
ดังนั้นในซอฮิห์บุคอรีและมุสลิมนั้น ย่อมมีหลักการพิจารณาอะดิษอย่างครอบคลุมทุกแง่มุมแล้ว ซึ่งนักปราชญ์ฮะดิษต่างทราบกันเป็นอย่างดีนั่นเองครับ
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ