ผมได้รู้มาว่ามลาอีกัฮสร้างมาจากนูร ส่วนอิบเลสสร้างมาจากนาร มลาอีกัฮนั้นจะไม่มีนัฟซู แล้วทำไมอิเลสมันถึงได้มีนัฟซู คือผมงงก็ตรงนี้แหละครับ ทั้งๆทีร่อิบเลสมันเหนือกว่าแต่ทำไมมีนัฟซู ส่วนมลาอีกะด้อยกว่า แต่ไม่มีนัฟซู อีมานคงที่
แล้วผมก็ได้ยินมาว่า พอถึงวินาทีสุดท้ายของวันสิ้นโลกแล้ว อิบเลสจะงูจะ จะกล่าวคำปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ และมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ เรื่องนี้จริงเท็จยังไงมั่งครับ จะว่าไปมันก้น่าจะจริงนะครับ ลองคิดดู อิบเลสมันก็ไม่เคยตั้งภาคีต่ออัลลอฮ มันจะไปนับถือใครอีกเพราะมันก็รู้ว่าอัลลอฮเป็นพระเจ้า เพียงแต่มันไม่ทำตามบัญชาก็เท่านั้น ก็เหมือนคนอิสลาม ถึงจะไม่ละหมาด ถ้าไม่ตั้งภาคี ไม่ชีริก สุดท้ายก็ได้เข้าสวรรค์
น่าคิดนะครับ ใครรู้ก็ช่วยๆตอบด้วย
เป็นคำถามที่น่าคิด เลยทำให้ต้องค้นหาข้อมูลกัน...
เลยไปเจอในบางส่วน จึงขอนำมาแปะไว้ที่นี่ด้วยนะคะ...
เพราะที่เรียนมาก็คือ อิบลิสได้กลายเป็นผู้สิ้นสภาพแห่งการศรัทธา
ไปเรียบร้อยแล้ว และอัลลอฮฺได้ทรงตัดสินอิบลิสเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่เพราะอิบลิสขอประวิงเวลาไว้จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
และอัลลอฮฺได้ให้ตามที่อิบลิสขอ...
ส่วนเรื่องที่พอถึงวินาทีสุดท้ายของวันสิ้นโลกแล้ว อิบลิส
จะกล่าวคำปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ
และมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ ที่ILHAMถามไปนั้น
ไม่เคยได้เรียนหรือรู้มาก่อน...
แต่ให้น่าคิดตรงที่ว่า...อัลลอฮฺได้ทรงพิพากษาอิบลิสไปแล้ว...
ไม่เหมือนกับลูกหลานอะดัมที่ยังคงต้องรอวันพิพากษา...
แล้วสำหรับลูกหลานของอิบลิสและวงวานของมันนั้นเล่า...
จะถูกพิพากษาเมื่อวันแห่งการพิพากษามาถึงด้วยรึเปล่า...
อย่างไรวานผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยนะคะ
ซึ่งพอจะหากระทู้ที่เกี่ยวกับอิบลิสมาได้บ้างจากด้านล่าง
แต่ก็ยังไม่เจอคำตอบที่ ILHAMได้ถามไว้...
وإذ قلنا للملائكة اسجدوا لأدم فسجدوا إلاإبليس أبى واستكبر وكان من الكفرين
"และจงรำลึกถึง ขณะที่เราได้กล่าวแก่มะลาอิกะฮฺว่า พวกเจ้าจงสุยูด แก่อาดัมเถิด แล้วพวกเขาก็สุยูดกัน นอกจากอิบลีส โดยที่มันไม่ยอมสุยูด และแสดงโอหัง และมันจึงได้กลายเป็นผู้สิ้นสภาพแห่งการศรัทธา" ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 34
ภายหลังอัลลอฮฺทรงปรากาศถึงความประเสริฐ และพิเศษของท่านนบีอาดัม ซึ่งเป็เหตุให้เลือกเคาะลีฟะฮฺบนพื้นพิภพ ในโองการนี้อัลลอฮฺทรงบัญชาให้มวลมะลาอิกะฮฺซูญุดต่ออาดัม แสดงถึงการยอมรับในความประเสริฐของเขา และขออภัยในการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมต่อเขา ในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาพร้อมใจซูญุดด้วยความเต็มใจ ยกเว้นอิสลิสผู้เหิมเกริมเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย
1.มลาอิกะฮฺ
มลาอิกะฮฺถูกนับติดเข้าไปในโลกของญาณวิสัย (ฆออิบ) ที่ไม่มีการทราบถึงแก่นแท้ของพวกเขา อัลกุรอานเพียงแต่เกริ่นถึงภาระหน้าที่ของเขาเท่านั้น ตามคำสั่งสอนของอิสลามให้ข้อจำกัดว่า สัจธรรมและความดีนั้นอยู่เคียงข้างมลาอิกะฮฺ ส่วนความไม่แน่นอนในการทำดีนั้นจะอยู่คียงข้างชัยฏอน ดังรายงานของท่าน อัตติรมีซีย์ ความว่า..
“แท้จริงสำหรับชัยฏอนนั้น จะมีคุณสมบัติพิเศษที่ทรงอิทธิพล และสำหรับมลาอิกะฮิก็เช่นเดียวกัน ชัยฎอนจะใช้อิทธิพลในการปฎิเสธความจริง และยั่วยุให้ทำความชั่ว ส่วนมลาอิกะฮฺจะใช้อิทธิพลในการส่งเสริมความจริง และคะยั้นคะยอให้ทำความดี หากใครได้รับสัญญาณแห่งความดี โปรดทราบเถิดว่านั่นมาจากอัลลอฮฺและจงกล่าวสรรเสริญต่อพระองค์ และหากใครได้รับสัญญาณอื่นจากนั้น ดังนั้นเขาจงขอความค้มครองในนามของอัลลอฮฺจากชัยฎอนผู้ถูกสาปแช่งเถิด”
สรุปแล้วทั้งบรรดามลาอิกะฮฺและชัยฎอน ต่างก็มีสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณหรือกระแสจิตของมนุษย์พอๆ กัน
2.อิบลีส
นักวิชาการมีความเห็นออกเป็น 2 ประเภท
ความเห็นแรก อิบลีส คือ ญิน แต่มันอยู่ร่วมกับมลาอิกะฮฺ ซึ่งมีหลักฐานมายืนยันในเรื่องนี้ ความว่า...
“ซึ่งเมื่อเราได้ตรัสแก่มลาอิกะฮฺว่า จงซุญูดต่ออาดัม ครั้นแล้วพวกเขาก็ซุญูด ยกเว้นอิบลีสซึ่งมาจากญิน ได้ขัดคำสั่งของพระผู้อภิบาลของเขาเอง”
ความเห็นที่สอง อิบลีส เดิมทีมาจากมลาอิกะฮฺ เพราะคำสั่งมุ่งตรงไปยังมลาอิกะฮฺ ซึ่งดูตามเนื้อหาของโองการนี้แล้วกชัดเจนอยู่ในตัวของมันเอง
อิบนุอับบาส กล่าวว่า..
“อิบลีส นั้น ก่อนที่มันจะทำบาปใหญ่นั้น มันเคยเป็นมลาอิกะฮฺที่ชื่อว่า “อะซาซีล” ซึ่งเป็นมลาอิกะฮฺที่เคร่งครัดมากมีความรอบรู้เป็นเลิศ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้มันหยิ่งผยองทระนงในที่สุด ต่อมาชาวโลกเรียกเขาว่า “ญิน”
3.เป็นปลื้ม
อิบลีสเป็นปลื้มกับต้นกำเนิดของตนเอง โดยหลงตนว่า ถูกสร้างมาจากไฟ ส่วนอาดัมถูกสร้างมาจากดิน จึงยืดไม่ยอมหดและกางไม่ยอมก้ม ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้ายและความหายนะของอิบลีสชั่วนิรันดร์