بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ
การละหมาดญะมาอะฮ์นั้นมีความสำคัญและยังความประเสริฐตามที่ศาสนาได้ส่งเสริม
ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร ได้กล่าวรายงานว่า
أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ صَلَاةُ الْجَمَاعَةِ تَفْضُلُ صَلَاةَ الْفَذِّ بِسَبْعٍ وَعِشْرِينَ دَرَجَةً
"แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า การละหมาดญะมาอะฮ์นั้นประเสริฐกว่าละหมาดคนเดียวถึง 27 เท่า" รายงานโดยบุคอรีย์(609)
รายงานจากท่านอะบีดัรดาอฺได้ระบุว่า
سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ مَا مِنْ ثَلَاثَةٍ فِي قَرْيَةٍ وَلَا بَدْوٍ لَا تُقَامُ فِيهِمْ الصَّلَاةُ إِلَّا قَدْ اسْتَحْوَذَ عَلَيْهِمْ الشَّيْطَانُ فَعَلَيْكَ بِالْجَمَاعَةِ فَإِنَّمَا يَأْكُلُ الذِّئْبُ الْقَاصِيَةَ
"ฉันได้ยินท่านร่อซู ลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า จะไม่มีจากสามคน ไม่ว่าจะในหมู่บ้านหนึ่งและในชนบทหนึ่ง ที่ไม่ดำรงการละหมาด(ญะมาอะฮ์)ในหมู่พวกเขา เว้นแต่เสียว่าชัยฏอนได้ครอบงำพวกเขาเสียแล้ว ดังนั้นพวกท่านจงยึดมั่นในญะมาอะฮ์ (คืออะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) เพราะแท้จริงสุนัขป่าจะกินแกะที่หลงฝูง" รายงานโดยอะบูดาวูด (460) , ท่านอันนะซาอีย์ (838)
จากตัวบทฮะดิษบ่งชี้ให้เราทราบว่าละหมาดญะมาอะฮ์นั้นมีความสำคัญ มีความประเสริฐ และส่งเสริมให้เราปฏิบัติ ดังนั้นหากมีบุคคลหนึ่งได้ละหมาดเพียงลำพังคนเดียวในมัสยิด แล้วเห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งตั้งละหมาดญะมาอะฮ์ขึ้น ก็อนุญาตให้เปลี่ยนจากละหมาดคนเดียวมาเป็นละหมาดร่วมกับญะมาอะฮ์ได้ ตามหลักการที่ปราชญ์ฟิกห์ได้กล่าวต่อไปดังต่อไปนี้
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวในหนังสือมินฮาจญุฏฏอลิบีน ความว่า
قُلْتُ...فَإِنْ كَانَ فِيْهِ أَتَمَّهُ إِنْ لَمْ يَخْشَ فَوْتَ الْجَمَاعَةِ وَاللهُ أَعْلَمُ
"ฉันขอกล่าวว่า หากเขาอยู่ในละหมาดสุนัต ก็ให้เขาทำละหมาดสุนัตให้เสร็จสมบูรณ์ หากเขาไม่กลัวว่าจะพลาดละหมาดญะมาอะฮ์ วัลลอฮุอะลัม"
ท่านอัซซัยยิดอัลบักรีย์ กล่าวว่า "สุนัตให้คนที่ละหมาดคนเดียวที่เห็นการตั้งละหมาดญะมาอะฮ์ขึ้น ทำการเปลี่ยนละหมาดฟัรดูที่อยู่ในเวลาให้เป็นละหมาดสุนัตมุฏลัก(สุนัตธรรมดาที่ไม่ได้เจาะจงแต่หากเปลี่ยนเป็นสุนัตที่เจาะจงเช่นละหมาดฎุฮาถือว่าไม่อนุญาต)และให้สลามเมื่อครบสองร่อกะอัตแล้วเข้าไปร่วมละหมาดญะมาอะฮ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเขาไม่กลัวว่าทำให้พลาดละหมาดญะมาอะฮ์ไปเมื่อได้สองร่อกะอัตมุฏลักนั้น แต่ถ้าหากเขาเปลี่ยนฟัรดูมาเหนียตเป็นสุนัตมุฎลักสองร่อกะอัตแล้วเกรงว่าหากละหมาดสองร่อกะอัตแล้วคงไม่ทันละหมาดญะมาอะฮ์ ก็ให้เขาเหนียตออกจากละหมาดแล้วไปละหมาดพร้อมกับญะมาอะฮ์ได้เลยตามที่ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลมัจญ์มั๊วะของท่าน แต่ท่านชัยคุลอิสลามอัลบุลกินีย์วินิจฉัยว่า ให้เขากล่าวสลามเลยแม้ว่าจะละหมาดมาแล้วเพียงหนึ่งร่อกะอัตก็ตาม" หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ : 1/468 , อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน : 1/365 - 366
"แต่ถ้าหากว่าเขาละหมาดฟัรดูเพียงลำพังคนเดียว 3 ร่อกะอัตแล้ว ก็ถือว่าไม่สุนัตให้เปลี่ยนละหมาดฟัรดูนั้นให้เป็นสุนัตมุฏลักแต่อนุญาต(มะบาห์)ให้กระทำได้ แล้วเข้าไปร่วมละหมาดญะมาอะฮ์อีกครั้ง" หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ : 1/468 , อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน : 1/366
"หากเขาได้ละหมาดฟัรดูกอฎอแล้วเกรงว่าจะพลาดละหมาดฟัรดูในเวลา(เพราะใกล้จะหมดเวลาละหมาดฟัรดูแล้ว) ก็วายิบให้เขาเปลี่ยนละหมาดกอฎอนั้นเป็นสุนัตธรรมดา(แล้วให้สลาม) หลังจากนั้นก็รีบทำละหมาดฟัรดูที่เป็นเจ้าของเวลา และถ้าหากเขาได้ละหมาดสุนัตแล้วกลัวว่าจะพลาดญะมาอะฮ์ ก็สุนัตให้เขาเหนียตออกจากละหมาดสุนัตแล้วไปร่วมละหมาดญะมาอะฮ์" อ้างอิงหนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ : 1/468 อิอานะฮ์ อัฏฏอลิบีน : 1/366
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ