กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนาของอิยิปต์ เตรียมแจกจ่ายหนังสือกว่า 1 แสนเล่ม ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า "นิกอบ" หรือการปิดหน้าของมุสลิมะฮฺนั้น เป็นบิดอะฮฺ ไม่มีที่มาที่ไปในศาสนา และเป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่น่ารังเกียจ!! ที่ตลกคือ คนที่พูดเช่นนั้น คือตัวรัฐมนตรีเอง..
เค้ามีแต่คิลาฟกันว่า การปิดหน้าเป็นวาญิบหรือไม่? หรือเป็นสุนัต? หรือจะปิดก็ได้ไม่ปิดก็ได้..
ยังไม่เคยพบอุละมาอ์อิสลามคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามที่มีทัศนะเช่นนี้
ช้าก่อนคุณ เก็ด บิดอะฮ์นั้นแบ่งออกเป็น 5 ฮุกุ่มตามทัศนะของชัคซักซูกรัฐมนตรีกระทรวงศาสนสมบัติฯ บิดอะฮ์ที่ว่านี้คือบิดอะฮ์มักโระห์(คือทำก็ได้ไม่ทำก็ดี)ไม่ใช่บิดอะฮ์ฮะรอม(ต้องห้าม)
ดังนั้นการปิดหน้าเป็นบิดอะฮ์มักโระห์ตามทัศนะของเชคซักซูก คืออนุญาตให้ปิดได้แต่ไม่บังควรปิดไม่ใช่ฮะรอมปิด แต่ใช้คำว่าบิดอะฮ์นั้นวะฮาบีย์ก็คิดไปกันเลยว่าฮะรอมลุ่มหลงแน่ แต่เราควรเข้าใจเรื่องบิดอะฮ์ตามทัศนะของปราชญ์ส่วนมากน่ะครับไม่ใช่บิดอะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบี
ส่วนมัซฮับมาลิกีถือว่ามักโระห์การปิดหน้าในละหมาด และในบางตัฟซีรได้ระบุว่าการปิดหน้าเป็นประเพณีของผู้หญิงญาฮีลียะห์ และฮะรอมผู้หญิงปิดหน้าในขณะทำฮัจญี
ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า "นิกอบ" หรือการปิดหน้าของมุสลิมะฮฺนั้น เป็นบิดอะฮฺ ไม่มีที่มาที่ไปในศาสนา และเป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่น่ารังเกียจ!! ที่ตลกคือ คนที่พูดเช่นนั้น คือตัวรัฐมนตรีเอง...
ไม่ทราบว่าคุณเก็ตอ่านหนังสือเล่มนั้นหรือยังครับ ลิงค์ที่คุณเก็ตอ้างอิงมานั้นเป็นเว็บข่าวสายวะฮาบี คำว่า บิดอะฮ์ มาจากคำพูดของวะฮาบีเอง หรือมาจากคำพูดของ ตัวรัฐมนตรีเองครับ เพราะเท่าที่อ่านดูในข่าว รัฐมนตรีเขาบอกว่าเป็น อาดะฮ์ ไม่ใช่ บิดอะฮ์
ดังนั้นถ้าหากเป็นอาดะห์ก็ถือว่าอยู่ฮุกุ่มมะบาห์ที่ไม่บัควรใช่บิดอะฮ์ฮะรอม ดังนั้นทัศนะที่บอกว่ามุบาห์ก็มีเยอะในหน้าแผ่นดินนี้