โพลล์

.................2

..
1 (100%)
..............
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 1

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำบุญให้แก่คนตาย  (อ่าน 6350 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มี.ค. 27, 2007, 11:01 PM »
0
คุณฮากีมครับผมไม่ได้ก่อนกวนนะครับ ผมแค่อยากให้พี่น้องพิจจารณาคำวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ของท่านอิหม่ามอัชชาฟีอีย์(รอ(ฮี)มะฮุลลอฮฺ)  แต่ผมก็ไม่ชอบพวกที่มักอ้างว่าอยู่มัซฮับท่านแต่ขณะเดียวกันก็อคติต่อท่าน

ผมไม่เคยบอกว่าไม่ยอมรับการกิยาศนะครับ แต่ผมย้ำเสมอว่าตัรตีบกันก่อนครับเพราะคือวิถีของอุลามาอ์ ไม่ใช่อยู่ดีๆก็กิยาศเฉยเลย ไม่ไปดูกุรอานฮะดิษและสำนักคิด

ผมเชื่อว่าอิหม่ามชาฟีอีย์ไม่สะเพร่าเหมือนโตะครูเมืองไทยครับ ถ้าติดตามว่าหนังสือดังกล่าวหน้าดังกล่าวมีหลักฐานของคำพูดของท่านที่ "ต่อต้าน" ในเรื่องทำบุญ  ของท่านอิหม่ามจริงๆ ผมก็ยอมรับครับเพราะท่านกิยาศจากกุรอานอัลฮะดิษแน่นอน ผมไม่อยากสาธยายว่าโตะครู(ที่มักอ้างว่าอยู่มัซฮับชาฟีอีย์)สะเพร่าแบบใดบ้างในเรื่องกินบุญ เอาเป็นว่าผมไม่ออกความเห้นเรื่องนี้ล่ะกันเพราะเห็นใจโต๊ะครูอีกหลายคนที่เขาต้องการซอดาเกาะจากการซิกรฺจริงๆ

คุณฮากีมช่วยพิจจารณาด้วยว่าประโยคที่คุณบอกไว้มัน สะเพร่าไหม กับคำอคติของคุณที่มีต่อท่านอิหม่ามอัชชาฟีอีย์ ที่ว่า " คำกล่าวของท่านอีม่ามชาฟีอี นี้เป็นแค่ความเห็นของท่านเท่านั้น     ซึ่งก็ไม่มีจากอัลกรุอ่านและอัลฮาดิสนี้ครับ"   ผมไม่รู้นะว่าคุณจะให้เข้าใจว่าหลักฐานที่ผมยกมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงความเห้นของอิม่ามอัชชาฟีอีย์ที่ค่อนข้างจะขัดกับกุอานและฮะดิษหรือไม่ (ผมหมายถึงว่าคุณจะบอกว่า ความเห้นท่านอิหม่ามนี่ช่างไม่มีเค้าของพื้นฐานจากกุรอานและซุนนะห์ยังไงยังงั้น) แล้วอิหม่ามท่านก็ค่อนข้างออกความเห็นที่เฉยๆกับคุณเสียนี่กะไร

เอเอ อิหม่ามอัชชาฟีอีย์ท่านสะเพร่าหรือว่าคุณฮากีมสะเพร่ากันแน่ครับ (กรุณาอย่าเอาความสะเพร่าจากกำพืดเดิมมาต่อว่าท่านอิหม่ามสิครับ อันตรายนะครับ) คุณทำเป็นว่าอิหม่ามท่านวิเคราะห์ด้วยความเห้นของท่านแล้วคุณเอามากิยาศกับโตะครูของคุณ แล้วคุณก็ตัดสินออกมาว่าอิหม่ามท่านกล่าวมาผิดพลาดงั้นหรอครับ โตะครูคุณถูกกว่าใช่ไหม(นะอูซุบิลลาฮ์)  ขอคุณฮากีมพิจจารณานะครับ ด้วยความเคารพ :)

ส่วนตัวผมมั่นใจสำหรับการฟัตวาของสำนักคิดทั้งสี่ท่าน สี่ยุค แต่ผมอยากตรวจสอบการฟัตวาเชิงตีความหลังจากท่านทั้งสี่นี้ครับ ผมจะหาทุกๆอย่างที่เป็นเชิงวิชาการให้ถึงที่สุดครับเพราะมันคือกระบวนการของการศึกษา  8)
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มี.ค. 28, 2007, 09:03 AM »
0
มาชาอัลลออ์ พูดกับอะมัดวะฮาบีย์ในคราบอัชชาฟีอีย์นี่เหนื่อยครับพี่น้อง...
เหมือนพายเรือในอ่าง วนไปเวียนมา และจะออกพาทะเลไปดู ปลาปักเป้าให้จงได้.........................................................

ไอ้กระผมให้อะมัดกลับไปอ่านสิ่งที่ผมยกมาอีกครั้งให้หมดนะครับ อย่าทำตัวเป็นอีแอบยกหลักฐานมาครึ่งๆกลางๆซี่ครับ  เราพูดถึงเรื่องอะไร....อะมัดกล่าวว่า ............

อิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า "ส่วนการจัดทำอาหารของครอบครัวผู้ตายเพื่อเลี้ยงผู้คนนั้นเป็นส่งที่อุตริ(บิดอะฮฺ)ที่น่ารังเกียจยิ่งและไม่มีแบบฉบับอยู่เลย เพราะการกระทำดังกล่าวเท่ากับยิ่งเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้กับพวกเขา" (มะอฺริฟะตุสสุนัน วัลอาษารฺ 5/338)
...
แล้วมาดูสิ่งที่ไอ้กระผมตำหนิคุณ...ที่คุณอ้างว่าไม่ยอมรับการกิยาส (ในเรื่องวะลีย์การนิกะ)แต่มากลืนน้ำลายตัวเองในหลักฐานข้างบนที่คุณยกมา   ไอ้กระผมว่าคุณ ไม่มีจุดยืนเรื่องศาสนาเลยนะครับ..เพียงแค่เข้ามาเพือกล่าวหาหรือตำหนิ พี่น้องที่ปฏิบัติในทัศนะของชาฟีอี(รฮ)ซึ่งคุณเองก็ไม่เห็นด้วยในทัศนะนี้ แต่อ้างว่าเข้ามาปกป้องท่านอีมามชาฟีอี

...........ที่ไอ้กระผมตำหนิคุณคือสิ่งนี้ครับ อ่านแล้วโปรดเข้าใจให้ดีด้วยไม่ใช่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วรีบจับมากระเดียด..............

"ส่วนการจัดทำอาหารของครอบครัวผู้ตายเพื่อเลี้ยงผู้คนนั้นเป็นส่งที่อุตริ(บิดอะฮฺ)ที่น่ารังเกียจยิ่งและไม่มีแบบฉบับอยู่เลย เพราะการกระทำดังกล่าวเท่ากับยิ่งเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้กับพวกเขา" (มะอฺริฟะตุสสุนัน วัลอาษารฺ 5/338)

.........นี้คือสิ่งที่ผมตำหนิคุณกลับไง...เพราะคุณเองนั้นเล่น เอาคำพูดและความเห็นของท่านอีหม่ามชาฟีอีทั้งดุ้นทั้งที่คุณไม่เข้าใจใส่งที่ท่านอีม่ามพูด ...........แต่ด้วยพฤติกรรมที่ต่อต้านการกระทำของพี่น้องมุสลิมในมัสหับชาฟีอี(รฮ)ที่พวกเขาเหล่านั้น  ทำบุญเลี้ยงผู้ที่มาเยี่ยมเยียนมัยยัติ............คุณเลยตำหนิเขา  โดยการยกหลักฐานของอีม่ามชาฟีอีมา สำทับบังหน้า...การกระทำดังกล่าวว่าเป็นอุตริกรรมบ้างบิดอะที่เลวบ้างฯลฯที่คุณไม่เห็นด้วย...
...
ดังนั้นด้วยเหตุผลนี้แหละ...ที่ไอ้กระผมพูดได้เต็มปากว่า คุณอะมัดนั้น เป็นมัสหับชาฟีอี (เทียม)เพียงแค่ลมปาก...แต่หัวใจและส่วนอื่นๆนั้นเป็นมัสหับวะฮาบีย์เต็มตัวขอรับ   

........เพราะพี่น้องที่ตักลีดในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอีนั้น ...ไม่มีใครคัดค้านและต่อต้านการกระทำดังกล่าวหรอกครับ  แต่เขาจะทำหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ......

.ดังนั้น สิ่งที่ไอ้กระผมกล่าวว่า.....ก็ในเมื่อคุณองก็รู้แล้วว่า   ...นั้นคือ..คำกล่าวของท่านอีม่ามชาฟีอี และเป็นความเห็นของท่าน   .....ซึ่งก็ไม่ใช่จากอัลกรุอ่านและอัลฮาดิส...แต่ทำไมคุณกลับไป ยึดติดมันมากกว่า 2 สิ่งนั้นล่ะขอรับ.. ท่านอะมัด.ผู้เคร่งครัด...ฮ้าๆ

สุดท้ายนี้...สิ่งคุณก็ใส่ร้ายหรือเข้าใจผิดต่อพี่น้องมุสลิมที่ปฏิบัติความดีในสายของท่านอีม่ามชาฟีอีในกรณี ที่เขาเหล่านั้นมาเยี่ยมญาติและมัยยัต...
...........ว่า เขาต้องการ  เพียงมุ่งหวัง มากินบุญบ้านคนตาย.โดยที่มีการแอบแฝงด้วยการมาเยี่ยมคนตายนั้น เป็นสิ่งที่อะมัดเข้าใจผิดพลาดอย่างมากขอรับ...คุณน่าจะอิสจติฟาร์ตัวเองให้มากๆ...ทั้งๆที่อะมัดเองไม่ได้สัมผัส กับคำถามเหล่านั้นด้วยตัวเอง    .......เพียงแค่มองการกระทำภายนอกของเขาเหล่านั้นแล้วก็ฮุกมอย่างนั้นอย่างนี้....  ซึ่งก็ไม่แตกต่างอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต.....กับพี่น้องชาวมักกะในสมัยของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวาฮาบ ได้ฮุกมพี่น้องมุสลิมของเขาว่า ในการที่เขาไปมุ่งเยียมเยียนกุโบร์ของท่านนบี ว่า เป็นพวกกุฟาร
..........จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า พี่น้องซุนนะวะฮาบีย์บางคนนั้น จะไม่ค่อยจะอยากเข้าสังคมในการกระทำของพี่น้องในมัสหับชาฟีอี แต่  กลับตำหนิแลพเข้าใจผิดเขาเหล่านั้นอยู่เสมอ   1ในนั้นคือ  อะมัดอีซานี่เอง


............อยากถามต่ออีกข้อว่า...ทั้งที่รู้ว่าคุณอะมัดตอบไม่เคยได้)..สิ่งที่อัลอัชฮารีย์ยกมานนั้น อะมัดฯจะคิดว่าอย่างไรกับการกระทำของท่านหญิงอาอีชะ(รด)

.... تَلْبِينَةٍ فَطُبِخَتْ ثُمَّ صُنِعَ ثَرِيدٌ فَصُبَّتْ التَّلْبِينَةُ عَلَيْهَا ثُمَّ قَالَتْ كُلْنَ مِنْهَا فَإِنِّي سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ التَّلْبِينَةُ مُجِمَّةٌ لِفُؤَادِ الْمَرِيضِ تَذْهَبُ بِبَعْضِ الْحُزْنِ

รายงานจาก อุรวะฮ์(หลานของท่านหญิงอาอิชะฮ์) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ภริยาของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า  แท้จริง  ท่านหญิงอาอิชะฮ์นั้น  เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต  บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว  หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป  นอกจากครอบครัวและบรรดาเพื่อนของนาง  ดังนั้น  ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี ซึ่งบางครั้งจะใส่น้ำผึ้งผสมลงไปด้วย จะมีสีขาวนุ่มน่ารับประทาน) จากนั้นทำการปรุง  หลังจากนั้นก็ทำการปรุงษะรีด(คือขนมปังหรือโรตีที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจิ้มกับแกงเนื้อ) แล้วนำตัลบีนะฮ์ราดบนษะรีด  จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกเธอจงรับประทานมันเถิด  เพราะฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า (การรับประทาน)ตัลบีนะฮ์ จะทำให้ผู้ป่วยสบายใจคลายความโศรกเศร้า"  รายงานโดย อัลบุคอรีย์


ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มี.ค. 28, 2007, 07:20 PM »
0
แล้วเราได้รับอะไรจากหะดิษที่รายงานการกระทำจากท่านหญิง อาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ??
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 12:45 AM »
0
คุณฮากีมครับ กรุณาอย่านอกเรื่องนะครับคุณพยายามเอาเรืองนิกะห์เข้ามาป้วนเปี้ยนอีกแล้วนะครับ

ผมอยากให้คุณแยกนะครับว่า ระหว่างการกิยาศกับการตีความขยายความเหมือนกันไหม

แล้วคุณกัลบไปมองว่าการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดนั้นเขาเอาหลักการกิยาศนี้ใช้ไปกับอะไร

ส่วนบ้านเราไม่ได้ใช้การกิยาศเลยในเรื่องแต่งงานกลับใช้การตีความและขยายความจากการกิยาศของบรรดาสานุศิษย์สำนักคิดอีกทีหนึ่ง  แล้วอ้างว่านี่คือการกิยาศซึ่งเป้นวิธีหนึ่งของบรรดาอุลามาอ์ (หน้าไม่อายครับ)

จำไว้สิครับพี่น้อง ฮักอีม หลักการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดคือกิยาศจากกุรอานและฮะดิษและชนสลาฟนะครับ

แต่ที่บ้านเราทำดันไปตีความโดยละเลยการกิยาศทิ้งการกิยาศ เอาการตีความ(ตามความเข้าใจของกลุ่มตัวเอง)และการขยายความ โดยนำพื้นฐานจากบางส่วนบ้างหรือส่วนหนึ่งจากเรืองนั้นๆ (ไม่เคยกลับไปมองกุรอานเป้นอันดับแรกเลยครับ) แล้วยังอ้างว่าเป็นมัซฮับชาฟีอีย์ (หน้าไม่อายหรือเลยเนี่ย)

อีกเช่นเดียวกัน คุณฮักอีม พยายามจะหว่านล้อมว่าผมเป็นวะฮาบีย์ที่ไม่เอากิยาศ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ ผมแสดงจุดยืนมาตลอดว่าการมองหลักการต้องมีตัรตีบที่ผมวางไว้(แล้วคุณก็คัดลอกไปแล้วกลับมาแว้งผม) เป็นเพราะผมลบกระทู้เดิม คุณเลยพยายามตบตาพี่น้องท่านอื่นๆแล้วเอาตัรตีบของบรรดาสำนักคิดที่ผมแสดงจุดยืนมาตลอด(คือ 1.กุรอาน 2.ซุนนะห์ 3. อิจมาอ์4.กิยาศ) หว่านล้อมห้พี่น้องเข้าใจผิด  (ขอให้ทุกอย่างที่คุณพยายามใช้วิธีสกปรกกลับไปหาคุณ อามีน)

ผมจะเป็นอะไรก็แล้วแต่คุณก็น่าจะเสวนาเฉยๆก็ได้ทำไมต้องยัดเยียด กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ให้ผม เพื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อพี่น้องด้วย ผมไม่เคยว่าคุณเลยนะครับ ว่าคุณน่าจะเป้นแบบนั้นแบบพวกนั้นพวกนี้ ด้วยความเคารพนะพี่น้องฮักอีม วะฮาบีย์จะเป็นเรื่องเสียหายสำหรับคุณหรือเป้นเชื้อร้ายตามที่คุณหมกมุ่นก็แล้วแต่  แต่ด้วยมารยาทคุณควรจะเก็บไว้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะยัดเยียดให้พี่น้องที่คุณจะร่วมเสวนาด้วย  ท่านร่อซู้ลไม่เคยเสวนาโดยการด่าว่าและยัดเยียดนะครับถึงแม้ท่านรอซู้ลรู้ว่า คนนั้นกำพืดเดิมคือชาวญาฮีลียะห์ หรือเป้นยิวหัวดื้อที่น่าด่าว่า หรือเป็นมุนาฟิก แต่ท่านรอซู้ลใช้วิธีการให้เกียรติสยบโดยการบอกถึงตัวตนแห่งอิสลามและแสดงความเป้นพี่น้อง

ผมอยากให้คุณพิจจารณานะครับว่า ความเป็นพี่น้องขณะนี้ของคุณมีไหม ถ้าไม่มีคุณก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์(หมายถึงเรียนไปก็เท่านั้น เขาเรียกแบบชาวบ้านะครับว่า เรียนเพื่อโต้แย้ง) คุณก็ควรตรวจสอบอย่างยิ่งในเรื่องนี้

ความเกลียดชังของคุณที่มีต่อวะฮาบีย์ คุณน่าจะศึกษาก่อนนะว่าวะฮาบีย์มีกี่แบบกี่พวกกี่กลุ่ม ผมยอมรับว่าผมเรียนมหาลัยที่มีบรรดา ดร.จบจากมะดีนะห์ซึ่งคนไทยเรามักเรียกที่นั่นว่า ญามิอะห์ของวะฮาบีย์ นั่นคือความการยัดเยียดของกลุ่มโตะครูบางกลุ่มที่พยายามผลักดันอะไรบางอย่างที่ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีโหมกระพือข่าวเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย(เหมือกลุ่มที่เรียกว่าซุนนะห์บางกลุ่มในกทม.และมักต่อต้านพี่น้องตับลีฆและพี่น้องที่ศึกษาสายมัซฮับชาฟีอีย์) หลังจากนั้นเขายังสร้างเครือข่ายเพื่อให้การยัดเยียดเยี่ยงนี้อยู่นานๆเช่นเครือข่ายอย่างที่ คุณ กำลังตกเป็นเครื่องมือ

คุณควรศึกษาก่อนนะครับว่า วะฮาบีย์ มีกี่กลุ่ม กี่แบบ กี่พวก ดังนั้นอย่ามาเหมารวมไม่งั้นคุณไปละหมาดที่มัสยิดหะรอมไม่ได้เลยถ้าคุณมีฐิถิในวะฮาบีย์แบบที่คุณมี คุณควรเป็นักศึกษานะครับอย่าเป็นนักตัดสิน ด้วยความเคารพครับพี่น้อง :)
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 09:24 AM »
0
คุณอะมัดฯ..ไอ้กระผมไม่ชอบผู้ที่มุ่งหมายเพื่อเสวนาในเรื่องคีลาฟฯของต่างทัศนะ แล้วเข้ามาบ่นพึมพำขอรับ

และ อีกอย่างเรื่องกรุณาครับ  ถ้าจะคุยให้ตรงประเด็น  ก็อย่าออกนอกเรื่อง ซึ่งคุณเองเคยโดนเพื่อนๆชาวเวปของเราหลายคนตำหนิมาแล้วว่า พูดเรื่องนี้แต่ออกเรื่องโน้น 

ฉนั้น อย่าได้ เป็นเด็กแง กับการขอความเห็นใจจากท่านผู้อ่านและด้วยการว่าผู้กล่าว..ว่า.ไอ้กระผมยัดเยียดความเป็นฮาบีย์ให้อะมัดฯ  

 ทำไมละครับ พี่น้องที่เวปนี้เขาไม่ส่ามารถแยกแยะคำพูด พฤติกรรม คุณออกหรือ..ว่าสิ่งที่ คุณ..แสดงออกมานั้น ว่าเป็นพวกวะฮาบีย์ฯ หรือไม่   ........ไอ้กระผมสังเกตุหลายครั้งแล้วว่า ทำไมคุณเองก็ยืนและปกป้องในทัศนะนี้อย่างชัดเจนแต่คุณกลับ ไม่ภูมิใจ ในการดำเนินรอยตามทัศนะของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวะฮาบ...อย่าอำพรางซิครับ ออกมาแสดงจุดยืน ให้พี่น้องเขาได้เห็น            ทัศนะวะฮาบีย์ก็ไม่ใช่ ใครครับ เป็นมุสลิมเหมือนกันเพียงแต่มีจุดยืนไม่เหมือนกัน กับ มัสหับทั้ง4เท่านั้น 

ไอ้กระผมเคยฟังการบรรยายและจากหนังสือจากเวปไซด์ ก็มาก ที่พวกเขาอ้างว่า ทัศนะของเขานั้นไม่มีการกิยาส และอิจติมาอ์ ตามมัสหับทั้ง4 และไม่สังกัดมัสหับ  และถือว่ามัสหับคือ บิดอะที่ลุ่มหลง...ไอ้กระผมก็มีเพื่อนมากมายที่เรียนเมืองไทย และจบจากซาอุฯ เขาบอกว่าที่นั้นไม่ยอมรับการมีมัสหับและไม่มีการแบ่งเรียนสาขาใดๆของทัศนะ บางคนจบมาถึงก็ทิ้งมัสหับ แต่บางคนนั้นยังคงมีมัสหับ.เขากล่าวว่า...เช็คหรือครูที่นั้นไม่เห็นด้วยในเรื่องการมีมัสหับ

..ในเมื่อ..หลักฐานที่ไอ้กระผมอ้างนั้น มันมีเหตุผล..ที่จะบอกว่า อะมัดนั้นไม่ใช่ผู้ดำเนินรอยตามมัสหับชาฟีอี(รฮ)  เหมือนไอ้กระผม ซึ่งมีความภุมิใจและชอบที่จะปฏิบัติในแนวทางนี้ด้วยความสุข ขณะเดียวกันก็ยอมรับทัศนะอื่นๆด้วยเช่นกัน แม้กระทั้งทัศนะใหม่อย่างวาฮาบีย์..ยกเว้นชีอะ12อิม่าม..

...........ว่างๆอะมัดนลองเข้าไปฟังการบรรยายของอจ.มุรีดหรือท่านอื่นๆในเวปของท่านเหล่านั้นบ้างซิ..ว่าท่านมีจุดยืนอย่างไร  ..ที่นั้น.คำตอบชัดเจนครับ....

.........ดังนั้นสิ่งที่ไอ้กระผมชี้แจงคุณนั้น..ก็เพื่อบอกว่าผมมีสิทธิ์ที่จะรักษาความเป็นธรรมและความถูกต้องในสิ่งที่ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)กระทำไว้ แต่ไม่ถึงขนาดว่าทุกอย่างจะถูกต้องเพียงฝ่ายเดียว เหมือนกับทัศนะที่อ้างว่า เป็นชาวซุนนะ หรือสลาฟียะ อะไรนั้น..แต่การให้เกียริตต่อผู้รู้นั้น เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนควรมีจิตสำนึกว่า สิ่งใดแม้มันจะไม่ถูก กับทัศนะของตนเองก็ไม่ใช่ว่า บรรดาอีม่ามทั้ง4 จะต้องถูกลงโทษหรือเขาจะบาปเลย.เพราะเป็นที่รู้ว่าถ้าเขาวินิฉัยถูกตรงกับความาประสงค์ของท่าน อัลลอฮ์(ซบ)ตอบแทนให้2ผลบุญ แต้ถ้าผิด  ก็ได้1ผลบุญ  ...

แต่ที่ไอ้กระผม ผ่านหูผ่านตา   จากผู้รู้ในเมืองไทย ในทัศนะใหม่(วะฮาบีย์)ส่วนมากนั้น ....เขาเหล่านั้น..พยายามสื่อ และชี้แนะไม่ว่าทางสื่อส่งพิมพ์ สือ อินเตอรเนท หรือ เวทีบรรบาย โดยชีแนะและบอก..ให้ละทิ้งในความรู้จากท่านเหล่านั้นด้วยบอกถึงเหตุผลหลายอย่าง  เช่นคำพูดที่ว่า......ไม่อนุญาติให้ตามฉัน......สิ่งไหนถูกต้องนั้นคือทัศนะของฉัน...ฉันนั้นเป็นคนธรรมดามีผิดและถูก... และอีกหลายๆอย่าง..   นี้คือการชี้แนะที่ให้รู้ว่า การตามมัสหับนั้นไม่มีหลักฐานและผิดพลาด..และในบางครั้งก็พยายาม สื่อให้เกิดการผิดพลาดในการศรัทธาในหลักอะกีดะ ว่า.........อัลลอฮ์และร้อซุ้ลเท่านั้น ที่เราต้องตาม

...ทั้งที่สิ่งที่เขาพูดรวมที่ไม่แยกแยะให้ละเอียดนั้น  มันคนละประเด็นกัน   แล้วพี่น้องที่ไม่มีความรู้หรือไม่มีพื้นฐานในเรื่องอะกีดะละครับ เขาจะเข้าใจอย่างไร   ถ้าไม่ใช่คิดว่าอีหม่ามทั้ง4 เท่าเทียมท่านนบีกระนั้นหรือ...เพราะอะไรละ   ทุกวันนี้สังคมมุสลิมบ้านเราที่มีการแบ่งแยกขั้วชัดเจน ถ้าไม่ใช่สาเหตุจากผลิดผลของโต๊ะครูบางคนที่จบมาจากประเทศที่คุณกล่าวมานั้นดังกล่าว หรือประเทศที่ไม่ยอมรับในเรื่อง..มัสหับ   ที่พอสำเร็จการศึกษามาแล้ว.....แต่กลับมาเพื่อ...ที่จะพูด.ประเด็นหัวข้อ ที่ก่อให้เกิดมีการแบ่งแยกของความเป็นพี่น้องมุสลิม   แบบกร้าวร้าวโดยไม่เข้าใจ...........

อะมัดฯเองก็น่าย้อนมองตัวเองบ้าง  .....ว่าสิ่งแวดล้อมที่อะมัดฯได้รับและมีความคิดอิสระทุกวันนี้ มันมีผลพวงมาจากใครกันแน่

ในอดีต  มีบ้างไหมครับที่ พี่น้องหรือผู้รู้จาก4ทัศนะ ยกพวกทุบตีฆ่ากัน ด้วยแค่ ว่า การมีทัศนะที่แตกต่างกัน  หรือ เมื่อขึ้นเวทีปราศัยแล้วก็โจมตีทัศนะหรรือแนวทางนั้น  ว่า การวินิจฉัยสิ่งนั้นมันไม่ถูกต้อง ควรละทิ้ง อันนี้ไงถูกต้อง...โดยอ้างว่า  เมื่อเชื่ออัลลออ์ก็ตาม นบี และสิ่งที่ท่านนบีกระทำอย่างเดียวเท่านั้น นี้แหละชาวซุนนะ    โดยไม่มองว่ามัสหับทั้ง4 เขาไม่ได้เอาคัมภีร์ของอัลลออ์และซุนนะท่านนบีหรอกหรือ...............

.....ฉนั้นเรื่องที่คุณอะมัดมาบ่นให้ท่านพี่น้องทราบและรับรู้นั้น ถือว่า   ..คุณแก้ปัญหาปลายเหตุและก็แก้ผิดจุดด้วยขอรับ.........

.....สิ่งที่ไอ้กระผมเข้า..ตำหนิอะมัดนั้น ....สาเหตุ...มันก็เกิดมาจากที่อะมัดฯนั้นตำหนิผู้ที่ปฏิบัติตามในทัศนะของท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ไงละครับ ..ไม่ว่า เรื่องนิกะด้วยนิยามคำว่าวะลีย์  เรื่อง การทำบุญของญาติมัยยัต การทำเฝ้ากรุโบร์..ฯลฯ

ดังนั้นเมื่อไอ้กระผมตอบโต้ด้วยเหตุผล และความชอบธรรมบ้าง  คุณก็อย่า..โกรธและบ่นพึมพำ..ขี้งอน..ซิครับ ....อะมัดเองก็มั่นใจแล้วไม่ใช่หรือว่า..ตนเองนั้นเจ๋ง  จึงเข้ามาแสดงจุดยืนของตัวเอง..เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว..ก็อย่าหนีประเด็นออกนอกเรื่องครับ.....และพยายามพูดในเรื่องที่คุณเองนำมาเปิดกระทู้ด้วยขอรับ...

....ทวนอีกครั้ง.. การทำบุญของญาติมัยยัตนั้น หลักฐานทางเราก็มีให้มากมาย เพียงอะมัดไม่เปิดใจมันเท่านั้น....นี่แหละตะอัศสุบ....ของคุณ...




ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 09:33 AM »
0
............อยากถาม โตะครู อะมัดอิซาว่า...ทั้งสิ่งที่อัลอัชฮารีย์ยกมานนั้น ครูอะมัดฯจะคิดว่าอย่างไรกับการกระทำของท่านหญิงอาอีชะ(รด)บ้าง.

.... تَلْبِينَةٍ فَطُبِخَتْ ثُمَّ صُنِعَ ثَرِيدٌ فَصُبَّتْ التَّلْبِينَةُ عَلَيْهَا ثُمَّ قَالَتْ كُلْنَ مِنْهَا فَإِنِّي سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ التَّلْبِينَةُ مُجِمَّةٌ لِفُؤَادِ الْمَرِيضِ تَذْهَبُ بِبَعْضِ الْحُزْنِ

รายงานจาก อุรวะฮ์(หลานของท่านหญิงอาอิชะฮ์) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ภริยาของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า  แท้จริง  ท่านหญิงอาอิชะฮ์นั้น  เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต  บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว  หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป  นอกจากครอบครัวและบรรดาเพื่อนของนาง  ดังนั้น  ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี ซึ่งบางครั้งจะใส่น้ำผึ้งผสมลงไปด้วย จะมีสีขาวนุ่มน่ารับประทาน) จากนั้นทำการปรุง  หลังจากนั้นก็ทำการปรุงษะรีด(คือขนมปังหรือโรตีที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจิ้มกับแกงเนื้อ) แล้วนำตัลบีนะฮ์ราดบนษะรีด  จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกเธอจงรับประทานมันเถิด  เพราะฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า (การรับประทาน)ตัลบีนะฮ์ จะทำให้ผู้ป่วยสบายใจคลายความโศรกเศร้า"   รายงานโดย อัลบุคอรีย์
...

เชิญ คุณอะมัดฯ  แสดงจุดยืนตัวเองให้พี่น้องของเราได้เห็นแบบชัดเจนอีกทีครับ....ในฮาดิสบทนี้...


ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 05:51 PM »
0
คุณฮากีมครับ กรุณาอย่านอกเรื่องนะครับคุณพยายามเอาเรืองนิกะห์เข้ามาป้วนเปี้ยนอีกแล้วนะครับ

ผมอยากให้คุณแยกนะครับว่า ระหว่างการกิยาศกับการตีความขยายความเหมือนกันไหม

แล้วคุณกัลบไปมองว่าการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดนั้นเขาเอาหลักการกิยาศนี้ใช้ไปกับอะไร

ส่วนบ้านเราไม่ได้ใช้การกิยาศเลยในเรื่องแต่งงานกลับใช้การตีความและขยายความจากการกิยาศของบรรดาสานุศิษย์สำนักคิดอีกทีหนึ่ง  แล้วอ้างว่านี่คือการกิยาศซึ่งเป้นวิธีหนึ่งของบรรดาอุลามาอ์ (หน้าไม่อายครับ)

จำไว้สิครับพี่น้อง ฮักอีม หลักการกิยาศของอุลามาอ์สำนักคิดคือกิยาศจากกุรอานและฮะดิษและชนสลาฟนะครับ

แต่ที่บ้านเราทำดันไปตีความโดยละเลยการกิยาศทิ้งการกิยาศ เอาการตีความ(ตามความเข้าใจของกลุ่มตัวเอง)และการขยายความ โดยนำพื้นฐานจากบางส่วนบ้างหรือส่วนหนึ่งจากเรืองนั้นๆ (ไม่เคยกลับไปมองกุรอานเป้นอันดับแรกเลยครับ) แล้วยังอ้างว่าเป็นมัซฮับชาฟีอีย์ (หน้าไม่อายหรือเลยเนี่ย)

อีกเช่นเดียวกัน คุณฮักอีม พยายามจะหว่านล้อมว่าผมเป็นวะฮาบีย์ที่ไม่เอากิยาศ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ ผมแสดงจุดยืนมาตลอดว่าการมองหลักการต้องมีตัรตีบที่ผมวางไว้(แล้วคุณก็คัดลอกไปแล้วกลับมาแว้งผม) เป็นเพราะผมลบกระทู้เดิม คุณเลยพยายามตบตาพี่น้องท่านอื่นๆแล้วเอาตัรตีบของบรรดาสำนักคิดที่ผมแสดงจุดยืนมาตลอด(คือ 1.กุรอาน 2.ซุนนะห์ 3. อิจมาอ์4.กิยาศ) หว่านล้อมห้พี่น้องเข้าใจผิด  (ขอให้ทุกอย่างที่คุณพยายามใช้วิธีสกปรกกลับไปหาคุณ อามีน)

ผมจะเป็นอะไรก็แล้วแต่คุณก็น่าจะเสวนาเฉยๆก็ได้ทำไมต้องยัดเยียด กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ให้ผม เพื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อพี่น้องด้วย ผมไม่เคยว่าคุณเลยนะครับ ว่าคุณน่าจะเป้นแบบนั้นแบบพวกนั้นพวกนี้ ด้วยความเคารพนะพี่น้องฮักอีม วะฮาบีย์จะเป็นเรื่องเสียหายสำหรับคุณหรือเป้นเชื้อร้ายตามที่คุณหมกมุ่นก็แล้วแต่  แต่ด้วยมารยาทคุณควรจะเก็บไว้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่คุณจะยัดเยียดให้พี่น้องที่คุณจะร่วมเสวนาด้วย  ท่านร่อซู้ลไม่เคยเสวนาโดยการด่าว่าและยัดเยียดนะครับถึงแม้ท่านรอซู้ลรู้ว่า คนนั้นกำพืดเดิมคือชาวญาฮีลียะห์ หรือเป้นยิวหัวดื้อที่น่าด่าว่า หรือเป็นมุนาฟิก แต่ท่านรอซู้ลใช้วิธีการให้เกียรติสยบโดยการบอกถึงตัวตนแห่งอิสลามและแสดงความเป้นพี่น้อง

ผมอยากให้คุณพิจจารณานะครับว่า ความเป็นพี่น้องขณะนี้ของคุณมีไหม ถ้าไม่มีคุณก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์(หมายถึงเรียนไปก็เท่านั้น เขาเรียกแบบชาวบ้านะครับว่า เรียนเพื่อโต้แย้ง) คุณก็ควรตรวจสอบอย่างยิ่งในเรื่องนี้

ความเกลียดชังของคุณที่มีต่อวะฮาบีย์ คุณน่าจะศึกษาก่อนนะว่าวะฮาบีย์มีกี่แบบกี่พวกกี่กลุ่ม ผมยอมรับว่าผมเรียนมหาลัยที่มีบรรดา ดร.จบจากมะดีนะห์ซึ่งคนไทยเรามักเรียกที่นั่นว่า ญามิอะห์ของวะฮาบีย์ นั่นคือความการยัดเยียดของกลุ่มโตะครูบางกลุ่มที่พยายามผลักดันอะไรบางอย่างที่ไม่สำเร็จ จึงใช้วิธีโหมกระพือข่าวเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเสียหาย(เหมือกลุ่มที่เรียกว่าซุนนะห์บางกลุ่มในกทม.และมักต่อต้านพี่น้องตับลีฆและพี่น้องที่ศึกษาสายมัซฮับชาฟีอีย์) หลังจากนั้นเขายังสร้างเครือข่ายเพื่อให้การยัดเยียดเยี่ยงนี้อยู่นานๆเช่นเครือข่ายอย่างที่ คุณ กำลังตกเป็นเครื่องมือ

คุณควรศึกษาก่อนนะครับว่า วะฮาบีย์ มีกี่กลุ่ม กี่แบบ กี่พวก ดังนั้นอย่ามาเหมารวมไม่งั้นคุณไปละหมาดที่มัสยิดหะรอมไม่ได้เลยถ้าคุณมีฐิถิในวะฮาบีย์แบบที่คุณมี คุณควรเป็นักศึกษานะครับอย่าเป็นนักตัดสิน ด้วยความเคารพครับพี่น้อง  :)


ส่วนฮะดิษที่คุณปู่เอามานั้น ฮะดิษเดียวเท่านั้นใช่ไหมที่เพียงพออนุญาตให้ทำบุญจนเป็นบ่อเกิดสร้างปัญหาติดหนี้ได้ ผมพยายามชี้และต่อต้านว่าเรื่องนี้ถ้ามันไม่มีแบบอย่างจริงๆตรงๆก็อย่าไปสนับสนุน เพราะแม้ท่านอิหม่ามชาฟีอีย์ยังออกมาฟัตวาชัดเจนว่าไม่ใช่แนวทางของท่าน และที่เห็นคือมันเกหิดปัญหาตามมาเยอะมากกว่าสิ่งที่คิดว่ามันน่าจะดี ;D

คุณฮักอีมยังอคติเหมือนเดิมนะครับ โอเค ถ้าอยากเข้าใจว่าผมเป็นวะฮาบีย์ก็แล้วแต่คุณ ผมไม่อยากตักเตือนคุณแล้วถ้าคุณละเลยเรื่องการให้เกียรติผมก็สุดแล้วแต่คุณ ยังไงก็ต่อต้านแบบนี้ตลอดนะครับ คุณจะได้เป็นคนแบบนี้ตลอดไป จะได้ไม่เกิดการพัฒนาขึ้น จะได้ไม่เจอกับความเป็นพี่น้อง (หากคุณต้องการ) แต่ยังไงก็ขอให้ทุกอย่างเกิดกับตัวคุณ ถ้าคุณคิดว่าผมป็นวะฮาบีย์สุดโต่งก็ขอให้กลับเข้าตัวคุณครับ อามีน  :D

munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 05:53 PM »
0
อนึ่งถ้ากิยาศจากฮะดิษข้างต้นของคุณปู่อัลฯยกมานั้น ก็คงต้องให้ทุกอย่าง(การเลี้ยงหรือทำบุญ) มีเฉพาะสตรีนะครับ อย่าขยายให้นอกเหนือสตรีนะครับ นั่นแหละถือว่าเป็นแบบอย่าง  :D
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มี.ค. 29, 2007, 10:26 PM »
0
ผมว่าน้องอีซา ต้องศึกษาเพิ่ม

เรื่องหลักฐาน การทำกุศลให้คนตาย

ผมจะมานำเสนอเมื่อผมว่าง และมีโอกาส ( และหมายถึง จะนำเสนอ เรื่องตัลกีน ที่ค้างไว้ด้วย)

อินชาอัลลอฮฺ
วัสลาม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มี.ค. 30, 2007, 08:48 PM »
0
อนึ่งถ้ากิยาศจากฮะดิษข้างต้นของคุณปู่อัลฯยกมานั้น ก็คงต้องให้ทุกอย่าง(การเลี้ยงหรือทำบุญ) มีเฉพาะสตรีนะครับ อย่าขยายให้นอกเหนือสตรีนะครับ นั่นแหละถือว่าเป็นแบบอย่าง  :D

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร  กล่าวว่า

في رواية الليث عن عقيل ‏"‏ إن عائشة كانت إذا مات الميت من أهلها ثم اجتمع لذلك النساء ثم تفرقن أمرت ببرمة تلبينة فطبخت ثم قالت‏:‏ كلوا منها‏

"ในสายรายงานของท่านอัลลัยษ์  จาก อุกัยน์  เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต  บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว  หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป  นอกจากครอบครัวและบรรดาเพื่อนของนาง  ดังนั้น  ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี ซึ่งบางครั้งจะใส่น้ำผึ้งผสมลงไปด้วย จะมีสีขาวนุ่มน่ารับประทาน) จากนั้นทำการปรุง  จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกท่านจงรับประทานมันเถิด"

สายรายงานนี้  ชี้ให้เห็นว่า  ท่านหญิงอาอิชะฮ์ให้บรรดาบุรุษร่วมรับประทานด้วย   แล้วน้องอีซา ได้รับอะไรจากหะดิษนี้ล่ะ  ตอบก่อนซิ  อย่าเพิ่งไปเข้าใจเอาเอง  ศึกษาจากหะดิษแล้วเข้าใจ  ไม่ใช่เอาทัศนะของตนเองมาเข้าก่อน แล้วนำหะดิษไว้หลัง  ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ahmedisa

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 102
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: เม.ย. 05, 2007, 04:30 PM »
0
 ;D ;D ว่าไป เรือย เปื่อย
munsheed filislam
www.myspace.com/ababeelrec โหลดฟรี

http://ahmedisa.multiply.com ท่วงทำนองของนักต่อสู้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: เม.ย. 06, 2007, 12:09 PM »
0
;D ;D ว่าไป เรือย เปื่อย

สงสัยหลักฐานที่ทำท่าจะไม่ตรงกับทัศนะของคุณ  ก็จะปิดหัวใจศึกษามันเลยล่ะซิเนี่ย  :-\

ออฟไลน์ sidsid

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ทำบุญให้แก่คนตาย
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.ย. 28, 2015, 09:48 PM »
0
มีฮาดีส รายงานจากบุตคอรี ว้า นบีบอกว่า ยาฟาดได้เสียชีวิตลง ให้พวกเราไปบ้านของยาฟาดและนำอาหารไปด้วยเพราะยาฟาดลำบาก      นบีใช้ให้นำอาหารไป แต่เรานำเงินไปแทนอาหาร ซึ่งมันก็ทำได้ เหมือนเวลาเราเสียสารซากาดวันรายอ เราเอาเงินไปแทนข้าวสาร ข้อสำคัญอย่าให้บ้านคนตายเดือดร้อนพอ   สรุปให้ไปบ้านคนตายและนำอาหารไปกินกันได้ ตามฮาดีสนี้  แต่พวกวะฮาบีไม่ทำตาม ไม่นำอาหารไป

 

GoogleTagged